วันที่ 17 กรกฎาคม 2025

แฟร์ๆ! ปธ.กมธ.ป.ป.ช.ชงเอง ปลด”เสรีพิศุทธ์”ออกจากตำแหน่ง

People Unity News : แฟร์ๆ! ปธ.กมธ.ป.ป.ช.ชงเอง ปลด”เสรีพิศุทธ์”ออกจากตำแหน่ง ลั่นการเมืองทั้งสิ้น เตรียมไล่สอบเองที่ดิน”ปารีณา”

วันที่ 27 พฤศจิกายน 2562 ที่รัฐสภา พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ จะเลื่อนปลดประธานกรรมาธิการออกเป็นสัปดาห์หน้า เนื่องจากยังไม่ได้แต่งตั้งนายไพบูลย์ นิติตะวัน เข้ามาแทนนายดล เหตระกูล ที่ลาออกไป ว่า เป็นเรื่องการเมืองทั้งสิ้น เพราะที่ผ่านมา ตนเองมอบหมายงานให้ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ทำงาน แต่ก็ไม่ทำงาน คอยแต่ถ่ายรูปรายงานพรรคและนายกรัฐมนตรีว่าใครยกมือ ไม่ยกมือสนับสนุน เอาการเมืองเข้ามายุ่ง แล้วงานไม่ทำ ถ้าจะให้นายไพบูลย์เข้ามาอีก ก็ดูเอาเองว่าจะเป็นอย่างไร

ทั้งนี้ ตามข้อบังคับการประชุมสภาฯเมื่อกรรมาธิการว่างลง ก็เป็นหน้าที่ของประธานกรรมาธิการเป็นผู้เสนอไปยังประธานสภาฯเพื่อแต่งตั้งกรรมาธิการแทนตำแหน่งที่ว่างลง ส่วนหนังสือลาออกของนายดลนั้นได้รับแล้ว แต่ยังไม่ได้พิจารณา จึงเป็นอำนาจหน้าที่ของตนเองทั้งหมด หากตนยังไม่ได้เสนอประธานสภาฯก็ยังตั้งไม่ได้ ตนจะบรรจุวาระเรื่องนี้ในวันใดก็เป็นเรื่องของตน

“นายสิระเป็นใคร ใครเป็นประธานกันแน่ การบรรจุว่าเรื่องไหนเข้าสู่วาระ หรือไม่เข้าวาระเป็นหน้าที่ของผม เดี๋ยวผมจะเอาเข้าวันนี้วาระแรกเลย แฟร์ๆ ผมก็แฟร์ๆ” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าว

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ยังกล่าวถึงกรณีงการตรวจสอบน.ส.ปวีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ถือครองที่ดินภบท.5 ว่า ประเด็นของน.ส.ปารีณา แบ่งออกเป็น 2 ประเด็น คือ 1.รุกป่า เจ้าหน้าที่ดำเนินการอยู่ คิดว่าวันนี้ผู้รับผิดชอบจะเสนอเข้าสู่กรรมาธิการ แต่เราคงมีมติให้รอไว้ก่อน เพราะเจ้าหน้าที่กำลังดำเนินการอยู่

2.รายงานบัญชีทรัพย์สินเป็นเท็จซึ่งที่ประชุมของกรรมาธิการอาจจะมีมติทำหนังสือไปถึงเลขาธิการ ป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในเรื่องนี้ เพื่อขอบัญชีทรัพย์สินที่น.ส.ปารีณา แจ้งต่อป.ป.ช.ขณะที่เป็นส.ส. 3 สมัย รวมถึงครั้งนี้ด้วย ซึ่งดูแล้วเป็นการแสดงทรัพย์สินเป็นเท็จ เช่น ที่ดินทบก.5 เขายืนยันว่าเป็นทรัพย์สินของตัวเองซึ่งเป็นเรื่องป่า ถ้ากรมป่าไม้หรือกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไม่ดำเนินการ เราก็จะดำเนินการ เพราะสิ่งที่แสดงคือโรงเรือนต่างๆที่เลี้ยงไก่ซึ่งมีการเลี้ยงไก่จำนวนมากแต่บอกราคาเป็นศูนย์บาท อาคารที่ทำการที่ใช้รับซื้อไก่และไข่ราคาเป็นศูนย์ อย่างนี้เป็นเท็จหรือไม่

เมื่อถามว่าน.ส.ปารีณาเป็นหนึ่งในกรรมการชุดนี้ด้วยจะกระทบกับการสอบสวนนี้หรือไม่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า ไม่เห็นเป็นอะไรเลย คุณทะลึ่งเข้ามาเอง ถ้าไม่พร้อมก็ลาออก เข้ามาเจอตนก็อย่างนี้แหละเข้ามาเจอผมก็อย่างนี้แหละ สุภาษิตจีนเขาบอกว่าลูกแมวไม่กลัวเสือ ลูกแมวเพิ่งเกิดใหม่จะไปรู้เรื่องอะไร เจอเสือมันไม่กลัว ถ้าเปรียบน.ส.ปารีณาก็เหมือนลูกแมว ส่วนตนใหญ่กว่าเสือ

แค่ยาแก้ปวด! “พิชัย” เย้ยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่

People Unity News : “พิชัย”ห่วง มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่เป็นแค่ยาแก้ปวดรักษาอาการป่วยหนักไม่ได้ แนะ 7 เรื่องต้องรีบทำเพื่อฟื้นเศรษฐกิจ ลดราคาน้ำมัน ลดค่าเดินทาง บาทอ่อน เร่งเจรจาการค้า เตือน ภาคเอกชนต้องเร่งปรับตัวรับมือคลื่นการเปลี่ยนแปลงใหญ่

วันที่ 27 พฤศจิกายน 2562 นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว. พลังงาน กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจของไทยที่กำลังทรุดหนัก แต่ดูเหมือนว่ามาตรการดังกล่าวจะเป็นเพียงมาตราการระยะสั้น อีกทั้งเกรงว่าจะไม่เพียงพอที่จะฟื้นสภาวะเศรษฐกิจของไทยที่กำลังย่ำแย่ในปัจจุบัน ทั้งนี้เพราะเศรษฐกิจไทยที่ทรุดหนัก เป็นผลมาจากการบริหารเศรษฐกิจที่ผิดพลาดมาตลอด 5 ปี และยังมีแนวโน้มที่จะทรุดหนักลงไปอีก จากสภาวะเศรษฐกิจโลกที่จะมาซ้ำเติม ตลอดเวลาที่ผ่านมา ทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลไม่ได้มีการรับมือเตรียมพร้อมให้ดี คิดเพียงการแจกเงิน แม้จะถูกท้วงติงว่าจะไม่เกิดประโยชน์ แต่รัฐบาลยังคงดื้อรั้น ซึ่งผลจากจีดีพีที่ตกต่ำแสดงชัดเจนถึงความล้มเหลวของการแจกเงินสะเปะสะปะโดยประเทศไม่ได้พัฒนา และเมื่อรัฐบาลแจกเงินจนหมดกระสุนแล้ว ก็ยังไม่มีแนวทางที่จะพัฒนาต่อ ขนาดประชุม ครม. เศรษฐกิจ ยังไม่มีนโยบายแก้ไขปัญหาใดๆ ออกมา แถมยังต้องไปถามข้าราชการประจำ ซึ่งแสดงว่า ทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลได้หมดสภาพแล้ว การออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจล่าสุดดังกล่าว จึงดูเหมือนจะเป็นแนวคิดของข้าราชการประจำ เป็นเสมือนยาแก้ปวดที่บรรเทาอาการชั่วคราว แต่ไม่สามารถจะรักษาอาการป่วยหนักของประเทศได้

ดังนั้น เมื่อทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลคิดอะไรไม่ออกแล้ว จึงอยากขอเสนอแนวทางการแก้ไขเศรษฐกิจอย่างเร่งด่วน 7 แนวทางดังนี้

1. รัฐบาลต้องยอมรับความจริงว่าเศรษฐกิจย่ำแย่ และเลิกโกหกประชาชน ยิ่งรัฐบาลปฏิเสธความจริงก็จะยิ่งแก้ปัญหาไม่ได้ การยอมรับปัญหาจะช่วยให้รัฐบาลหาทางแก้ไข และควรชี้แจงกับประชาชนเรื่อยๆว่าได้แก้ไขเรื่องอะไรบ้าง เพราะปัจจุบันประชาชนไม่ทราบเลยว่าทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลทำอะไรบ้าง นอกจากแจกเงินสะเปะสะปะไปวันๆแล้วไม่ได้ผลอะไรเท่านั้น การโกหกยังทำให้คนที่เชื่อรัฐบาลต้องประสบปัญหาทางเศรษฐกิจถึงขั้นล้มละลายเพราะไม่ได้เตรียมรับมือเศรษฐกิจที่ย่ำแย่

2. การเร่งการเจรจาการค้า ทั้งทวิภาคี และ พหุภาคี โดยนับเป็นเวลากว่า 5 ปีแล้วที่รัฐบาลจากการปฏิวัติไม่สามารถเจรจาเขตการค้าเสรีกับประเทศต่างๆได้ เพราะกฏหมายของหลายประเทศบังคับไม่ให้เจรจากับประเทศที่ไม่เป็นประชาธิปไตย แต่เมื่อเลือกตั้งแล้ว แม้รัฐบาลจะมาแบบแปลกๆ แต่ก็ควรใช้โอกาสนึ้ในการเร่งเจรจาเขตการค้าเสรี ทั้งทวิภาคี และ พหุภาคี จะไปรอเพียง RCEP อย่างเดียวไม่ได้ การเจรจาเขตการค้าเสรีจะช่วยทำให้การส่งออกและการลงทุนของไทยดีขึ้น มิเช่นนั้นปีหน้าเมื่อสหรัฐตัดจีเอสพีไทยจะเริ่มถูกนำมาใช้ การส่งออกไทยจะยิ่งลดลงอีก และ เรื่องจีเอสพีนี้ก็เช่นกัน อยากให้รัฐบาลไทยเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาส เมื่อสหรัฐตัดจีเอสพีไทย แทนที่ไทยจะร้องครวญคราง หรือ แก้ตัวว่าเพราะไทยพัฒนาแล้ว ทั้งๆที่คนจะจนตายกันหมดแล้ว รัฐบาลควรถือโอกาสนี้เปิดเจรจาเขตการค้าเสรีทวิภาคี (FTA) กับสหรัฐเลย จะแลกเปลี่ยนหรือจะขออะไรก็ทำกันทีเดียว จะได้ไม่ต้องมาเป็นปัญหากันอีกเมื่อจะถูกตัดจีเอสพี การเจรจาทวิภาคีสามารถทำได้ทันทีกับประเทศคู่ค้าสำคัญทุกประเทศ และควรต้องเร่งดำเนินการ แทนที่จะปล่อยเฉยหลังจากเจรจาไม่ได้มา 5 ปีของการปฏิวัติ

3. ทำเงินบาทให้อ่อนค่าลง เพื่อให้ราคาสินค้าไทยสามารถแข่งขันได้ อีกทั้งยังช่วยการท่องเที่ยวของไทยที่เริ่มเหี่ยวเฉาจากค่าเงินบาทที่แข็งค่า ในขณะที่ค่าเงินของนักท่องเที่ยวอ่อนค่าลง ทำให้การมาเที่ยวไทยแพงขึ้นมากถึงสองเด้ง ซึ่งรัฐบาลต้องกำชับแบงก์ชาติให้ดำเนินการโดยด่วน หากทำไม่ได้ก็ต้องเปลี่ยนผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ หากปล่อยค่าเงินบาทให้แข็งค่า ทั้งๆที่เศรษฐกิจไทยย่ำแย่ เติบโตต่ำ ไม่สมเหตุสมผล โดยไทยสามารถอธิบายเหตุผลกับประเทศต่างๆถึงการที่บาทจะอ่อนค่าได้ ขนาดประธานาธิบดีสหรัฐยังตำหนิ ประธานธนาคารกลางของสหรัฐถึงขนาดเรียกว่าเป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งของสหรัฐเลย เมื่อธนาคารกลางของสหรัฐไม่ลดดอกเบี้ยและค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐแข็งค่าเกินไป ซึ่งรัฐบาลควรดูเป็นตัวอย่าง ไม่ใช่ปล่อยให้ค่าเงินบาทแข็งค่าแบบยาวนานเหมือนคนไม่รู้เรื่องเช่นนี้

4. รัฐบาลต้องเร่งทุ่มเงินจำนวนมากในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านต่างๆเพื่อปรับปรุงและพัฒนาความสามารถในการแข่งขันของไทยที่เริ่มถดถอยมาตลอด ทั้งนี้ไม่ใช่แจกเงินสะเปะสะปะเหมือนในปัจจุบัน ซึ่งไม่มีประโยชน์อะไร แม้ว่าปัจจุบันเศรษฐกิจของไทยจะย่ำแย่ การค้าขายฝืดเคือง ประชาชนลำบากกันอย่างมาก แต่ฐานะการเงินการคลังของประเทศไทยยังแข็งแกร่ง มีทุนสำรองเงินตราต่างประเทศในระดับสูง และยังคงมีหนี้สาธารณะต่อจีดีพีในระดับต่ำเพียง 40% กว่าเท่านั้น การทุ่มงบประมาณจำนวนมากของภาครัฐเพื่อพัฒนาประเทศในภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่เป็นเรื่องที่ควรทำและต้องทำ แต่ต้องพัฒนาความคิดให้มีการลงทุนในโครงการที่เกิดประโยชน์จริงๆ โดยจะต้องมุ่งเน้นการนำไปสู่การสร้างงาน และ การจ้างงานที่ถาวรในอนาคต เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาการว่างงานอย่างมากในปีหน้า

5. ลดค่าใช้จ่ายของประชาชน เพื่อช่วยเหลือค่าครองชีพ โดยการลดราคาน้ำมันดีเซลลิตรละ 5 บาท จากการลดการเก็บภาษึสรรพสามิตน้ำมันดีเซลที่เก็บอยู่ถึงลิตรละ 5.99 บาทในปัจจุบัน ที่ในอดีตไม่ได้เก็บ และลดราคาเบนซินลิตรละ 2 บาท จากการลดการเก็บภาษีสรรพสามิตเช่นกัน การลดราคาดีเซลจะช่วยทำให้ค่าขนส่งสินค้าลดลงด้วย นอกจากนี้ จากรัฐบาลควรช่วยลดค่าเดินทางของประชาชน โดยลดค่าบริการขนส่งสาธารณะลง ซึ่งผลสำรวจบอกค่าเดินทางเป็นค่าใช่จ่ายหลักของประชาชน ดังนั้นการลดค่าเดินทางจะช่วยได้มาก อีกทั้ง การให้ใช้น้ำประปาฟรี ไฟฟ้าฟรี ในปริมาณที่จำกัดเพื่อให้ประหยัดการใช้ ก็ควรถูกนำมาช่วยเหลือประชาชนอีกครั้งในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้

6. เพิ่มรายได้ประชาชน จากการเร่งสร้างธุรกิจด้านเทคโนโลยีขนาดใหญ่ระดับยูนิคอร์น โดยสนับสนุนและเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้สร้างธุรกิจใหม่ที่เกี่ยวข้องกับคนจำนวนมากเพื่อเพิ่มรายได้ บริษัทเหล่านี้เกิดขึ้นแล้วในประเทศกลุ่มอาเซียนเกือบทุกประเทศยกเว้นไทย ซึ่งทำให้มีการจ้างงานและช่วยประชาชนให้มีรายได้เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นการเปิดโอกาสให้มีการต่อยอดทางธุรกิจในอนาคตด้วย การแก้กฏหมายที่เป็นอุปสรรคต้องเร่งดำเนินการ

7. เร่งสร้างความมั่นใจของนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ ด้วยการมี Rule of Law ที่ชัดเจน อะไรที่เคยทำในสมัยเผด็จการแล้วไม่เป็นที่ยอมรับของประชาคมโลก ก็ต้องเลิกทำอย่างเด็ดขาดแล้ว รัฐมนตรึคนไหนมีปัญหาภาพลักษณ์ในสายตาของประชาชนและในสายตาของนานาชาติ ก็ควรจะต้องปรับเปลี่ยนออกไป การบังคับใช้กฏหมายต้องเป็นธรรม ทั่วถึง และ โปร่งใส ทั้งนี้ต้องรวมถึงการบังคับใช้กฏหมายขององค์กรอิสระด้วย

นี่เป็นเพียง 7 เรื่องแรกที่รัฐบาลควรต้องเร่งดำเนินการเพื่อช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจ และแก้ไขจุดอ่อนของรัฐบาลตั้งแต่ในอดีต ซึ่งยังคงมีอีกหลายเรื่องที่ต้องทำ และหวังว่ารัฐบาลจะเข้าใจและเร่งดำเนินการ

นอกจากนี้ยังอยากขอแนะนำ ธุรกิจในภาคเอกชนว่าจะต้องรีบปรับตัวรองรับคลื่นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่กำลังจะถาโถมเข้ามา แม้ว่าธุรกิจปัจจุบันยังดีและมั่นคง แต่อาจจะถูก disrupt ได้ง่ายๆเลยจากเทคโนโลยีสมัยใหม่ ดังนั้นจึงอยากให้เปิดหูเปิดตาให้กว้างเพื่อปรับเปลี่ยนธุรกิจให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของโลก และต้องเปลี่ยนก่อนที่จำเป็น (Change before you have to) เพราะถ้าหากรอถึงคราวจำเป็นอาจจะสายไปแล้ว และหากธุรกิจใดคิดว่ากำลังจะถูก disrupt ก็ต้องเปลี่ยนตัวเองก่อนโดน disrupt โดยหากธุรกิจใดเริ่มย่ำแย่แล้วก็ควรจะเลิกกิจการเลย แล้วหาช่องทางทำธุรกิจใหม่ อย่าทู่ซี้ เพราะโลกยุคใหม่ไม่เหมือนยุคเก่าแล้ว การประคองเพื่อหวังฟื้นอาจจะเป็นไปได้ยาก การเริ่มต้นธุรกิจใหม่อาจจะมีอนาคตมากกว่า ทั้งนี้ต้องประเมินธุรกิจของตนให้ชัดเจน

ประเทศไทยกำลังเผชิญกับคลื่นของการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ของโลกที่กำลังถาโถมาเข้ามาตามที่ได้เคยเตือนล่วงหน้ามานานแล้ว ประชาชนทุกฝ่ายต้องเตรียมตัวให้พร้อม โดยเฉพาะรัฐบาล หากรู้ว่าตัวเองไม่พร้อมก็ต้องเร่งปรับปรุงตัว หรือไม่ก็ต้องหาคนที่มีความพร้อมมากกว่าเข้ามาทำงานแทน เพื่อให้ประเทศไทยปรับตัวและพัฒนาต่อไปได้ ไม่ตกยุค หรือ ถูก disrupt ในระยะเวลาอันรวดเร็วนี้

สีสัน! “จุรินทร์” มอบรางวัลเชื่อมสะพานสื่อไทย-จีนครั้งที่ 7

People Unity News : “จุรินทร์”เดินหน้าเชื่อมสะพานสื่อไทย-จีน เป็นประธานมอบรางวัลบุคคลแห่งปีที่ชาวจีนรู้จักครั้งที่ 7

วันที่ 26 พฤศจิกายน 2562 เวลา 20.00 น. ที่ ICONSIAM นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานมอบรางวัล Thailand Headline Person of the Year Awards ปี 2019 ครั้งที่ 7 โดยแสดงความยินดีกับการเปิดงาน Thailand Headline Person of the Year Awards ปี 2019 ครั้งที่ 7 ที่แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศไทยกับประเทศจีนในอีกมิติหนึ่ง

นายจุรินทร์ กล่าวว่า การมอบรางวัลบุคคลแห่งปีในมิติของการสร้างสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมไทยจีนถือเป็นภารกิจและเป็นกิจกรรมที่ช่วยเสริมความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น โดยรู้สึกชื่นชมที่กิจกรรมนี้จัดขึ้นมาเป็นปีที่ 7 แล้วโดยทราบว่าหลายฝ่ายขนานนามว่าเป็นงานออสก้าเมืองไทยโดยบุคคลที่ได้รับรางวัลล้วนได้รับความนิยมในการนำเสนอข่าวติดอันดับจากสื่อจีนในประเทศไทย ขอแสดงความยินดีกับทุกท่านที่ได้รับรางวัลทั้งวันนี้และที่ผ่านมา

“ในวันนี้สำหรับในส่วนของความสัมพันธ์ไทยจีนทางด้านเศรษฐกิจการค้า ล่าสุดผมเพิ่งนำคณะของกระทรวงพาณิชย์และเอกชนจากประเทศไทยไปร่วมงาน Chaina International Imports Expo ซึ่งเกิดจากการเชิญของรัฐบาลจีนและมีท่าน สีจิ้นผิงได้ให้เกียรติเดินทางเป็นประธานการเปิดงานซึ่งประเทศไทยปีนี้ได้รับเกียรติเป็นแขกพิเศษของทางการจีนและได้มีโอกาสนำภาคเอกชนไปขายสินค้าและสามารถสร้างมูลราคาการส่งออกในงานนี้ถึง 2,000 ล้านบาท ซึ่งทั้งหมดเกิดขึ้นจากความสัมพันธ์อันดีระหว่างสองประเทศและการที่รัฐบาลจีนได้ให้โอกาสกับภาคเอกชนไทย รวมทั้งอีกหลายประเทศซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ประการหนึ่งของรัฐบาลจีนและความร่วมมือที่ดีทางด้านเศรษฐกิจระหว่างจีนกับประเทศไทย” นายจุรินทร์ กล่าว

สำหรับThailand Headline ทราบว่าเป็นสื่อที่จดทะเบียนในประเทศไทยและมีส่วนสำคัญในการรายงานข่าวสารจากประเทศไทยในหลายมิติทั้งทางด้านการเมืองเศรษฐกิจสังคมวัฒนธรรมการท่องเที่ยวให้กับประชาชนชาวจีนนับ 1,000 ล้านคนได้มีโอกาสรับทราบข่าวสารจากประเทศไทยในฐานะอย่างน้อยที่สุดรองนายกรัฐมนตรีจากประเทศไทย ขอถือโอกาศนี้ ขอบคุณที่สื่อสารข่าวสารจากประเทศไทยไปสู่การรับรู้ของประชาชนชาวจีนซึ่งเท่ากับเป็นการช่วยประชาสัมพันธ์ประเทศไทยในทุกมิติให้เป็นที่รู้จักยิ่งขึ้นของประชาชนชาวจีนอย่างน้อยที่สุดงานทางด้านวัฒนธรรม และงานทางด้านเศรษฐกิจที่อยู่ในความรับผิดชอบของผมขอขอบคุณด้วยความจริงใจและขอสร้างความยินดีกับผู้ที่ได้รับรางวัลทุกท่านผมมั่นใจว่าสิ่งนี้จะช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีทั้งในระดับรัฐบาลและในระดับประชาชนของสองประเทศให้มีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นต่อไป

ตีกลับ”แก่งกระจาน”ไม่ขึ้นบัญชีรายชื่อมรดกโลก

People Unity News : รับรอง”เมืองโบราณศรีเทพ–กลุ่มเทวสถานปราสาทพนมรุ้ง” ขึ้นบัญชีมรดกโลกแล้ว ตีกลับ “แก่งกระจาน” ไม่ควรพูดถึงเขตแดน – อุ้มสิทธิมนุษยชน

วันที่ 26 พฤศจิกายน 2562 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ว่า มีการรายงานผลการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก ครั้งที่ 43 ว่าที่ประชุมมีมติรับรองแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรมของไทยบรรจุไว้ในบัญชีรายชื่อเบื้องต้นของศูนย์มรดกโลก 2 แห่ง ได้แก่ เมืองโบราณศรีเทพ และกลุ่มเทวสถานปราสาทพนมรุ้ง ปราสาทเมืองต่ำ ปราสาทปลายบัด

นอกจากนี้ ที่ประชุมได้มีมติให้ส่งกลับเอกสารกรณีการนำเสนอพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจานเป็นมรดกโลก ให้ประเทศไทยแก้ไขเรื่องเขตแดน โดยไม่ควรพูดถึงเรื่องเขตแดนในการเสนอเข้าเป็นมรดกโลก เนื่องจากพื้นที่ป่าแก่งกระจานมีเขตแดนที่เชื่อมระหว่างประเทศไทยกับประเทศเมียนมาร์ รวมถึงเรื่องสิทธิมนุษยชน ซึ่งไทยได้ดำเนินการแก้ไขตามคำเรียกร้องของคณะกรรมการมรดกโลกแล้ว โดยมีการจัดที่อยู่อาศัยให้กับกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงที่อาศัยอยู่ในบริเวณป่าแก่งกระจาน มีการพัฒนาคุณภาพชีวิตทั้งเรื่องสาธาณสุข สาธารณูปโภค และมีการจัดทำข้อตกลงประชาคมร่วมกันว่าหากป่าแก่งกระจานมีการขึ้นเป็นทะเบียนมรดกโลกได้ จะไม่มีการย้ายชุมชนออกจากพื้นที่ อย่างไรก็ตาม ทางไทยจะเร่งดำเนินการเรื่องทั้งหมด และส่งข้อมูลกลับไปยังที่ประชุมคณะกรรมการมรดกโลกอีกครั้ง

ครม.เทงบฯ 3.4พันล้านสานต่อโรงเรียนประชารัฐชายแดนใต้

People Unity News : ครม.เห็นชอบสานต่อโรงเรียนประชารัฐชายแดนใต้ เทงบฯอุดหนุน 3.4พันล้าน

วันที่ 26 พฤศจิกายน 2562 ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ว่า ครม.เห็นชอบหลักการดำเนินโครงการโรงเรียนประชารัฐจังหวัดชายแดนภาคใต้ในพื้นที่จังหวัดปัตตานี ยะลา นราธิวาสและ 4 อำเภอจังหวัดสงขลา ได้แก่ จะนะ เทพา นาทวี สะบ้าย้อย ทั้งนี้ สืบเนื่องจากข้อสั่งการของนายกฯเมื่อปี 60 ให้มีการปรับระดับโรงเรียนประถมศึกษาและมัธยมศึกษาในพื้นที่อำเภอละ 1 แห่งให้เป็นโรงเรียนประจำ

โครงการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อให้นักเรียนที่ยากจน หรือนักเรียนที่ถูกทอดทิ้งไม่มีผู้อุปการะ และได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ ให้ได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐานอย่างเท่าเทียม และทั่วถึงเพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ยกระดับคุณภาพชีวิตในคนในพื้นที่ด้วย ทั้งนี้โครงการดังกล่าวเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 61 ถึงปัจจุบันและมีโรงเรียนในโครงการ 64 โรงเรียน มีนักเรียน 5,049 คน คาดว่าจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานได้ของบประมาณจากครม.วงเงิน 3,416.54 ล้านบาท แบ่งเป็นจ้างครูรายเดือน ซื้อสื่อการเรียนการสอน 132.81 ล้านบาท งบลงทุนในการก่อสร้างหอนอนและครุภัณฑ์ 1,031.37 ล้านบาท งบอุดหนุนเพื่อเป็นค่าอาหาร 3มื้อและค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมจากงบฯอุดหนุนรายหัว 2,252.36 ล้านบาท

“ครู กศน.”งง! บรรยายให้ฟัง”หญิงหน่อย”ฟัง โดนย้ายออกนอกพื้นที่เลย

People Unity News : คุณหญิงสุดารัตน์ ประกาศทวงความยุติธรรมให้ครูกศน.บ้านโต้น หลังถูกย้ายออกนอกพื้นที่ เพราะมาบรรยายให้ฟัง ทั้งที่ตั้งใจทำงานให้ประชาชนในพื้นที่มาโดยตลอด

วันที่ 26 พฤศจิกายน 2562 คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ได้เขียนข้อความผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจของตนเอง โดยระบุว่า ทำกันแบบนี้ได้หรือ ข้าราชการที่ทำงานเพื่อประชาชน ต้องถูกกลั่นแกล้ง ทวงคืนความยุติธรรมให้ครูประยุทธ

คุณหญิงสุดารัตน์ ได้เล่ารายละเอียดสำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ตนเองได้ลงพื้นที่ตำบลบ้านโต้น อำเภอพระยืน จังหวัดขอนแก่น เพื่อมาพบกับเกษตรกรกลุ่มเกษตรอินทรีย์ อีสานเขียวบ้านโต้น ที่ทำงานร่วมกันมาหลายปี ในการสนับสนุนพี่น้องที่ปลูกข้าวอินทรีย์ พร้อมทั้งให้กำลังใจ เพราะขณะนี้ ข้าวเปลือกราคาตกต่ำมาก ทั้งที่ปีนี้ ผลผลิตข้าวของชาวนามีปริมาณน้อย จากภัยแล้งและน้ำท่วมภาคอีสาน และยังถูกกดราคาขาย โดยที่รัฐไม่ได้ลงมาเหลียวแลเลย

เกษตรกรกลุ่มเกษตรอินทรีย์ อีสานเขียวบ้านโต้น มีครูประยุทธ ขันหนองโพธิ์ เป็นผู้นำกลุ่ม ซึ่งมีความเข้มแข็ง ปลูกข้าวอินทรีย์คุณภาพ ด้วยความตั้งใจ จนได้รับใบรับรองจากกรมการข้าว เป็นข้าวอินทรีย์ระยะปรับเปลี่ยนเข้าสู่ปีที่ 3

คุหญิงสุดารัตน์ระบุอีกว่า ครูประยุทธ ขันหนองโพธิ์ เป็นหัวหน้า กศน.บ้านโต้น ครูทุ่มเททำงานให้กับชาวบ้าน พัฒนาการขายข้าวด้วยการใช้ช่องทางออนไลน์ นำเทคโนโลยีเข้ามาสร้างมูลค่าให้กับกลุ่มเกษตรอินทรีย์ของชุมชน ถึงขนาดเคยถูกเสนอชื่อให้ได้รับรางวัลอีสานทองคำมาแล้ว หน่อยเชื่อว่า ครูมีแต่ความตั้งใจดี ที่จะพัฒนาชุมชน เพื่อให้ชาวบ้านมีชีวิตที่ดีขึ้น

เกษตรกรกลุ่มเกษตรอินทรีย์ อีสานเขียวบ้านโต้น ได้เข้าร่วมโครงการข้าวสานธรรม ของมูลนิธิไทยพึ่งไทย โดยคุณหญิงสุดารัตน์ได้รับซื้อข้าวคุณภาพจากเกษตรกร เพื่อมาจำหน่ายให้ผู้บริโภคในกรุงเทพฯ ได้รับประทานข้าวออแกนิกซ์ ที่ปลอดสารพิษ และยังมีคุณค่าทางอาหารมากมาย โดยปีนี้ ได้ซื้อข้าวจากเกษตรกรกลุ่มนี้ 6,000 กก. เพื่อช่วยให้เกษตรกรขายข้าวได้ในราคายุติธรรม

“แต่หลังจากตนเองกลับมาจากขอนแก่น ก็มีเรื่องให้เศร้าใจ และรู้สึกถึงความอยุติธรรม ที่ไร้เหตุผลอย่างยิ่ง เพราะมีการสั่งย้ายครูประยุทธ ข้าราชการน้ำดี ที่ตั้งใจทำงานพัฒนาชุมชนบ้านโต้นมาโดยตลอด ออกจากพื้นที่ เพียงเพราะมาทำงานกับหน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ระบุ

พร้อมยังบอกอีกว่า หลังจากที่ครูประยุทธถูกย้ายออกจากพื้นที่ คุณแม่ของครูซึ่งอายุมากแล้ว ก็ล้มป่วย เพราะเป็นห่วงลูก มิหน้ำซ้ำ เมื่อ ส.ส.บัลลังก์ อรรณนพพร ส.ส.พรรคเพื่อไทย ได้นำเรื่องนี้มาหารือในสภา เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ครูประยุทธกลับถูกตั้งกรรมการสอบ ทั้ง ๆ ที่ ไม่มีผู้ร้องเรียน หรือหาเหตุผลใด ๆไม่ได้เลย จึงชัดเจนว่านี่คือการเล่นการเมืองสกปรกของนักการเมืองเลวบางคน ที่มุ่งแต่จะใช้อำนาจเพื่อตัวเอง ไม่มองผลประโยชน์ของประชาชน

ท้ายสุด คุณหญิงสุดารัตน์ประกาศว่า ตนเองและทีมเพื่อไทย จะไม่ปล่อยให้คนดีต้องโดนผู้มีอำนาจกลั่นแกล้ง อย่างไร้ความยุติธรรม และขอยืนเคียงข้างครูประยุทธ พร้อมยืนยันว่า ครูมีแต่ความตั้งใจดีเพื่อชาวบ้านเอาประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง

“ขอเรียกร้องความยุติธรรมของครูกลับคืนมา นี่ไม่ใช่เรื่องการเมือง เป็นเรื่องการช่วยเกษตรกร ครูไม่ใช่คนของใคร แต่เป็นคนของชาวบ้านและชุมชนค่ะ แล้วทำไม ผู้มีอำนาจต้องย้ายครูประยุทธ นายกฯ ประยุทธ์ ช่วยตอบให้ชัด ๆ ด้วย” คุณฆยิงสุดารัตน์ระบุทิ้งทาย

วิปกลุ่มกิจสังคมใหม่จี้รบ.แก้ “ศก.แย่-คนตกงาน”

People Unity News : กลุ่ม”ชัช”กิจสังคมใหม่ประชุม จี้รบ.แก้ “ศก.แย่-คนตกงาน” แต่ค้านตั้งกมธ.ศึกษาผลกระทบจากการกระทำ ประกาศและคำสั่งของคสช.

วันที่ 26 พฤศจิกายน 2562 นายชื่นชอบ คงอุดม โฆษกกลุ่มกิจสังคมใหม่ แถลงภายหลังการประชุมสรุปการประชุม 4 พรรคเล็กหรือกลุ่มกิจสังคมใหม่ว่า สาระสำคัญในที่ประชุม คือ การทำงานเวลานี้จำเป็นต้องเน้นการแก้ปัญหาปากท้องของประชาชนนำหน้าปัญหาทางการเมือง โดย สรุปคือ

1.กลุ่มกิจสังคมใหม่ได้พิจารณาประเด็นสภาพปัญหาเศรษฐกิจเกิดภาวะคนตกงาน จากกรณีการถูกเลิกจ้างเพราะผู้ประกอบการบางรายที่ได้รับผลกระทบภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ กลุ่มกิจสังคมใหม่จะจัดทำข้อเสนอต่อนายกรัฐมนตรี ให้มีการกำหนดมาตรการดูแล และช่วยเหลือแรงงานที่ถูกเลิกจ้างเพิ่มเติม

2. กลุ่มกิจสังคมใหม่ ได้พิจารณาประเด็น การเสนอให้มีการจัดตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ เพื่อศึกษาผลกระทบจากการกระทำ ประกาศและคำสั่งของคสช. ตามมาตรา 44 ทางกลุ่มกิจสังคมใหม่ มีมติไม่เห็นด้วย กับข้อเสนอที่จะจัดตั้งคณะกรรมาธิการฯ ในเรื่องนี้ เนื่องจาก ปัจจุบัน ได้มีคณะกรรมาธิการต่าง ๆ ที่สามารถกลั่นกรองความคิดเห็น สภาพปัญหาที่กระทบประชาชนและหน่วยงาน เพื่อเสนอต่อการตัดสินใจของผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบ

3. กลุ่มกิจสังคมใหม่ ได้พิจารณาประเด็นการเสนอให้มีกรรมาธิการวิสามัญแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่ประชุมมีมติเห็นด้วยกับแนวทางจัดตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่เสนอเพิ่มเติมว่า ควรที่จะมีตัวแทนของทุกพรรคการเมืองร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ

กลุ่มกิจสังคมใหม่จะจัดประชุมทุกสัปดาห์ และจะเริ่มลงพื้นที่พบปะประชาชน เพื่อเร่งนำปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนกลุ่มต่าง ๆ และแนวทางแก้ไขปัญหา เสนอต่อผู้มีหน้าที่รับผิดชอบต่อไป

สำหรับกลุ่มกิจสังคมใหม่ประกอบด้วยนายชัชวาลล์ คงอุดม หัวหน้าพรรคพลังท้องถิ่นไท นายดำรงค์ พิเดช หัวหน้าพรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย นายพิเชษฐ สถิรชวาล หัวหน้าพรรคประชาธรรมไทย และนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์

“จุรินทร์”เปิดปชป.รณรงค์”ยุติรุนแรง-เสมอภาค”ทางเพศ LGBT

People Unity News : “จุรินทร์”เป็นประธานเปิดการรณรงค์ยุติความรุนแรง ดันประชาธิปัตย์ ขับเคลื่อน 3 ข้อ ส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศ LGBT

วันที่ 26 พฤศจิกายน 2562 เวลา 15.30 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานเปิดการรณรงค์ยุติความรุนแรง โดยกล่าวว่า มีความยินดีที่ทุกฝ่ายให้ความสำคัญกับพรรคประชาธิปัตย์ที่ ช่วยกันคิดถึงทางออกไปทางแก้ไข และในการเสวนาวันนี้ขอฝากการบ้านให้ทุกฝ่ายและทุกคน คิดทำการบ้านให้ 3 ประเด็นเพื่อช่วยหาคำตอบในเรื่องของการที่จะทำอย่างไรให้เราที่จะส่งเสริมความเท่าเทียมระหว่างเพศให้เกิดขึ้นได้ในโลกของความเป็นจริงและเป็นรูปธรรม คือ

1.ช่วยหาคำตอบอย่างเป็นรูปธรรมว่าเราจะขจัดการเลือกปฏิบัติด้วยเหตุแห่งเพศได้อย่างเป็นรูปธรรมได้อย่างไร เพราะต้องยอมรับความจริงว่าสังคมเราปัจจุบันยังมีการเลือกปฏิบัติอยู่มากมายหลายรูปแบบทั้งในเรื่องของการจ้างงานซึ่งได้มีการพูดคุยในคณะกรรมการส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศที่ผมเป็นประธานกรรมการระดับประเทศอยู่ อย่างไรก็ตามตนเพิ่งประชุมที่ทำเนียบรัฐบาลมาเมื่อไม่กี่วันมานี้เกี่ยวกับงานเชิงนโยบาย และที่อยากได้คำตอบเรื่องนี้เช่นเดียวกัน และพรรคประชาธิปัตย์อยากได้คำตอบเรื่องนี้อย่างเป็นรูปธรรม คือ จะขจัดการเลือกปฏิบัติด้วยเหตุแห่งเพศได้อย่างไรเรื่องการจ้างงาน ค่าตอบแทนที่ยังไม่เท่าเทียมในเรื่องของตำแหน่ง ในเรื่องของความก้าวหน้าในงาน ทั้งในส่วนของภาคราชการ ภาคเอกชนและการเข้าถึงบริการสาธารณะ หรือการหาคำตอบในเรื่องของการถ้าจะอุปสรรคในการเข้ารับบริการสาธารณะด้วยเหตุแห่งความแตกต่างทางเพศที่ทำให้เกิดการเลือกปฏิบัติ เหล่านี้เป็นประเด็นที่พวกผมอยากได้รับคำตอบที่เป็นรูปธรรมเพื่อพลักดันร่วมกับพวกเราต่อไป

2.เราจะร่วมด้วยช่วยกันในการสร้างหลักคิดที่ถูกต้องให้เกิดขึ้นในสังคมได้อย่างไร ทุกเพศมีความเสมอภาคเท่าเทียมกัน และเราจะช่วยกันดำเนินการอย่างไรที่จะเปลี่ยนความคิดบรรทัดฐานของสังคม ที่ยังมีความรู้สึกบางประการในทางลบกับเพศสภาพบางเพศสภาพซึ่งผมคิดว่านี่คือสิ่งที่เราต้องช่วยกันเปลี่ยนหลักคิดของสังคมให้เกิดขึ้นได้อย่างเป็นรูปธรรมอย่างแท้จริง และในประการที่สามที่เป็นหัวใจสำคัญที่ตนคิดว่าเป็นที่มาของการรณรงค์ของเราในช่วงเดือนพฤศจิกายน ของ UN ดังนี้เราจะช่วยกันลดหรือขจัดความรุนแรงด้วยเหตุแห่งเพศได้อย่างไร

“เพราะตัวเลขเท่าที่ผมมีอยู่น่าเป็นห่วงมากตัวเลขสถิติของการใช้ความรุนแรงโดยเฉพาะต่อสตรีมีความน่าเป็นห่วงและผมคิดว่าจะลามไปถึง LGBT ด้วย ซึ่งกำลังเป็นปัญหาเช่นเดียวกันแต่ยังไม่มีการรวบรวมตัวเลขเรื่อง LGBT แต่อย่างน้อยกับสตรีก็เป็นตัวสะท้อนที่น่าห่วงก็คือสถิติของ UN Human Rights ปีที่แล้ว 2018 ที่สำรวจมาทั่วโลกพบว่าในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาความรุนแรงที่เกิดขึ้นต่อสตรีไม่ได้ลดลง แปลว่าอย่างน้อยก็เท่าเดิมเท่าเดิมก็แย่แล้วหรือว่าอาจจะเพิ่มขึ้นด้วยซ้ำนี่คือสิ่งที่น่าเป็นห่วงตัวเลขนอกจากนั้นก็คือว่าถึงร้อยละ 83 ของสตรีเพศที่ถูกทำร้ายมาจากคนใกล้ตัวอันนี้ยิ่งน่าเป็นห่วงเพราะเราไม่รู้ว่าคนข้างๆ เราจะก่อความรุนแรงกับเราเมื่อไหร่” นายจุรินทร์ กล่าว

นายจุรินทร์ กล่าวว่า ประการที่ 3 ตัวเลขถัดมาก็คือว่าคนใกล้ตัวไม่ว่าจะเป็นคนรักคู่สมรส คนในครอบครัวหรือญาติพี่น้องก็ตาม ได้ก่อเหตุแห่งความรุนแรงจนกระทั่งทำร้ายให้เกิดการเสียชีวิตตัวเลขเฉลี่ยถึง 157 คนต่อวันคือตัวเลขที่ผมคิดว่าน่าเป็นห่วงอย่างยิ่งและเราต้องช่วยกันหาทางแก้ปัญหาเหล่านี้ และสำหรับด้านกฎหมายที่ได้มีการดำเนินการกันมาอย่างต่อเนื่องนั้นทางพรรคประชาธิปัตย์โดยตนจะได้นำเข้าที่ประชุมพรรคเพื่อหารือและดำเนินการต่อไป

“ปิยบุตร”วอน ส.ส.ทั้งสภาฯตั้ง กมธ.ศึกษาคำสั่ง ม.44 หวั่นเกิดวัฒนธรรมรัฐประหารแล้วไม่มีความรับผิดชอบ

People Unity News : “ปิยบุตร” เตรียมอภิปรายสรุปญัตติตั้ง กมธ.ศึกษาคำสั่ง ม.44 – ชี้ไม่ใช่เรื่องฝ่ายค้านหรือ รบ. แต่เป็นสิ่งที่ ส.ส.ต้องช่วยกัน – ลั่นอย่าปล่อยให้เกิดวัฒนธรรมความไม่รับผิดชอบ – ลุยต่อ ญัตติแก้ รธน. ควรให้เวลาถกเต็มที่

เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน ที่พรรคอนาคตใหม่ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ กล่าวถึงการประชุมสภาผู้แทนราษฎรในช่วงสัปดาห์นี้ โดยระบุว่า น่าจะมีการลงมติตั้ง กมธ.วิสามัญเพื่อศึกษาผลกระทบ เกี่ยวกับการใช้อำนาจของ คสช. การออกคำสั่งของและการใช้มาตรา 44 ของ คสช. โดยตนจะเป็นผู้อภิปรายสรุปอีกครั้ง ในฐานะผู้เสนอญัตติ ทั้งนี้ เพิ่งทราบข่าวว่าวิปรัฐบาลยืนยันว่า ไม่เห็นด้วยให้มีการตั้ง กมธ. ซึ่งตนเห็นว่า เรื่องการศึกษาผลกระทบจากบรรดาคำสั่ง คสช. นี้ อยากให้มองข้ามเรื่องพรรครัฐบาล พรรคฝ่ายค้าน ให้มองว่าเป็นภารกิจร่วมกันของ ส.ส. เพราะในห้วงยามที่คณะรัฐประหารปกครองประเทศ ออกคำสั่งเป็นกฎหมายได้หมด ตอนนี้มีการเลือกตั้ง มี ส.ส.แล้ว จำเป็นต้องเอาบรรดาการใช้อำนาจเหล่านั้นมาทบทวน

“จริงอยู่ว่าเรามี กมธ.สามัญที่สามารถศึกษาเรื่องนี้ได้ คือ ชุดที่ตนเป็นประธาน นั่นคือ กมธ.กฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน แต่ถ้าจะให้ กมธ.ชุดนี้ศึกษา เห็นว่าจะจำกัดวงเฉพาะเแค่ กมธ. 15 คนเท่านั้น แต่ถ้าตั้ง กมธ.วิสามัญ มีความสำคัญคือ 1.นอกจากจะได้คนนอกมาร่วมศึกษาแล้ว ยังได้จัดสรรปันส่วนเปิดโอกาสให้เพื่อน ส.ส. ที่ติดตามประเด็นนี้ได้เข้ามานั่งร่วมกัน 2. แม้ที่ผ่านมามีการยกเลิกประกาศคำสั่ง คสช. แล้วหลายฉบับ แต่มีอีกหลายฉบับที่ยังไม่ยกเลิก และบางฉบับแม้เลิกแล้วแต่เกิดผลกระทบพี่น้องประชาชนจำนวนมาก ควรศึกษา ควรเยียวยาความเสียหาย ผลกระทบที่ประชาชนได้รับจากการใช้อำนาจนั้นหรือไม่ อย่างไร ไม่ใช่ว่ายกเลิกแล้วเลิกกันเลย จะทำให้เกิดวัฒนธรรมความไม่รับผิดชอบเกิดขึ้นได้” นายปิยบุตร กล่าว

นายปิยบุตร กล่าวว่า อยากเชิญชวน ส.ส. ซีกรัฐบาลช่วยกันลงมติเรื่องนี้ นี่ไม่ใช่เรื่องฝ่ายค้านหรือรัฐบาล แต่เป็นเรื่องของสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งมี ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลก็ร่วมกันยื่นญัตติที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หลายท่าน และที่ผ่าน ส.ส. หลายท่านก็ได้รับผลกระทบจากการใช้อำนาจตามประกาศคำสั่ง การลงมติเรื่องนี้ไม่ใช่ การไปนั่งทวงถาม เช็คบิล ตัว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่เป็นการศึกษาเพื่อเป็นบทเรียนว่า การออกประกาศตามคำสั่งนั้น สร้างความเสียหาย สร้างผลกระทบอย่างไรบ้าง ศึกษาเพื่อเป็นข้อเสนอแนะต่อไป

“แนวนโยบายหนึ่งของพรรคอนาคตใหม่ ที่ประกาศชัดเจนมากคือ การเข้าไปจัดการประกาศคำสั่งต่างๆ ของ คสช. ทั้งที่หลงเหลือและยกเลิกไปแล้ว ดังนั้น ส.ส. ที่ลงเลือกตั้งในนามของพรรคอนาคตใหม่ย่อมรู้อยู่แล้วว่ามีเรื่องนี้ ถ้าไม่คิดถึงเรื่องความเป็นพรรค แล้วอ้างประชาชนในพื้นที่อย่างเดียวเลย ถามว่าสุดท้ายแล้วจะมีพรรคการเมืองไว้ทำไม มีพรรคเพียงเพื่อสังกัดลง ส.ส. เท่านั้นเองโดย ไม่ได้ยึดโยงอุดมการณ์ของพรรคอะไรเลยเหรอ” นายปิยบุตร กล่าว

นายปิยบุตร กล่าวอีกว่า ยังมีญัตติเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่คาดว่าจะเข้ามาในสัปดาห์นี้ด้วย สมาชิกที่เสนอญัตตินี้มาจากหลายพรรค การเมือง ไม่ว่าจะเป็น เพื่อไทย อนาคตใหม่ ประชาธิปปัตย์ ชาติไทย พลังประชารัฐ ซึ่งจะมีผู้เสนอญัตติได้อภิปรายหลายท่านโดยไม่จำกัดเวลา รวมถึง เพื่อนสมาชิกที่สนใจประเด็นนี้ ดังนั้น อยากขอเวลาสภา ไม่อยากให้เร่งว่าต้องรีบอภิปรายให้จบ แล้วมาเร่งตั้ง กมธ. ตนอยากขอว่า อภิปรายไม่จบก็สามารถอภิปรายต่อ สัปดาห์หน้ายังมี เพื่อให้สมาชิกได้อภิปรายเกี่ยวกับการแก้รัฐธรรมนูญอย่างเต็มที่

” ในส่วนของ กมธ. ถ้าเป็นตามสัดส่วนแบบเดิม อนาคตใหม่จะได้โควต้า 6 คน จะมีทั้ง ส.ส. และบุคคลภายนอก หลักการอนาคตใหม่ยืนยัน เราจะไม่ให้ใครที่เคยมีส่วนร่วมในการร่างรัฐธรรมนูญของคณะรัฐประหารเข้ามาอยู่ใน กมธ. ชุดนี้ในสัดส่วนของพรรค เราจะมีทั้งภาคประชาชน นักวิชาการมาร่วม ซึ่ง กมธ. ชุดนี้ ต่อไปจะเป็นส่วนหนึ่งผลักดันประเด็นเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ ในระดับสภา ดังนั้น ต้องเอาคนภายนอกที่สนใจประเด็นเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญมาร่วมกันให้มากที่สุด” นายปิยบุตร กล่าว

“กรมวิชาการเกษตร”ไม่เต็มใจแบนสารพิษ! “อนุทิน”แนะ”มนัญญา” แสดงสปิริตเลิกดูแล

People Unity News : “อนุทิน”แนะ”มนัญญา”ทบทวนคืน”กรมวิชาการเกษตร” หากหน่วยงานไม่เต็มใจแบนสารพิษ ด้านรมช.เกษตร ชี้ม็อบเสื้อดำกดดันไม่มีผลอะไร ย้ำทุกอย่างต้องดำเนินไปตามกฎหมาย ขอรอฟังมติคกก.วัตถุอันตราย 27 พ.ย. ก่อนชัดเจนจะเดินหน้าต่ออย่างไร ลั่น หากลบล้างมติเดิมต้องมีเหตุผลหนักแน่น

วันที่ 26 พฤศจิกายน 2562 จากกรณีที่กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เสนอให้เลื่อนการแบนสารพิษออกไปอีก 6 เดือนนั้น นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ต้องย้อนทบทวนว่าคณะกรรมการวัตถุอันตรายมีความพยายามจะแบนสารพิษมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2560 ถึงขั้นควบคุมการใช้ มันเป็นสัญญาณแล้วว่าประเทศไทย กำลังจะแบนสารพิษ แต่กลับมีการนำเข้ามาสต็อกเพิ่ม ขอถามว่าใครผิด ใครถูก ที่ต้องพูดเพราะว่าการแบนสารพิษที่กำลังผลักดันนั้น ไม่ได้คิด และทำอย่างปุบปับ แต่เราทำตามมติเดิม

“ส่วนที่กรมวิชาการเกษตร มีข้อเสนอออกมานั้น มันชัดเจนอยู่แล้วว่าทางกรมวิชาการเกษตร ไม่ได้เชื่อฟังรัฐมนตรีที่กำกับดูแลอย่างนางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรและสหกรณ์ ถ้าหน่วยงานไม่สนองนโยบายของผู้บังคับบัญชาที่สั่งอย่างถูกกฎหมาย และเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ มันจะต้องจัดการอย่างไร นางสาวมนัญญา อาจจะต้องแสดงสปีริตบางอย่าง หรือคืนกรมวิชาการเกษตรไป แล้วนำกรมใหม่มาดูแล ซึ่งเป็นความรับผิดชอบของนางสาวมนัญญา ในการตัดสินใจเรื่องนี้ ว่าจะเดินหน้าอย่างไร ซึ่งทุกอย่างจะชัดเจน หลังจากคณะกรรมการวัตถุอันตราย มีการตัดสินใจอย่างหนึ่ง อย่างใดออกมา”

เมื่อถามว่าหากต้องชะลอการแบนออกไปตามข้อเสนอของกรมวิชาการเกษตร ทางกระทรวงสาธารณสุข และพรรคภูมิใจไทย จะเดินหน้าต่ออย่างไร นายอนุทิน ตอบว่า ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข อย่างไรเสีย เราต้องยืนยันการแบน เพราะเป็นพันธกิจของกระทรวงในการดูแลสุขภาพของประชาชน ทั้งนี้ หากคณะกรรมการวัตถุอันตราย มีมติไม่แบน แต่ทำตามกฎหมาย เราจะไปทำอะไรได้ เช่นเดียวกับพรรคภูมิใจไทย หากคณะกรรมการวัตถุอันตรายจะเลื่อน หรือจะยกเลิกแบน และเขาทำตามอำนาจหน้าที่ของเขาอย่างถูกกฎหมาย เราก็ได้แต่บอกว่าไม่เห็นด้วย เพราะที่สุดแล้ว การตัดสินใจเรื่องสารพิษข้างต้น เป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการวัตถุอันตราย

“มนัญญา”ชี้ม็อบเสื้อดำกดดันไม่มีผลอะไร

นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงข้อสรุปเรื่องการแบน 3 สารพิษที่ล่าสุดมีกลุ่มเกษตรกรออกมาคัดค้านว่า ขอให้รอมติที่ประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตรายในวันพรุ่งนี้ก่อนแล้วจะดำเนินการอย่างไรก็เป็นอีกขั้นตอนหนึ่ง

ผู้สื่อข่าวถามว่าการที่มีม็อบคัดค้านการแบนสารพิษ มากดดันแบบนี้จะมีผลต่อการประชุมของคณะกรรมการวัตถุอันตรายในวันพรุ่งนี้หรือไม่ นางสาวมนัญญา กล่าวว่า  สำหรับตนไม่มีผลเพราะทุกอย่างต้องดำเนินการไปตามกฎหมายและตามมติของคณะกรรมการที่มีออกมาก่อนหน้านี้ ซึ่งอยู่ที่คณะกรรมการฯจะเดินหน้าไปแบบไหนมากกว่า และเรื่องนี้มีความเกี่ยวข้องหลายฝ่าย ก็ต้องให้หลายฝ่ายเป็นผู้ตัดสินดู ตอนนี้เรายื่นสุดมือแล้ว จากนี้ก็ขอให้เป็นเรื่องของทางคณะกรรมการฯที่จะตัดสินว่าจะออกมาเป็นแบบไหน

เมื่อถามว่าได้คุยกับนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรฯในเรื่องนี้บ้างหรือไม่ เพราะไม่เห็นด้วยกับการแบน 3 สารพิษนี้เหมือนกัน นางสาวมนัญญา กล่าวว่า วันนี้ก็เจอ แต่ไม่เห็นพูดอะไร

เมื่อถามว่ามีแนวโน้มที่จะทำตามที่กลุ่มม็อบออกมาเรียกร้องหรือไม่ รมช.เกษตรฯ กล่าวว่า หลังจากพรุ่งนี้แล้ว เราก็จะมาประชุมกันอีกครั้งว่าจะมีแนวทางออกมาแบบไหน แต่ความจริง การลด ละ เลิก ก็เป็นนโยบายของนายกฯอยู่แล้วที่ต้องการจะลด ละ เลิก การใช้สารเคมีในประเทศไทยให้น้อยลง ซึ่งเราก็ทำตามนโยบายของรัฐบาลอยู่แล้ว ไม่ได้ทำอะไรแตกต่างเลย และเรื่องนี้ความจริงไม่ได้เกิดในสมัยนี้ แต่เกิดมานานแล้ว และเราก็มาสานต่อให้เป็นรูปธรรม

“หากจะมีการเปลี่ยนแปลงมติครั้งแรก ในครั้งที่สองมันก็ต้องมีความหนักแน่นว่ามีเหตุผลอะไรที่จะไปลบล้างคำสั่งหรือมติครั้งแรกได้”

ผู้สื่อข่าวถามว่าการที่มติคณะกรรมการวัตถุอันตรายให้เลิกใช้สารเคมีเหล่านี้ แล้วมีสารอะไรที่จะมาทดแทนหรือยัง นางสาวมนัญญา กล่าวว่า หากพูดถึงสารเคมีในประเทศไทยมีมาอยู่แล้ว แต่ที่จะนำเข้ามาเพื่อมาทดแทน 3 สารเคมีเหล่านี้ไม่มีแน่นอน ซึ่งในส่วนของสหกรณ์อาจจะมีการปรับเปลี่ยนมาเป็นเครื่องจักรแทน

ผู้สื่อข่าวถามถึงการทำประชาพิจารณ์คนส่วนใหญ่ 70 กว่าเปอร์เซ็นที่ไม่อยากให้มีการแบน 3 สารพิษ นางสาวมนัญญา กล่าวว่า ประชาพิจารณ์นี้ ตนไม่ทราบว่าไปเอามาจากไหน  มีคำสั่งมาหรือเปล่า ทุกอย่างก็ต้องมีลายลักษณ์อักษร

“เราไม่เห็นว่า ที่ให้มาทำนั้น กลับมาทำอะไร ไม่ได้บอกว่าให้มาทำประชาพิจารณ์หรือให้กลับมาทำอะไร ตรงนี้เราไม่เห็นจึงไม่สามารถตอบได้ คำว่าประชาพิจารณ์มันต้องดูว่าจริงๆ แล้วช่องทางที่เกษตรกรจะเข้าถึงจริงๆ อยู่ตรงไหน เพราะทุกคนจะต้องเข้าถึงได้ในทุกช่องทาง ไม่ใช่กลุ่มหนึ่งกลุ่มใดและต้องประชาพิจารณ์ไปทุกจังหวัด เพราะเกษตรกรอยู่ทั่วประเทศไทย ต้องดูจากเปอร์เซ็นด้วยว่าได้หรือไม่”

เมื่อถามว่าส่วนตัวยอมรับกับมติของคณะกรรมการฯที่จะออกมาในวันพรุ่งนี้หรือไม่ นางสาวมนัญญา กล่าวว่า “ขอเก็บเป็นความลับไว้พรุ่งนี้ก็แล้วกัน แต่มีอยู่ในใจแล้วทุกอย่าง”

เมื่อถามว่าส่วนตัวมองว่าเรื่องนี้น่าจะมีอะไรซ่อนเร้น ถึงได้มีการเสนอให้มีการยืดมติออกไปอีก 6 เดือน หรือให้มีการทบทวนมติใหม่ นางสาวมนัญญา กล่าวว่า มันอาจจะมีอะไรก็ได้ ซึ่งเราไม่สามารถจะรู้ได้ว่าจะมีอะไรต่อไป  อย่างไรก็ตามคิดว่าเรื่องนี้ไม่น่าจะมีผลกระทบอะไรกับรัฐบาลโดยรวม

Verified by ExactMetrics