วันที่ 18 กรกฎาคม 2025

กมธ. ศึกษาบริหารจัดการน้ำ ตั้ง “ธรรมนัส” เป็นประธานฯ

People Unity News : กมธ. ศึกษาบริหารจัดการน้ำ ตั้ง “ธรรมนัส” เป็นประธานฯ ดันโครงการผันน้ำภาคเหนือมาใช้ คาดลงทุน 6 ปีคุ้มทุน

วันที่ 28 พฤศจิกายน 2562 ที่รัฐสภา เกียกกาย คณธกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ พิจารณาศึกษาแนวทางการบริหารจัดการลุ่มน้ำ ได้แถลงผลการประชุมกมธ.ครั้งแรก โดยนายธนัสถ์ ทวีเกื้อกูลกิจ ส.ส.ตาก พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะโฆษกกมธ. กล่าวว่า วันนี้มีการประชุมกมธ. ที่มีสมาชิก กมธ. 49 คน ซึ่งที่ประชุมได้เลือก ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธาน กมธ. และนายวีระกร คำประกอบ ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ เป็นรองประธานฯ วันนี้เส้นเลือดใหญ่ของไทยกำลังแห้งขอด เพราะไม่สามารถบริหารจัดการ และกักเก็บน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ หน้าฝนก็น้ำท่วม หน้าแล้งก็แล้ง เราจึงต้องมีโครงการผันน้ำจากลุ่มแม่น้ำ แม่น้ำเมย และแม่น้ำสาละวิน มาใช้ และจะแก้ปัญหาน้ำเค็มของกทม. จากการประเมินจะใช้งบดำเนินการไม่มาก คิดว่าประมาณ 6 ปีก็จะคุ้มการลงทุน ถ้ารัฐบาลรีบดำเนินการแก้ปัญหา และสร้างรายได้ให้คนไทยมหาศาล

ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ถือเป็นเรื่องดีที่ส.ส. และส.ว. ได้ตั้งกมธ.ชุดนี้มา ซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญโดยส่งตัวแทนมา 12 คน ปัญหาใหญ่ของไทยตอนนี้คือ การบริหารจัดการน้ำ ดังนั้นกมธ. ชุดนี้จึงมีความสำคัญ เพราะจะทำหน้าที่เข้าไปตรวจสอบการบริหารจัดการน้ำในทุกๆ องค์กร

“วิรัช”ปัดเล่นเกมยื้อโหวตทำสภาล่ม ย้อนใครบอกจะเร่งแก้รธน.

People Unity News : “วิรัช”ปัดเล่นเกมยื้อโหวตญัตติขอตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาผลกระทบจากการใช้ ม.44ทำสภาล่ม ย้อนใครบอกจะเร่งแก้รธน.

เมื่อวันที่ 28 พ.ย. ที่รัฐสภาเกียกกาย นายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล(วิปรัฐบาล) แถลงภายหลังการลงมติตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาผลกระทบจากการใช้ ม.44 ซึ่งล่มอีกเป็นครั้งที่ 2 ว่า ในซีกรัฐบาลมองว่าคำสั่ง คสช.มีมากกว่า 500 ฉบับ ได้รับการแก้ไขไปแล้ว 400 กว่าฉบับ เหลืออยู่ที่กระทรวงและกรมพิจารณา เตรียมเสนอเป็นพระราชบัญญัติ อีกส่วนอยู่ในระหว่างสิ้นสุดไปตามอายุคำสั่ง ซึ่งเราเห็นว่าอะไรเป็นปัญหา เรามีคณะกรรมาธิการสามัญซึ่งเกี่ยวกับกฎหมายอยู่แล้ว ก็ให้เสนอเข้าไปในกรรมาธิการฯ ดังกล่าว ซึ่งวิปรัฐบาลมีมติยืนยันว่าเราจะไม่ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ แต่เหตุที่รัฐบาลประสบเมื่อวันที่ 27 พ.ย.ที่ผ่านมา เสียงรัฐบาลหายไป 15 เสียง

“เรามาทราบหลังจากการโหวตเสร็จแล้วว่าบัตรที่เสียบกันนั้นไม่ปรากฎชื่อว่าได้ลงคะแนน หรือยืนยันว่าตัวเองอยู่ในห้องประชุม ซึ่งในส่วนนี้อีกประมาณ 5-6 เสียง โดยวันนี้เราได้เตรียมการแก้ไข แต่วันนี้เสียงก็ใกล้เคียงกันอีก เพราะมีการประชุมคณะกรรมาธิการฯ หลายคณะ และสมาชิกลงมาโหวตไม่ทัน และมีบางส่วนที่ป่วย ทั้งนี้ยืนยันว่าฝ่ายรัฐบาลไม่ได้เล่นเกม เราต้องการโหวตให้การตั้งกรรมาธิการฯ ศึกษาผลกระทบจากการใช้ ม.44 ผ่าน เพื่อที่จะได้เริ่มพิจารณาญัตติการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาหลักเกณฑ์และวิธีการแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อ ในช่วงเช้าเราได้ประสานกับวิปฝ่ายค้าน แต่คำตอบคือให้ฝ่ายรัฐบาลหาองค์ประชุมเอง” นายวิรัช กล่าวและว่า

อย่างไรก็ตามยืนยันว่าในการประชุมวันที่ 4 ธ.ค.เราจะกลับมาโหวตอีก เราก็จะดูแลให้เต็มที่ดีกว่านี้ สำหรับญัตตินี้ที่ตนขอให้นับคะแนนใหม่ก็เป็นไปตามมาตรา 85 ยืนยันว่ารัฐบาลพยายามจะทำองค์ประชุมให้ครบและพยายามที่จะนำเสนอญัตติการตั้งคณะกรรมาธิการฯ แก้ไขรัฐธรรมนูญต่อสภาให้เร็วสุด

เมื่อถามว่ายืนยันว่าไม่ได้มีการยื้อญัตติการการตั้งคณะกรรมาธิการฯ ศึกษาผลกระทบการใช้ ม. 44 เพื่อให้การตั้งคณะกรรมาธิการฯ แก้รัฐธรรมนูญช้าออกไปใช่หรือไม่ นายวิรัช กล่าวว่า ตนก็ยังสงสัยไหนว่าจะเร่งรัดแก้ไขรัฐธรรมนูญ แล้วทำไมไม่รีบลงคะแนนในส่วนนี้ แพ้ชนะก็ว่ากันอีกส่วนหนึ่ง ซึ่งผลโหวตจะออกมาเป็นอย่างไร เราต้องเคารพ เพราะมันมีได้แค่ครั้งที่ 2 เท่านั้น ต่อข้อถามว่าจะทำให้เกิดการแก้เกมกันในอนาคตของฝ่ายค้านหรือไม่ เมื่อแพ้โหวตแล้วขอนับใหม่ นายวิรัช กล่าวว่า ก็สุดแล้วแต่ อะไรที่ทำตามข้อกบังคับหรือกฎหมายแล้วไม่ผิดก็ทำไป

เมื่อถามต่อว่าจะทำให้งานสภาล่าช้าออกไปอีก นายวิรัช กล่าวว่า หากมีการพิจารณากฎหมายสำคัญก็ถือว่าเป็นภาระหน้าที่ แต่ถ้าเป็นญัตติด่วนก็มีทางออกหรือทางแก้ในด้านอื่นๆ เช่น คำสั่งด คสช.ที่คิดว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม ก็สามารถเสนอเข้าสู่คณะกรรมาธิการสามัญที่มีอยู่ 35 คณะที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายได้

ต่อข้อถามว่านายวิรัชจะสามารถทำหน้าที่ประธานวิปรัฐบาลต่อไปได้หรือไม่หลังการประชุมสภาล่มมา 2 ครั้ง นายวิรัช กล่าวว่า เหตุการณ์เมื่อวันที่ 27 พ.ย. ที่ผ่านมาไม่ได้ถือว่าล่ม  เป็นเพียงอุบัติเหตุทางการเมือง เมื่อถามต่อว่าจะไม่เป็นเกมได้อย่างไรในเมื่อการนับองค์ประชุมเมื่อวันที่ 27 พ.ย. ส.ส.พลังประชารัฐที่นั่งอยู่ในห้องประชุมก็ไม่ได้ออกเสียง นายวิรัช กล่าวว่า เมื่อ ส.ส.ฝ่ายค้านวอร์คเอาท์ออกไปแล้ว เราก็ไม่สามารถไปดึงไว้ได้ ในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาลเองก็อยู่เฉยๆ รอดูถ้าเขามาโหวตก็โหวตพร้อมกัน บางคนไม่โหวตก็ถือเป็นเรื่องธรรมดาไม่เป็นไร อย่างไรก็ตามจะพยายามให้ฝ่ายรัฐบาลเข้าให้ครบในครั้งหน้า

เมื่อถามถึงกรณีที่มี ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์บางส่วนโหวตสวนนั้น นายวิรัช กล่าวว่า ได้มีการแจ้งต่อนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์แล้ว ส่วนเป็นการตอบโต้กรณีที่ไม่เสนอชื่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นประธานคณะกรรมาธิการฯ แก้รัฐธรรมนูญหรือไม่นั้น ก็เป็นเรื่องที่ภายในพรรคเขาจะจัดการกันเอง ถือเป็นสิทธิของสมาชิก

เมื่อถามว่าในครั้งหน้าหากการประชุมสภาล่มและควบคุมเสียงไม่สำเร็จจะทบทวนการทำหน้าที่ประธานวิปรัฐบาลของตัวเองหรือไม่  นายวิรัช กล่าวว่า ไม่เป็นไร พร้อม

“รบ.”แพ้โหวต! “บิ๊กป้อม”ยันไม่มีปัญหาเป็นสปิริตตัวบุคคล

People Unity News : “รบ.”แพ้โหวต! “บิ๊กป้อม”ยันไม่มีปัญหาเป็นสปิริตตัวบุคคล ขณะที่ 3 ส.ส.ปชป. เมินมติวิปรัฐบาล ยันโหวตตั้งกมธ.วิสามัญศึกษาม.44 เหมือนเดิม

วันที่ 28 พฤศจิกายน 2562 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกรณีรัฐบาลแพ้โหวตในการตั้งกรรมาธิการวิสามัญ (กมธ.) เพื่อศึกษาผลกระทบจากการกระทำประกาศ และคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และการใช้อำนาจของหัวหน้าคสช.ตามมาตรา 44 ว่า เป็นเรื่องของสปิริตของส.ส. ถือเป็นเรื่องของสภา ส่วนต้องกำชับลูกพรรคให้เข้าร่วมประชุมสภาทุกครั้งหรือไม่นั้น วานนี้(วันที่ 27 พ.ย.)มีรัฐมนตรีหลายคนติดภารกิจจึงไม่ได้เข้าร่วมประชุม ส่วนการโหวตก็เป็นเรื่องสปิริต

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีพรรคร่วมโหวตสวนทางกับรัฐบาลจนทำให้แพ้โหวต พล.อ.ประวิตร กล่าวย้ำว่า เป็นเรื่องของสปิริตไง จะให้ทำอย่างไร ซึ่งมีการพูดคุยกันก่อนโหวตแล้ว

เมื่อถามว่า จะแก้ปัญหานี้อย่างไร พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่ต้องแก้ เพราะเป็นเรื่องสปิริตของส.ส. และยืนยันไม่มีปัญหาระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล แต่เป็นเรื่องของบุคคล อีกทั้งไม่มีความกังวลถึงการโหวตในครั้งต่อไป ซึ่งเป็นเรื่องของบุคคล เพราะในส่วนของพรรคการเมือง พูดคุยกันเรียบร้อยดี

เมื่อถามย้ำว่าก่อนการโหวตมีการพูดคุยเข้าใจกันแล้วใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เข้าใจ และสื่อก็อย่าถามอะไรมาก ส่วนการที่สภาขอตั้งกรรมาธิการ เพื่อศึกษาผลกระทบจากการกระทำประกาศ ม.44 สะท้อนถึงอะไร พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่เกี่ยว เป็นเรื่องของสภา พล.อ.ประวิตร ยังกล่าวถึงกรณีที่นายเทพไท เสนพงษ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ เรียกร้องให้แสดงความจริงใจในการแก้รัฐธรรมนูญ เพื่อให้ส.ว.ปฏิบัติตาม ว่า ตนสนับสนุนอยู่แล้ว ไม่เช่นนั้นจะตั้งคณะกรรมาธิการขึ้นมาทำไม ซึ่งสนับสนุนให้มีการพูดจากัน

เชื่อยืดเวลาแบนสารพิษไม่เป็นชนวนขัดแย้งรัฐบาล

พล.อ.ประวิตร ยังกล่าวถึงมติประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตราย ขยายระยะเวลายุติการใช้พาราควอตและคลอร์ไพริฟอส และจำกัดการใช้ไกลโฟเซต จะทำให้เกิดปัญหาความขัดแย้งระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่นั้น ว่า ไม่ขัดแย้งเพราะเป็นเรื่องของคณะกรรมการฯ เชื่อว่าคุยกันได้

พล.อ.ประวิตร ยังกล่าวถึงเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นเหมือนเป็นการตอบโต้การทำงานของเจ้าหน้าที่ หรือไม่นั้น ระบุว่า เจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจ ไปดำเนินการแล้วไม่ต้องเป็นห่วง ส่วนพวกก่อเหตุก็จะหาช่องทางดำเนินการอยู่เรื่อย แต่เราก็ต้องป้องกันซึ่งแม่ทัพภาคที่4 ก็ดำเนินการอยู่แล้ว

สามส.ส.ปชป. เมิน มติวิปรัฐบาล ยันโหวตตั้งกมธ.วิสามัญศึกษาม.44 เหมือนเดิม

นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย สส.ตรัง หนึ่งในหกส.ส.ประชาธิปัตย์ ที่โหวตให้ตั้งกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาผลกระทบจากการกระทำ ประกาศและคำสั่งของคสช.และการใช้อำนาจของหัวหน้าคสช.ตามมาตรา 44 ยืนยันว่า แม้จะให้มีการลงคะแนนใหม่ตนก็จะลงคะแนนเหมือนเดิม เนื่องจากเป็นผู้เสนอญัตติคล้ายคลังกับของฝ่ายค้าน เพียงแต่ของตนรวมถึงคำสั่งคณะปฏิวัติอื่นด้วย ซึ่งตนได้แจ้งกับผู้ที่รับผิดชอบมานานแล้วว่าจะลงมติให้ตั้งกรรมาธิการฯ และอยากให้สังคมเข้าใจด้วยว่าเรื่องนี้ไม่เรื่องของรัฐบาลหรือฝ่ายค้านแต่เป็นเรื่องของสภาผู้แทนราษฎรที่มีหน้าที่ศึกษาความไม่สอดคล้องของกฎหมายเพื่อนำไปสู่การแก้ไขปรับปรุง

“ถ้าไปคิดว่าเป็นเรื่องของรัฐบาลกลัวเสียหน้าจะทำให้เรื่องยุ่งยากมากขึ้น ที่ผ่านมาวิปรัฐบาลก็ไม่ชี้แจงเหตุผลที่ชัดเจนว่าทำไมไม่อยากให้ตั้งกรรมาธิการฯและถ้าไม่ตั้งจะมีวิธีการศึกษาทบทวนเรื่องเหล่านี้อย่างไร ผมจึงคิดว่าการตั้งกรรมาธิการวิสามัญของสภาเป็นวิธีการที่ดีที่สุด ไม่ใช่เรื่องว่าเราปันใจไปให้ฝ่ายค้าน ในทางตรงกันข้ามฝ่ายค้านก็โหวตสนับสนุนญัตติของผมเหมือนกัน ผมยืนยันจะโหวตให้ตั้งกรรมาธิการฯเพราะผมก็ต้องรับผิดชอบต่อญัตติที่ตัวเองเสนอต่อสภาด้วย” นายสาทิตย์กล่าว

ด้านนายพนิต วิกิตเศรษฐ์ สส.บัญชีรายชื่อ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งคนที่โหวตให้ตั้งกรรมาธิการฯชุดนี้ กล่าวเช่นเดียวกันว่า จะไม่มีการโหวตแตกต่างไปจากเดิม เพราะถ้าทำเช่นนั้นก็คงให้คำตอบกับตัวเองไม่ได้ เนื่องจากต้องรับผิดชอบต่อการลงคะแนนของตัวเอง ซึ่งคิดรอบคอบแล้วเห็นว่าการตั้งกรรมาธิการฯจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน เนื่องจากจะได้มีการทบทวนคำสั่งปฏิวัติทั้งหมดไม่ใช่เฉพาะคำสั่งของคสช.เท่านั้น เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับการเมืองใด ๆ ทั้งสิ้น

“ผมเชื่อว่าทำในสิ่งที่ถูกต้องและเป็นคุณต่อสภา เราโหวตไปแล้วก็ต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่เราทำ ผมไม่สามารถขานชื่อลงคะแนนแตกต่างไปจากเดิมได้ หวังว่าพรรคจะเข้าใจเพราะญัตตินี้สส.ของพรรคก็เสนอด้วย เราต้องแยกเรื่องการเมืองออกจากงานสภา เพราะเป็นเรื่องที่ประชาชนจะได้ประโยชน์สูงสุด” นายพนิต กล่าว

ส่วนนายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ ส.ส.ตาก ก็ยืนยันเช่นเดียวกันว่าจะโหวตเหมือนเดิม โดยระบุว่าได้แจ้งกับผู้ที่เกี่ยวข้องไปสองสัปดาห์แล้วว่าจะลงคะแนนแบบนี้ เพราะต้องสนับสนุนญัตติของนายสาทิตย์ ไม่มีวาระซ่อนเร้นทางการเมืองใด ๆ แอบแฝงทั้งสิ้น และไม่เข้าใจว่าทำไมวิปรัฐบาลจึงอาการหนักขนาดนี้ เพราะการตั้งกรรมาธิการฯก็เพียงแค่ศึกษาให้ทุกภาคส่นได้เข้ามามีส่วนร่วมพิจารณาเพื่อรายงานต่อสภาและเสนอรัฐบาลเท่านั้น

“ผมว่ามันคงทะแม่ง ๆ ถ้าผมไม่โหวตสนับสนุนญัตติของนายสาทิตย์ ในการลงคะแนนครั้งใหม่ผมก็ยังยืนยันที่จะโหวตเหมือนเดิมโดยไม่เป็นห่วงว่าจะเกิดปัญหาในพรรค คิดว่าพรรคจะเข้าใจเหตุผล” นายชัยวุฒิ กล่าว

“อนุสรณ์”ท้าพลังประชารัฐเอาป้ายหาเสียงแบบเดิมมาใช้เลือกตั้งซ่อมเขต 7 ขอนแก่น

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี การเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ขอนแก่น เขตเลือกตั้งที่ 7 แทนตำแหน่งที่ว่าง ว่า การเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ชัดเจนว่าเป็นการวัดศรัทธาประชาชนระหว่างฝ่ายประชาธิปไตยกับฝ่ายสืบทอดอำนาจ รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นรัฐบาลรัฐประหารมา 5 ปี ไม่มีอะไรดีขึ้น มาเป็นรัฐบาลหลังเลือกตั้งต่อก็ไม่มีอะไรใหม่ พี่น้องประชาชนสัมผัสได้ว่า เศรษฐกิจของประเทศย่ำแย่อย่างไร สินค้าเกษตรราคาตกต่ำ หนี้ครัวเรือนสูง ความเหลื่อมล้ำมาก ค่าครองชีพแพง ค่าแรงถูก คนตกงานกว่า 5 แสนคน แม้การเลือกตั้งครั้งนี้จะไม่มีผลต่อการเปลี่ยนรัฐบาล แต่หนึ่งคะแนนของพี่น้องประชาชนในจังหวัดขอนแก่นจากการเลือกตั้งในครั้งนี้ สามารถกระตุกเตือนรัฐบาลได้ว่า ประชาชนรู้สึกอย่างไรกับรัฐบาล หลายนโยบายที่พรรคพลังประชารัฐ เคยหาเสียงไว้ในการเลือกตั้งทั่วไป เมื่อมาเป็นรัฐบาลกลับไม่ดำเนินการ แล้วสร้างเงื่อนไขเพื่อจะไม่ทำ กลายเป็นว่าพรรคร่วมรัฐบาลขนาดกลางยังพยายามจะผลักดันนโยบายมากกว่า จึงแปลกใจว่าพรรคพลังประชารัฐไปเอาความมั่นใจมาจากไหนว่าจะชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้

“ถ้าพรรคพลังประชารัฐมั่นใจ ช่วยเอาป้ายหาเสียงเมื่อครั้งเลือกตั้งทั่วไปที่เป็นสัญญาประชาคมว่าจะทำนโยบายใดบ้าง มาขึ้นป้ายหาเสียงใหม่อีกรอบ ซึ่งคงไม่กล้า เพราะขนาดจะเอาไปประกอบการอภิปรายในสภา ป้ายหาเสียงของพรรคพลังประชารัฐยังกลายเป็นสิ่งต้องห้าม” นายอนุสรณ์ กล่าว

สภาฯล่มอีกแล้ว! องค์ประชุมไม่ครบ โหวตญัตติศึกษาผลกระทบม.44ไม่ได้

People Unity News : สภาฯล่มอีกแล้ว! องค์ประชุมไม่ครบ โหวตญัตติศึกษาผลกระทบม.44ไม่ได้ “เทวัญ”รอถกปธ.วิปรบ.หลังสภาล่ม “เทพไท”ยัน 6 ส.ส.ปชป.หนุนตั้ง กมธ.ศึกษาผลกระทบ ม.44 ตามญัตติพรรค

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 28 พ.ย. มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจาณณาตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ศึกษาผลกระทบจากการใช้มาตรา 44 โดยมี นายชวน หลีกภัย ประธานสภา เป็นประธานในการประชุม โดยจะมีการลงคะแนนอีกครั้งตามการเสนอของวิปรัฐบาลเนื่องจากการประชุมลงคะแนนในวันที่ 27 พ.ย.ที่ผ่านมาฝ่ายรัฐบาลแพ้โหวตแต่องค์ประชุมไม่ครบจึงทำให้นายชวนสั่งให้มีการประชุมในครั้งนี้ แต่เมื่อถึงเวลาโหวต กลับมี ส.ส. อยู่ในที่ประชุมเพียง 240 คน ไม่ถึงครึ่งหนึ่งเป็นเหตุให้นายชวนต้องสั่งปิดประชุม ทำให้กลายเป็นสภาล่มครั้งที่ 2 ในรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

“บิ๊กตู่”ปัดตอบรัฐบาลแพ้โหวต

พล.อ.ประยุทธ์ เป็นประธานการประชุมสภากลาโหม เมื่อลงจากรถ นายกรัฐมนตรีมีสีหน้ายิ้มแย้ม แต่เมื่อถูกถามถึงเหตุการณ์ความวุ่นวายในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วานนี้ (27 พ.ย.) ที่รัฐบาลแพ้โหวตในญัตติตั้งคณะกรรมการวิสามัญเพื่อศึกษาผลกระทบจากการกระทำประกาศและคำสั่งของ คสช. และการใช้อำนาจของหัวหน้า คสช.ตามมาตรา 44 นายกรัฐมนตรีปฏิเสธที่จะตอบคำถามขณะที่ช่วงบ่ายวันนี้ นายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

“เทวัญ”รอถกปธ.วิปรบ.

นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่ปรึกษาคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล ระบุถึงกรณีสภาผู้แทนราษฏรล่ม เมื่อวานที่ผ่านมา หลังจากรัฐบาลแพ้โหวตในการตั้ง เพื่อศึกษาผลกระทบจากการกระทำประกาศและคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และการใช้อำนาจของหัวหน้า คสช. ตามมาตรา 44 โดยขอให้นับคะแนนใหม่ ว่า ซึ่งก็ได้อ่านข่าวจากหนังสือพิมพ์ และทราบว่ามีพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรคไม่ได้ร่วมโหวต ถือเป็นเอกสิทธิ์และไม่ได้ออกความเห็นใดๆ อย่างไรก็ตาม ในการประชุมสภาฯ วันนี้คงต้องไปดูบรรยากาศในสภาฯ กันอีกครั้ง และคงต้องมีการพูดคุยกับประธานวิปรัฐบาล เพื่อปรับท่าทีการทำงาน ว่าจะทำอย่างไรสำหรับการประชุมสภาฯ ในวันต่อๆไปด้วย

นายเทวัญ กล่าวยังถึงบุคคลที่มาทำหน้าที่คณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาปัญหาและแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า ในสัดส่วนของรัฐบาลและคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้รายชื่อบุคคลเรียบร้อย ซึ่งตอนนี้ก็ส่งไปที่ประธานวิปแล้ว ทั้งนี้ มี ส.ส.หลายคนที่ต้องการเข้ามาเป็นกรรมาธิการฯ ดังกล่าว แต่โควต้ากลับเต็ม จึงได้ดำเนินการตามที่เห็นสมควรตามสัดส่วนของพรรค ส่วนกรณีที่มีบางฝ่ายท้วงติงชื่อนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ซึ่งที่มีชื่อเป็นหนึ่งในแคนดิเดตประธาน กมธ. นั้น ตำแหน่งดังกล่าวจะต้องไปโหวตในกรรมาธิการฯ ขณะนี้ยังไม่ทราบได้ว่าใครจะมาเป็นหรือไม่เป็นประธานอย่างไร ส่วนรายชื่อเอกชนที่มีเข้ามาคือ คุณหญิงณัฐิกา วัธนเวคิน นั้น ก็ไม่มีการท้วงติงจากใครแต่อย่างใด เพราะท่านเคยทำงานภาคธุรกิจและภาคสตรีมาก่อน จึงมีความหลากหลายในตัวเองอยู่มาก อีกทั้ง เป็นคนที่อยู่ในแวดวงสังคม และทำงานเป็นที่ยอมรับของสังคมอีกด้วย

“เทพไท”ยัน 6 ส.ส.ปชป.หนุนตั้ง กมธ.ศึกษาผลกระทบ ม.44 ตามญัตติพรรค

นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ 6 คน ลงมติสนับสนุนตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญเพื่อศึกษาผลกระทบจากการกระทำประกาศและคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และการใช้อำนาจของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติตามมาตรา 44 ว่า ไม่ได้เป็นการโหวตสวนมติของพรรคประชาธิปัตย์ หรือเห็นด้วยกับญัตติของพรรคร่วมฝ่ายค้าน แต่เป็นการโหวตสนับสนุนญัตติของนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเนื้อหาแตกต่างจากญัตติของพรรคร่วมฝ่ายค้าน เนื่องจากนายสาทิตย์ ต้องการให้คณะกรรมาธิการฯ ศึกษาผลกระทบของคณะปฏิวัติทุกคณะ ไม่ใช่เพียงแค่คณะรักษาความสงบแห่งชาติเท่านั้น โดยวันนี้จะมีการโหวตอีกครั้ง ซึ่งตนเองก็ยังยืนยันในจุดยืนเดิม คือสนับสนุนให้ตั้งคณะกรรมาธิการฯ ทั้งนี้ ยืนยันว่า ไม่มีการคาดโทษใดๆ จากพรรคร่วมรัฐบาล เพราะได้หารือกันแล้ว

พล.อ.ประวิตร เรียกประชุม คกก. ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ

People Unity News : พล.อ.ประวิตร เรียกประชุม คกก. ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นชอบนำสายสื่อสารลงดิน สร้างภูมิทัศน์ กทม. พร้อมขับเคลื่อน 5G ปี 2020 รองรับเศรษฐกิจอนาคต

วันที่ 28 พฤศจิกายน 2562 พล.ต.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผู้ช่วยโฆษกรองนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า วันนี้เวลา 10.00น.พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ได้เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติครั้งที่3/ 2562 ณ ห้องประชุม 109 สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล

ที่ประชุมได้มีการหารือ และรับทราบผลความคืบหน้า การดำเนินงานที่ผ่านมาที่สำคัญได้แก่ การจัดทำและปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โครงการขยายโครงข่ายอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงครอบคลุมทั่วประเทศ หลักเกณฑ์การให้บริการโครงข่ายแบบเปิด(Open Access Network)ในการใช้งานโครงข่ายเน็ตประชารัฐ โครงการเพิ่มประสิทธิภาพโครงข่ายอินเตอร์เน็ตระหว่างประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนข้อมูลดิจิทัล ของภูมิภาคอาเซียน(ASEAN Digital Hub) การจัดตั้งเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัล(Digital Park Thailand) และโครงการติดตั้งระบบโครงข่ายโทรคมนาคมของการรถไฟแห่งประเทศไทย การจัดหาคลาวด์กลางภาครัฐ( Government Data Center and Cloud service)เป็นต้น และที่ประชุมได้มีการยืนยันเห็นชอบการดำเนินการสร้างท่อร้อยสายสื่อสารใต้ดินในพื้นที่ กทม.เพื่อปรับปรุงภูมิทัศน์ให้เกิดความสะอาด สวยงามและเรียบร้อยต่อไป

พล.อ.ประวิตร ได้กำชับให้คณะกรรมการฯ เร่งกำกับ ติดตาม และขับเคลื่อนการดำเนินงานที่ผ่านความเห็นชอบแล้ว ให้เกิดเป็นรูปธรรม ตามกรอบงบประมาณรายจ่ายประจำปีโดยคำนึงถึงเป้าหมายและตัวชี้วัดที่กำหนดไว้ เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ ให้กทม.เร่งดำเนินงานโครงการฯให้เป็นไปตามระเบียบให้ถูกต้องและ ขอให้ รมว.กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กำหนดทิศทาง และผลักดันการพัฒนาด้านดิจิทัล ของประเทศให้เป็นไปตามเป้าหมาย พร้อมทั้งมีการสร้างการรับรู้ความเข้าใจให้กับประชาชนได้มีส่วนร่วมเพื่อให้เห็นประโยชน์ร่วมกันต่อไป

“ธนิก”เพื่อไทยเบอร์ 1 จับหมายเลขเลือกซ่อมขอนแก่น ผู้หนุน”พปชร.”สวมกอด”หญิงหน่อย”

People Unity News : เลือกตั้งซ่อมเขต 7 ขอนแก่น”ธนิก มาสีพิทักษ์”พรรคเพื่อไทย จับได้หมายเลข 1 มั่นใจได้ชัยชนะ ทางด้าน “สมพงษ์” ชี้ถึงเวลาต้องตัดสินใจเอาปชต.หรือไม่ ส่วน “คุณหญิงสุดารัตน์”ขอชนะแบบถล่มทลาย พบผู้สนับสนุนพรรค พปชร.เข้ามาสวมกอดจำนวนมาก

วันที่ 28 พฤศจิกายน 2562 ที่ว่าการอำเภอหนองเรือ จังหวัดขอนแก่น นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย ผู้อำนวยการพรรคเพื่อไทย นายพงศกร อรรณนพพร ผู้อำนวยการการเลือกตั้งจ.ขอนแก่นพรรคเพื่อไทย นำนายธนิก มาสีพิทักษ์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย เขตเลือกตั้งที่ 7 จ.ขอนแก่น มา กรอกใบสมัคร

จากนั้นจึงเข้าสู่ขั้นตอนการจับสลาก เลือกหมายเลขผู้สมัครระหว่างนายธนิก มาสีพิทักษ์ พรรคเพื่อไทยและนายสมศักดิ์ คุณเงิน พรรคพลังประชารัฐ  ซึ่งผลการจับสลาก นายธนิก จากพรรคเพื่อไทยได้หมายเลข 1 ส่วนผู้สมัครจากพรรคพลังประชารัฐได้หมายเลข 2 ซึ่งกระบวนการก่อนและระหว่างการจับสลาก มีผู้สนับสนุนจากพรรคเพื่อไทย เดินทางมาให้กำลังใจเป็นจำนวนมาก หลังการจับสลากหมายเลขเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบและรับเอกสารการสมัครของ นายธนิก ต่อด้วยการชำระค่าสมัครและออกใบเสร็จรับเงิน

ภายหลังการรับสมัครเสร็จสิ้น นายธนิกเปิดเผยว่า ดีใจ ที่สามารถจับ สลากได้หมายเลข 1 ถือเป็นจุดเริ่มต้นของชัยชนะในเบื้องต้น สำหรับขั้นตอนการหาเสียงยืนยันจะใช้ทุกช่องทางในการสื่อสาร เพื่อให้เข้าถึงพี่น้องประชาชน โดยมั่นใจว่าจะสามารถหาเสียงได้ทันเนื่องจากมีการเตรียมการมาดีพอ และเชื่อว่าจะสามารถเข้าถึงได้ทุกครัวเรือน

พร้อมยอมรับว่ามีความกังวลเกี่ยวกับการใช้อำนาจรัฐ โดยเฉพาะการกดดันผู้สนับสนุนของพรรคเพื่อไทย และเริ่มพบว่ามีท่าทีในการข่มขู่ จึงต้องสื่อสารไปถึงประชาชน ขออย่าหวาดกลัว ซึ่งได้ผลในระดับหนึ่ง จึงมั่นใจว่าจะสามารถฝ่าด่านเหล่านี้ไปได้ ขณะเดียวกันขอฝากไปถึงผู้มีอำนาจ ให้เข้ามาตรวจสอบ หากพี่น้องประชาชนหรือผู้สนับสนุนของพรรคเพื่อไทยถูกข่มขู่

นายธนิกมั่นใจว่าจะได้รับชัยชนะ ในการเลือกตั้งครั้งนี้ เพราะที่ผ่านมาได้พบปะพี่น้องประชาชนมาโดยตลอด จึงสามารถเข้าถึงและสื่อสารได้ไม่ยาก

ด้านนายสมพงษ์ระบุว่าในส่วนของยุทธศาสตร์ พรรคเพื่อไทยในการหาเสียงนั้น ได้เตรียมการไว้เรียบร้อย โดยการหาเสียงจะแบ่งเป็น 2 ลักษณะ คือการปราศรัยใหญ่และการเข้าหาพี่น้องประชาชน ไปตามหมู่บ้านตำบลต่างๆ เพื่อชี้แจงหลักการทำงานของพรรค  โดยมองว่าเมื่อมีผู้สมัครเพียงสองคน การทำงานจะง่ายขึ้นและไม่ต้องสื่อสารมาก
เนื่องจากฝ่ายหนึ่งเป็นขั้วอำนาจนิยมและอีกฝ่ายเป็นขั้วประชาธิปไตย พี่น้องประชาชนจะเลือกอย่างไร ขณะเดียวกันรู้สึกเสียดายเพราะผู้สมัคร จากอีกพรรคหนึ่ง เคยเป็นบุคคลที่รู้จักคุ้นเคย แต่วันนี้เขาเข้าไปเข้าพรรคที่ไม่ค่อยจะถูกต้อง ซึ่งเป็นเรื่องที่พี่น้องประชาชนจะต้องตัดสินใจ ว่าตนเองพอใจในความเป็นอยู่หรือไม่ กินดีอยู่ดีหรือไม่ หากตอนนี้สบายร่ำรวยก็ตัดสินใจเลือกฝ่ายผู้มีอำนาจ

แต่หากคิดว่า ประเทศชาติจะเดินหน้าไม่ไหว ก็ต้องหันมาทางฝ่ายประชาธิปไตย ซึ่งมีพรรคเพื่อไทยเป็นตัวแทนลงสมัครรับเลือกตั้ง  โดยส.ส.1ที่นั่งที่จะได้ ถือว่ามีความสำคัญแต่สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าคือความกินดีอยู่ดีของพี่น้องประชาชน พร้อมตั้งคำถามว่าบ้านเมืองในขณะนี้เป็นอย่างไร มีความเป็นอยู่อย่างไร 5 ปีที่ผ่านมามีอะไรดีขึ้นหรือไม่ ซึ่งประชาชนจะต้องใช้ดุลยพินิจ โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง ที่หัวหน้าทีมเศรษฐกิจรัฐบาลยังยอมรับว่ามีปัญหาเกิดขึ้น

จากนั้นคุณหญิงสุดารัตน์ นายสมพงษ์ นำนายธนิกพร้อมผู้สมัคร มาสักการะศาลเจ้าพ่อแสนเมือง อำเภอหนองเรือ เพื่อความเป็นสิริมงคล และการทำงานต่อจากนี้ให้เป็นไปอย่างราบรื่น ซึ่งในจุดดังกล่าวมีผู้สนับสนุน และชาวบ้านที่ทราบข่าว ออกมาให้กำลังใจ และอวยพรให้ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง

ซึ่งในช่วงดังกล่าว มีผู้สนับสนุนพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งสวมเสื้อยืดสีขาวสกรีนข้อความพรรคพลังประชารัฐ เข้ามาสวมกอดคุณหญิงสุดารัตน์ ด้วยความยินดี พร้อมพูดคุยกับคุณหญิงสุดารัตน์ว่า ไม่คิดว่าจะมีโอกาสได้เจอ และได้ขอถ่ายรูปเป็นที่ระลึกด้วย

คุณหญิงสุดารัตน์ ได้กล่าวทักทายพร้อมขอบคุณพี่น้องประชาชนที่มาต้อนรับอย่างอบอุ่น ขณะเดียวกันมีความตั้งใจที่จะอุทิศการทำงานของพรรคเพื่อไทยเพื่อดูแลพี่น้องชาวหนองเรือ ให้อยู่ดีกินดีราคาพืชผลไม่ต้องตกต่ำเหมือนที่เป็นอยู่ และขอให้พี่น้องมีความสุข โดยมาขอ โอกาสให้นายธนิก เข้าไปทำหน้าที่แทนพี่น้องประชาชน ขอไม่เยอะขอชนะอย่างถล่มทลายเท่านั้น

พร้อมยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยจะไม่ปล่อยให้พี่น้องยากลำบาก โดยเฉพาะราคาพืชผลทางการเกษตร จะอยู่เคียงข้างพี่น้องเพราะทุกของพี่น้องคือทุกข์ของพรรคเพื่อไทย วันนี้จึงมาให้กำลังใจ

จากนั้น นายสมพงษ์ พาผู้สมัคร ของพรรคเพื่อไทย ขึ้นรถแห่ แนะนำตัว พร้อมบอกหมายเลขผู้สมัคร ภายในเขตเทศบาลอำเภอหนองเรือด้วย

เลื่อนแบนสารพิษ! “อนุทิน”ลั่นเรียกคุยภท. จ่อคืนกรมวิชาการเกษตรให้”เฉลิมชัย”

People Unity News : “อนุทิน” เรียกพรรคภูมิใจไทยคุย หลังมติคณะกรรมการวัตถุอันตราย ที่ขยายเวลาแบน 2 สารเคมีออกไป และกลับมติเลิกแบนไกลโฟเซต จ่อถอยคืนกรมวิชาการเกษตร ให้รมว.เกษตรไปพิจารณา ระบุ ภท.เปลี่ยนรมต.ไม่ได้

วันที่ 28 พฤศจิกายน 2562 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข กล่าวถึงมติคณะกรรมการวัตถุอันตราย ที่ขยายเวลา แบน 2 สารเคมีออกไป และอนุญาตให้ใช้ไกลโฟเซต ว่า ก็ต้องย้ำว่าให้รอให้นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว. อุตสาหกรรม ในฐานะประธานคณะกรรมการวัตถุอันตราย เป็นผู้แถลงอย่างเป็นทางการ แต่จากการได้รับรายงานจาก 2 คณะกรรมการที่เป็นตัวแทนกระทรวงสาธารณสุข คือ เลขาธิการอย. และอธิบดีกรมวิทยาศาสต์การแพทย์ ได้มารายงานให้ตนทราบว่ายังไม่มีการลงมติใดๆ อีกทั้งมติเดิมก็ยังมีการรับรอง แล้วจะอย่างไรต่อไปดังนั้นต้องไปถามนายสุริยะ ซึ่งตนจะรอฟัง

นายอนุทิน กล่าวว่า ยังยึดหลักของกระทรวงสาธารณสุขคือเรื่องการดูแลสุขภาพของประชาชน ต่อให้คณะกรรมการวัตถุอันตรายมีมติอย่างไรก็ตามแต่กระทรวงสาธารณสุขยืนยันว่าไม่เห็นด้วย แต่ถ้ามติที่ประชุมออกมาอย่างไรเราก็เคารพ

ผู้สื่อข่าวถามว่าตั้งแต่เมื่อวันที่ 27 พ.ย. ที่ผ่านมา ได้พบและพูดคุยกับนายสุริยะแล้วหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ได้เจอกันนิดนึงที่สภา ก็ไม่มีอะไร เรื่องนี้อย่าเอาไปผูกกับการเมืองเป็นอันขาด คนละเรื่องกันเพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องของสุขภาพ เรื่องของสารพิษและเป็นเรื่องของคณะกรรมการวัตถุอันตรายซึ่งนายสุริยะ แม้เป็นประธานกรรมการแต่ก็เป็นหนึ่งเสียงในคณะกรรมการชุดนั้น เป็นผู้นำการประชุมไม่เกี่ยวกับเรื่องการเมือง เพราะรัฐมนตรีไม่มีสิทธิ์ที่จะไปชี้นำหรือไปเปลี่ยนมติอะไรได้

เมื่อถามว่าแต่ขณะนี้เรื่องดังกล่าวถูกมองไปเป็นเรื่องการเมืองแล้ว หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า กำลังพูดอยู่ขณะนี้ว่าอย่าไปมองเป็นการเมือง เรื่องนี้เป็นเรื่องของการทำงาน ซึ่งเมื่อวันที่ 22 ตุลาคมที่ผ่านมากรรมการวัตถุอันตรายลงมติเป็นเอกฉันท์ ให้แบน 3สารนั้นในวันที่ 1 ธค.นี้ และกรมวิชาการเกษตรจะต้องทำเรื่องมาให้ที่ประชุมกรรมการลงนาม แต่ในการประชุมเมื่อวันที่ 27 พย.นั้นไม่มีการทำเรื่องมาให้ประธานกรรมการลงนามและการประชุมดำเนินต่อไปอย่างไรไม่ทราบ

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่กรมวิชาการเกษตรมีหนังสือตรงถึงที่ประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตรายโดย ที่น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไม่ทราบเรื่องถือว่าข้ามขั้นตอนหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ก็เขาก็ข้ามขั้นตอนอย่างนี้มาตลอดอยู่แล้ว แต่เป็นอันชัดเจนแล้วว่าเขาไม่ฟังคำสั่งรมช. มนัญญาดังนั้นผมก็ต้องไปพูดคุยกัน ในพรรคภูมิใจไทยเราก่อน

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะต้องคืนกรมวิชาการเกษตรไปให้รมว.ดูแล หรือไม่นายอนุทินกล่าวว่า ก็ในเมื่อควบคุมกันไม่ได้และปวดหัวกันอย่างนี้ ในเมื่อเราพยายามทำในเรื่องนี้แล้วเขาไม่ตอบสนอง ด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ก็ไม่เป็นไร คงต้องคุย กันในพรรคภูมิใจไทยก่อน ผมเป็นหัวหน้ามนัญญา ผมก็ต้องบอกว่าจะทู้ซี้คุมไปทำไม กลุ่มแล้วก็กลุ่มไม่ได้แล้วทะเลาะกันเราไม่อยากให้ข้าราชการ กับข้าราชการการเมืองมาทะเลาะกันมันดีเสียเมื่อไหร่ ก็ต้องเสนอไปถึงผู้บังคับบัญชาของรมช. มนัญญาก็คือนายเฉลิมชัย รมว.เกษตร ถ้าจะคืนก็ต้องทำหนังสือขอคืนด้วยเหตุผลอะไรบ้างก็ต้องเขียนลงไป เช่น ควบคุมไม่ได้ ไม่ปฏิบัติตามนโยบายอย่างไรก็แล้วแต่ก็ต้องขอคืนจากนั้นก็ต้องให้รมว. เฉลิมชัยพิจารณาว่าจะให้ดูต่อหรือจะเปลี่ยนกรม ในเมื่อรัฐมนตรีเปลี่ยนไม่ได้ถ้าจะเปลี่ยนก็ต้องเปลี่ยนกรม

เหตุเสียเวลาเชื่ออนาคตเกิดซ้ำอีก ฝ่ายค้านจ้องเอาคืนแน่

People Unity News : “ชวน”รับไม่อยากให้ลงคะแนนใหม่ หลังรบ.แพ้โหวต เหตุเสียเวลาเชื่ออนาคตเกิดซ้ำอีก ฝ่ายค้านจ้องเอาคืนแน่ ขณะที่ฝ่ายค้านไม่ร่วมสังฆกรรมนับคะแนนต่อ เลื่อนซักฟอกรัฐบาลปลายเดือน ม.ค.63 อ้างใกล้ปีใหม่

วันที่ 28 พฤศจิกายน 2562 ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการประชุมสภาฯที่มีองค์ประชุมไม่ครบจนต้องสั่งเลิกการประชุมเมื่อวันที่ 27 พ.ย.นี้ ระหว่างการเตรียมนับคะแนนใหม่ จะตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาและผลกระทบจากการใช้ประกาศคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่ชาติ (คสช.) ว่า การขอให้มีการนับคะแนนใหม่เป็นสิทธิตามข้อบังคับการประชุมสภาฯข้อที่ 85 เมื่อมีผลคะแนนห่างกันไม่เกิน 25 คะแนน แต่ตามข้อบังคับกำหนดให้การนับคะแนนใหม่ต้องใช้วิธีการขานชื่อลงคะแนน

“บรรยากาศอย่างนี้มีทุกสมัย แต่นี่เป็นครั้งแรก ตอนพักการประชุมก็พยายามเจรจากันว่าจะจบลงด้วยดีอย่างไร แต่ก็ตกลงกันไม่ได้ ฝ่ายรัฐบาลไม่ยอมถอน อีกฝ่ายเลยเดินออกจากห้องประชุม ทั้งหมดเป็นไปตามกระบวนการข้อบังคับ” นายชวน กล่าว เมื่อถามว่าต้องตำหนิใครเป็นพิเศษหรือไม่ นายชวน กล่าวว่า “ต้องไปถามคนที่ไม่ลงชื่อครับ”

เมื่อถามว่าต่อไปฝ่ายรัฐบาลอาจใช้วิธีการนี้แก้เกมครั้งต่อไปหากมีการแพ้โหวตอีกหรือไม่ นายชวน กล่าวว่า “ผมว่าไม่ใช่ฝ่ายรัฐบาลแล้ว ฝ่ายค้านเขาก็มีสิทธิแล้ว สมมติฝ่ายค้านเห็นว่าคะแนนห่างกันไม่เกิน 25 คะแนน เขาก็ขอนับคะแนนใหม่ อันนี้ คือสิ่งที่คาดการณ์กันว่าจะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคต”

เมื่อถามอีกว่าหากมีการใช้วิธีการกันแบบนี้บ่อยครั้งจะมีผลให้การทำงานของสภาเดินหน้าไปได้ช้าหรือไม่ นายชวน กล่าวว่า “ปกติเขาก็ใช้ ปกติก็ไม่ค่อยใช้ แต่นี่เป็นครั้งแรกของสภานี้นับตั้งแต่มีการเปิดสมัยประชุมมาที่มีการใช้การนับคะแนนใหม่”

“เมื่อวานนี้ผมถึงย้ำว่ายืนยันไหมว่าจะให้มีการนับคะแนนใหม่ เพราะผมไม่อยากให้นับคะแนนใหม่ ทำให้เสียเวลาเยอะเลย แต่ฝ่ายรัฐบาลยังยืนยัน เมื่อยืนยันก็ไม่มีทางทำอย่างอื่นได้นอกจากจะนับคะแนนใหม่ พอนับคะแนนใหม่ฝ่ายค้านก็เดินออก องค์ประชุมก็ไม่ครบ ต้องมานับกันใหม่วันนี้ เรียกชื่อกันวันนี้” นายชวน กล่าว

สำหรับเรื่องปัญหาเครื่องการลงคะแนน ประธานสภาฯ กล่าวว่า โดยทั่วไปปัญหาไม่ได้มีมาก เพราะให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบแล้วปรากฎว่าบัตรของส.ส.บางคนสกปรก โดยเมื่อเอามาทำความสะอาดก็ใช้ได้ปกติ ได้ให้เจ้าหน้าที่ไปดูทุกจุดและรายงานมาอย่างที่ได้กล่าวข้างต้น จะไปโทษเครื่องทั้งหมดไม่ได้

ฝ่ายค้านไม่ร่วมสังฆกรรมนับคะแนนต่อ

นายสุทิน คลังแสง ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน หรือ วิปฝ่ายค้าน ให้สัมภาษณ์ยืนยันว่า ในการประชุมสภาฯวันนี้ฝ่ายค้านจะไม่ร่วมนับคะแนนด้วย ก็เป็นหน้าที่ของรัฐบาลจะต้องแก้ไขปัญหากันเอง เชื่อว่าเรื่องนี้จะมีผลในระยะยาว ความจริงตามข้อบังคับการประชุม ฝ่ายค้าน มีโอกาสที่จะขอนับคะแนนใหม่แต่แนวทางเราไม่ทำ เกรงจะมีผลกระทบ การทำงานของสภา

เลื่อนซักฟอกรัฐบาลปลายเดือน ม.ค.63 อ้างใกล้ปีใหม่

นายสุทิน คลังแสง ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน หรือ วิปฝ่ายค้าน ให้สัมภาษณ์ถึงการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่า วันนี้นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร จะให้คำตอบว่าการนับเวลาจะใช้ 1 ปี หรือสมัยประชุม ซึ่งจะครบวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 63 ดังนั้นฝ่ายค้าน ก็จะหารือกันว่าเดือนธันวาคม ใกล้ช่วงปีใหม่ วันเลือกตั้งซ่อมจังหวัดขอนแก่น สมาชิกพรรคหลายคนก็เป็นกรรมาธิการงบประมาณฯ กว่าจะบรรจุก็เกือบปลายเดือนธันวาคม ถ้าเลื่อนไปในปลายเดือนมกราคม 63 อาจจะมีประโยชน์มากกว่าจะได้ไม่เสียของ เพราะฉะนั้นเป็นไปได้อาจจะเลื่อน

“ศักดิ์สยาม”ลั่นไม่จ่ายค่าโง่โอปเวลล์ หลังพบพิรุธ 9 ข้อ ชงต่อ DSI เอาผิดแพ่งและอาญา

People Unity News : รมว.คมนาคม แจง กมธ.กฏหมายฯ ลั่นไม่จ่ายค่าโง่โอปเวลล์ 2.4 หมื่นล. หลังพบพิรุธใหม่ 9 ข้อ จ่อชงDSI จัดการเอาผิดแพ่งและอาญา

วันที่ 27 พฤศจิกายน 2562 ที่รัฐสภา นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมด้วยส.ส.พรรคภูมิใจไทย (ภท.) แถลงภายหลังเข้าชี้แจงกรรมาธิการ (กมธ.) การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาฯ ถึงกรณีการจ่ายค่าชดเชยแก่บริษัทโฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด ว่า หลังจากตนเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม วันที่ 31 กรกฎาคม ได้ตั้งคณะกรรมการศึกษากรณีการจ่ายค่าชดเชยให้บริษัทโอปเวลล์ โดยได้รับข้อมูลจากผู้ที่หวังดีต่อประเทศชาติ เพราะเกรงว่าการจ่ายเงินให้โครงการดังกล่าวไม่น่าจะถูกต้อง และมีข้อพิรุจหลายประการที่หน่วยงานของรัฐไม่นำไปเป็นคู่ต่อสู้คดีที่ผ่านมา

คณะทำงานได้ศึกษารายละเอียดโครงการอย่างรอบคอบ พบข้อพิรุจทั้งหมด 9 ข้อ คือ 1.วันที่ 6 ตุลาคม 2532 รายละเอียดโครงการไม่ตรงตามมติ ครม. 2.วันที่ 16 ตุลาคม 2532 การดำเนินงานของคณะกรรมการฯ รวดเร็วผิดปกติ และให้สิทธิประโยชน์มากกว่าตามหลักการที่เป็นมติ ครม. 3.วันที่ 15 มกราคม 2533 มีการแทรกแซงรายละเอียดโครงการโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมในขณะนั้น และคณะกรรมการฯ มีการเอื้อประโยชน์ให้โฮปเวลล์-ฮ่องกง 4.วันที่ 31 พฤษภาคม 2533 โฮปเวลล์-ฮ่องกง เสนอเงื่อนไขไม่ตรงตามประกาศของคณะกรรมการฯ 5.วันที่ 6 กรกฎาคม 2533 มีความผิดปกติในการร่างสัญญาสัมปทานและการลงนามในสัญญาสัมปทาน 6.เดือนสิงหาคม-พฤศจิกายน 2533 มีการเอื้อประโยชน์ในการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทโฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด และหลีกเลี่ยงการใช้ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 28 (ปว.281) โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย 7.วันที่ 9 พฤศจิกายน 2533 การลงนามในสัญญาสัมปทานไม่เป็นไปตามมติ ครม. 8.วันที่ 4 ธันวาคม 2533 มีการรายงานเท็จต่อ ครม. และ 9.บริษัทโฮปเวลล์ (ประเทศไทย)จำกัด ไม่มีสิทธิได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน

นายศักดิ์สยาม กล่าวอีกว่า ยืนยันว่าทั้ง 9 ข้อ เป็นข้อมูลใหม่ที่จะฟ้องต่อศาลให้สัญญาเดิมเป็นโมฆะเพื่อที่จะได้ไม่ต้องเสียเงินแผ่นดิน หรือค่าโง่ จำนวน 2.4 หมื่นล้านบาท ซึ่งกระทรวงคมนาคมจะต่อสู้เรื่องนี้จนถึงที่สุด โดยตนได้นำเรื่องดังกล่าวรายงานต่อพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เพื่อให้รับทราบ โดยนายกฯกำชับให้ดำเนินการเรื่องนี้อย่างรอบคอบ และให้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ให้ศึกษาควบคู่ไปด้วย

ส่วนขั้นตอนในการดำเนินคดี การรถไฟแห่งประเทศไทยได้ส่งเอกสารทั้งหมดให้กรมพัฒนาธุกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ตั้งแต่วันที่ 22 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เพื่อให้เพิกถอนบริษัทโอปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด ให้เป็นโมฆะในการเป็นคู่สัญญาของโครงการฯ ซึ่งมีเวลาพิจารณาภายใน 30 วัน หากเพิกเฉยก็จะร้องศาลปกครองให้มีคำสั่งต่อไป ซึ่งในระหว่างนี้จะไม่มีการบังคับคดีให้ชดเชยค่าเสียหาย ขณะเดียวกันก็เตรียมยื่นเอกสารทั้งหมดให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ดำเนินการเอาผิดทั้งทางแพ่ง และอาญา รวมถึงยกเป็นคดีพิเศษ เพราะมีหน่วยงาน และบุคคลที่เกี่ยวข้องจำนวนมาก

ฝ่ายรัฐบาลแพ้สภาฯป่วนจนล่ม! โหวตตั้งกมธ.ศึกษาผลกระทบม.44

People Unity News : ฝ่ายรัฐบาลแพ้สภาฯป่วนจนล่ม! โหวตตั้งกมธ.ศึกษาผลกระทบม.44 “ชวน”ขอให้สมาชิกรักษามารยาทไม่ใช่โรงเหล้าเถื่อน

วันที่ 27 พฤศจิกายน 2562 นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยได้ดำเนินการขอมติตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญศึกษาผลกระทบจากการใช้อำนาจคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่งมีผู้เข้าประชุม 467 คน ลงคะแนนเห็นด้วย 234 เสียง ไม่เห็นด้วย 230 เสียง งดลงคะแนน 2 เสียง และไม่ลงคะแนน 1 เสียง

ทั้งนี้ ส่งผลให้เกิดการประท้วงจาก ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล และเสนอให้มีการนับคะแนนใหม่ด้วยการขานชื่อ ส่งผลให้ฝ่ายค้านลุกขึ้นประท้วง และกล่าวหาว่าประธานฯ ไม่เป็นกลาง ซึ่งนายชวน ยืนยันว่าตนมีความเป็นกลางในการทำหน้าที่ แต่การที่มีสมาชิกเสนอนับคะแนนใหม่เป็นสิทธิของสมาชิกตามข้อบังคับ โดยตนจะยึดถือข้อบังคับ ข้อ 85 ไม่มีทางเลี่ยงเป็นอย่างอื่น ไม่สามารถทำตามอำเภอใจได้

“ผมมาจากพรรคเสียงข้างน้อย ถ้าไม่เป็นกลางก็อยู่ไม่ได้ ผมจำเป็นต้องยึดถือข้อบังคับ ไม่มีทางเลี่ยงเป็นอย่างอื่น” นายชวน กล่าว พร้อมระบุว่า ขอรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น โดยได้ตั้งตัวแทนจากพรรคการเมืองเป็นกรรมการนับคะแนน เพื่อลงคะแนนใหม่ แต่ปรากฎว่าฝ่ายค้านไม่ส่งตัวแทนเป็นกรรมการนับคะแนน พร้อมมีเสียงโห่ร้องแสดงความไม่พอใจการทำหน้าที่ของนายชวน

“ขอให้สมาชิกรักษามารยาทด้วย ที่ประชุมสภาฯ ไม่ใช่โรงเหล้าเถื่อน” นายชวน กล่าว

ขณะที่นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่านค้าน ได้เสนอให้พักการประชุม นายชวน จึงได้สั่งพักการประชุม 15 นาที

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเริ่มประชุมนายชวนได้สั่งให้มีการนับคะแนนใหม่ สร้างความไม่พอใจให้กับฝ่ายค้านแล้วพากันเดินออกจากห้องประชุม จนทำให้องค์ประชุมไม่ครบ ทั้งนี้สมาชิก ส.ส.มีทั้งหมด 499 คน ซึ่งเมื่อนับองค์ประชุมต้องให้กึ่งหนึ่งคือ 250 คน ถึงจะดำเนินการประชุมต่อได้ แต่ปรากฎว่าเมื่อนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภานับองค์ประชุมปรากฎว่ามีเพียงแค่ 92 คน จึงสั่งปิดการประชุม และให้มาประชุมเพื่อลงมติใหม่อีกรอบ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับเสียงข้างมาก 236 เสียง เห็นด้วยกับการตั้งกมธ.ฯ เป็นเสียงของพรรคฝ่ายค้าน และมีส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์ อาทิ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ นายอันวาร์ สาและ ส.ส.ปัตตานี พรรคประชาธิปัตย์ และนายเทพไท เสนพงษ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ลงมติเห็นด้วย เนื่องจากเป็นผู้เสนอญัตติ

ขณะที่เสียงข้างน้อยที่ไม่ให้ตั้งมี 231 เสียง โดยเป็นเสียงของพรรคร่วมรัฐบาล และมีผู้งดออกเสียง จำนวน 2 เสียง คือ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ และนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาฯ คนที่สอง

“ช่อ”จวกรบ.ขอนับคะแนนใหม่

น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีฝ่ายรัฐบาลขอให้มีการนับคะแนนใหม่การโหวตตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.)วิสามัญเพื่อศึกษาผลกระทบจากการกระทำ ประกาศ และคำสั่งของ คสช. และการใช้อำนาจของหัวหน้า คสช.ตามมาตรา 44 ว่า เป็นที่แน่ชัดและมีการถ่ายทอดสดการประชุมไปยังประชาชนทั่วประเทศในการลงมติฝ่ายที่เห็นด้วยในการตั้ง กมธ.วิสามัญศึกษาผลกระทบจาก ม.44 ด้วยคะแนน 234 ต่อ 230 คะแนน แต่กลับมีการขอโดยทางประธานวิปรัฐบาลให้มีการนับคะแนนใหม่ ซึ่งตามข้อบังคับการประชุมสภาสามารถนับคะแนนใหม่ได้จริง ถ้าหากคะแนนห่างกันไม่เกิน 25 คะแนน แต่ว่าการนับคะแนนใหม่ กับการรวมคะแนนใหม่นั้นไม่เหมือนกัน

“ไม่ต้องทราบเรื่องระเบียบข้อบังคับการประชุมสภาใดๆ เลยก็ได้แต่ขอให้ประชาชนใช้สามัญสำนึกพิจารณาดูว่าถ้าหากการโหวตของสภา ฝ่ายที่แพ้โหวตมาขอให้นับคะแนนใหม่แบบนี้ เราจะมีสภาไว้ทำไม เสียงข้างมากเมื่อชนะแล้วจำเป็นต้องดำเนินต่อไป ที่สำคัญการตั้ง กมธ.ชุดนี้ไม่ได้เป็นเรื่องชี้เป็นชี้ตายอย่างการอภิปรายไม่วางไว้วางใจ การตั้ง กมธ.เราคิดว่าเป็นประโยชน์ต่อประชาชน จะอยู่ฝักฝ่ายการเมืองใดก็ย่อมสมควรที่จะเห็นด้วยและนำเสนอความเห็นของตัวเองในชั้น กมธ. ตนจึงไม่เห็นความจำเป็นใดๆ ที่ทางประธานวิปรัฐบาลต้องมาขอให้มีการนับคะแนนใหม่ และทำให้เกิดความวุ่นวาย” น.ส.ปารีณา กล่าว

น.ส.พรรณิการ์กล่าวว่า ทั้งนี้ทางเรายืนยันว่าหากมีการให้นับคะแนนใหม่จริงๆ จากนี้สภาจะมีสภาพเป็นอย่างไรถ้าฝ่ายหนึ่งแพ้หรือฝ่ายหนึ่งขอให้นับใหม่ไปเรื่อยๆ แบบนี้ สภาอันเป็นตัวแทนของประชาชนเป็นตัวแทนของระบอบประชาธิปไตยจริงหรือไม่ และหากผลโหวตออกมาไม่เหมือนเดิม ประชาชนก็คงต้องเป็นผู้ตัดสินว่าเมื่อฝ่ายที่เห็นด้วยกับฝ่ายที่ต้องการตั้ง กมธ.ชนะไปแล้ว กลับมีการประท้วงจากฝ่ายรัฐบาลขอให้ลงคะแนนใหม่อีกครั้ง และกลับกลายเป็นว่ารัฐบาลชุดนี้ไม่ได้ตั้งหมายความว่ารัฐบาลชุดนี้ไม่ต้องการให้เกิดการเยียวยาชดเชยกับผู้ได้รับผลกระทบจาก คสช.หรือไม่ ไม่ต้องการให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนผู้ถูกพรากสิทธิเสรีภาพจากประชาชนในยุค คสช.หรือไม่

Verified by ExactMetrics