วันที่ 28 มีนาคม 2024

“พัชรวาท” สั่งตั้งศูนย์บัญชาการระดับพื้นที่ แก้ปัญหาช้างป่าบุกพื้นที่ทำกินแบบยั่งยืน

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 10 ธันวาคม 2566 “เกณิกา“ เผย ”พล.ต.อ. พัชรวาท” สั่งตั้งศูนย์บัญชาการระดับพื้นที่ แก้ปัญหาช้างป่าบุกพื้นที่ทำกินแบบยั่งยืน เหยียบย่ำพืชผลเกษตรเสียหาย พร้อมจัด จนท.เฝ้าระวัง

น.ส.เกณิกา อุ่นจิตร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการแก้ปัญหาช้างป่าที่ปัจจุบันประเทศไทยยังมีจำนวนช้างป่ารวมกันมากกว่า 4013-4422 ตัว โดยกระจายอยู่ในป่าอนุรักษ์ 69 แห่ง จากการรุกขยายพื้นที่เมืองและพื้นที่การเพาะปลูกเข้าสู่พื้นที่ป่าเพื่อพัฒนาประเทศ จึงเกิดเป็นความขัดแย้งระหว่างช้างป่าและมนุษย์ ซึ่ง พล.ต.อ. พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ไม่ได้นิ่งนอนใจต่อปัญหาที่เกิดขึ้น จึงพยายามหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาช้างป่าออกนอกพื้นที่ป่าอนุรักษ์ เข้ามาในพื้นที่หากินของประชาชนในหลายพื้นที่ อาทิ ตำบลวังท่าช้าง อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี รวมถึงตำบลลำนางรอง อำเภอโนนดินแดง จังหวัดบุรีรัมย์

“พล.ต.อ. พัชรวาท ต้องการแก้ไขปัญหาให้ประชาชนอย่างยั่งยืน จึงได้สั่งการให้ตั้งศูนย์บัญชาการระดับพื้นที่ เพื่ออำนวยการแก้ไขปัญหาและกำหนดมาตรการในการผลักดันช้างป่ากลับคืนสู่พื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เพื่อป้องกันช้างป่าออกมานอกพื้นที่ทำลายพืชผลเกษตร รวมถึงบ้านเรือนประชาชนเสียหายหรือทำร้ายประชาชนจนเสียชีวิต และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช จะจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังช้างป่าร่วมกับกลุ่มเครือข่ายเฝ้าระวังช้างป่าในพื้นที่ รวมถึงสร้างคูกันช้างป่า รอบพื้นที่ป่าอนุรักษ์ จัดทำทุ่งหญ้า แหล่งน้ำ แหล่งอาหาร และโป่งเทียมในพื้นที่“

นอกจากนี้ จะมีการเร่งรัดของบกลาง สำหรับจัดจ้างราษฎรในพื้นที่ เพื่อเป็นชุดปฏิบัติการเฝ้าระวังผลักดันช้างป่า รวมถึงจัดสร้างสถานที่ควบคุมพฤติกรรมช้างป่าและจัดตั้งกองทุนช่วยเหลือเยียวยาราษฎรที่ได้รับผลกระทบ ทั้งนี้ จะมีการสำรวจประชากรช้างป่า โดยการศึกษาโมเดลแนวทางการแก้ปัญหาจากต่างประเทศ พร้อมทั้งขอให้กำหนดมาตรการเชิงรุกในการแก้ไขปัญหาช้างป่า เพื่อลดความเดือดร้อนของประชาชนด้วย

Advertisement

มหาดไทย แจ้ง อปท. ทั่วประเทศ จัดการเรียนการสอนวิชาประวัติศาสตร์ รร.ในสังกัด ตั้งแต่ภาคเรียน 1/2567

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 2 ธันวาคม 2566 กระทรวงมหาดไทยแจ้ง อปท. จัดการเรียนการสอนวิชาประวัติศาสตร์ หน้าที่พลเมือง ตั้งแต่ภาคเรียน 1/67 รุกปลูกจิตสำนึกเทิดทูนสถาบันหลักตามนโยบาย “อนุทิน”

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและโฆษกกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า จากการที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มีนโยบายให้หน่วยงานภายใต้การกำกับร่วมกันขับเคลื่อนการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของประเทศให้เป็นผู้ที่มีความรักเทิดทูนในสถาบันหลักและภูมิใจในประวัติศาสตร์ของชาติ ควบคู่ไปกับการพัฒนายกระดับการศึกษาและทักษะแรงงาน นำไปสู่การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ(MOU) ระหว่าง 4 กระทรวง และ 1 องค์การมหาชน ได้แก่กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงแรงงาน และสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ เมื่อวันที่ 17 พ.ย. 66 ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ กระทรวงมหาดไทยได้เริ่มนำข้อตกลงตาม MOU มาขับเคลื่อนให้เกิดการปฏิบัติ โดยแปลงไปสู่นโยบายรื้อฟื้นวิชาประวัติศาสตร์ หน้าที่พลเมืองและจริยธรรมศึกษา สำหรับสถาบันการศึกษาในสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พร้อมกับมอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ทุกจังหวัดทั่วประเทศแจ้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินการให้สถานศึกษาในสังกัดจัดการเรียนการสอนในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานโดยนำวิชาประวัติศาสตร์ หน้าที่พลเมืองและจริยธรรมศึกษาเป็นวิชาหลักในการเรียน ตั้งแต่ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2567 เป็นต้นไป

พร้อมกันนี้ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและสถานศึกษาจัดกิจกรรม หรือ โครงการที่มุ่งเน้นในเรื่องการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ การตระหนักในหน้าที่พลเมือง การยกย่องบุคคลที่ทำความดีมีคุณธรรม จริยธรรม ซึ่งการเรียนและกิจกรรมต่างๆ นอกจากจะนำไปสู่ความรักและภูมิในสถาบันหลัก เกิดความเป็นหนึ่งเดียวกัน และสามารถลดความขัดแย้งของเยาวชน และไม่ถูกถูกผู้อื่นนำพาไปกระทำในสิ่งไม่ดีหรือผิดกฎหมาย

Advertisement

รมว.ดีอี ลุย 4 มาตรการปราบอาชญากรรมออนไลน์ ถือซิมการ์ด 5 หมายเลข ต้องลงทะเบียนใน 30 วัน

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 25 พฤศจิกายน 2566 รมว.ดีอี เผย “นายกฯ” สั่งจัดการเด็ดขาด “ซิมม้า-บัญชีม้า-เว็บพนันออนไลน์” พร้อมเดินหน้า 4 มาตรการปราบอาชญากรรมออนไลน์ เร่งประสาน กสทช. ออกประกาศ ถือครองซิมการ์ด 5 หมายเลข ต้องลงทะเบียนภายใน 30 วัน

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้มีข้อสั่งการมาที่กระทรวงดีอี และ สตช. ให้จัดการเรื่องซิมม้า และปราบโจรออนไลน์เด็ดขาด ตนในฐานะประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี จึงได้เชิญคณะกรรมการ ประชุมเพื่อหารือ และสรุปมาตรการเร่งดำเนินการ ใน 4 เรื่องสำคัญ

โดยเรื่องแรกคือ กรณีการออกประกาศเพื่อให้ผู้ครอบครองหมายเลขโทรศัพท์มือถือหรือซิมการ์ด ตั้งแต่ 5 เลขหมายขึ้นไป ลงทะเบียนแจ้งการครอบครองกับผู้ให้บริการเพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องการนำซิมการ์ดไปใช้ก่ออาชญากรรมออนไลน์ต่างๆ ซึ่งขณะนี้ขั้นตอนการออกประกาศอยู่ระหว่างการดำเนินการของคณะกรรมการ กสทช. โดยที่ประชุมมีความเห็นว่า ควรดำเนินการเรื่องนี้โดยด่วน และให้มีผลให้ต้องลงทะเบียน ภายในไม่เกิน 30 วันนับแต่การออกประกาศ โดยข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2566 มีผู้ครอบครองเลขหมายโทรศัพท์มือถือหรือซิมการ์ดตั้งแต่ 6-100 เลขหมาย จำนวนมากถึง 286,148 ราย และมีผู้ครอบครองเลขหมายโทรศัพท์มือถือหรือซิมการ์ดตั้งแต่ 101 เลขหมายขึ้นไปถึง 7,664 ราย

นายประเสริฐ กล่าวว่า ในเรื่องที่สองเกี่ยวกับผลการดำเนินงานของศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ (Anti Online Scam Operation Center : AOC) หรือ ศูนย์ AOC 1441 (สายด่วน 24 ชม.) วันที่ 1 – 23 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ประชาชนโทรเข้ามา 62,306 สาย สามารถระงับบัญชีธนาคารได้ถึง 5,329 บัญชี มีการจับกุมที่เกี่ยวข้อง จำนวน 389 ราย และมีคดีใหญ่แก๊ง call center ที่มีเงินหมุนเวียน 7,000 ล้านบาทด้วย ซึ่งผลดำเนินงานที่ผ่านมาโดยรวมเป็นที่น่าพอใจ AOC สามารถช่วยเหลือประชาชนได้เป็นจำนวนมาก และสามารถอายัดบัญชี ได้เฉลี่ยเวลา 15 นาที

นายประเสริฐ กล่าวว่า ที่ผ่านมากระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ประสานงานกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) มาโดยตลอด ในการเร่งดำเนินการขยายผลการจับกุม และทลายเครือข่ายบัญชีม้า/ซิมม้า โดยสืบสวนสอบสวนในเชิงลึกถึงบัญชีในขั้นตอนต่างๆ พร้อมร่วมกับสมาคมธนาคารไทยและธนาคารพาณิชย์ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาให้ประชาชนและสร้างความมั่นใจในการดำเนินธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ให้ได้มากที่สุด อย่างไรก็ตามก็ต้องแจ้งเตือนไปยังพี่น้องประชาชนขอให้เพิ่มความระมัดระวังในการทำธุรกรรมออนไลน์และขอความร่วมมือไปยังภาคธนาคารให้ดำเนินการอายัดรายชื่อบัญชีม้าทั้งหมดพร้อมทั้งเพิ่มกระบวนการในการตรวจสอบการเปิดบัญชีใหม่ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ด้วย

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอี กล่าวว่า ในเรื่องที่สาม ในด้านสถิติการปิดกั้นเว็บไซต์ หรือ เพจ ผิดกฎหมายโดยรวม ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม-22 พฤศจิกายน 2566 สูงถึง 16,359 เว็บไซต์ เฉลี่ย 309 เว็บต่อวัน เพิ่มขึ้น 6 เท่า เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ปิดได้เฉลี่ย 55 เว็บต่อวัน

สำหรับการปิดกั้นเว็บพนันออนไลน์ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม-22 พฤศจิกายน 2566 ปิดได้ สูงถึง 3,120 เว็บไซต์ เฉลี่ย 66 เว็บต่อวัน เพิ่มขึ้น 12 เท่าเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ปิดได้เฉลี่ย 5 เว็บต่อวัน

นายประเสริฐ ยังกล่าวว่า ในเรื่องที่สี่ ที่ประชุมได้พิจารณาเห็นชอบแผนบูรณาการประชาสัมพันธ์ภัยอาชญากรรมออนไลน์ ซึ่งมี 3 เป้าหมาย ประกอบด้วย 1. ประชาชนทุกคนมีความตระหนักรู้เกี่ยวกับภัยออนไลน์ และลดพฤติกรรมเสี่ยง รวมถึงรู้วิธีการป้องกัน และการแก้ไขปัญหา 2. ประชาชนมีเครื่องมือตรวจสอบข้อเท็จจริงในการป้องกันภัยออนไลน์ 3. หน่วยงานมีความร่วมมือ และแบ่งปันทรัพยากรในการป้องกันภัยออนไลน์

“กระทรวงดีอี มีความมุ่งมั่นที่จะลดปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ เรามีความร่วมมือกับทั้งภาครัฐและเอกชนในการป้องกันและปราบปรามอย่างเต็มที่ รวมถึงมีการรณรงค์ สร้างการตระหนักรู้เท่าทันภัยทางออนไลน์ รวมทั้งการสร้างเครื่องมือให้ประชาชนตรวจสอบข้อมูล ข้อเท็จจริง (National Fact Checking)” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าว

Advertisement

รพ.ตำรวจ ยืนยันมีการดูแลสุขภาพจิตข้าราชการตำรวจ-เฝ้าระวังต่อเนื่อง

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 24 พฤศจิกายน 2566 หัวหน้ากลุ่มงานจิตเวชฯ โรงพยาบาลตำรวจ ยืนยันมีการดูแลสุขภาพจิตของข้าราชการตำรวจ เฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง ปรึกษาสายด่วนซึมเศร้าเราใส่ใจ ได้ตลอด 24 ชม.

พ.ต.อ.เกริกกมล แย้มประยูร นายแพทย์ (สบ 5) หัวหน้ากลุ่มงานจิตเวชและยาเสพติด โรงพยาบาลตำรวจ เปิดเผยว่า โรงพยาบาลตำรวจมีการดูแลสุขภาพจิตของข้าราชการตำรวจ โดยมีการประเมินสุขภาพจิตในการคัดเลือกก่อนบรรจุเป็นข้าราชการตำรวจ นักเรียนเตรียมทหารสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และนักเรียนนายสิบตำรวจ และในการตรวจสุขภาพประจำปีของตำรวจจะมีการประเมินสุขภาพจิตควบคู่ไปด้วย อาทิ หน่วยที่ใช้กำลังหรือยุทธวิธี อย่างผู้ทำลายวัตถุระเบิด นักบิน ผู้ปฏิบัติการใต้น้ำ อาจารย์ฝ่ายปกครอง จะใช้แบบประเมินแบบละเอียด หากพบบุคคลใดมีปัญหาหรือมีความเสี่ยงก่อเหตุรุนแรงต่อตัวเองหรือผู้อื่นจะได้รับความช่วยเหลือประคับประคองทางจิตใจและสังคม แนะนำให้เข้าตรวจวินิจฉัยและรักษากับจิตแพทย์ต่อไป สำหรับหน่วยงานในกรุงเทพฯ จะมีช่องทางด่วนให้เข้ารับบริการที่ห้องตรวจโรคจิตเวชฯ โรงพยาบาลตำรวจ

นอกจากนี้ทางโรงพยาบาลตำรวจยังมีการเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจการดูแลสุขภาพจิตอย่างต่อเนื่อง ในรูปแบบออนไลน์และการจัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการในแต่ละภาคอีกด้วย รวมถึงการใส่เนื้อหาดูแลสุขภาพจิตไว้ในหลักสูตรการฝึกอบรมต่างๆ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติด้วย

ทั้งนี้ โรงพยาบาลตำรวจมีการให้คำปรึกษาและข้อแนะนำด้านสุขภาพจิต ทั้งข้าราชการตำรวจ ครอบครัว และประชาชน ผ่านทางสายด่วน ซึมเศร้าเราใส่ใจ 08 1932 0000 หรือเพจเฟซบุ๊ก ซึมเศร้าเราใส่ใจ มีเจ้าหน้าที่ให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.

Advertisement

พม. ติดริบบิ้นสีขาวให้นายกฯ รณรงค์ยุติความรุนแรง

People Unity News : 21 พฤศจิกายน 2566 ทำเนียบ – “วราวุธ” นำทีมติดเข็มกลัดริบบิ้นสีขาวให้นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี รณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และบุคคลในครอบครัว

นายวราวุธ  ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ติดเข็มกลัดริบบิ้นสีขาว (White Ribbon) ให้แก่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี เพื่อรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้สังคมตระหนักถึงปัญหาความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และบุคคลในครอบครัว รวมทั้งกระตุ้นให้ทุกภาคส่วนในสังคมเข้ามามีส่วนร่วมในการรณรงค์ยุติความรุนแรง โดยใช้ “ริบบิ้นสีขาว” (White Ribbon) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์สากล เพื่อแสดงถึงการไม่ยอมรับ ไม่นิ่งเฉย และไม่กระทำความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และบุคคลในครอบครัวทุกรูปแบบ

นายวราวุธ กล่าวว่า ด้วยวันที่ 25 พฤศจิกายนของทุกปี เป็นวันยุติความรุนแรงต่อสตรีสากล กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว ได้จัดกิจกรรมรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และบุคคลในครอบครัวต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี โดยปีนี้ กำหนดจัดขึ้นภายใต้แนวคิด “รวมพลังหยุดความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และบุคคลในครอบครัว” (Unite for the Prevention of Violence against Women and Children) ในวันที่ 25 พ.ย. 66 ณ จังหวัดสุพรรณบุรี โดยร่วมกับภาคีเครือข่าย เดินขบวนรณรงค์เชิงสัญลักษณ์ เพื่อรวมพลังยุติความรุนแรงในสังคมทุกรูปแบบ และจัดพิธีมอบรางวัลเชิดชูเกียรติแก่บุคลากรและหน่วยงานที่สนับสนุนและส่งเสริมการยุติความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และบุคคลในครอบครัว

อีกทั้ง สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดทั่วประเทศ (76 จังหวัด) พร้อมใจกันจัดกิจกรรมเดินรณรงค์ฯ เพื่อสร้างพลังกระแสสังคม และกระตุ้นให้สังคมตระหนักถึงปัญหาความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และบุคคลในครอบครัว ตลอดจนเข้ามามีส่วนร่วมในการรณรงค์ สนับสนุน และจัดกิจกรรมด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงฯ อันแสดงถึงการ “รวมพลังหยุดความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และบุคคลในครอบครัว”

Advertisement

“สมศักดิ์” เปิดงานลอยกระทงสุโขทัย จัดยิ่งใหญ่ 10 วัน 10 คืน

People Unity News : 18 พฤศจิกายน 2566 สุโขทัย  – “สมศักดิ์” เปิดงานลอยกระทงสุโขทัยยิ่งใหญ่ สอดรับโครงการ “Thailand Winter Festival” จัดงานยาว 10 วัน 10 คืน กระตุ้นท่องเที่ยว ก่อนนายกฯ ร่วมลอยกระทง 27 พ.ย.นี้

เมื่อเวลา 16.00 น. วันนี้ (18 พ.ย.66) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงานประเพณีลอยกระทง เผาเทียน เล่นไฟ จังหวัดสุโขทัย ประจำปี 2566 พร้อมด้วย ส.ส.สุโขทัย สังกัดพรรคเพื่อไทย ข้าราชการจากภาคส่วนต่างๆ และประชาชน เข้าร่วม โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก มีประชาชนเข้าร่วมงานจำนวนมาก ทั้งชาวไทยและต่างชาติ เพื่อร่วมชมขบวนแห่นางนพมาศ และขบวนแห่ประเพณีวัฒนธรรม จาก 9 อำเภอของจังหวัดสุโขทัย

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ตนรู้สึกเป็นเกียรติและมีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้มาเป็นประธานพิธีเปิดงานประเพณีลอยกระทง เผาเทียน เล่นไฟ จังหวัดสุโขทัย ประจำปี 2566 ในวันนี้ และเป็นที่น่ายินดีที่การจัดงานในครั้งนี้ เน้นการอนุรักษ์และส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมและประเพณีอันดีงามของชาวสุโขทัยและของชนชาติไทย รวมทั้งการให้ความสำคัญต่อกิจกรรมต่างๆ ซึ่งล้วนสอดคล้องและรักษาไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของชาวสุโขทัยที่เคยมีมาในอดีต ให้ดำรงไว้และเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะเยาวชนรุ่นหลัง ให้เกิดความภาคภูมิใจในเอกลักษณ์และศิลปวัฒนธรรมอันดีงามของชนชาวไทย รวมทั้งสืบสานให้ดำรงคงอยู่ตลอดไป โดยการจัดงานครั้งนี้ได้รับความร่วมมือร่วมใจ ความเสียสละ ทั้งกำลังกาย กำลังใจ กำลังความคิด และความสามัคคีจากทุกภาคส่วน ตลอดจนประชาชนชาวจังหวัดสุโขทัยทุกท่าน ทำให้การจัดงานสำเร็จลุล่วงตามวัตถุประสงค์ที่กำหนด จึงขอขอบคุณผู้มีส่วนเกี่ยวข้องไว้ ณ โอกาสนี้

“ในงานยังมีกิจกรรมที่แสดงถึงวิถีชีวิตของชาวสุโขทัย ที่ได้กล่าวขานในหลักศิลาจารึก เช่น พิธีรับรุ่งอรุณแห่งความสุข พิธีบวงสรวงบูรพกษัตริย์สุโขทัยทุกพระองค์ การประกวดกระทงใหญ่ กระทงเล็ก โคมชัก โคมแขวน พนมหมาก และพนมดอกไม้ การประกวดนางนพมาศ การแสดงแสง เสียง พิธีเผาเทียน ขบวนแห่ประเพณีวัฒนธรรม 9 อำเภอ ขบวนแห่นางนพมาศ พิธีอัญเชิญไฟพระฤกษ์และพระประทีปพระราชทาน การแสดงตำนานท้าวศรีจุฬาลักษณ์ การแสดงพลุ ตะไล ไฟพะเนียง รวมถึงมีการจัดตลาดชุมชน จำหน่ายสินค้าและอาหารพื้นถิ่นจังหวัดสุโขทัย”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเปิดงาน นายสมศักดิ์ พร้อมคณะ ได้นั่งชมขบวนแห่นางนพมาศ และขบวนแห่ประเพณีวัฒนธรรม จาก 9 อำเภอของจังหวัดสุโขทัย ซึ่งได้มีการจัดขบวนอย่างยิ่งใหญ่ ตามเอกลักษณ์ของแต่ละอำเภอ นอกจากนี้ ยังได้เดินเยี่ยมชมตลาดชุมชนจำหน่ายสินค้าและอาหารพื้นถิ่นจังหวัดสุโขทัยด้วย

Advertisement

เช็คเลย ที่ไหนบ้าง? กทม.เปิดสวนสาธารณะ 34 แห่ง ให้ลอยกระทง 27 พ.ย.นี้

People Unity News : 17 พฤศจิกายน 2566 กทม.ชวนประชาชนใช้กระทงธรรมชาติ 1 ครอบครัว 1 กระทง พร้อมเปิดสวนสาธารณะ 34 แห่ง ให้ลอยกระทง 27 พ.ย.นี้

นายเอกวรัญญู อัมระปาล ผู้ช่วยเลขานุการผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และโฆษกของกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า เทศกาลลอยกระทงในปีนี้ ตรงกับวันจันทร์ที่ 27 พฤศจิกายน 2566 เพื่อเป็นการร่วมสืบสานและอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีลอยกระทง กรุงเทพมหานคร กำหนดเปิดสวนสาธารณะ 34 แห่ง เพื่อให้ประชาชนลอยกระทง ได้แก่ 1.สวนลุมพินี เขตปทุมวัน 2.สวนจตุจักร เขตจตุจักร 3.สวนวชิรเบญจทัศ เขตจตุจักร 4.สวนพระนคร เขตลาดกระบัง 5.สวน 60 พรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เขตลาดกระบัง 6.สวนสราญรมย์ เขตพระนคร 7.สวนรมณีนาถ เขตพระนคร 8.สวนสันติชัยปราการ เขตพระนคร 9.สวนธนบุรีรมย์ เขตทุ่งครุ 10.สวนเสรีไทย เขตบึงกุ่ม 11.สวนนวมินทร์ภิรมย์ เขตบึงกุ่ม 12.สวนหนองจอก เขตหนองจอก 13.สวนราษฎร์ภิรมย์ เขตหนองจอก 14.อุทยานเบญจสิริ เขตคลองเตย 15.สวนเบญจกิติ เขตคลองเตย 16.สวนบึงกระเทียม เขตมีนบุรี 17.สวนพระยาภิรมย์ เขตมีนบุรี 18.สวนวารีภิรมย์ เขตคลองสามวา 19.สวนสิริภิรมย์ เขตคลองสามวา 20.สวนเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบพระชนมพรรษา เขตบางคอแหลม

21.สวนสันติภาพ เขตราชเทวี 22.สวนกีฬารามอินทรา เขตบางเขน 23.สวนรมณีย์ทุ่งสีกัน เขตดอนเมือง 24.สวน 50 พรรษา มหาจักรีสิรินธร เขตประเวศ 25.สวนวนธรรม เขตประเวศ 26.สวนทวีวนารมย์ เขตทวีวัฒนา 27.สวนสาธารณะต่างระดับพรานนก-พุทธมณฑลสาย 4 ตัดกับพุทธมณฑลสาย 2 เขตทวีวัฒนา 28.สวนหลวงพระราม 8 เขตบางพลัด 29.สวนสาธารณะบึงน้ำลาดพร้าว 71 เขตลาดพร้าว 30.สวนสิรินธราพฤกษาพรรณ เขตบางกอกน้อย 31.สวนเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เขตบางกอกน้อย 32.สวนเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เขตสาทร 33.สวนบางแคภิรมย์ เขตบางแค และ 34.สวนเทียนทะเลพัฒนาพฤกษาภิรมย์ เขตบางขุนเทียน

กรุงเทพมหานครกำหนดเวลาเปิดให้ประชาชนลอยกระทงในสวนสาธารณะ ได้ตั้งแต่ เวลา 05.00-24.00 น. และขอความร่วมมือประชาชนใช้กระทงจากวัสดุธรรมชาติ หรือวัสดุที่ย่อยสลายง่าย เช่น หยวกกล้วย ใบตอง เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ เมื่อปี 2565 กรุงเทพมหานครจัดเก็บกระทงในพื้นที่กรุงเทพฯ ได้จำนวนทั้งสิ้น 572,602 ใบ เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ที่จัดเก็บได้ 403,203 ใบ เพิ่มขึ้นจำนวน 169,367 ใบ คิดเป็นร้อยละ 42 โดยประเภทที่จัดเก็บได้ทำจากวัสดุธรรมชาติ 548,086 ใบ หรือร้อยละ 95.7 และทำจากโฟม 24,516 ใบ หรือร้อยละ 4.3 อย่างไรก็ตาม กระทงจากวัสดุธรรมชาติที่ย่อยสลายได้เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน มีสัดส่วนลดลงจากร้อยละ 96.5 เป็น 95.7 ส่วนสัดส่วนของโฟมเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 3.5 เป็น 4.3

เช่นเดียวกับทุกปี กรุงเทพมหานคร โดยสำนักสิ่งแวดล้อม สำนักการระบายน้ำ และสำนักงานเขต กำหนดแผนการจัดเก็บกระทง โดยจัดเจ้าหน้าที่จัดเก็บกระทงตามแม่น้ำเจ้าพระยา ลำคลอง และบึงน้ำภายในสวนสาธารณะต่าง ๆ ทั่วพื้นที่กรุงเทพฯ ให้แล้วเสร็จในเวลา 06.00 น. ของวันรุ่งขึ้น

กรุงเทพมหานครขอความร่วมมือประชาชนลอยกระทงจากวัสดุธรรมชาติ 1 ครอบครัว 1 กระทง เพื่อเป็นการลดปริมาณขยะกระทง นอกจากนี้ เพื่อความปลอดภัย ห้ามจุด ปล่อย และจำหน่ายโคมลอย บั้งไฟ โคมไฟ โคมควัน ประทัด พลุ รวมถึงกระทง สินค้า อาหารและเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ภายในสวนสาธารณะอย่างเด็ดขาด หากฝ่าฝืนจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย

Advertisement

“นพ.ชลน่าน” เผยยอดฉีดวัคซีน HPV ป้องกันมะเร็งปากมดลูก ทั่วประเทศ สะสมกว่า 1.6 แสนโดส

People Unity News : 16 พฤศจิกายน 2566 กระทรวงสาธารณสุข – “นพ.ชลน่าน” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เผยทั่วประเทศฉีดวัคซีนป้องกันการติดเชื้อไวรัส HPV ต้นเหตุมะเร็งปากมดลูก สะสมกว่า 1.6 แสนโดสแล้ว เพชรบุรี ติดอันดับจังหวัดที่มีอัตราฉีดวัคซีนตามเป้าหมายสูงสุด รองลงมา แม่ฮ่องสอน มุกดาหาร นครพนม ตราด ฉะเชิงเทรา นครปฐม สมุทรปราการ พังงา และอำนาจเจริญ ตามลำดับ ย้ำทุกหน่วยเร่งรณรงค์และจัดบริการฉีดให้ครอบคลุมทั้งในสถานศึกษา สถานประกอบการและสถานพยาบาลใกล้บ้าน เพิ่มการเข้าถึงวัคซีนตามเป้าหมาย

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เผยความคืบหน้าการฉีดวัคซีนป้องกันการติดเชื้อไวรัส HPV ให้กับหญิงไทยอายุ 11-20 ปี จำนวน 1 ล้านโดส ตามนโยบาย “มะเร็งครบวงจร” และการขับเคลื่อน Quick Win ภายใน 100 วัน เพื่อลดความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็งปากมดลูก ข้อมูลล่าสุดถึงวันที่ 15 พฤศจิกายน 2566 มียอดการฉีดสะสมแล้ว 163,160 โดส โดย 10 จังหวัด ที่มีอัตราการฉีดวัคซีนตามเป้าหมายสูงสุด ได้แก่ เพชรบุรี แม่ฮ่องสอน มุกดาหาร นครพนม ตราด ฉะเชิงเทรา นครปฐม สมุทรปราการ พังงา และอำนาจเจริญ ตามลำดับ สำหรับวัคซีน HPV ได้ทยอยส่งลงถึงพื้นที่ครบ 1 ล้านโดสแล้ว

“ขอให้ทุกหน่วยงานในสังกัด ช่วยกันรณรงค์เชิญชวนหญิงไทยอายุตั้งแต่ 11 – 20 ปีในพื้นที่ เข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันการติดเชื้อไวรัส HPV โดยในเดือนพฤศจิกายนได้เร่งจัดบริการฉีดในสถานศึกษา และในเดือนธันวาคม จะมีการจัดบริการฉีดครอบคลุมเพิ่มเติมในสถานประกอบการ และสถานพยาบาลใกล้บ้าน เพื่อเพิ่มการเข้าถึงบริการที่สะดวก รวดเร็ว และเป็นไปตามเป้าหมาย”

Advertisement

“อนุทิน” เดินหน้า นโยบายน้ำประปาดื่มได้ มุ่งลดภาระค่าใช้จ่าย ปชช.

People Unity News : 15 พฤศจิกายน 2566 การประปาส่วนภูมิภาค – “อนุทิน” เดินหน้าขับเคลื่อนนโยบายน้ำประปาดื่มได้ มุ่งลดภาระค่าใช้จ่าย ยกระดับคุณภาพชีวิตให้ประชาชน

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงกระทรวงมหาดไทย ตรวจเยี่ยมการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) สำนักงานใหญ่ กรุงเทพมหานคร พร้อมมอบหมายภารกิจและนโยบายการดำเนินงานให้แก่การประปาส่วนภูมิภาค โดยให้พัฒนาระบบสาธารณูปโภคด้านน้ำประปา ให้น้ำประปาในทุกพื้นที่มีความสะอาด มีมาตรฐานที่สามารถใช้สำหรับการอุปโภคและบริโภค (ดื่ม) ตามนโยบายน้ำประปาดื่มได้ ซึ่งถือเป็นนโยบายหลักที่กระทรวงมหาดไทยให้ความสำคัญ เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่าย และยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับประชาชน  โดยให้ประสานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันจัดหาแหล่งน้ำดิบ และให้เร่งทำการศึกษาวิธีการใช้น้ำจากเขื่อนรัชชประภา (เขื่อนเชี่ยวหลาน) โดยให้ศึกษาความเป็นไปได้ในการเดินท่อเพื่อนำน้ำไปใช้ประโยชน์ในพื้นที่หลายจังหวัดทางภาคใต้ ทั้งทางฝั่งอันดามัน และฝั่งอ่าวไทย ให้มีแหล่งน้ำที่สามารถใช้ประโยชน์ได้เพิ่มขึ้น เพื่อสร้างความมั่นคงทางสาธารณูปโภค ให้นักท่องเที่ยวและประชาชนในพื้นที่มีความมั่นใจและมีความสะดวกสบายในทุกมิติ ซึ่งจะส่งผลให้สามารถเพิ่มรายได้สู่ชุมชนได้จากหลายภาคส่วนด้วย

นอกจากนี้ กปภ. ได้ตอบรับนโยบายตามข้อสั่งการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในการขยายเวลาชำระค่าน้ำประปา เพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายสำหรับผู้มีรายได้น้อยที่มีค่าน้ำประปาคงค้างไม่เกิน 150 บาท/เดือน ให้สามารถค้างชำระค่าน้ำประปาได้ 3 เดือน รวมเป็นจำนวนเงินไม่เกิน 450 บาท จากเงื่อนไขเดิมที่สามารถค้างชำระค่าน้ำประปาได้เพียง 2 เดือน โดยจะเริ่มดำเนินการในเดือนพฤศจิกายนนี้ – มกราคม ปี 2567

Advertisement

นิด้าโพล เผยคนไทยส่วนใหญ่เป็น “สายมู”

People Unity News : 12 พฤศจิกายน 2566 “นิด้าโพล” เผยคนไทยส่วนใหญ่เป็น “สายมู” ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทำพิธีกรรม เชื่อเรื่องลี้ลับเหนือธรรมชาติ ขอพรเรื่องสุขภาพเป็นอันดับต้นๆ รองลงมาคือ การเงิน-การงาน

ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ เปิดเผยผลสำรวจประชาชน หัวข้อเรื่อง “เป็นสายมู หรือเปล่า!” โดยทำการสำรวจประชาชนที่นับถือศาสนาพุทธ อายุ 18 ปีขึ้นไปทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น 1,310 หน่วยตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 7-10 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา

จากการสำรวจเมื่อถามประชาชนถึง สิ่งที่ขอพรจากการกราบไหว้ บูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 51.30 ระบุว่า มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง ไร้โรคภัยไข้เจ็บ หรือให้หายจากโรคภัยไข้เจ็บ รองลงมา ร้อยละ 46.56 ระบุว่า ด้านการเงิน โชคลาภ ร้อยละ 32.06 ระบุว่า ด้านหน้าที่ การงาน

เมื่อถามถึง ความสมหวังจากการขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ร้อยละ 40.45 ระบุว่า ไม่เคยสนใจว่าสมหวังหรือไม่ 38.50 เคยได้ตามสมหวัง 20.96 ไม่เคยสมหวังเเลย

เมื่อถามถึงความมั่นใจว่าจะสมหวังจากการขอพร ร้อยละ 44.81 ค่อนข้างมั่นใจ ร้อยละ 29.11 มั่นใจมาก  ร้อยละ 20.76 ไม่ค่อยมั่นใจ ร้อยละ 5.32 ไม่มั่นใจเลย

เมื่อถามถึงการกราบไหว้ บูชาสิ่งศักดิ์สิทธิอื่นๆ นอกเหนือจากพระรัตนตรัย ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 48.95 ระบุว่า มีการกราบไหว้บ้างตามโอกาส ร้อยละ 34.93 ไม่ได้กราบไหว้ ร้อยละ 9.23 มีการกราบไหว้เป็นประจำ

ส่วนความเชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติ ร้อยละ 44.92 ค่อนข้างเชื่อ เรื่องการทำพิธีกรรม บูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อขอพร ร้อยละ 44.66 ค่อนข้างเชื่อเรื่องพิธีกรรมบนบานศาลกล่าวและแก้บนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ร้อยละ 43.31 ค่อนข้างเชื่อ เรื่องความศักดิ์สิทธิ์ของพระเครื่องของขลัง ร้อยละ 41.18 ค่อนข้างเชื่อ เรื่องผี สิ่งลี้ลับ ร้อยละ 37.88 ค่อนข้างเชื่อเรื่องการทำพิธีกรรม สะเดาะเคราะห์ ต่อชะตา แก้ปีชง ร้อยละ 35.25 ค่อนข้างเชื่อเรื่องโหราศาสตร์ การดูดวง ร้อยละ 32.88 มีทั้งเชื่อและไม่ชื่อ การทำพิธีเสริมดวง ร้อยละ 32.71 ไม่ค่อยเชื่อ เรื่องไสยศาสตร์ ร้อยละ 33.56 ไม่ค่อยเชื่อความศักดิ์สิทธิ์การสักยันต์

ขณะที่หัวข้อ การเป็น ”คนสายมู” ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 43.59 ระบุว่า ไม่เป็น ”คนสายมู” แน่นอน ร้อยละ 27.79 ไม่ค่อยเป็น ”คนสายมู” ร้อยละ 21.53 ค่อนข้างเป็น และร้อยละ 6.64 เป็นแน่นอน

Advertisement

Verified by ExactMetrics