วันที่ 29 มีนาคม 2024

ก.วัฒนธรรมจัดงาน “ใต้ร่มพระบารมี 236 ปีกรุงรัตนโกสินทร์” 21-25 เม.ย. ชวนออเจ้าแต่งชุดไทยย้อนยุคร่วมริ้วขบวน

People unity news online : กระทรวงวัฒนธรรม จัดงานใต้ร่มพระบารมี 236 ปี กรุงรัตนโกสินทร์ ระหว่างวันที่ 21-25 เม.ย.นี้ โชว์ 11 ริ้วขบวนแสดงการสถาปนากรุงเทพฯ – ประวัติศาสตร์สำคัญ 10 รัชกาล นายกรัฐมนตรีเชิญชวนประชาชนร่วมงานใต้ร่มพระบารมี 236 ปี กรุงรัตนโกสินทร์ มีพิธีเปิด 21 เม.ย. เวลา 18.15 น. ณ ลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์ กรุงเทพฯ

เมื่อวานนี้ (17 เมษายน 2561) เวลา 08.30 น. ณ ห้องโถงกลาง ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม และคณะ เข้าพบ พลเอก ประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อประชาสัมพันธ์การจัดกิจกรรมการรณรงค์งานมหกรรมวัฒนธรรมรัตนโกสินทร์ “ใต้ร่มพระบารมี 236 ปี กรุงรัตนโกสินทร์”

โอกาสนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมได้กล่าวรายงานว่า กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับหน่วยงานรัฐและภาคเอกชน จัดงานมหกรรมวัฒนธรรมใต้ร่มพระบารมี 236 ปี กรุงรัตนโกสินทร์ ระหว่างวันที่ 21-25 เมษายน 2561 รวม 5 วัน เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรีที่ทรงสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์และเพื่อเทิดพระเกียรติพระมหากษัตริย์ไทยทุกพระองค์ในราชวงศ์จักรีที่ได้ทรงนำพาและพัฒนาประเทศให้เป็นปึกแผ่นและมีความเจริญรุ่งเรืองมาครบรอบ 236 ปี โดยงานครั้งนี้มีพิธีเปิดในวันที่ 21 เมษายน 2561 เวลา 18.15 น. ณ ลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์ กรุงเทพมหานคร และมีริ้วขบวนที่แสดงถึงประวัติความเป็นมาของกรุงรัตนโกสินทร์และเหตุการณ์สำคัญสมัยรัชกาลที่ 1 ถึงรัชกาลที่ 10 ภายใต้แนวคิด “รัตนโกสินทร์เรือนรอง” จำนวน 11 ริ้วขบวน ได้แก่ 1) เฉลิมฉลอง 236 ปี กรุงรัตนโกสินทร์ 2) รัชกาลที่ 1 สร้างบ้านแปงเมือง 3) รัชกาลที่ 2 ฟูเฟื่องวรรณกรรม 4) รัชกาลที่ 3 เลิศล้ำเศรษฐกิจ 5) รัชกาลที่ 4 แนวคิดอารยะ 6) รัชกาลที่ 5 วัฒนะสู่สากล 7) รัชกาลที่ 6 มากล้นการศึกษา 8) รัชกาลที่ 7 ประชาธิปไตย 9) รัชกาลที่ 8 นำไทยสามัคคี 10) รัชกาลที่ 9 พระบารมีเปี่ยมล้น และ 11) รัชกาลที่ 10 ประชาชนเปี่ยมสุข โดยประชาชนสามารถแต่งกายด้วยชุดไทยสมัยต่างๆ เข้าร่วมริ้วขบวนดังกล่าวได้ โดยพร้อมเพรียงกัน

ทั้งนี้ ริ้วขบวนจะเริ่มเคลื่อนจากพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์ ผ่านถนนราชดำเนินกลางสนามหลวงและถึงโรงละครวังหน้า ส่วนกิจกรรมด้านศาสนามีในวันที่ 21 เมษายน 2561 เวลา 07.00 น. มีพิธีบำเพ็ญกุศลถวายแด่สมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชและพิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ 237 รูป ณ ลานคนเมือง หน้าศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร และเวลา 08.30 น. พิธีบวงสรวงศาลหลักเมืองกรุงเทพมหานคร ณ ศาลหลักเมืองกรุงเทพมหานคร หลักจากนั้น เวลา 10.00 น. มีพิธี 5 ศาสนามหามงคล ณ โรงละครแห่งชาติ (โรงใหญ่) นอกจากนี้ มีกิจกรรมในพื้นที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร และรอบเการัตนโกสินทร์ ได้แก่

1.โรงละครแห่งชาติ (โรงใหญ่) วันที่ 21-25 เมษายน 2561 เวลา 16.00-19.00 น. กิจกรรมสุดยอดการแสดงยุครัตนโกสินทร์และการแสดงจากมิตรประเทศ ได้แก่ การแสดงนาฏยหุ่นไทย (ชุมนุมหุ่นไทย) โขนเรื่อง “รามเกียรติ์ ชุดรามราชจักรี” อุปรากรจีน (งิ้ว) เรื่อง รามเกียรติ์ และกิจกรรมในโซน “เสน่ห์ไทยวันวาน” มีการสาธิตภูมิปัญญาและจำหน่ายอาหารไทยโบราณ บริการให้เช่าชุดไทยย้อนยุค แต่งกายย้อนยุคถ่ายภาพย้อนวันวาน

2.โรงละครแห่งชาติ (โรงเล็ก) วันที่ 22-24 เมษายน 2561 เวลา 13.00-15.00 น. เสวนาทางวิชาการที่เกี่ยวเนื่องกับกรุงรัตนโกสินทร์

3.พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร วันที่ 21-25 เมษายน 2561 เวลา 14.00-21.00 น. จัดเป็นโซน “เสน่ห์ไทยเมื่อวันวาน” มีการสาธิตภูมิปัญญาและจำหน่ายอาหารไทยโบราณ บริการให้เช่าชุดไทยย้อนยุค แต่งกายย้อนยุคถ่ายภาพย้อนวันวาน และการแสดงทางวัฒนธรรม ประกอบด้วย หุ่นละครเล็กคลองบางหลวง มหกรรมการแสดงพื้นบ้านนานาชาติ และกิจกรรมยลวังหน้ายามเย็น เยี่ยมพิพิธภัณฑ์ยามค่ำ

4.สวนสันติชัยปราการ (บางลำพู) วันที่ 21-25 เมษายน 2561 จัดเป็นโซน “เสน่ห์บางกอก” สาธิตและจำหน่ายอาหารของดีวิถีชุมชน กรุงเทพมหานคร ร้านค้าของที่ระลึกชุมชนในบางกอก จุดถ่ายภาพ วิถีวัฒนธรรมชุมชนบางลำพู การแสดงทางวัฒนธรรม เวลา 18.00-21.00 น. ประกอบด้วย การแสดงดนตรีไทยจากดุริยประณีตชุมชนบางลำพู ละครนอก โขนสด และมีมัคคุเทศก์น้อยนำชมงาน

5.ลานคนเมือง หน้าศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร วันที่ 21-25 เมษายน จัดเป็นโซน “เสน่ห์วิถีถิ่น วิถีไทย” ตลาดประชารัฐร่วมใจ ของดีบ้านฉันจาก 4 ภาค สาธิตวิถีชีวิตชุมชน ประเพณีและวัฒนธรรมท้องถิ่น จำหน่ายสินค้าและอาหารพื้นเมือง และกิจกรรมการแสดงพื้นบ้าน เวลา 18.00-21.30 น. ประกอบด้วย มหกรรมการแสดงพื้นบ้าน มหกรรมการแสดงพื้นบ้านนานาชาติ คอนเสิร์ตศิลปินแห่งชาติ เป็นต้น

6.รอบเกาะรัตนโกสินทร์ วันที่ 21-25 เมษายน มีกิจกรรม ประกอบด้วย นิทรรศการและการแสดงต่างคล้าย ใช่เลย นิทรรศการและมหกรรมการแสดงพื้นบ้านนานาชาติ ที่หอศิลป์ร่วมสมัยราชดำเนิน กิจกรรมไหว้พระเสริมสิริมงคล เยี่ยมยล ชมวัง พิพิธภัณฑ์ หอศิลป์ และศาสนสถาน เช่น วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม วัดสุทัศนเทพวราราม วันบางขุนพรหม วังปารุสกวัน พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร นิทรรศน์รัตนโกสินทร์ มิวเซียมสยาม พิพิธภัณฑ์บางลำพู เทวสถาน เป็นต้น ประชาชนสามารถเข้าชมโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และมีรถโดยสารให้บริการฟรี ทั้งนี้จะมีพิธีปล่อยขบวนรถในวันที่ 21 เมษายน เวลา 09.30 น. ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ผ่านสถานที่ต่างๆรอบเกาะรัตนโกสินทร์ และสิ้นสุดที่วัดมหาธาตุยุวราชังสฤษฎิ์

7.โรงภาพยนตร์สกาล่า วันที่ 24-27 เมษายน กิจกรรมชมสุดยอดภาพยนตร์ไทยในสมัยรัชกาลที่ 9 และนิทรรศการ จำนวน 10 เรื่อง นอกจากนี้ จัดประกวดภาพถ่ายวัฒนธรรมไทยในสมัยรัชกาลที่ 10 เมษายนระหว่างเดือนจนถึงพฤษภาคมนี้ ทั้งนี้ ติดต่อสอบถามได้ที่สายด่วนวัฒนธรรม โทร 1765 หรือ www.m-culture.go.th

นายกรัฐมนตรีได้กล่าวเชิญชวนประชาชนมาร่วมกิจกรรมการจัดงานดังกล่าว เพื่อได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ความเป็นมาของประเทศในยุคกรุงรัตนโกสินทร์ เพื่อน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์ของราชวงศ์จักรี ซึ่งมีคุณูปการอย่างใหญ่หลวงต่อปวงชนชาวไทย ตลอดระยะเวลากว่า 236 ปีที่ผ่านมาจนกระทั่งถึงปัจจุบัน พร้อมร่วมแต่งกายด้วยชุดไทยสมัยรัชกาลต่างๆเข้าร่วมริ้วขบวนได้โดยพร้อมเพรียงกัน ในพิธีเปิดวันที่ 21 เมษายน 2561 เวลา 18.15 น. ณ ลานพลับพลาพระมหาเจษฎาบดินทร์ ถนนราชดำเนินกลาง กรุงเทพฯ

People unity news online : post 18 เมษายน 2561 เวลา 08.19 น.

ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้เลื่อนวันสุดท้ายการเข้ากราบพระบรมศพ เป็นวันที่ 5 ต.ค.60

People unity news online : สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้เลื่อนกำหนดวันสุดท้ายของการกราบถวายบังคมพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร จากเดิมวันที่ 30 กันยายน 2560 ออกไป เป็นถึงเวลา 24.00 นาฬิกา ของคืนวันที่ 5 ตุลาคม 2560

People unity news online : post 27 กันยายน 2560 เวลา 00.30 น.

ธ.ออมสินประกวดวาดภาพ “ออมมรดกศิลป์ แผ่นดินแม่” เทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ

People unity news online : ธนาคารออมสินจัดประกวดวาดภาพแนวคิด “ออมมรดกศิลป์ แผ่นดินแม่” เทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ชิงถ้วยพระราชทานจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และเงินรางวัลรวม 1.77 ล้านบาท พร้อมเปิดศูนย์รับผลงาน 4 ภูมิภาคทั่วประเทศ เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้รักศิลปะได้สร้างสรรค์ผลงานจิตรกรรม เปิดรับสมัครและรับผลงานพร้อมกันในเดือนกันยายน

5 กรกฎาคม 2561 นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ตามที่ธนาคารออมสินได้ให้การสนับสนุนกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับเด็กและเยาวชน เพื่อให้มีเวทีแสดงความสามารถทั้งทางด้านดนตรี กีฬา วิชาการ และด้านศิลปะการวาดภาพ ภายใต้โครงการ GSB Generation กิจกรรมการประกวดวาดภาพครั้งนี้จัดขึ้นเป็นปีที่ 3 ภายใต้แนวคิด “ออมมรดกศิลป์ แผ่นดินแม่” เพื่อเทิดพระเกียรติและเชิดชูพระเกียรติคุณสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ในฐานะทรงเป็น “อัคราภิรักษศิลปิน” ทรงพระปรีชาสามารถล้ำเลิศทุกแขนง ทรงตระหนักในคุณค่าความงดงามของศิลปะ ทรงทุ่มเทพละกำลังทั้งปวงในการทำนุบำรุงงานศิลปะไว้เป็นสมบัติศิลป์แห่งแผ่นดินไทย ทรงฟื้นฟูงานศิลปะที่แทบจะสูญสิ้นให้กลับมาสร้างคุณค่าและความภาคภูมิใจให้แก่ประชาชนชาวไทย ทรงเล็งเห็นศักยภาพของราษฎรที่มีความสามารถทางด้านศิลปหัตถกรรม จึงทรงอนุรักษ์ ทำนุบำรุง ส่งเสริม และฟื้นฟูศิลปะทุกแขนงของประเทศไทย ทั้งงานด้านหัตถศิลป์ ประติมากรรม นาฏศิลป์ ศิลปะพื้นบ้านที่เป็นมรดกตกทอดกันมาช้านาน ผลงานที่สร้างสรรค์ขึ้นล้วนเป็นงานประณีตศิลป์ชั้นสูง ให้ได้กลับมาโด่งดังเป็นที่ยอมรับมีชื่อเสียงแผ่ไพศาลไปยังนานาประเทศ และนำพาความผาสุก ความเจริญมาสู่อาณาประชาราษฎร์

“การจัดการประกวดวาดภาพในปีนี้มีความพิเศษกว่าทุกครั้งที่ผ่านมาคือ ธนาคารได้แบ่งประเภทการประกวดออกเป็น 4 ประเภทตามช่วงอายุ เพิ่มกิจกรรมโรดโชว์ไปตามมหาวิทยาลัยที่เป็นศูนย์กลางทั้ง 4 ภูมิภาค และมีการบรรยายพิเศษเกี่ยวกับมุมมองศิลปะ เพื่อเปิดโอกาสให้นักเรียนนักศึกษา หรือผู้สนใจทั่วไป ได้รับฟังแนวคิดและประสบการณ์ที่หาฟังได้ยากยิ่งจากวิทยากรและศิลปินที่มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับ นอกจากนี้ยังได้เพิ่มศูนย์รับผลงานทั้ง 3 ภูมิภาค ได้แก่ภาคเหนือ-มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ-มหาวิทยาลัยมหาสารคาม และภาคใต้-มหาวิทยาลัยทักษิณ สงขลา ทั้งนี้เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้เข้าประกวดให้สามารถเลือกจุดรับส่งผลงานใกล้ภูมิลำเนาของตนเอง สำหรับคณะกรรมการตัดสินยังคงเป็นคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ชุดเดิมนำทีมโดย ศาสตราจารย์เกียรติคุณอิทธิพล ตั้งโฉลก และศาสตรเมธี ดร.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์” ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กล่าว

ด้าน ศาสตรเมธี ดร.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติ หนึ่งในคณะกรรมการตัดสิน ได้แนะนำให้ศิลปินที่ส่งผลงานเข้าร่วมประกวดวาดภาพ “ออมมรดกศิลป์ แผ่นดินแม่” ว่า ทุกคนต้องแสดงความคิดสร้างสรรค์ของตนเองให้เต็มที่ต้องศึกษาค้นคว้าหาข้อมูลและตีโจทย์ให้แตก ซึ่งงานศิลปะต้องแสดงตัวตนที่ชัดเจนออกมาให้โดดเด่นเป็นที่สะดุดตาต้องมีความหมาย และสามารถสร้างความประทับใจให้กับผู้ที่ได้ชื่นชมผลงานศิลปะเหล่านั้น

การประกวดวาดภาพ “ออมมรดกศิลป์ แผ่นดินแม่” มีหลักเกณฑ์ที่สำคัญคือ เจ้าของผลงานที่ส่งเข้าประกวดต้องมีสัญชาติไทย และสร้างสรรค์ผลงานด้วยความคิดของตนเอง ที่สำคัญก่อนส่งผลงานเข้าประกวด ต้องสมัครเป็นสมาชิกเว็บไซต์ gsbgen.com สำหรับประเภทการประกวดแบ่งออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่ ประเภทที่ 1 บุคคลทั่วไป ประเภทที่ 2 เยาวชน อายุ 15-18 ปี (ผู้ที่เกิดพ.ศ. 2543-2546) ประเภทที่ 3 เยาวชน อายุ 11-14 ปี (ผู้ที่เกิด พ.ศ. 2547-2550) และประเภทที่ 4  เยาวชน อายุ 7-10 ปี (ผู้ที่เกิดพ.ศ. 2551-2554) โดยผู้ชนะการประกวดจะได้รับถ้วยรางวัลพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี  พร้อมเงินรางวัลรวมทั้งสิ้น 1.77 ล้านบาท

สำหรับผลงานที่ส่งเข้าประกวด ต้องเป็นงานศิลปะมีลักษณะโดยรวมเป็น 2 มิติ ทั้งนี้ผลงานที่ส่งเข้าประกวดทุกชิ้นจะต้องไม่เคยถูกตีพิมพ์หรือเข้าประกวดที่ใดมาก่อน และไม่ติดลิขสิทธิ์ของบุคคลหรือบริษัทอื่นใด ระยะเวลาในการส่งผลงาน คือกลางเดือนกันยายน 2561 โดยคณะกรรมการจะทำการคัดเลือกและตัดสินในส่วนภูมิภาคและกรุงเทพฯ ในเดือนตุลาคม ส่วนพิธีมอบรางวัลจะจัดขึ้นในเดือนพฤศจิกายน จากนั้นผลงานที่ได้รับรางวัลทุกชิ้นจะนำไปจัดแสดงนิทรรศการที่หอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพมหานคร (BACC) ในช่วงเดือนธันวาคม 2561

ผู้สนใจสามารถเข้าไปดูรายละเอียดการส่งผลงานเข้าประกวดวาดภาพ “ออมมรดกศิลป์ แผ่นดินแม่” ได้ทางเว็บไซต์ www.gsb.or.th และ www.gsbgen.com  รวมถึง Facebook Fanpage “ประกวดวาดภาพ ธนาคารออมสิน” ผู้สนใจสามารถกดติดตามข่าวความเคลื่อนไหวได้ทันที หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ทางอีเมลที่ gsbgen.art@gmail.com

People unity news online : post 5 กรกฎาคม 2561 เวลา 17.30 น.

รัฐบาลเดินหน้า “โครงการหลวง” สนองพระราชปณิธาน ร.10 “สืบสาน รักษา ต่อยอด”

People Unity News : รัฐบาลต่อยอด “โครงการหลวง” สนองพระราชปณิธานในหลวงรัชกาลที่ 10 “สืบสาน รักษา ต่อยอด”

วันนี้ (15 ก.ค. 63) เวลา 13.30 น. ณ ตึกภักดีบดินทร์  พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานประชุมคณะกรรมการประสานงานและสนับสนุนงานโครงการหลวง (กปส.) ครั้งที่ 1/2563 โดยมี นายจรัลธาดา กรรณสูต องคมนตรี ประธานกรรมการมูลนิธิโครงการหลวง  พลเอก กัมปนาท รุดดิษฐ์ องคมนตรี ประธานกรรมการบริหารมูลนิธิโครงการหลวง นายอำพน กิตติอำพน องคมนตรี ที่ปรึกษาพิเศษ สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) และกรรมการ ร่วมประชุม

ศาสตราจารย์นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  เปิดเผยว่า ที่ประชุมรับทราบผลการดำเนินงานประจำปีงบประมาณ 2562-2563 ของมูลนิธิโครงการหลวง และสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) หรือ สวพส. โดยโครงการหลวงได้รับการรับรองทะเบียนพันธุ์พืชใหม่กับกรมวิชาการเกษตรแล้ว 15 พันธุ์ และกำลังขอขึ้นทะเบียนพันธุ์ไม้ดอกมาลีรัตน์ วงศ์ขิง รวมทั้ง ฟักทองญี่ปุ่น คะน้าฮ่องกง และมะเขือเทศผลเล็ก ผลงานวิจัยที่นำไปพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวจากสารสกัดถั่งเช่า โยเกิร์ตนมกระบือ และผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุด คือ กาแฟอราบิกาเฉพาะถิ่น กาแฟแคบซูลซิงเกิลออริจิน น้ำมันลินินสกัดเย็น ผลิตภัณฑ์คีนัวกรอบ คีนัวบาร์ และขนมปังคีนัวผสมสตรอว์เบอร์รี  โดยเกษตรกรในพื้นที่โครงการหลวง 13,645 ครัวเรือน ได้รับการส่งเสริมให้ปลูกพืชเขตหนาวและกึ่งหนาว 381 ชนิด ซึ่งผ่านการรับรองมาตรฐานอาหารปลอดภัย จำหน่ายภายใต้ตรา “โครงการหลวง” ในปีงบประมาณ พ.ศ.2562 มูลค่ารวม 1,328 ล้านบาท

ที่ประชุมยังได้พิจารณาอนุมัติงบประมาณสนับสนุนการสร้างศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรโครงการหลวง ณ ตำบลแม่เหียะ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อเป็นศูนย์รวมการปฏิบัติงานวิจัยและพัฒนาการเกษตรที่สูง เกิดประโยชน์โดยรวมแก่ประเทศ พร้อมรับทราบผลการดำเนินงานแก้ไขปัญหาการใช้พื้นที่สูงตามแนวทางของโครงการหลวง โดยขณะนี้กรมป่าไม้ได้รับการอนุมัติขอบเขตการใช้พื้นที่เขตป่าสงวนแห่งชาติ เนื้อที่รวม 2,508,958 ไร่ 1 งาน 27 ตารางวา เพื่อให้หน่วยงานต่างๆเข้าปฏิบัติงานในขอบเขตพื้นที่อย่างคล่องตัว และเตรียมดำเนินการขอใช้ประโยชน์พื้นที่ตั้งศูนย์/สถานีฯ และพื้นที่เกษตร รวมทั้งพื้นที่ที่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสำหรับการแก้ปัญหาในพื้นที่นำร่อง คือ สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง  ได้ฟื้นฟูพื้นที่กลับคืนสู่ธรรมชาติ ด้วยความร่วมมือทั้งจากหน่วยงานภาครัฐ และประชาชนในพื้นที่ เป็นแบบอย่างของการดำเนินการต่อไปบนพื้นที่สูงอื่นในจังหวัดเชียงใหม่ และตาก รวมทั้งต่อยอดไปในพื้นที่สูงของจังหวัดเชียงราย ลำพูน พะเยา และแม่ฮ่องสอน

จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้รับฟังผลการประชุมวิชาการนานาชาติด้านการพัฒนาเกษตรที่สูงอย่างยั่งยืน ตามพระราชปณิธานสืบสาน รักษา ต่อยอดงานโครงการหลวง จัดขึ้นเมื่อเดือนธันวาคม 2562 ณ อุทยานหลวงราชพฤกษ์ มีผู้เข้าร่วมประชุมจาก 17 ประเทศ 675 คน ความสำเร็จของโครงการหลวง ถือเป็นต้นแบบการพัฒนาทางเลือกที่เป็นแนวปฏิบัติบนพื้นฐานหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ด้วยหลักการทำงาน เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา เน้นการบูรณาการของทุกภาคส่วน และเตรียมต่อยอดสู่การจัดตั้งสถาบันเรียนรู้การพัฒนาที่สูงอย่างยั่งยืน เพื่อขยายแนวทางและองค์ความรู้ ให้เกิดประโยชน์อย่างกว้างขวางต่อไป

ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีได้พิจารณาอนุมัติกรอบงบประมาณของหน่วยงานบูรณาการและสนับสนุนการดำเนินงานตามแผนแม่บทศูนย์พัฒนาโครงการหลวง และแผนแม่บทโครงการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวง ระยะ 6 ปี (พ.ศ. 2560-2565)  โดยให้ความสำคัญกับการจัดการปัจจัยพื้นฐาน น้ำ พื้นที่ป่าต้นน้ำ และสร้างคุณภาพชีวิตชุมชนบนพื้นที่สูง เพื่อให้สามารถอยู่ร่วมกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ก่อนเสนอให้คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบต่อไป

Advertising

“บิ๊กตู่” ปลูกต้นรวงผึ้งพระราชทาน ต้นไม้ประจำรัชกาลที่ 10 ต้นปฐมฤกษ์ ที่ทำเนียบ

People Unity : พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ปลูกต้นรวงผึ้งพระราชทาน เพื่อเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พ.ศ.2562

วันนี้ (17 เมษายน 2562) เวลา 08.30 น. ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี ณ บริเวณสนามหญ้าหน้า  ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ปลูกต้นรวงผึ้งพระราชทาน เพื่อเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พ.ศ.2562

สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 15 เมษายน 2562 ที่ผ่านมา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานวโรกาสให้นายกรัฐมนตรีนำผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 76 จังหวัด และผู้ว่าราชการจังหวัดกรุงเทพมหานคร เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท เข้ารับพระราชทานต้นไม้มงคล เพื่อเชิญไปปลูกเป็นปฐมฤกษ์ บนถนนเฉลิมพระเกียรติ ภายใต้โครงการ “1 จังหวัด 1 ถนนเฉลิมพระเกียรติ” ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พ.ศ.2562 โดยแต่ละจังหวัดรวมทั้งกรุงเทพมหานคร จะเลือกถนนที่มีความสำคัญหรือเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัด เพื่อดำเนินการปลูกต้นไม้ ให้ร่มรื่นสวยงามตลอดสองข้างทาง ปรับภูมิทัศน์ถนนให้เป็นระเบียบเรียบร้อย สวยงามและปลอดภัย ทั้งในกรุงเทพมหานคร และจังหวัดต่างๆทั่วประเทศ

พลเอก วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวรายงานใจความสำคัญตอนหนึ่งว่า “เพื่อความเป็นสิริมงคลและเป็นการน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ได้พระราชทานต้นรวงผึ้ง อันเป็นต้นไม้มงคลประจำรัชกาล อีกทั้งต้นไม้ยังเป็นสัญญลักษณ์แห่งความอุดมสมบูรณ์ และแผ่กิ่งก้านสาขาให้ความร่มเย็นเฉกเช่นเดียวกับพระบารมีแผ่ไพศาลแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่จะทรงปกปักษ์รักษาอาณาประชาราษฎร์ ให้ได้รับความผาสุกร่มเย็นทั่วกัน”

จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้เป็นประธานปลูกต้นรวงผึ้ง ปฐมฤกษ์ ณ บริเวณสนามหญ้าด้านหน้า ตึกไทยคู่ฟ้า โดยมีป้ายประกอบข้อความว่า  ต้นรวงผึ้ง ต้นไม้ประจำรัชกาลที่ 10 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานแก่นายกรัฐมนตรี ในโครงการ “1 จังหวัด 1 ถนนเฉลิมพระเกียรติ” เนื่องในโอกาสพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พ.ศ.2562 ปลูกโดย พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี วันพุธที่ 17 เมษายน 2562

ใต้ร่มพระบารมี : “บิ๊กตู่” ปลูกต้นรวงผึ้งพระราชทาน ต้นไม้ประจำรัชกาลที่ 10 ต้นปฐมฤกษ์ ที่ทำเนียบ

People Unity : post 17 เมษายน 2562 เวลา 11.30 น.

นายกฯเชิญชวนประชาชนใส่เสื้อสีเหลืองประดับตราสัญลักษณ์ระหว่างเดือน เม.ย.-ก.ค.

People unity : นายกรัฐมนตรีเชิญชวนประชาชนแต่งกายด้วยเสื้อสีเหลือง ประดับตราสัญลักษณ์ระหว่างเดือนเมษายนถึงกรกฎาคม เพื่อแสดงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

วันนี้ (5 มีนาคม 2562) เวลา 13.20 น. ณ บริเวณห้องโถง ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แถลงข่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีว่า

1.เรื่องแบบตราสัญลักษณ์พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาปรุงแบบตราสัญลักษณ์พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 และพระราชทานแบบตราสัญลักษณ์พร้อมความหมายด้วยแล้ว ดังนั้น กรณีที่หน่วยงานใดมีความประสงค์ขออัญเชิญตราสัญลักษณ์ไปประดิษฐานหรือประดับลงในสิ่งของใดๆก็ตาม ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อเฉลิมพระเกียรติ ให้แจ้งขออนุญาตไปที่คณะอนุกรรมการฝ่ายกลั่นกรองการขอใช้ตราสัญลักษณ์ฯ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี

2.เรื่องแบบเข็มที่ระลึกตราสัญลักษณ์พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 และการเชิญชวนแต่งกายด้วยเสื้อเหลือง สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานแบบเข็มที่ระลึกตราสัญลักษณ์ โดยด้านหน้าเป็นแบบตราสัญลักษณ์ ส่วนด้านหลังมีคำว่า “พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พ.ศ.2562” ซึ่งสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีดำเนินการจัดทำเข็มที่ระลึกเพื่อจำหน่ายราคาเข็มละ 300 บาท โดยนำเงินรายได้ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย โดยเสด็จพระราชกุศลตามพระราชอัธยาศัย คาดว่าเริ่มจำหน่ายในเดือนเมษายน เพื่อให้ประชาชนได้อัญเชิญไปประดับในช่วงพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

นอกจากนี้ ขอเชิญชวนแต่งกายด้วยเสื้อสีเหลืองประดับตราสัญลักษณ์ระหว่างเดือนเมษายนถึงกรกฎาคม ซึ่งสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีจัดทำเสื้อโปโลสีเหลืองประดับตราสัญลักษณ์เพื่อจำหน่ายด้วยเช่นกัน

3.เรื่องการเชิญชวนตั้งโต๊ะหมู่ประดิษฐานพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และการเชิญชวนประดับตราสัญลักษณ์พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 รัฐบาลขอเชิญชวนตั้งโต๊ะหมู่ประดิษฐานพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมเครื่องราชสักการะ ซึ่งพระฉายาลักษณ์ได้พระราชทานแล้วมี 3 แบบ และขอเชิญชวนประดับตราสัญลักษณ์พร้อมธงชาติ และธงตราสัญลักษณ์ ตามอาคารสถานที่และบ้านเรือนเพื่อแสดงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณโดยพร้อมเพรียงกัน

ใต้ร่มพระบารมี : นายกฯเชิญชวนประชาชนใส่เสื้อสีเหลืองประดับตราสัญลักษณ์ระหว่างเดือน เม.ย.-ก.ค.

People unity : post 5 มีนาคม 2562 เวลา 21.40 น.

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงห่วงใยปัญหาหมอกควันไฟป่า-ฝุ่นละอองภาคเหนือ

People unity : นายกรัฐมนตรีอัญเชิญพระราชกระแสรับสั่ง ร.10 ทรงห่วงใยปัญหาหมอกควันไฟป่า-ฝุ่นละอองภาคเหนือ ย้ำรัฐร่วมเอกชนเร่งบรรเทาความเดือดร้อนเต็มที่

วันนี้ (3 เมษายน 2562)  พลโท วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้อัญเชิญพระราชกระแสรับสั่ง สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงห่วงใยประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือที่กำลังประสบปัญหาหมอกควันไฟป่าและฝุ่นละอองขนาดเล็กเกินค่ามาตรฐาน รวมทั้งทรงให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทุกคนที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความอดทนเสียสละ โดยรัฐบาลจะบูรณาการทุกภาคส่วนเพื่อเร่งลดพื้นที่ที่มีจุดความร้อน หรือ Hot spot ภายใน 7 วัน พร้อมทั้งประสานความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งมีความเข้าใจปัญหาและความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน

“นายกฯเน้นย้ำว่าพระราชวงศ์ทรงติดตามความทุกข์ร้อนของพสกนิกรอยู่ตลอดเวลา และทรงให้ความสำคัญกับเรื่องทรัพยากรธรรมชาติและไฟป่าเป็นอย่างยิ่ง ล่าสุดทางกองทัพบกเตรียมขยายผลเรื่องการฝึกผจญเพลิงและดับไฟป่าตามแนวพระราชดำริให้เป็นรูปธรรม ส่วนของหน่วยงานภาครัฐอื่นๆร่วมกับภาคเอกชนขณะนี้กำลังช่วยกันบรรเทาปัญหาฝุ่นละอองในทุกวิถีทางอย่างเต็มที่ เพื่อให้สถานการณ์คลี่คลายโดยเร็วที่สุด”

ใต้ร่มพระบารมี : สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงห่วงใยปัญหาหมอกควันไฟป่า-ฝุ่นละอองภาคเหนือ

People unity : post 3 เมษายน 2562 เวลา 22.00 น.

เผยรายชื่อ 108 แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ทั่วประเทศ ในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

People unity : มหาดไทยเผยรายชื่อ 108 แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ทั่วประเทศ สำหรับประกอบพิธีพลีกรรมตักน้ำ เพื่อจัดทำน้ำอภิเษกในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

เมื่อวันที่ 9 มี.ค. 2562 ที่กระทรวงมหาดไทย นายพรพจน์ เพ็ญพาส รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการฝ่ายต่างๆ เพื่อช่วยดำเนินการงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก โดยมีรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เป็นประธานกรรมการฝ่ายจัดพิธีการงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก และได้แต่งตั้งให้ปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็นประธานอนุกรรมการฝ่ายจัดทำน้ำอภิเษก ซึ่งกระทรวงมหาดไทยได้แจ้งให้ทุกจังหวัด สำรวจและบำรุงรักษาแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่เคารพเลื่อมใส แหล่งน้ำที่เคยใช้ทำน้ำพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์ให้คงอยู่ในสภาพที่ใสสะอาด และดำเนินการพัฒนาภูมิทัศน์โดยรอบ ให้มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย สวยงาม มีความพร้อมที่จะนำน้ำไปประกอบพิธีสำคัญ ซึ่ง พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และ นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้มอบนโยบายและเน้นย้ำให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดดำเนินการเตรียมความพร้อมในการจัดทำน้ำอภิเษกของทุกจังหวัดทั่วประเทศ ให้ไปด้วยความเรียบร้อยและสมพระเกียรติ โดยผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงมหาดไทยได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจและติดตามความพร้อมของแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์เพื่อเตรียมการประกอบพิธีพลีกรรมตักน้ำอย่างต่อเนื่อง

รองปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า สำหรับกำหนดการประกอบพิธีพลีกรรมตักน้ำ ได้กำหนดขึ้นในวันเสาร์ที่ 6 เมษายน 2562 ฤกษ์เวลา 11.52-12.38 น. ณ แหล่งน้ำศักดิ์ของทุกจังหวัดทั่วประเทศ รวมจำนวน 107 แหล่งน้ำ แบ่งเป็น 1) จังหวัดที่มีแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ จำนวน 1 แห่ง 60 จังหวัด 2) จังหวัดที่มีแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ จำนวน 2 แห่ง 7 จังหวัด 3) จังหวัดที่มีแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ จำนวน 3 แห่ง 5 จังหวัด 4) จังหวัดที่มีแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ จำนวน 4 แห่ง 3 จังหวัด และ 5) จังหวัดที่มีแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ จำนวน 6 แหล่งน้ำ 1 จังหวัด ยกเว้นกรุงเทพมหานครจะประกอบพิธีพลีกรรมตักน้ำในวันที่ 12 เมษายน 2562 ณ หอศาสตราคมในพระบรมมหาราชวัง รวมทั้งสิ้น 108 แห่ง นอกจากนี้ มีแหล่งน้ำสรงมุรธาภิเษก จำนวน 9 แหล่งน้ำ ได้แก่ สระศักดิ์สิทธิ์ 4 สระ คือ สระแก้ว สระคา สระยมนา และสระเกษ ในอำเภอเมืองสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี และน้ำจากแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ 5 สาย คือ แม่น้ำบางปะกง ตักที่บึงพระอาจารย์ อำเภอองครักษ์ จังหวัดนครนายก แม่น้ำป่าสัก ตักที่บริเวณบ้านท่าราบ อำเภอเสาไห้ จังหวัดสระบุรี แม่น้ำเจ้าพระยา ตักบริเวณปากคลองบางแก้ว อำเภอเมืองอ่างทอง จังหวัดอ่างทอง แม่น้ำราชบุรี ตักบริเวณสามแยกคลองหน้าวัดดาวดึงษ์ อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม และแม่น้ำเพชรบุรี ตักบริเวณท่าน้ำวัดท่าไชยศิริ อำเภอบ้านลาด จังหวัดเพชรบุรี

รองปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เน้นย้ำให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด เตรียมความพร้อมในการจัดทำน้ำอภิเษกในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ทั้ง 4 ด้าน คือ ด้านแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ของจังหวัด ด้านพิธีพลีกรรมตักน้ำ ด้านพิธีทำน้ำอภิเษก และด้านการเชิญคนโทน้ำอภิเษก โดยกระทรวงมหาดไทยจะให้การสนับสนุนจังหวัดทุกประการ เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและสมพระเกียรติ

สำหรับรายชื่อ 108 แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ทั่วประเทศ มีดังนี้

1) จังหวัดที่มีแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ จำนวน 1 แห่ง 60 จังหวัด 1. วังเทวดา จ.กระบี่ 2. แม่น้ำสามประกอบ จ.กาญจนบุรี 3. กุดน้ำกิน จ.กาฬสินธุ์ 4. บ่อสามแสน จ.กำแพงเพชร 5. บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ (บาราย) จ.ขอนแก่น 6. ปากน้ำโจ้โล้ (คลองท่าลาด) จ.จันทบุรี 7. สระเจ้าคุณเฒ่า วัดเขาบางทราย จ.ชลบุรี 8. แม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณหน้าวัดธรรมามูลวรวิหาร จ.ชัยนาท 9. บ่อน้ำทิพย์ถ้ำเขาพลู จ.ชุมพร 10. บ่อน้ำทิพย์ จ.เชียงราย 12. แม่น้ำตรัง บริเวณท่าน้ำวัดประสิทธิชัย จ.ตรัง 13. น้ำตกธารมะยม จ.ตราด 14. อ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล จ.ตาก 15. สระน้ำจันทร์ (สระบัว) จ.นครปฐม 16. สระน้ำมุรธาภิเษก (บ่อน้ำพระอินทร์) จ.นครพนม 17. ต้นน้ำลำตะคอง จ.นครราชสีมา 18. บึงบอระเพ็ด จ.นครสวรรค์ 19. กลางแม่น้ำเจ้าพระยาเบื้องหน้าบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว วัดเฉลิมพระเกียรติวรวิหาร จ.นนทบุรี 20. แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์วัดกลาง จ.บุรีรัมย์ 21. แม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณหน้าวัดศาลเจ้า จ.ปทุมธานี 22. บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ (บ่อน้ำทิพย์) จ.ประจวบคีรีขันธ์ 23. บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์วัดตูม จ.พระนครศรีอยุธยา 24. บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ถ้ำน้ำผุด จ.พังงา 25. แม่น้ำน่านบริเวณหน้าพระอุโบสถ วัดท่าหลวง จ.พิจิตร 26. สระสองห้อง จ.พิษณุโลก 27. ท่าน้ำวัดท่าไชยศิริ จ.เพชรบุรี 28. บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์วัดไชยธาราราม (วัดฉลอง) จ.ภูเก็ต 29. บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ (หนองดูน) จ.มหาสารคาม 30. น้ำตกศักดิ์สิทธิ์ จ.มุกดาหาร 31. ถ้ำปลา จ.แม่ฮ่องสอน 32. ท่าคำทอง จ.ยโสธร 33. สระแก้ว สระน้ำศักดิ์สิทธิ์ จ.ยะลา 34. สระชัยมงคล จ.ร้อยเอ็ด 35. บ่อน้ำพุร้อนรักษะวาริน จ.ระนอง 36. วังสามพญา จ.ระยอง 37. สระโกสินารายณ์ จ.ราชบุรี 38. บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ วัดกวิศราราม จ.ลพบุรี 39. บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ (บ่อน้ำเลี้ยงพระนางจามเทวี) จ.ลำปาง 40. ดอยขะม้อ บ่อน้ำทิพย์ จ.ลำพูน 41. น้ำจากถ้ำเพียงดินภายในถ้ำวัดผาปู่ จ.เลย 42. บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ปราสาทสระกำแพงน้อย จ.ศรีสะเกษ 43. บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ “ภูน้ำลอด” จ.สกลนคร 44. บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์วัดแหลมบ่อท่อ จ.สงขลา 45. บ่อน้ำพุร้อนทุ่งนุ้ย จ.สตูล 46. แม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณหน้าองค์พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ 47. แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์คลองดาวดึงษ์ จ.สมุทรสงคราม 48. แหล่งน้ำคลองดำเนินสะดวก จ.สมุทรสาคร 49. สะแก้ว – สระขวัญ จ.สระแก้ว 50. แม่น้ำป่าสักบริเวณบ้านท่าราบ จ.สระบุรี 51. สระน้ำศักดิ์สิทธิ์วัดโพธิ์เก้าต้น จ.สิงห์บุรี 52. แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์พระบรมธาตุไชยาราชวรวิหาร จ.สุราษฎร์ธานี 53. สระโบราณ จ.สุรินทร์ 54. สระมุจลินท์ (สระพญานาค) จ.หนองคาย 55. บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์วัดศรีคูณเมือง จ.หนองบัวลำภู 56. แม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณพระอุโบสถวัดไชโยวรวิหาร จ.อ่างทอง 57. อ่างเก็บน้ำพุทธอุทยาน (อ่างเก็บน้ำห้วยปลาแดก) จ.อำนาจเจริญ 58. บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์คำชะโนด จ.อุดรธานี 59. บ่อน้ำทิพย์ จ.อุตรดิตถ์ 60. บ่อน้ำโจ้ก จ.อุบลราชธานี

2) จังหวัดที่มีแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ จำนวน 2 แห่ง 7 จังหวัด 1. จังหวัดชัยภูมิ ได้แก่ บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์วัดไพรีพินาศ และชีผุด แม่น้ำชี  2. จังหวัดนราธิวาส  ได้แก่ น้ำแบ่ง และน้ำตกสิรินธร 3. จังหวัดบึงกาฬ ได้แก่ พื้นที่ชุ่มน้ำบึงโขงหลง และบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ถ้ำพระ 4. จังหวัดปราจีนบุรี ได้แก่ บ่อน้ำหน้าโบราณสถานรอยพระพุทธบาทคู่ และโบราณสถานสระแก้ว 5. จังหวัดพะเยา ได้แก่ ขุนน้ำแม่ปืม และน้ำตกคะ (น้ำคะ) 6. จังหวัดเพชรบูรณ์ ได้แก่ สระแก้ว และสระขวัญ 7. จังหวัดอุทัยธานี ได้แก่ แม่น้ำสะแกกรัง และสระน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์วัดมณีสถิตกปิฏฐาราม

3) จังหวัดที่มีแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ จำนวน 3 แห่ง 5 จังหวัด 1. จังหวัดจันทบุรี ได้แก่ สระแก้ว, ธารนารายณ์ และบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์วัดพลับ 2. จังหวัดเชียงใหม่ ได้แก่ บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์วัดบุพพาราม, อ่างกาหลวง และขุนน้ำแม่ปิง 3. จังหวัดนครนายก ได้แก่ เขื่อนขุนด่านปราการชล, บ่อน้ำทิพย์เมืองโบราณดงละคร และบึงพระอาจารย์ 4. จังหวัดพัทลุง ได้แก่ สระน้ำศักดิ์สิทธิ์วัดดอนศาลา, ถ้ำน้ำบนหุบเขาชัยบุรี และบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์พระบรมธาตุเขียนบางแก้ว 5. จังหวัดสุโขทัย ได้แก่ บ่อแก้ว, บ่อทอง และตระพังทอง

4) จังหวัดที่มีแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ จำนวน 4 แห่ง 3 จังหวัด 1. จังหวัดปัตตานี ได้แก่ น้ำสระวังพรายบัว, บ่อทอง (บ่อช่างขุด), บ่อไชย และน้ำบ่อฤษี 2. จังหวัดแพร่ ได้แก่ บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ลำน้ำแม่คำมี, บ่อน้ำวัดบ้านนันทาราม, บ่อน้ำพระฤๅษี และบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์วัดพระหลวง 3. จังหวัดสุพรรณบุรี ได้แก่ สระแก้ว สระคา สระยมนา และสระเกษ

5) จังหวัดที่มีแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ จำนวน 6 แหล่งน้ำ 1 จังหวัด คือ จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้แก่ บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ณ วัดหน้าพระลาน, บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ วัดเสมาเมือง, บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ วัดเสมาไชย, บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ วัดประตูขาว, แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ ห้วยเขามหาชัย และแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ ห้วยปากนาคราช

ใต้ร่มพระบารมี : เผยรายชื่อ 108 แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ทั่วประเทศ ในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

People unity : post 13 มีนาคม 2562 เวลา 22.30 น.

รองโฆษกรัฐบาลเผย สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงชื่นชมทุกจังหวัดจัดพิธีพลีกรรมตักน้ำศักดิ์สิทธิ์เรียบร้อยสมพระเกียรติ

People Unity : สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชกระแสทรงชื่นชมทุกจังหวัดจัดพิธีพลีกรรมตักน้ำศักดิ์สิทธิ์เรียบร้อยสมพระเกียรติ

วันนี้ (8 เม.ย.2562) พลโท วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชกระแสทรงชมเชยผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดที่ได้จัดพิธีพลีกรรมตักน้ำศักดิ์สิทธิ์ ตามที่รัฐบาลมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการ เพื่อนำไปประกอบพิธีเสกน้ำพระพุทธมนต์ ณ พุทธเจดีย์สถาน และทูลเกล้าฯถวายในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกตามโบราณราชประเพณี เสร็จเรียบร้อยอย่างสมพระเกียรติ

“ในนามของรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ โดยขอเชิญชวนทุกภาคส่วนหลอมรวมใจกันจัดพระราชพิธีให้สำเร็จลุล่วงสมบูรณ์ในทุกขั้นตอน ด้วยความรักสามัคคีเป็นหนึ่งเดียว และทุ่มเทอย่างสุดกำลังเพื่อให้เกิดสิริมงคลแก่ประเทศชาติและประชาชนสืบไป”

ใต้ร่มพระบารมี : รองโฆษกรัฐบาลเผย สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงชื่นชมทุกจังหวัดจัดพิธีพลีกรรมตักน้ำศักดิ์สิทธิ์เรียบร้อยสมพระเกียรติ

People Unity : post 8 เมษายน 2562 เวลา 16.30 น.

ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/19818

นายกฯยินดีสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ประสบความสำเร็จพัฒนายาชีววัตถุรักษามะเร็งเต้านม

People unity news online : นายกรัฐมนตรียินดีกรณีสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ประสบความสำเร็จในการพัฒนายาชีววัตถุ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการบำบัดรักษาโรคมะเร็งเต้านม

วันนี้ (3 กรกฎาคม 2561) เวลา 15.00 น. ณ บริเวณห้องโถง ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล  พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีถึงกรณีสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ประสบความสำเร็จในการพัฒนายาชีววัตถุ ซึ่งเป็น Monoclonal antibody ชนิดแรก ที่มีบทบาทสำคัญในการบำบัดรักษาโรคมะเร็งเต้านมได้ ว่า ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดี ที่มีการค้นคว้าวิจัยจนประสบความสำเร็จ และถือว่าเป็นนวัตกรรมชิ้นแรกที่ดำเนินการโดยนักวิจัยในประเทศไทยตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ โดยไม่ต้องอาศัยการซื้อหรือการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากต่างประเทศ ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยมะเร็งบางชนิดมีโอกาสได้รับการรักษาโดยมีค่าใช้จ่ายที่ถูกลง

People unity news online : post 3 กรกฎาคม 2561เวลา 20.20 น.

Verified by ExactMetrics