วันที่ 3 พฤษภาคม 2025

กองทัพบกตั้งจุดบริการประชาชนช่วงเทศกาลปีใหม่ตั้งแต่ 25 ธันวาคมถึง 6 มกราคม 2564

People Unity News : กองทัพบกตั้งจุดบริการประชาชนช่วงเทศกาลปีใหม่ ถึงวันที่ 6 มกราคม 2564 เพื่อดูแลความปลอดภัย ภายใต้มาตรการป้องกันโควิด-19 เน้นอัพเดทข้อมูลแต่ละพื้นที่

28 ธ.ค. 2563 พันตรีหญิง พัชรินทร์ บุศยกุล ผู้ช่วยโฆษกกองทัพบก กล่าวถึงการเดินทางของประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ ว่า ขณะนี้หน่วยทหารของกองทัพบก จัดตั้งจุดบริการประชาชนหน้าค่ายทหารในแต่ละพื้นที่ จำนวน 226 จุด ตลอด 24 ชั่วโมง กระจายตามแต่ละกองทัพภาค โดยเฉพาะหน่วยทหารมีที่ตั้งหน่วยตามเส้นทางคมนาคมสายหลัก อาทิ ถนนพหลโยธิน ถนนสุขุมวิท ถนนมิตรภาพ และถนนเพชรเกษม จุดบริการดังกล่าวดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 25 ธันวาคม และจะดำเนินการต่อเนื่องจนถึงวันที่ 6 มกราคม 2564

สำหรับเทศกาลปีใหม่ในปีนี้ อยู่ในช่วงของการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่ ประชาชนจำเป็นต้องได้รับทราบข้อมูลและข้อปฏิบัติที่มีความเฉพาะในแต่ละจังหวัด โดยเจ้าหน้าที่ในจุดบริการจะนำข้อมูลมาให้ความรู้ และอัพเดทสถานการณ์พร้อมแนวทางป้องกันตนเองให้กับประชาชนที่มารับบริการ รวมทั้งมีการวัดอุณหภูมิ แจกจ่ายหน้ากากอนามัย และเจลแอลกอฮอล์ สำหรับพื้นที่ที่สามารถจัดกิจกรรมปีใหม่ กองทัพบกจะสนับสนุนกำลังพลตามการร้องขอในการช่วยดูแลรักษาความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกให้กับประชาชน

นอกจากนี้ กองทัพบกยังให้ความสำคัญเรื่องการป้องกันอัคคีภัย ได้เตรียมเจ้าหน้าที่เข้าไปดูแลช่วยเหลือหากเกิดเหตุอัคคีภัยขึ้น ทั้งนี้ ผู้บัญชาการทหารบก มีข้อห่วงใยในความปลอดภัย กำชับกำลังพลให้ตระหนัก เน้นมาตรการดื่มไม่ขับ เฉลิมฉลองที่บ้าน รวมทั้งปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 อย่างเคร่งครัด

Advertising

“ประยุทธ์” แถลง “การระบาดอีกครั้งของโควิด” ระบุหากไม่เข้มงวดแต่ตอนนี้เศรษฐกิจจะพัง

People Unity News : ประยุทธ์ แถลงการณ์ “การระบาดอีกครั้งของโควิด – เราต้องเข้มแข็ง” ผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย

22 ธันวาคม 2563 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวแถลงการณ์ “การระบาดอีกครั้งของโควิด – เราต้องเข้มแข็ง” ผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย สรุปสาระสำคัญ ดังนี้

นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการระบาดใหม่ของโควิด-19 ที่เพิ่งเกิดขึ้นที่จังหวัดสมุทรสาคร ได้ถูกจัดการอย่างเร่งด่วนทันทีด้วยการใช้มาตรการที่เข้มข้น พร้อมขอบคุณเจ้าหน้าที่และประชาชนที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี การระบาดที่เกิดใหม่นี้ย้ำว่า โควิด-19 ยังเป็นภัยร้ายแรงสำหรับประเทศ ในช่วงเวลาเดียวกันนี้ สถานการณ์โควิดทั่วโลกก็รุนแรงและกะทันหันด้วย ไม่กี่วันก่อนอังกฤษยืนยันพบโควิดสายพันธุ์ใหม่ที่สามารถติดต่อกันได้ง่ายกว่าและเร็วกว่า มีรายงานจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นกว่า 1 แสนคนภายในแค่สัปดาห์เดียวและพบโควิดสายพันธุ์ใหม่ในประเทศอื่นๆด้วย ซึ่งสถานการณ์ โควิด-19 ทั่วโลกในเดือนธันวาคมเลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดมา หลายประเทศรายงานจำนวนผู้เสียชีวิตจากโควิดเป็นร้อยๆคนภายในสัปดาห์เดียว  และมีบางประเทศที่เสียชีวิตเป็นพันๆคนภายในหนึ่งสัปดาห์

นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงสถานการณ์โควิดทั่วโลกที่ส่งผลกระทบไม่ดีถึงประเทศไทยว่า  ผลกระทบแรก คือเศรษฐกิจทั่วโลกจะฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ ส่งผลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ที่จะช้ากว่าที่คาดการณ์ตามไปด้วย  ผลกระทบที่สอง คือ ยังคงต้องระมัดระวังมาตรการการผ่อนคลายให้คนต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยต่อไปอีก ความเสี่ยงสุดคือคนต่างชาติที่เข้าประเทศไทยอาจจะนำเชื้อโควิดเข้ามาในประเทศซึ่งจะสร้างปัญหาให้กับระบบสาธารณสุขของไทย และสร้างความเสียหายให้กับเศรษฐกิจมากกว่าที่มีอยู่หลายเท่า จึงต้องเข้มงวดและระมัดระวังเต็มที่ทั้งที่สนามบินและช่องทางเข้าประเทศต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทางรถไฟ รถบัส เรือ รวมถึงช่องทางธรรมชาติ หากมีผู้ติดเชื้อโควิดเล็ดลอดเข้าประเทศมาเพียงไม่กี่คนจะสร้างปัญหาอย่างหนักให้กับเศรษฐกิจ และสุขภาพของคนนับแสนๆ  ผลกระทบที่สาม คือ เมื่อสถานการณ์ทั่วโลกยิ่งแย่ลง ทำให้ยิ่งต้องตั้งการ์ดให้สูงขึ้น เพิ่มและปรับมาตรการต่างๆให้มีความรัดกุมยิ่งขึ้น

นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นที่สมุทรสาครว่า ปัจจุบันมีการกักกันและอยู่ระหว่างการสอบสวนโรคเชิงรุก ซึ่งจังหวัดสมุทรสาคร จังหวัดใกล้เคียงและกรุงเทพมหานคร ได้ออกมาตรการที่เข้มงวดขึ้น ทั้งการทำกิจกรรมต่างๆ การตรวจคัดกรองการเข้า-ออกสถานที่ การเว้นระยะห่าง ทั้งนี้ อาจจำเป็นต้องประกาศมาตรการเพิ่มเติม โดยเฉพาะกิจกรรมเฉลิมฉลองปีใหม่ ซึ่งจะมีมาตรการอย่างไรหรือต้องงดจัด ในสัปดาห์นี้จะประชุมกับ ศบค. และจะออกมาตรการที่เหมาะสมกับสถานการณ์ ถ้าอ่อนหรือผ่อนคลายมาตรการมากเกินไป โควิดจะสร้างปัญหาทางเศรษฐกิจที่มากกว่านี้และกระทบทั้งประเทศ ซึ่งหลายประเทศตอนนี้เริ่มกลับไปใช้มาตรการที่เข้มงวด ทั้งการบังคับไม่ให้ประชาชนออกจากบ้าน การออกข้อกำหนดมากมายสำหรับคนที่ต้องการเข้าประเทศ  ร้านค้าร้านอาหารส่วนใหญ่ต้องปิด รวมถึงปิดสถานที่บันเทิงและสถานที่สาธารณะต่างๆด้วย หรือบางประเทศอย่างฝรั่งเศส ถึงขั้นห้ามไม่ให้มีการขนส่งสิ่งของเข้าและออกประเทศเป็นการชั่วคราว

นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงต้นปีที่ผ่านมาตอนที่โควิดเริ่มเป็นภัยร้ายแรงของโลก มีประเทศที่ไม่เข้มงวดปกป้องดูแลสุขภาพและสาธารณสุขเพราะกังวลว่าจะส่งผลต่อเศรษฐกิจของตนเอง ปัจจุบันเจอผลกระทบหนักต่อเศรษฐกิจทั้งสิ้น เพราะสุดท้ายแล้วการระบาดของโควิดทำให้ประชาชนไม่สามารถใช้ชีวิตปกติได้ เมื่อคนเป็นโควิดเยอะ สุดท้ายก็สร้างความเสียหายให้กับเศรษฐกิจ ฉะนั้นการเข้มงวดเพื่อปกป้องสุขภาพของประชาชนและสาธารณสุขของประเทศ จึงเป็นวิธีที่จะปกป้องความเสียหายต่อเศรษฐกิจไม่ให้รุนแรงมากกว่าที่เรากำลังเจออยู่

นายกรัฐมนตรีเน้นถึงเหตุผลที่ไทยเจอปัญหาเศรษฐกิจที่เบากว่าประเทศอื่นๆหลายประเทศว่า ตั้งแต่ต้นไทยเข้มงวดการปกป้องดูแลสุขภาพของประชาชน จึงยังสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างเกือบเป็นปกติ โรงพยาบาลและสถานสาธารณสุขต่างๆยังทำงานกันได้ตามปกติ ดูแลคนไข้โรคอื่นๆได้ โดยไม่ถูกคนไข้โควิดรบกวน ที่สำคัญที่สุดก็คือ คนไทยไม่ต้องเจอกับการสูญเสียชีวิตของพ่อแม่พี่น้องลูกหลานไปกับโควิด ซึ่งเป็นฝันร้ายที่คนในหลายประเทศทั่วโลกยังต้องเจอกันอยู่ทุกวัน  โดยต้องยกความดีความชอบให้ประชาชนคนไทยทุกคนที่ให้ความร่วมมือ มีความเป็นหนึ่งเดียวกัน มีความรับผิดชอบต่อสังคม เสียสละความสะดวกสบายส่วนตัว เพื่อประโยชน์ของส่วนรวมกันต่อไป สวมหน้ากากอนามัยกันอยู่ตลอด ล้างมือบ่อยๆเป็นประจำ และรักษาระยะห่างทางสังคม พร้อมชื่นชมการทำงานอย่างหนักของอาสาสมัครสาธารณสุข บุคลากรสาธารณสุขและเจ้าหน้าที่ต่างๆทั่วประเทศ ตลอดจนหน่วยงานภาครัฐทุกส่วนที่ร่วมมือกันทำงานอย่างมีประสิทธิภาพด้วย

นายกรัฐมนตรีย้ำว่า เพียงคนไม่กี่คนที่ละเลยความรับผิดชอบต่อสังคม และมีพฤติกรรมที่เห็นแก่ตัว จะสร้างปัญหาให้คนเป็นล้านๆ จึงต้องขอให้คนไทยทุกคนใช้ชีวิตในแต่ละวันอย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคมในระดับที่สูงมากกว่าปกติ และขอให้ทำด้วยความภูมิใจว่า สิ่งที่ทำทุกวันแม้จะดูเล็กน้อยแต่มีผลกับทั้งประเทศ สร้างความแตกต่างให้ประเทศไทยได้ ทุกคนได้มีส่วนช่วยกันทำให้ประเทศไทยอยู่ในสถานการณ์ที่ดีกว่าอีกหลายประเทศ นายกรัฐมนตรียืนยันขบวนการนำแรงงานเถื่อนเข้าประเทศจะต้องถูกดำเนินคดี ถูกทำลายให้สิ้นซากไม่ว่าจะเป็นทั้งเจ้าหน้าที่รัฐหรือประชาชนที่เกี่ยวข้อง เพราะการแพร่ระบาดครั้งนี้ ตรวจพบผู้ติดเชื้อจากแรงงานต่างด้าวมากที่สุด

ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรีกล่าวมั่นใจว่า แม้ว่าเส้นทางจะยังยาวไกลกว่าสถานการณ์จะกลับเป็นปกติ หากทุกคนยังร่วมมือกัน ไทยจะเป็นหนึ่งในประเทศที่รับผลกระทบน้อยที่สุดในโลก เราเป็นประเทศที่ประชาชนรู้ว่าเราพึ่งพาตัวเองได้ และหวังพึ่งพาคนอื่นๆในสังคมได้ด้วย ขอให้ทุกคนต่างทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด โดยนายกรัฐมนตรีพร้อมกำชับดูแลให้มั่นใจว่า หน่วยงานต่างๆของรัฐ จะยังคงทำงานแบบบูรณาการและใกล้ชิดกัน ให้ทุกฝ่ายยึดมั่นรับฟังคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญสาธารณสุข และจะเร่งจัดหาและพัฒนาวัคซีนให้พร้อมใช้งานเร็วที่สุดเท่าที่จะเร่งได้ หลังจากที่ประสบความสำเร็จในการเจรจาให้ผู้พัฒนาวัคซีนที่ดีที่สุดในโลกรายหนึ่ง มาตั้งศูนย์ผลิตวัคซีนในประเทศไทย  ในช่วงโควิดนอกประเทศไทยรุนแรงขึ้นอีก จึงยิ่งต้องระมัดระวังมากขึ้น ขอคนไทยทุกคนให้ความร่วมมือ และอยู่เคียงข้าง ต่อสู้ไปด้วยกัน ให้ผ่านพ้นสถานการณ์ไปให้ได้

Advertising

กลับมาอีกแล้ว!! ฝุ่น PM 2.5 บุก กทม. เผยต่อเนื่องถึง 17 ธ.ค.

People Unity News : ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เผย สถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 จะมีต่อเนื่องไปจนถึง 17 ธันวาคม เพราะสภาพอากาศปิด ประสานกรมควบคุมมลพิษ กรมการขนส่งทางบก และ กทม. ตรวจสอบรถควันดำในกรุงเทพ ให้ทำต่อเนื่องจนถึงหน้าแล้ง และประสาน สตช.ดูแลการจราจรบริเวณสี่แยก-จุดกลับรถ เพราะพบ PM 2.5 สูงในบริเวณดังกล่าว

นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานอนุกรรมการสื่อสารการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ ในคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ กล่าวว่า จากการตรวจสอบวิเคราะห์ข้อมูลทางอากาศภาพรวม โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพมหานคร พบว่า สภาพอากาศค่อนข้างนิ่ง รวมทั้งการยกตัวของมวลอากาศ ทำให้ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 เพิ่มขึ้น จึงประสานกรมควบคุมมลพิษ กรมการขนส่งทางบก และกรุงเทพมหานคร ช่วยกันตรวจสอบรถควันดำ โดยเฉพาะรถบรรทุกที่ใช้น้ำมันดีเซล ซึ่งจากการสุ่มตรวจ 100 คัน จะพบถึง 46 คันที่ก่อมลพิษ โดยวางแผนให้ทำการตรวจรถทุกวันต่อเนื่องไปจนถึงช่วงหน้าแล้ง และจากการตรวจสอบจุดที่ฝุ่น PM 2.5 สูง คือ บริเวณแยก หรือ สี่แยก รวมทั้งจุดกลับรถ ที่มีปริมาณรถสะสม จึงประสานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกรุงเทพมหานคร ช่วยดูแลด้านการจราจร ในจุดดังกล่าวให้เกิดความคล่องตัวขึ้น

ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้ประสานไปยังกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ทำความเข้าใจเกษตรกร งดการเผาเศษวัชพืชในที่โล่งไปจนถึงวันที่ 17 ธันวาคม ส่วนประชาชนทั่วไป ขอความร่วมมือใช้ระบบขนส่งสาธารณะ และช่วยกันตรวจบำรุงรักษารถยนต์ตามวงรอบ ซึ่งสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 จะมีต่อเนื่องไปจนถึง 17 ธันวาคม เนื่องจากสภาพอากาศปิด

Advertising

กรมอุตุฯเผยกรุงเทพฯและปริมณฑลอากาศเย็น กับมีลมแรง อุณหภูมิต่ำสุด 19-21 องศาฯ

People Unity News : กรมอุตุฯเผยกรุงเทพฯและปริมณฑล อากาศเย็น กับมีลมแรง อุณหภูมิต่ำสุด 19-21 องศาฯ สูงสุด 30-32 องศาฯ ส่วนไทยตอนบนอุณหภูมิลดลง 1-2 องศาฯ อากาศเย็นถึงหนาว

6 ธ.ค.63 กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังแรงจากประเทศจีนยังคงแผ่ปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอุณหภูมิลดลง 1-2 องศาเซลเซียส กับมีอากาศเย็นถึงหนาว โดยมีลมแรงในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออก ส่วนยอดดอยและยอดภูมีอากาศหนาวถึงหนาวจัดกับมีน้ำค้างแข็งบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวดูแลสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นลงไว้ด้วย

สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังอ่อนลง ทำให้ภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และควรหลีกเลี่ยงการเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง

ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล อากาศเย็น กับมีลมแรง อุณหภูมิต่ำสุด 19-21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศาเซลเซียส

Advertising

สธ.เตือนฝุ่น PM 2.5 เริ่มกลับมา แนะปรับการใช้ชีวิตประจำวัน ลดกิจกรรมกลางแจ้ง ใส่หน้ากาก

Smog city from PM 2.5 dust. Cityscape with bad air pollution. PM 2.5 concept

People Unity News : สธ.แนะประชาชนติดตามสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ปรับกิจกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน ลดกิจกรรมกลางแจ้ง ใส่หน้ากากป้องกันฝุ่นขนาดเล็กได้

22 พฤศจิกายน 2563 นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้สภาพอากาศพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล พบมีปริมาณค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 เกินค่ามาตรฐาน ในบางช่วงเวลาและบางวัน ขอให้ประชาชนติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง เนื่องจากค่าฝุ่นละอองในแต่ละวันไม่เท่ากัน ควรปรับกิจกรรมการดำเนินชีวิตประจำวัน เน้นความปลอดภัยของตนเอง โดยติดตามได้ที่แอปพลิเคชัน Air4Thai (แอร์ ฟอร์ ไทย) ของกรมควบคุมมลพิษ หรือเพจ “คนรักอนามัย ใส่ใจอากาศ PM2.5” หากอยู่ในพื้นที่สีเหลือง สีส้ม สีแดง ควรหลีกเลี่ยงหรือลดกิจกรรมกลางแจ้ง แต่หากจำเป็นต้องออกนอกบ้าน เด็ก ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีโรคประจำตัว และประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงค่าฝุ่นสูง ควรใส่หน้ากาก N95 และไม่ควรอยู่เป็นเวลานาน สำหรับประชาชนทั่วไป สามารถใส่หน้ากากป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็กได้

นอกจากนี้ ควรลดกิจกรรมที่ทำให้เกิดฝุ่นในบ้าน เช่น กวาด/เผาขยะ จุดธูป ควรปิดประตูหน้าต่างให้มิดชิด ดูแลทำความสะอาดบ้านให้ปลอดฝุ่น โดยใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำเช็ดทำความสะอาดแทนการกวาด ป้องกันการฟุ้งกระจาย และขอความร่วมมือประชาชนลดการเผาป่า/เผาไร่นา ซึ่งจะช่วยลดปริมาณการเกิดฝุ่นควันได้อีกทางหนึ่งด้วย

ทั้งนี้ ประชาชนควรหมั่นสังเกตอาการที่อาจเกิดขึ้น หากมีโรคประจำตัวต้องระมัดระวังเป็นพิเศษควรพักผ่อนให้เพียงพอ ลดการทำกิจกรรมและออกกำลังกายกลางแจ้ง โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ เด็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัว หากมีอาการผิดปกติ เช่น ไอบ่อย หายใจลำบาก หายใจถี่ หรือวิงเวียนศีรษะ ให้รีบไปพบแพทย์ และสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค 1422

Advertising

ด่วน! แรงงานไทยในลิเบียขอกลับไทย หวั่นโควิดระบาดหนักในลิเบีย สุชาติสั่งสอบไปได้ไง

People Unity News : สุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน สั่งตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีบริษัทจัดหางานลักลอบส่งแรงงานไทยไปทำงานในลิเบีย หากผิดจริงให้ลงโทษตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด

รมว.แรงงาน เผย ได้รับรายงานจากสำนักงานแรงงานไทยในประเทศซาอุดิอาระเบีย (กรุงริยาด) ว่ามีแรงงานไทยในลิเบีย ร้องขอความช่วยเหลือในการเดินทางกลับประเทศไทยจากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโรม จึงสั่งการ กกจ. ตรวจสอบข้อเท็จจริง และให้ความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า กระทรวงแรงงาน ได้รับรายงาน จากสำนักงานแรงงานไทยในประเทศซาอุดิอาระเบีย (กรุงริยาด) ว่ามีแรงงานไทยจำนวน 19 คน ที่ทำงานอยู่ในประเทศลิเบียกับนายจ้างบริษัท Mellitah Oil & Gas B.V. Libyan Branch ตั้งอยู่ที่เมือง Awijilah (จาลู) ใกล้ชายแดนอียิปต์ ห่างจากกรุงตริโปลี ประมาณ 1,000 กิโลเมตร ซึ่งเป็นบริษัทร่วมค้า (Joint Venture) กันระหว่างบริษัท Eni North Africa ของประเทศอิตาลี กับ National Oil Cooperation Noc ลิเบีย ซึ่งแรงงานไทยแจ้งว่าเดินทางไปทำงานโดยการจัดส่งของบริษัทจัดหางาน  เวิลด์พาวเวอร์ เซอร์วิส จำกัด ได้ร้องขอความช่วยเหลือจากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโรม ว่าต้องการเดินทางกลับประเทศไทย เนื่องจากกลัวจะติดเชื้อโควิด – 19 จากสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศลิเบีย จึงได้สั่งการให้กรมการจัดหางานตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าบริษัทจัดหางานดังกล่าวเป็นผู้จัดส่งจริงหรือไม่ หากพบว่ากระทำผิดจริงจะลงโทษตามกฎหมาย และจะเร่งประสานงานกับกระทรวงการต่างประเทศในการให้ความช่วยเหลือเรื่องการเดินทางกลับประเทศไทยต่อไป

ด้านนายสุชาติ พรชัยวิเศษกุล อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า ได้สั่งการให้กองทะเบียนจัดหางานกลางและคุ้มครองคนหางาน ตรวจสอบข้อเท็จจริง และข้อมูลการเดินทางไปทำงานของแรงงานไทยจำนวน 19 คนดังกล่าว พบว่าทั้งหมดไม่ได้แจ้งการเดินทางไปทำงานในต่างประเทศ ตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ.2528 และที่แก้ไขเพิ่มเติม เนื่องจาก กรมการจัดหางานไม่อนุญาตให้ดำเนินการจัดส่งคนหางานไปทำงานในประเทศลิเบีย เพราะเป็นประเทศที่เกิดภัยสงครามกลางเมือง จึงระงับการจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานในประเทศลิเบียทุกกรณี ตั้งแต่ปี 2557 ทั้งนี้ ในวันจันทร์ที่ 24 สิงหาคม 2563 กองทะเบียนจัดหางานกลางและคุ้มครองคนหางาน ได้เชิญบริษัทจัดหางาน เวิลด์พาวเวอร์ เซอร์วิส จำกัด ซึ่งแรงงานไทยแจ้งว่าเป็นผู้จัดส่งไปทำงานในประเทศลิเบีย มาชี้แจงข้อเท็จจริง หากพบว่าบริษัทจัดหางานดังกล่าวเป็นผู้จัดส่งจริง จะต้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาดต่อไป

“ขอย้ำเตือนว่า คนหางานที่ประสงค์จะไปทำงานในต่างประเทศ ก่อนตัดสินใจไปทำงาน ควรตรวจสอบข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ให้ชัดเจน ว่าตำแหน่งงาน และประเทศที่จะไปนั้น มีอยู่จริงหรือไม่ มีสัญญาจ้าง เงินเดือน หรือสวัสดิการ ตามกฎหมายหรือไม่ เพื่อเป็นการป้องกันการถูกหลอกลวง” อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวเพิ่มเติม

ทั้งนี้ ผู้ที่ประสงค์จะเดินทางไปทำงานต่างประเทศ สามารถตรวจสอบข้อมูลได้ที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-10 หรือที่สายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร.1506 กด 2 กรมการจัดหางาน

Advertising

โฆษก ศบค. เผยทหารสหรัฐที่เข้าฝึกในไทย 110 นาย ทุกนายผ่านการตรวจและเข้ากักตัว

People Unity News : โฆษก ศบค. เผย ทหารต่างชาติที่เข้าฝึกในไทย 110 นาย ทุกนายผ่านการตรวจตามมาตรการของ ศบค. และเข้ากักตัวใน ASQ

3 ส.ค. 63 เวลา 11.30 น. ณ ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) โถงกลาง ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. แถลงสถานการณ์ประจำวัน และมาตรการในการควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ว่า สถานการณ์ผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของโลก มีผู้ป่วยติดเชื้อรวม 18.2 ล้านกว่าคน เฉลี่ยวันละประมาณ 2 แสนถึง 2.8 แสนคน ช่วงเวลา 3-4 วันมีผู้ป่วย 1 ล้านคน ถือว่าเป็นตัวเลขที่ยังเป็นวิกฤตของโลก ซึ่งก่อนหน้านี้ต้องใช้เวลาเป็นสิบวันกว่าจะมีผู้ป่วย 1 ล้านคน ขณะนี้จำนวนผู้เสียชีวิตรวมของโลกเพิ่มขึ้นอีก 4,000 กว่าคน รวมจำนวนผู้เสียชีวิตทั้งโลก 6.9 แสนกว่าคน คาดพรุ่งนี้จะถึง 7 แสนคน โดยสหรัฐอเมริกาเป็น อันดับ 1 รองลงมาคือบราซิล อินเดีย รัสเซีย และแอฟริกาใต้ ส่วนประเทศไทยอยู่อันดับที่ 110 เท่ากับวานนี้ ด้านตัวเลขผู้ป่วยใหม่ของประเทศในเอเชีย ได้แก่ อินโดนีเซีย 1,519 ราย ฟิลิปปินส์ 4,900 ราย คูเวต 463 ราย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 239 ราย สิงคโปร์ 313 ราย บาห์เรน 346 ราย เวียดนาม มีผู้ป่วยใหม่ 31 ราย และมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 6 ราย

โฆษก ศบค. รายงานว่า จำนวนคนไทยที่เดินทางกลับจากต่างประเทศวันนี้ มีผู้เดินทางกลับรวม 207 คน วันพรุ่งนี้ 201 คน และรายงานเพิ่มเติมเกี่ยวกับเที่ยวบินที่นำทหารสหรัฐอเมริกาเข้ามาฝึกในไทย วันนี้จะเดินทางจากกวม 71 นาย และจากโยโกตา 32 นาย และพรุ่งนี้จะเดินทางเข้ามาอีก 7 นาย โดยทหารทุกนายผ่านการตรวจตามมาตรการของ ศบค. และเข้ากักตัวในสถานกักตัวทางเลือก หรือ ASQ

Advertising

ศบค.ทบทวนมาตรการคุมเข้ม-สอบสวนโรค ให้ครอบคลุมโรงแรมที่พัก หลังกรณีทหารอียิปต์

People Unity News : ศบค.ทบทวนมาตรการคุมเข้ม-มาตรการสอบสวนโรค ต้องครอบคลุมโรงแรมที่พักที่เป็นสถานที่สัมผัสกับผู้ติดเชื้อ เพื่อตรวจสอบโดยละเอียด ถึงแม้ผู้ที่พบผลตรวจจะเดินทางกลับประเทศแล้ว

13 ก.ค. 63 เวลา 11.30 น. ณ ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) โถงกลาง ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. แถลงสถานการณ์ประจำวัน และมาตรการในการควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) สรุปสาระสำคัญ ดังนี้

สถานการณ์ผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในประเทศไทย มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 3 ราย ผู้ป่วยยืนยันสะสม 3,220 ราย เป็นผู้ที่อยู่ในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ 283 ราย มีผู้หายป่วยเพิ่มขึ้น 2 ราย รวมผู้ที่หายป่วยแล้ว 3,090 ราย ยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 72 ราย ไม่มีเสียชีวิตเพิ่ม ยังคงเดิมที่ 58 ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 25 พ.ค.63 ถึงปัจจุบันรวม 49 วันแล้วที่ไม่พบผู้ติดเชื้อในประเทศ สำหรับผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั้ง 3 ราย เป็นผู้ที่เดินทางมาจากประเทศคูเวต 1 ราย เป็นชายไทย อายุ 48 ปี อาชีพรับจ้าง เดินทางถึงไทยเมื่อ 29 มิ.ย.เข้าพัก State Quarantine ที่กรุงเทพฯ ตรวจหาเชื้อ 11 ก.ค. ผลตรวจพบเชื้อ ไม่มีอาการ จากอียิปต์ 1 ราย เป็นหญิงไทย อายุ 22 ปี เดินทางถึงไทยเมื่อ 12 ก.ค. ผ่านการคัดกรอง ณ ด่านควบคุมโรค พบว่ามีอาการเข้าเกณฑ์ PUI มีไข้ จึงได้ส่งตรวจหาเชื้อวันที่ 12 ก.ค. ผลตรวจพบเชื้อ และจากบาร์เรน 1 ราย เป็นชายไทย สัญชาติอียิปต์ อายุ 43 ปี อาชีพทหาร เดินทางถึงไทยเมื่อ 8 ก.ค. เข้าพัก State Quarantine ที่จังหวัดระยอง ตรวจหาเชื้อวันที่ 10 ก.ค. ผลตรวจพบเชื้อ 12 ก.ค. แต่ไม่มีอาการ ส่วนอีก 30 รายเป็นลูกเรือที่เดินทางมาพร้อมกัน ยังไม่พบผลการติดเชื้อ

โฆษก ศบค. กล่าวถึง Timeline ของผู้ป่วยเพศชาย อายุ 43 ปี อาชีพทหาร (ลูกเรือเครื่องบินทหาร) จากประเทศในภูมิภาคแอฟริกา ในวันที่ 6 ก.ค. เดินทางออกจากสนามบินไคโร ประเทศอียิปต์ ไปสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 7 ก.ค. เดินทางจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ไปปากีสถาน 8 ก.ค. เดินทางถึงท่าอากาศยานอู่ตะเภา เข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งในจังหวัดระยอง 9 ก.ค. ออกจากโรงแรม จังหวัดระยองไปท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภาเพื่อบินไปทำภารกิจทางทหารที่สาธารณรัฐประชาชนจีน ไป-กลับวันเดียวกัน กลับเข้าที่พักในโรงแรมจังหวัดระยอง 10 ก.ค. ได้มีทีมเจ้าหน้าที่ CDCU เข้าคัดกรองอาการของคณะเดินทางและลูกเรือ เพื่อเก็บตัวอย่างส่งตรวจ จำนวน 31 ราย และในวันที่ 11 ก.ค. คณะเดินทางออกจากประเทศไทยกลับอียิปต์  ซึ่งผลตรวจทางห้องปฏิบัติการไม่ชัดเจน จึงตรวจซ้ำอีกครั้ง จนกระทั่งวันที่ 12 ก.ค. ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการยืนยันพบเชื้อ ซึ่งที่ประชุม ศบค. ชุดเล็กมีการหารือว่า ถึงแม้จะเป็นคนที่เป็นลูกเรือที่มาจากต่างชาติเข้ามายังประเทศไทย ในข้อกำหนดที่เป็นลักษณะเฉพาะขึ้นมา และขณะนี้มีการเปิดสายการบินหลายสาย เดิมใช้สนามบินสุวรรณภูมิ แต่ในครั้งนี้ได้มาลงที่สนามบินอู่ตะเภา จึงทำให้มาตรการของการคุมเข้มในข้อดังกล่าวต้องมีการทบทวนและปฏิบัติกันใหม่ ซึ่งโรงแรมที่จังหวัดระยองแห่งนี้ถือเป็นสถานที่ที่สัมผัสกับผู้ที่พบเชื้อ ดังนั้น มาตรการการเข้าไปสอบสวนโรคจะต้องครอบคลุมโรงแรมนี้ทั้งหมด โดยอธิบดีกรมควบคุมโรคได้รับข้อสั่งการจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้ออกมาตรการคุมเข้มเรื่องดังกล่าว เพื่อการตรวจสอบโดยละเอียด ถึงแม้ผู้ที่พบผลตรวจจะเดินทางกลับไปแล้วก็ตาม นอกจากนี้ ทีมสอบสวนโรคจะเข้าไปสอบสวนโรคในพื้นที่สัมผัสที่ทางกลุ่มลูกเรือได้เดินทางไป อีกทั้งสำนักงานเขตสุขภาพจังหวัดระยองและทีมส่วนกลางจะเข้าไปร่วมสอบสวนโรคด้วย เพื่อความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่จังหวัดระยอง

นอกจากนี้ ยังมี Timeline ผู้ป่วยเด็กหญิงอายุ 9 ปี จากภูมิภาคแอฟริกา เดินทางมาพร้อมกับครอบครัว (คณะทูต) โดยในวันที่ 7 ก.ค. มารดานำผู้ป่วยและครอบครัว รวม 5 คน ไปตรวจหาเชื้อก่อนเดินทางที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ผลตรวจทุกคนไม่พบเชื้อ เดินทางถึงไทยวันที่ 10 ก.ค. เวลา 05.40 น. คัดกรองไม่มีอาการ เก็บตัวอย่างส่งตรวจผลพบเชื้อ แต่บิดานำส่งผู้ป่วยเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ มีการตรวจซ้ำ ผลพบเชื้อ สมาชิกที่เหลือกักกันในที่พำนักแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ และในวันที่ 11 ก.ค. ผลตรวจพบปอดอักเสบ จึงส่งต่อผู้ป่วยมารักษาต่อที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ  ซึ่งรายดังกล่าวอยู่ในประเภทที่ 3 คือ คณะทูต คณะกงสุล องค์การระหว่างประเทศ หรือผู้แทนรัฐบาล หรือหน่วยงานของรัฐต่างประเทศที่มาปฏิบัติงานที่ประเทศไทย ซึ่งจะอยู่ในมาตรการข้อ 4 ให้เข้ารับการกักกันในที่พำนักของบุคคลดังกล่าว ภายใต้การดูแลของหน่วยงานต้นสังกัดเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 14 วัน  ซึ่งรัฐต้องกำหนดมาตรการโดยละเอียดและครอบคลุมเพราะเป็นความเสี่ยง

Advertising

4 ก.ค. เฮ!! กรมบัญชีกลางจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ 3,000 บาท/คน 1.14 ล้านคน

People Unity News : กรมบัญชีกลางเตรียมจ่ายเงินให้แก่ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 1.14 ล้านคน ที่ยังไม่ได้รับความช่วยเหลือจากโครงการใดๆของภาครัฐ ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 โดยโอนเงินเข้ากระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Money) จำนวน 3,000 บาท จ่ายครั้งเดียว ในวันที่ 4 ก.ค. 63

นางสาววิลาวรรณ พยาน้อย รองอธิบดีกรมบัญชีกลาง ในฐานะโฆษกกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองใช้จ่ายเงินกู้ ที่อนุมัติให้กระทรวงการคลังช่วยเหลือ เยียวยา และชดเชยให้แก่ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่ยังไม่ได้รับความช่วยเหลือจากโครงการใดๆของภาครัฐ ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งสำนักงานเศรษฐกิจการคลังได้ตรวจสอบแล้วพบว่ามีผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่ยังไม่เคยได้รับสิทธิ จำนวนทั้งสิ้น 1.14 ล้านคน โดยผู้มีสิทธิจะได้รับเงินช่วยเหลือเยียวยา เดือนละ 1,000 บาท เป็นระยะเวลา 3 เดือน (พฤษภาคม-กรกฎาคม 2563) รวมเป็นเงินจำนวน 3,000 บาท/คน

“สำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 1.14 ล้านคนที่ได้รับสิทธิ ต้องไม่เป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ของสำนักงานประกันสังคม และไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐ อีกทั้ง ยังไม่เคยได้รับเงินช่วยเหลือจากโครงการใดๆของภาครัฐ ได้แก่ โครงการเราไม่ทิ้งกัน โครงการช่วยเหลือเกษตรกร และโครงการช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง โดยกรมบัญชีกลางได้ดำเนินการเบิกเงินแทนสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เพื่อจ่ายให้แก่ผู้มีสิทธิ โดยการโอนเงินเข้ากระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Money) ในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 3,000 บาท ซึ่งจ่ายเพียงครั้งเดียว ในวันที่ 4 กรกฎาคม 2563 ทั้งนี้ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Call Center กรมบัญชีกลาง 02 270 6400 ในวัน เวลาราชการ ” โฆษกกรมบัญชีกลางกล่าว

Advertising

ด่วน!การรถไฟฯ เปิดเดินขบวนรถทางไกล และขบวนรถนำเที่ยวแล้ว เริ่มพรุ่งนี้ 1 ก.ค.

People Unity News : การรถไฟแห่งประเทศไทย ประกาศเปิดให้บริการขบวนรถทางไกล ขบวนรถนำเที่ยววันหยุด  และขบวนรถพิเศษโดยสารวันหยุดเป็นการเพิ่มเติม จำนวน 40 ขบวน ภายหลังมีการยกเลิกประกาศห้ามประชาชนออกนอกเคหสถานหรือเคอร์ฟิว และการขนส่งสาธารณะข้ามเขตพื้นที่จังหวัด ภายใต้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด – 19) เริ่มเปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2563 เป็นต้นไป และยกเลิกขบวนรถโดยสารพิเศษที่ให้บริการชั่วคราว

นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย แจ้งว่า ตามที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. เห็นชอบให้ยกเลิกประกาศห้ามประชาชนออกนอกเคหสถานหรือเคอร์ฟิว และการขนส่งสาธารณะข้ามเขตพื้นที่จังหวัด ในการผ่อนปรนมาตรการระยะที่ 4 ตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน 2563 เป็นต้นไป เพื่อเป็นการบรรเทาผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของประชาชนด้านเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงตามหลักเกณฑ์ขององค์การอนามัยโลกและตามผลการประเมินสถานการณ์ของฝ่ายสาธารณสุข พร้อมทั้งอนุญาตให้กิจการและกิจกรรมที่มีความเสี่ยงสูงกลับมาดำเนินการได้ แต่ยังควบคุมการเดินทางเข้าราชอาณาจักรทั้งทางบก ทางน้ำและทางอากาศ โดยกำหนดให้หน่วยงานที่รับผิดชอบตรวจสอบและกำกับดูแลการขนส่งผู้โดยสารที่เป็นการขนส่งสาธารณะทุกประเภท (รถโดยสารประจำทาง รถปรับอากาศ รถตู้ รถไฟ เรือ เครื่องบิน) โดยผู้ประกอบการต้องจัดระบบและระเบียบต่างๆ รวมทั้งให้มีการจอดพักรถ การเว้นที่นั่ง และการจำกัดจำนวนผู้โดยสารในแต่ละเที่ยว ให้เป็นไปตามมาตรการป้องกันโรคที่ทางราชการกำหนด ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าจะมีประชาชนมีความต้องการในการเดินทางโดยระบบขนส่งสาธารณะมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกการเดินทางของประชาชนที่มีความจำเป็นต้องเดินทางโดยรถไฟ ทั้งการเดินทางภายในเขตเมือง ระหว่างเมือง และทางไกล ข้ามเขตพื้นที่จังหวัด การรถไฟฯจึงได้ประกาศเปิดเดินขบวนรถโดยสารทางไกลเพิ่มเติม จำนวน 40 ขบวน เพื่อให้สอดคล้องตามมาตรการผ่อนคลายการเดินทาง ระยะที่ 4 เริ่มให้บริการตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2563 เป็นต้นไป สำหรับขบวนรถที่เปิดให้บริการในเส้นทางต่างๆ มีดังนี้

1.ขบวนรถโดยสารทางไกล จำนวน 34 ขบวน (ไป-กลับ) ดังนี้

1.1 สายเหนือ

ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2563 (เที่ยวไป) จำนวน 6 ขบวน

ตั้งแต่วันที่ 2 กรกฎาคม 2563 (เที่ยวกลับ) จำนวน 4 ขบวน

1.2 สายตะวันออกเฉียงเหนือ

ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2563 (เที่ยวไป) จำนวน 9 ขบวน

ตั้งแต่วันที่ 2 กรกฎาคม 2563 (เที่ยวกลับ) จำนวน 5 ขบวน

1.3 สายใต้

ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2563 (เที่ยวไป) จำนวน 7 ขบวน

ตั้งแต่วันที่ 2 กรกฎาคม 2563 (เที่ยวกลับ) จำนวน 3 ขบวน

2.ขบวนรถนำเที่ยววันหยุด และขบวนรถพิเศษโดยสารวันหยุด เปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 4 กรกฎาคม 2563 เป็นต้นไป จำนวน 6 ขบวน (ไป-กลับ)

2.1 ขบวนรถนำเที่ยว 909/910 กรุงเทพ-น้ำตก-กรุงเทพ

2.2 ขบวนรถนำเที่ยว 911/912 กรุงเทพ-สวนสนประดิพัทธ์-กรุงเทพ

2.3 ขบวนรถพิเศษโดยสารที่ 997/998 กรุงเทพ-บ้านพลูตาหลวง-กรุงเทพ

นอกจากนี้ ได้ประกาศยกเลิกขบวนรถโดยสารพิเศษที่ได้ขยายระยะเวลาให้บริการผู้ใช้บริการเป็นการชั่วคราว 30 วัน โดยจะประกาศยกเลิกตั้งแต่วันที่ 1 – 17 กรกฎาคม 2563 จำนวน 6 ขบวน (ไป-กลับ) ประกอบด้วย 1. ขบวนรถโดยสารพิเศษที่ 9071 (กรุงเทพ–อุบลราชธานี) ขบวนรถโดยสารพิเศษ 9075 (กรุงเทพ–หนองคาย) ขบวนรถโดยสารพิเศษ 9051 กรุงเทพ- เชียงใหม่ ยกเลิกตั้งแต่วันที่ 1–16 กรกฎาคม 2563 และ 2. ขบวนรถโดยสารพิเศษ 9072 (อุบลราชธานี-กรุงเทพ) ขบวนรถโดยสารพิเศษ 9076 (หนองคาย-กรุงเทพ) ขบวนรถโดยสารพิเศษ 9052 เชียงใหม่ – กรุงเทพ ยกเลิกตั้งแต่วันที่ 1 – 17 กรกฎาคม 2563

การรถไฟฯ ยังคงให้ความสำคัญในด้านมาตรการป้องกันความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด – 19) ได้ดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงคมนาคมอย่างเคร่งครัด โดยให้พนักงานด้านปฏิบัติการที่เกี่ยวข้องจะต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า ถุงมือยางและ Face shield ตลอดเวลาที่ให้บริการ การตรวจคัดกรองผู้โดยสารอย่างเข้มข้น การจัดให้มีแอลกอฮอล์เจลบริการอย่างเพียงพอและทั่วถึง ทั้งบริเวณสถานีและบนขบวนรถ การรักษาระยะห่าง Social Distancing ให้มีจุดยืน /นั่ง ให้ชัดเจน ทั้งที่สถานีและขบวนรถ โดยจำกัดการจำหน่ายตั๋วโดยสารไว้ที่ร้อยละ 50 ของจำนวนที่นั่งทั้งหมด เมื่อจำหน่ายเต็มตามที่ระบุแล้ว จะไม่จำหน่ายตั๋วอีกรวมทั้งตั๋วไม่มีที่นั่ง (ตั๋วยืน) และการงดจำหน่ายอาหารบนขบวนรถ หากผู้โดยสารที่เดินทางไกลเกินกว่า 3 ชั่วโมง ให้เตรียมอาหารไปรับประทานเอง และจะดำเนินการติดตั้ง แอปพลิเคชั่น (application) “ไทยชนะ” ที่สถานีและบนขบวนรถ (เป็นรายตู้/โบกี้) เพื่อใช้ควบคุมการเข้าออกของผู้โดยสารที่มาใช้บริการผ่าน Check-in และ Check-out จากแอปพลิเคชั่นดังกล่าว สำหรับผู้โดยสารที่มีความประสงค์จะเดินทาง สามารถจองตั๋วล่วงหน้าได้แต่วันที่ 27 มิถุนายน 2563 เป็นต้นไป ทั้งนี้ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม รวมทั้งกำหนดเวลาต่างๆ ได้ที่ศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ หมายเลขโทรศัพท์ 1690 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือ สถานีรถไฟ หรือเฟซบุ๊ก แฟนเพจ ทีมพีอาร์การรถไฟแห่งประเทศไทย

Advertising

Verified by ExactMetrics