วันที่ 20 เมษายน 2024

สร้างเสร็จแล้ว!อาคารรังสีรักษารพ.เมืองคอน “จิมมี่ ชวาลา”พร้อมเอกชนร่วมบริจาค 65 ล้าน

People Unity News : กระทรวงสาธารณสุขรับมอบอาคาร สหไทย รังสีรักษา โรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช มูลค่า 40 ล้านบาท และเครื่องสวนหัวใจและหลอดเลือดมูลค่า 25 ล้านบาท ที่ได้รับบริจาคจากห้างสหไทยสรรพสินค้านครศรีธรรมราช และ “จิมมี่ ชวาลา” ช่วยให้ผู้ป่วยมะเร็ง ผู้ป่วยโรคหัวใจ ได้รับการดูแลรักษาใกล้บ้าน ลดการส่งต่อ ลดเวลารอคอย “อนุทิน”โพสต์ฺขอบคุณ”จิมมี ชวาลา”หัวใจคุณน่ากราบ

วันที่ 4 พฤศจิกายน 2562 ที่โรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช จ.นครศรีธรรมราช นายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวภายหลังเป็นประธานรับมอบอาคาร สหไทย รังสีรักษา โรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช ว่า กระทรวงสาธารณสุข ได้จัดระบบบริการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็ง กระจายความเชี่ยวชาญไปยังทุกเขตสุขภาพ เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับบริการใกล้บ้าน ลดรอคอย ลดแออัด โดยโรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราชได้รับการสนับสนุนเครื่องฉายแสงและเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์เมื่อปีงบประมาณ 2561 และได้รับการสนับสนุนเงินบริจาคในการก่อสร้างอาคารรังสีรักษาวงเงิน 40 ล้านบาท จากเจ้าของห้างสหไทยสรรพสินค้านครศรีธรรมราช จำนวน 30 ล้านบาท และนายจิมมี่ ชวาลา 10 ล้านบาท ซึ่งช่วยให้ลดการส่งตัวผู้ป่วยมะเร็งไปรักษาที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ จ.สงขลา ซึ่งอยู่นอกเขตสุขภาพและต้องรอคิวนาน โดยที่ผ่านมาจังหวัดนครศรีธรรมราชส่งตัวผู้ป่วยมะเร็งไปรักษานอกเขตปีละประมาณ 600-800 คน มากที่สุดในเขตสุขภาพที่ 11 นอกจากนี้ คุณจิมมี่ ชวาลา ยังได้บริจาคเครื่องสวนหัวใจและหลอดเลือดเครื่องที่ 2 ให้กับโรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช มูลค่า 25 ล้านบาท สามารถให้บริการได้ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง และให้บริการผู้ป่วยได้ปีละประมาณ 2,000-2,500 คนต่อปี

“ขอขอบคุณผู้มีจิตศรัทธาบริจาคเงินสร้างอาคารรังสีรักษา มอบเครื่องสวนหัวใจและหลอดเลือด ถือเป็นกุศลอันยิ่งใหญ่ ในการช่วยผู้ป่วยมะเร็งและผู้ป่วยโรคหัวใจได้รับการรักษาเร็วขึ้น ลดการเสียชีวิต มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และขอเชิญชวนประชาชนร่วมสนับสนุนโรงพยาบาลในพื้นที่ให้มีเครื่องมือแพทย์ครบครัน เมื่อเจ็บป่วยไม่ต้องเดินทางไปรักษาในจังหวัดอื่น ดังเช่นชาวนครศรีธรรมราช” นายแพทย์สุขุมกล่าว

สำหรับอาคาร สหไทย รังสีรักษา โรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็กชั้นเดียว ประกอบด้วยห้องฉายแสง 2 ห้อง ห้องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์เพื่อวางแผนรักษา 1 ห้อง ห้องตรวจ 3 ห้อง ห้องให้คำปรึกษาวางแผนรักษา 1 ห้อง ห้องทำงานแพทย์ และห้องประชุม เปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 29 มกราคม 2562 มีผู้ป่วยมารับการรักษาฉายแสงวันละ 50-60 ราย ตั้งแต่เปิดให้บริการถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2562 ให้การฉายแสงรักษาครบคอร์สแล้วจำนวน 296 ราย ทำให้ผู้ป่วยและญาติไม่ต้องเดินทางไปรักษาที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ หรือศูนย์มะเร็งที่สุราษฏร์ธานี สามารถลดระยะในการรอคอย ลดค่าใช้จ่ายผู้ป่วยและญาติ

“อนุทิน”โพสต์ฺขอบคุณ”จิมมี ชวาลา”หัวใจคุณน่ากราบ

ทั้งนี้นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โพสต์เฟซบุ๊ก “อนุทิน ชาญวีรกูล” เพื่อขอบคุณห้างสหไทยสรรพสินค้า นครศรีธรรมราช และนายจิมมี่ ชวาลา นักธุรกิจ ที่บริจาคเงินสมทบทุนสร้างอาคาร สหไทย รังสีรักษา โรงพยาบาลมหาราช นครศรีธรรมราช ระบุว่า
หัวใจคุณน่ากราบ
…..
กราบขอบพระคุณ
ห้างสหไทยสรรพสินค้า นครศรีธรรมราช
กราบขอบพระคุณ
คุณจิมมี่ ชวาลา
ร่วมกันบริจาคอาคารสหไทย ศูนย์รังสีรักษา เพื่อเป็นประโยชน์แก่ประชาชนทั่วไป
เพราะงบประมาณมีจำกัด
เพราะผู้ป่วยเพิ่มขึ้นจนงบประมาณเพิ่มตามไม่ทัน
การสนับสนุน และความร่วมมือของประชาชน และ ภาคเอกชน คือ กำลังสำคัญที่ทำให้กระทรวงสาธารณสุข ส่มารถให้บริการ และ ดูแล ประชาชน ได้มากขึ้น กว่าความสามารถของกระทรวงสาธารณสุข เพียงลำพัง
จังหวัดไหน ท่านใดจะทำตาม จังหวัดนครศรีธรรมราช ประสานมาที่ท่านปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้ครับ
ขอกราบพระคุณทุกๆ ท่าน ที่ร่วมมือกัน ดูแลประชาชน
ผมจะกำชับให้เจ้าหน้าที่ของกระทรวงสาธารณสุข ใช้อาคาร และ เครื่องมือทางการแพทย์ที่ได้รับบริจาค ให้เป็นประโยชน์แก่ประชาชน อย่างคุ้มค่ามากที่สุด
พึงระลึก และ สำนึกไว้ตลอดเวลาว่า ประชาชน คือ เจ้าของโรงพยาบาล อาคาร และ เครื่องมือแพทย์ ทุกชิ้น จึงต้องใช้ เพื่อการดูแล รักษา และบริการประชาชน ให้ดีที่สุด

 

“วราวุธ”ขอคนไทยร่วมมือ 1 ครอบครัว ลอย 1 กระทงวัสดุธรรมชาติ

People Unity News : “วราวุธ”ปลุกคนไทยร่วมรณรงค์ใช้กระทงวัสดุธรรมชาติ ลดปัญหาขยะในแม่น้ำรักษาสิ่งแวดล้อม

วันที่ 11 พ.ย.2562 เมื่อเวลา 08.30 น. ที่โรงยิมเนเซี่ยม องค์การบริหารส่วนจังหวัดราชบุรี ตำบลหน้าเมือง อำเภอเมืองราชบุรี จังหวัดราชบุรี นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว. ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้สัมภาษณ์ถึงการรณรงค์ใช้กระทงที่ผลิตจากวัสดุธรรมชาติว่า วันนี้ต้องขอความร่วมมือร่วมใจทุกคนให้ใช้กระทงที่ผลิตจากวัสดุธรรมชาติ และขอให้ใช้เพียงกระทงเดียวต่อครอบครัว เพื่อเป็นการรักษาสิ่งแวดล้อมและทำให้แม่น้ำมีความสะอาด เพราะทุกปีภายหลังจากการลอยกระทงตอนเช้าจะมีขยะเต็มแม่น้ำ จึงต้องขอความเห็นใจจากทุกคนช่วยกันรักษาสิ่งแวดล้อมเพื่อรักษาคุณภาพน้ำในแม่น้ำลำคลอง เพื่อให้ทุกคนได้มีแม่น้ำที่ใสสะอาดสำหรับบุตรหลานในอนาคต

นายวราวุธ กล่าวด้วยว่า ถึงแม้ว่าหลายคนจะใช้กระทงที่ทำจากวัสดุธรรมชาติหรือกระทงจากขนมปังที่จะเป็นอาหารให้ปลา แต่อะไรก็แล้วแต่ที่มากจนเกินพอดีแม่น้ำลำคลองก็ไม่สามารถที่จะรับไหว และทำให้แม่น้ำเน่าเสียได้ วันนี้วันลอยกระทงเชื่อว่าทุกคนอยากลอยความทุกข์ออกไป จึงอยากให้นึกถึงเรื่องเหล่านี้ ไม่เป็นพิษเป็นภัยต่อสิ่งแวดล้อมและไม่สร้างภาระให้คนที่จะต้องมาเก็บ

เมื่อถามว่าที่ผ่านมาทำความเข้าใจกับประชาชนได้มากน้อยแค่ไหน นายวราวุธกล่าวว่า ประชาชนตอบรับดีแต่จะได้ผลแค่ไหน โดยดูจากปริมาณขยะของกระทงจะเป็นตัวชี้วัด และหากปีนี้ไม่สำเร็จปีหน้าก็จะรณรงค์กันใหม่เพราะปัญหาสิ่งแวดล้อมไม่ใช่หน้าที่ของรัฐมนตรีหรือรัฐบาลเพียงอย่างเดียว แต่เป็นบทบาทของประชาชนทั้ง 67 ล้านคนต้องช่วยกัน

เมื่อถามว่าประเมินปีนี้กับปีที่ผ่านมาเกี่ยวกับการรณรงค์ใช้วัสดุธรรมชาติเป็นอย่างไร นายวราวุธ กล่าวว่า เชื่อว่าคนส่วนใหญ่จะใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นขนมปังหรือต้นกล้วย ใบตอง แต่อย่างที่บอกไปไม่ว่าจะเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมแค่ไหนหากมากเกินไปก็จะเป็นพิษกับสิ่งแวดล้อมอยู่ดี

วันลอยกระทง!กรมควบคุมโรคแนะนำวัยรุ่นคู่รักให้รู้จักป้องกันการมีเพศสัมพันธ์

People Unity News : กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เตือนประชาชนในช่วงเทศกาลวันลอยกระทงปีนี้ให้ระมัดระวังอุบัติเหตุจากการจมน้ำ ผู้ปกครองควรดูแลเด็กอย่างใกล้ชิด ไม่ปล่อยให้เด็กลงไปเก็บกระทงหรือปล่อยเด็กเล็กอยู่ตามลำพัง เพราะอาจเสี่ยงจมน้ำเสียชีวิตได้แม้ระดับน้ำลึกเพียง 2-3 นิ้ว และอุบัติเหตุจากการจุดประทัด ดอกไม้ไฟ พลุ พร้อมแนะวัยรุ่นคู่รักให้รู้จักป้องกันการมีเพศสัมพันธ์ในค่ำคืนวันลอยกระทง

วันที่ 8 พฤศจิกายน 2562 นายแพทย์อัษฎางค์ รวยอาจิณ รองอธิบดีและโฆษกกรมควบคุมโรค กล่าวว่า วันลอยกระทงปีนี้ตรงกับวันที่ 11 พฤศจิกายน 2562 ซึ่งในแต่ละพื้นที่จะมีการจัดกิจกรรมตามประเพณี และจะมีประชาชนจำนวนมากเข้าร่วมงาน โดยทุกปีจะพบผู้เสียชีวิตจากการจมน้ำในค่ำคืนวันลอยกระทง จากข้อมูลของกองยุทธศาสตร์และแผนงาน สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข เฉพาะช่วงลอยกระทง 3 วัน (ก่อนวันลอยกระทง วันลอยกระทง และหลังวันลอยกระทง) ในช่วง 5 ปี ที่ผ่านมา (ปี 2557-2561) พบผู้เสียชีวิตจากการจมน้ำรวม 166 ราย (เป็นเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี จำนวน 29 ราย) โดยในปี 2561 เพียงปีเดียว พบผู้เสียชีวิตจากการจมน้ำ 26 ราย (เป็นเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี จำนวน 5 ราย) และบางรายอาจได้รับอุบัติเหตุจากการจุดประทัด ดอกไม้ไฟ พลุ ทำให้ได้รับบาดเจ็บตามอวัยวะต่างๆของร่างกาย ดังนั้น กรมควบคุมโรค จึงขอเตือนประชาชนในช่วงเทศกาลวันลอยกระทงปีนี้ ขอให้ระมัดระวังอุบัติเหตุดังกล่าว นอกจากนี้ ขอแนะนำวัยรุ่นคู่รักที่มักควงคู่กันออกมาลอยกระทงให้รู้จักป้องกันการมีเพศสัมพันธ์

คำแนะนำในการป้องกันการจมน้ำ ให้ยึดหลัก 3 อย่า คือ 1.อย่าใกล้: อย่ายืนใกล้ขอบบ่อ 2.อย่าเก็บ: อย่าลงน้ำไปเก็บเงินในกระทง 3.อย่าก้ม: อย่าก้มไปลอยกระทง โดยผู้ปกครองควรดูแลเด็กอย่างใกล้ชิดไม่ให้คลาดสายตา และเพิ่มความระมัดระวังเมื่อนำเด็กเข้าใกล้แหล่งน้ำ โดยเฉพาะเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ต้องอยู่ในระยะที่แขนเอื้อมถึง ไม่ปล่อยให้เด็กไปลอยกระทงกันเองตามลำพังแม้จะอยู่บนฝั่งเพราะอาจพลัดตกหรือลื่นได้ รวมถึงในกะละมังหรือถังน้ำด้วย และไม่ควรให้เด็กลงเก็บกระทงหรือเก็บเงินในกระทงเด็ดขาด เพราะเด็กอาจเสี่ยงจมน้ำและเสียชีวิตได้ ส่วนในกลุ่มผู้ใหญ่ควรหลีกเลี่ยงการดื่มสุรา และลงน้ำ หากมีการโดยสารเรือให้สวมเสื้อชูชีพทุกครั้งทั้งผู้ใหญ่และเด็ก

นายแพทย์อัษฎางค์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับคำแนะนำในการจุดประทัด ดอกไม้ไฟ และพลุ เพื่อความปลอดภัย ควรปฏิบัติดังนี้ 1.ไม่จุดประทัด พลุ ดอกไม้ไฟ ใกล้วัตถุไวไฟหรืออาคารบ้านเรือน ไม่เล่นผาดโผน อาจเสี่ยงเกิดการระเบิดได้ 2.ผู้ปกครองไม่ควรให้เด็กนำประทัด ดอกไม้ไฟมาจุด 3.หากจำเป็นต้องใช้ในงานพิธี ควรอ่านคำแนะนำก่อน และควรจุดให้ห่างจากตัวประมาณ 1 ช่วงแขน 4.ห้ามพยายามจุดประทัด ดอกไม้ไฟ และพลุที่จุดแล้วไม่ติดอย่างเด็ดขาด 5.ไม่เก็บประทัด ดอกไม้ไฟ และพลุไว้ในกระเป๋าเสื้อ กางเกง หรือที่มีอากาศร้อน แดดส่องถึง เพราะอาจเกิดการเสียดสีและระเบิดได้ 6.ควรเตรียมภาชนะบรรจุน้ำไว้ใกล้ๆ ไว้ใช้กรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉิน 7.ห้ามประกอบหรือดัดแปลงประทัด ดอกไม้ไฟ และพลุไว้จุดเองเด็ดขาด 8.ให้ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 อย่างเคร่งครัด และ 9.หากเกิดอุบัติเหตุ การปฐมพยาบาลเบื้องต้นเมื่อนิ้วหรืออวัยวะใดอวัยวะหนึ่งขาดจากแรงระเบิด ให้รีบห้ามเลือดบริเวณที่อวัยวะขาด โดยใช้ผ้าสะอาดปิดบาดแผล และพันบาดแผลให้แน่นเพื่อป้องกันเลือดออก ไม่ควรใช้เชือกหรือสายรัดเหนือแผลเพราะจะทำให้เส้นประสาทหรือหลอดเลือดเสียหายได้ และรีบโทรแจ้งขอความช่วยเหลือจากทีมแพทย์กู้ชีพ โทร. 1669

นอกจากนี้ ขอแนะนำกลุ่มวัยรุ่นให้มีสติ รู้จักป้องกันการมีเพศสัมพันธ์อย่างถูกวิธี ดังนี้ 1.ควรหาวิธีปฏิเสธหรือต่อรอง เมื่ออยู่ในสภาวะที่ไม่พร้อมจะมีเพศสัมพันธ์หรือเสี่ยงต่อการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย 2.หากหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ไม่ได้ควรใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้ง เพื่อป้องกันการเกิดโรค หรือการตั้งครรภ์ที่ยังไม่พร้อม 3.ระมัดระวังและไม่ควรไว้ใจผู้อื่นง่ายๆ ควรไปลอยกระทงเป็นกลุ่มไม่ไปในพื้นที่ล่อแหลมสุ่มเสี่ยง อย่าเปิดโอกาสที่จะอยู่ด้วยกันสองต่อสอง 4.ไม่ควรพิสูจน์ความรักด้วยการมีเพศสัมพันธ์ เพราะการมีเพศสัมพันธ์ดังกล่าวนี้ อาจก่อให้เกิดปัญหาตามมาอีกมากมาย เช่น โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และการติดเชื้อเอชไอวี การตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์อันจะนำไปสู่ปัญหาการทำแท้ง ก่อให้เกิดปัญหาอาชญากรรมและสังคมตามมา

“อนุทิน”เดือดลั่น”หยาบช้าป่าเถื่อน” สั่งฟ้องแก็งค์อันธพาลตีกันใน ร.พ.

People Unity News : “อนุทิน”วอนสังคมจัดหนัก “แก็งค์อันธพาลตีกันใน ร.พ.” ชี้ เป็นการกระทำ “หยาบช้าป่าเถื่อน” พร้อมสั่ง สธ.ลุยดำเนินคดี

วันที่ 11 พ.ย.2562 จากกรณีที่ กลุ่มวัยรุ่นยกพวกตีกันถึงหน้าห้องฉุกเฉินโรงพยาบาลอ่างทอง เมื่อกลางดึกวันที่ 9 พ.ย. ที่ผ่านมา ล่าสุดนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้โพสต์เฟซบุ๊ค “อนุทิน ชาญวีรกูล” ขอให้ทุกภาคส่วน ช่วยกันป้องกันปัญหาการทะเลาะวิวาทภายในโรงพยายาลอย่างเด็ดขาด พร้อมเปิดเผยว่าจะให้กระทรวงสาธารณสุข เร่งดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุทั้งหมด นายอนุทิน ระบุว่า

“ช่วยกันจัดให้หนัก
……….
เราควรจะทำอย่างไร ?
กับอันธพาลกระจอก ที่ชอบยกพวกมาก่อเหตุทำร้ายร่างกาย ทะเลาะวิวาทในโรงพยาบาล

กี่ครั้งแล้ว ที่ห้องฉุกเฉิน และโรงพยาบาล ต้องเสียหาย
แพทย์ เจ้าหน้าที่ ต้องเสี่ยงบาดเจ็บ ทำงานไม่ได้ ทรัพย์สินโรงพยาบาล เครื่องมือแพทย์ เสียหาย ผู้ป่วยคนอื่นๆ เดือดร้อน

ขอแบบเอาให้เข็ดหลาบ ไม่แสดงสันดานหยาบช้าป่าเถื่อนแบบนี้อีก

ในสงคราม ยังเว้นพื้นที่ปลอดภัยให้โรงพยาบาล แพทย์ และ เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์

แต่ในหัวใจอันธพาลกระจอกพวกนี้ ไม่มีอะไรเลย รวมทั้งคำสอนของพ่อแม่ แย่จริงๆ

กระทรวงสาธารณสุข จะดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุให้ถึงที่สุด ไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างเลวร้าย อีกต่อไป

https://tna.mcot.net/view/5dc8070be3f8e40b313b27b7

#saveโรงพยาบาล
#saveผู้ป่วย”

“อนุทิน” ย้ำจุดยืน “บัตรทอง” ไม่ต้องร่วมจ่าย

People Unity : “อนุทิน” ย้ำจุดยืน “บัตรทอง” ไม่ต้องร่วมจ่าย พร้อมหนุนขยายสิทธิ์ครอบคลุมรักษา “ทุกโรค”

วันที่ 21 ต.ค.2562 ที่ศูนย์ประชุมวายุภักดิ์ โรงแรมเซ็นทรา บายเซ็นทารา ศูนย์รการ แจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ ในงานประชุมชี้แจงหลักเกณฑ์การเำเนินงานและการบริหารจัดการกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ปี 2563 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้กล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า กับทิศทางในอนาคต ความตอนหนึ่งว่า ระบบสาธารณสุขของประเทศไทย ไม่อายใครในโลก บางที่จัดให้อยู่อันดับ 6 แต่ตนขอจัดให้อยู่อันดับ 1 เพราะบุคลากรในกระทรวงสาธารณสุขมุ่งมั่นตั้งใจทำงานอย่างน่าชื่นชม ส่วนใครจะวิพากษ์วิจารณ์ให้มองว่าเป็นเรื่องธรรมดา ไม่สามารถเอาใจทุกคนได้หมด แต่ถ้าทำเต็มที่แล้ว ก็ขอให้สบายใจ ปัจจุบัน ระบบประกันสุขภาพของไทยมีพัฒนาการไม่หยุดนิ่ง เราพยายามขยายสิทธิ์การรักษาโรคให้มากที่สุด วันนี้ โรคที่พบยาก ก็อยู่ในการครอบคลุมแล้ว เรื่องงบประมาณ ถ้าเป็นไปเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น จะไม่เสียดาย

ในอนาคตอันใกล้ หน้าที่ของกระทรวงสาธารณสุข จะไม่หยุดแค่การรักษา แต่ต้องสร้างชุดความคิด ให้คนไทยดูแลสุขภาพตัวเอง ออกกำลังกาย รับประทานอาหารสะอาด ถูกสุขลักษณะ และไม่พาตัวเองไปอยู่ในภาวะเสี่ยงต่อสุขภาพ วันนี้ เรามีหน่วยงานด้านสุขภาพมากมาย เราให้งบ ขอให้นำไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างเสริมสุขภาพ และป้องกันโรค คนไทยต้องตระหนักรู้ถึงการดูแลตนเอง อาทิ เรื่องการใช้ช้อนกลาง ถ้าทำให้คนไทยทำเป็นเรื่องปกติ จะลดความเจ็บป่วยไปได้มาก

เป็นที่ชัดเจนว่า ประเทศไทย กำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ หน้าที่ของกระทรวงสาธารณสุขคือ ทำให้สังคมผู้สูงอายุของไทยเต็มเปี่ยมไปด้วยคุณภาพ เป็นผู้สูงอายุ ที่มีพลังผลักดันประเทศ

นายอนุทิน กล่าวต่อว่า ภายใต้กองทุนบัตรทอง คนไทยทุกคนต้องได้รับการดูแลสุขภาพอย่างดี รับบริการที่มีคุณภาพและมาตรฐาน ไม่ต้องร่วมจ่าย บนหลักการคือ “ไม่มีใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง” ภายใต้ 5 นโยบายสำคัญ ดังนี้

1. กระตุ้นให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของดูแลสุขภาพตนเอง อาทิ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ สร้างเสริมสุขภาพเพื่อป้องกันไม่ให้เป็นโรคหรือเจ็บป่วย ซึ่งจะเกิดผลดีทั้งกับประชาชนเอง ครอบครัว ชุมชน และประเทศชาติ

2. จัดระบบการคลังด้านสุขภาพที่ยั่งยืน (Sustainability) มี 2 ตัวชี้วัดที่สำคัญ คือ รายจ่ายสุขภาพทั้งหมดต้องไม่เกินร้อยละ 5 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ ปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 4.2 และรายจ่ายรัฐบาลด้านสุขภาพต้องไม่เกินร้อยละ 20 ของรายจ่ายรัฐบาลทั้งหมด ปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 16.7แม้ว่าขณะนี้ตัวชี้วัดของประเทศจะยังไม่เกินเป้าหมาย แต่ควรเร่งรัดหามาตรการรองรับ โดยเฉพาะการทำให้คนไทยมีสุขภาพที่ดี ซึ่งจะเป็นหนทางที่ช่วยทำให้หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้ามีความยั่งยืน

3. การจัดบริการให้เพียงพอด้วยการบริหารจัดการ ไม่ว่าจะเป็นการแสวงหาความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน อาทิ การดำเนินนโยบายลดความแออัดในโรงพยาบาลโดยผู้ป่วยรับยาร้านยาใกล้บ้านที่ช่วยลดการรอคอย เพิ่มการให้คำปรึกษาโดยเภสัชกรเพื่อการใช้ยาอย่างเหมาะสม เป็นต้น การใช้ดิจิตอลเทคโนโลยีเพื่อนัดตรวจ การเชื่อมโยงระบบข้อมูลสุขภาพผู้ป่วย รวมถึงการพัฒนาระบบบริการปฐมภูมิให้เข้มแข็ง

4. การลดความเหลื่อมล้ำในสิทธิประโยชน์และคุณภาพการบริการของ 3 กองทุน เปิดรับฟังความเห็นและข้อเสนอแนะทุกภาคส่วน เพื่อนำไปสู่การแก้ไขในประเด็นที่ยังเป็นปัญหา อาทิ การร่วมจ่าย ณ จุดบริการที่ยังขาดความชัดเจน การกระจายบริการสุขภาพสู่ในพื้นที่ชนบทและเขตเมืองที่เหมาะสม และดูแลกลุ่มเปราะบางให้เข้าถึงสิทธิหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า เป็นต้น

5. เพิ่มประสิทธิภาพบริหารจัดการกองทุนและจัดการทรัพยากรที่จำกัดอย่างคุ้มค่า ไม่ว่าจะเป็นงบประมาณ เครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ กำลังคน พร้อมสร้างความรอบรู้ทางสุขภาพ ให้กับประชาชน เช่น การกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ การออกกำลังกาย และการใช้ยาอย่างสมเหตุผล เป็นต้น

ทั้งนี้ กิจกรรมดังกล่าวมีผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขเช้าร่วม เป็นจำนวนทาก อาทิ นายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข, นายแพทย์ณรงค์ สายวงศ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข, นายแพทย์ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการ สปสช. เป็นต้น

กรมควบคุมโรคเตือนถูกแมลงยุงกัดเสี่ยงป่วยโรคเนื้อเน่าได้

People Unity News : กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เตือนประชาชนหากถูกแมลง ยุงกัดหรือมีบาดแผล แม้เพียงเล็กน้อย ขอให้ดูแลแผลให้สะอาด เพราะอาจเสี่ยงต่อการป่วยด้วยโรคเนื้อเน่าได้ หากแผลเกิดการอักเสบ เช่น บริเวณบาดแผลมีลักษณะปวด บวม ร้อน แดงมากขึ้น หรือมีไข้ แล้วลุกลามให้รีบไปพบแพทย์โดยเร็ว เพื่อรับการวินิจฉัย ซึ่งโรคนี้สามารถรักษาได้

วันที่ 4 พฤศจิกายน 2562 นายแพทย์อัษฎางค์ รวยอาจิณ รองอธิบดีและโฆษกกรมควบคุมโรค กล่าวว่า จากกรณีที่มีข่าวดาราชื่อดัง ถูกแมลงกัดขณะไปเที่ยวบ่อน้ำร้อนในต่างประเทศ ต้องเข้ารักษาตัวด่วน นั้น กรมควบคุมโรค ขอให้ข้อมูลว่า โรคเนื้อเน่า หรือเรียกว่า เนคโครไทซิ่ง แฟสเชียไอติส (Necrotizing fasciitis) เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนในแผล ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่พบบ่อย 2 ชนิด คือ Streptococcus pyogenes และStaphylococcus aureus โดยมีการติดเชื้อบริเวณผิวหนังและชั้นไขมันใต้ผิวหนังอย่างรุนแรง โรคนี้พบบ่อยในช่วงฤดูฝน มักพบในผู้ที่มีบาดแผลเล็กๆน้อยๆ หรือแผลจากการถูกแมลงหรือยุงกัด แล้วสัมผัสกับแบคทีเรียที่อยู่ในดินหรือในน้ำ และอาจดูแลแผลไม่ดี จนแผลลาม ทำให้แผลติดเชื้อซ้ำซ้อน

สำหรับประเทศไทย แต่ละปีจะพบผู้ป่วยโรคเนื้อเน่าประมาณ 100-200 ราย พบผู้ป่วยมากในช่วงฤดูฝน และพบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง ตำแหน่งที่เกิดมากสุดคือที่บริเวณขา รองลงมาเป็นบริเวณเท้า เมื่อเชื้อโรคที่พบในดินในน้ำทั่วๆไปเข้าไปในแผล จะทำให้เกิดการอักเสบ ลุกลามได้ง่าย รายที่รุนแรงอาจเกิดการติดเชื้อในกระแสเลือด ภาวะไตวาย ช็อค และอาจเสียชีวิตได้ ที่สำคัญหากมาพบแพทย์ช้า เมื่อมีอาการรุนแรงถึงขั้นช็อกแล้ว จะทำให้อัตราการเสียชีวิตเพิ่มสูงขึ้น ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับระยะเวลาและความรุนแรงด้วย

นายแพทย์อัษฎางค์ กล่าวต่อไปว่า ประชาชนที่มีความเสี่ยงเกิดโรคเนื้อเน่า ได้แก่ ผู้ที่มีภูมิต้านทานต่ำหรือเป็นโรคเกี่ยวกับเส้นเลือด เช่น เบาหวาน ไตวาย มะเร็งที่อยู่ระหว่างการรักษาด้วยเคมีบำบัด ผู้สูงอายุ คนอ้วน ผู้ที่กินยาสเตียรอยด์หรือยาชุด ผู้ที่ดื่มเหล้าเป็นประจำ เป็นต้น

สำหรับการป้องกันโรค ขอให้ประชาชนระมัดระวังอย่าให้เกิดบาดแผลขึ้น โดยเฉพาะบริเวณขาหรือเท้า แต่หากมีบาดแผลขอให้หลีกเลี่ยงการลุยน้ำ และทำความสะอาดแผลด้วยน้ำสะอาด ฟอกสบู่ และใส่ยาฆ่าเชื้อ ระวังอย่าให้มีสิ่งสกปรกเข้าไปในบาดแผล โดยเฉพาะบาดแผลที่เกิดจากวัสดุที่สกปรก เช่น ตะปู หนาม ไม้ที่อยู่ในน้ำ ทิ่มแทง ควรไปพบแพทย์หรือสถานพยาบาลใกล้บ้าน ทั้งนี้ ถ้าปวดบริเวณแผล บวม ร้อน แดงมากขึ้น หรือมีไข้ร่วมด้วย อาจเกิดการติดเชื้อได้ ให้รีบไปพบแพทย์โดยเร็ว เพื่อรับการวินิจฉัย ซึ่งโรคนี้สามารถรักษาได้ ประชาชนสามารถสอบถามข้อมูลได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422

เครือข่าย”สุขภาพหนึ่งเดียว” ร่วมมือด้านสุขภาพ”คน สัตว์ สิ่งแวดล้อม”

People Unity News : กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับภาคีเครือข่าย เดินหน้าประสานความร่วมมือด้านสุขภาพคน สัตว์ สัตว์ป่า และสิ่งแวดล้อม เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้และต่อยอดความร่วมมือกับทุกภาคส่วน ให้ประเทศไทยมีศักยภาพในการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคแบบบูรณาการอย่างมีประสิทธิภาพ ต่อเนื่อง และยั่งยืน

วันที่ 3 พฤศจิกายน 2562 ที่ ICONSIAM กรุงเทพฯ นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค พร้อมด้วยนายสัตวแพทย์สาโรช งามขำ ผู้ทรงคุณวุฒิกรมปศุสัตว์ นายสัตวแพทย์ภัทรพล มณีอ่อน ผู้แทนกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช และ Dr. John MacArthur ผู้อำนวยการศูนย์ความร่วมมือไทย–สหรัฐ ด้านสาธารณสุข ร่วมเปิดกิจกรรม “วันสุขภาพหนึ่งเดียวโลก” (Global One Health Day 2019: For Better Health of All) โดยได้รับความร่วมมือจากเครือข่ายสุขภาพหนึ่งเดียวทุกภาคส่วนในประเทศไทย

นายแพทย์สุวรรณชัย กล่าวว่า สุขภาพหนึ่งเดียว หรือ One Health เป็นประเด็นสำคัญที่ทั่วโลกให้ความสนใจ ทั้งนี้ กลุ่มความร่วมมือด้าน One Health ระดับนานาชาติ ได้กำหนดวันที่ 3 พฤศจิกายนของทุกปี เป็น “วันสุขภาพหนึ่งเดียวโลก” (Global One Health Day) ขึ้น ซึ่งปีนี้ได้จัดขึ้นเป็นปีที่ 4 โดยมีวัตถุประสงค์ คือ 1) เพื่อกระตุ้นและประสานความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในด้านการป้องกันควบคุมโรคติดต่อระหว่างสัตว์และคน 2) เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูล ประสบการณ์ และความก้าวหน้าในการดำเนินงานตามแนวคิดสุขภาพหนึ่งเดียวของหน่วยงานพันธมิตรในเครือข่าย ตลอดจนการแลกเปลี่ยนมุมมอง การดำเนินงานด้านสุขภาพหนึ่งเดียว ที่สอดคล้องกับนโยบายการพัฒนาประเทศ ของรัฐบาล และ 3) เพื่อสุขภาพที่ดีของประชาชน แบบองค์รวม โดยประเทศไทยมีการดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ในการเตรียมความพร้อมและการรับมือโรคติดต่อระหว่างคนและสัตว์ และโรคติดต่ออุบัติใหม่และอุบัติซ้ำ ในระดับประเทศ รวมถึงการพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ความสามารถสหสาขา เพื่อรองรับการทำงานแบบบูรณาการร่วมกับหลายภาคส่วน จนทำให้ประเทศไทยมีผลการดำเนินงานด้านสุขภาพหนึ่งเดียวเป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาประชาคมโลก

นายแพทย์สุวรรณชัย กล่าวต่อไปว่า กิจกรรมครั้งนี้ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากหน่วยงานเครือข่ายสุขภาพหนึ่งเดียว โดยมีผู้เข้าร่วมการประชุมประมาณ 300 คน และคาดหวังว่าหลักการสุขภาพหนึ่งเดียว จะนำพาให้การทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อน มีความเกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน เช่น ปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น ปัญหาเชื้อดื้อยา หรือ Antimicrobial Resistance ปัญหาสิ่งแวดล้อมและสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ให้ประสบความสำเร็จและส่งผลดีต่อสุขภาพของคน สัตว์ สัตว์ป่า และสิ่งแวดล้อม สอบถามเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422

“พิพัฒน์”ร่วมขบวนแห่ “เจ้าแม่ทับทิม” ย่านเยาวราช

People Unity News : รมว.ท่องเที่ยวและกีฬาร่วมขบวนแห่ “เจ้าแม่ทับทิม” ย่านเยาวราช พร้อมทัพใหญ่ “ทัวร์ตระกูลแซ่” เชื่อมั่นสัมพันธ์ไทย-จีน แน่นแฟ้น ส่งผลดีต่อภาพรวมด้านท่องเที่ยวทั้งสองประเทศ

เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2562 ที่ผ่านมา นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาพร้อมด้วยผู้บริหารร่วมขบวนแห่ “เจ้าแม่ทับทิม” (หม่าโจ้ว) รอบย่านเยาวราช ตามที่สมาคมตระกูลลิ้มแห่งประเทศไทย ได้อัญเชิญเจ้าแม่ทับทิมจากสาธารณรัฐประชาชนจีนมาถึงประเทศไทยเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เพื่อให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวทั้งไทย-จีนได้เคารพสักการะ

ทั้งนี้ หลังจากเจ้าแม่ทับทิมได้รับการอัญเชิญมาถึงประเทศไทยเมื่อวันที่ 14 โดยมีพิธีต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่ ณ สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิแล้ว ทางสมาคมฯ ได้อัญเชิญองค์เจ้าแม่ทับทิมไปประทับ ณ สมาคมฉวนโจว-จิ้นเจียง ประเทศไทย ถนนราชพฤกษ์-สำเพ็ง 2, สมาคมตระกูลลิ้มแห่งประเทศไทย และวันนี้ได้มีพิธีแห่องค์เจ้าแม่ไปยังถนนย่านเยาวราช เพื่อให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวไทย-จีนที่มีความเลื่อมใสศรัทธา ได้มีโอกาสกราบสักการะและขอพร ซึ่งเจ้าแม่ทับทิมหรือเจ้าแม่หม่าโจ้วมีความศักดิ์สิทธิ์เป็นที่เคารพสักการะของคนจีนที่ทำอาชีพประมงหรือออกเดินเรือไปหาปลาเป็นอย่างมาก ถ้าเปรียบกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของคนไทยก็จะหมายถึงแม่ย่านางที่เรามักจะกราบไหว้ขอพรก่อนการออกเดินทางทุกครั้งไม่ว่าจะเป็นทางรถหรือทางเรือ

รมว.พิพัฒน์ กล่าวว่า การเดินทางมาประเทศไทยขององค์เจ้าแม่ทับทิมครั้งนี้ ไม่เพียงแต่นักท่องเที่ยวไทยจีน รวมถึงผู้ที่เลื่อมใสศรัทธาในองค์เจ้าแม่ทับทิมได้มีโอกาสกราบสักการะ เพื่อความเป็นสิริมงคลแล้ว ยังมีคณะนักท่องเที่ยวตระกูลแซ่จำนวนมากกว่า 600 คน เดินทางมาด้วย ซึ่งเรื่องนี้เป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินงานตามนโยบายที่ผมเคยให้ไว้แก่หน่วยงานของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เพราะในโลกนี้มีคนจีนเป็นจำนวนมาก มีสายสัมพันธ์อันดีกับชาวไทยเรามาช้านาน จึงเป็นกุศโลบายที่ดีที่จะเชื้อเชิญชาวจีนตระกูลแซ่ต่างๆ ได้มาท่องเที่ยวในเมืองไทย มาพบปะเยี่ยมเยียนบรรพบุรุษญาติมิตรเชื้อสายเดียวกันที่พักอาศัยอยู่ในประเทศไทย นอกจากจะเป็นการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมอันดีงามของทั้งสองเชื้อชาติแล้ว ความอบอุ่นประทับใจที่เกิดขึ้นย่อมได้รับการประชาสัมพันธ์บอกต่อให้ชาวจีนคนอื่นๆ ได้เดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทย เกิดการจับจ่ายใช้สอยอันจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจสร้างรายได้แก่ประเทศไทยโดยรวมต่อไป หน้าที่ของประชาชนคนไทยคือการต้อนรับผู้มาเยี่ยมเยือนเหล่านี้ด้วยการไม่เอารัดเอาเปรียบ ต้มตุ๋นหลอกลวง สร้างความอบอุ่นประทับใจให้เกิดขึ้น เพียงเท่านี้ก็ถือว่าทุกท่านได้ปฏิบัติหน้าที่เจ้าบ้านที่ดีแล้ว

ยกเลิกทุกการนัดหมาย ! “อนุทิน”บินด่วน”ร้อยเอ็ด” ทำภารกิจหัวใจติดปีก

People Unity News : ยกเลิกทุกการนัดหมาย ! “อนุทิน” นำทีมแพทย์บินด่วน “ร้อยเอ็ด” ทำภารกิจหัวใจติดปีก ด้าน สธ.หนุนเต็มที่ เชิญประชาชนบริจาคอวัยวะ

วันที่ 24 พฤศจิกายน 2562 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธาณสุข ได้ขับเครื่องบินนำทีมแพทย์จากโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ไปยัง จ.ร้อยเอ็ด เพื่อปฏิบัติภารกิจรับอวัยวะนำไปส่งแก่ผู้ป่วยที่รอการช่วยเหลือ ทั้งนี้ ที่เฟซบุ๊ก “อนุทิน ชาญวีรกูล” ปรากฏข้อความว่า

“ทีมหัวใจติดปีก
มาร้อยเอ็ด
ภารกิจด่วน
ยกเลิกทุกนัด
ขออภัยเจ้าภาพทุกงาน ที่รับเชิญไว้ด้วยนะครับ”

อีกด้านหนึ่ง ที่เฟซบุ๊ก “นายแพทย์รุ่งเรือง กิจผาติ” ของนายแพทย์รุ่งเรือง กิจผาติ โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ปรากฏข้อความเขิญชวนให้ประชาชนร่วมบริจาคอวัยวะ พร้อมชื่นชมกิจกรรมของนายอนุทิน ระบุว่า

“เช้าวันเสาร์ และเช้าวันอาทิตย์ แม้เป็นวันหยุด คุณอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ขับเครื่องบินและค่าใช้จ่ายส่วนตัว รับอวัยวะมาช่วยชีวิตผู้ป่วย ด้วยภาระกิจ หัวใจติดปีก มาก่อนเรื่องส่วนตนด้วยการเดินทางพร้อมทีมแพทย์ และยังไปกราบขอบพระคุณญาติๆผู้ป่วยด้วยความอ่อนน้อม….

ผู้นำที่ดีของกระทรวงสาธารณสุขที่มีทั้งคุญธรรม ความสามารถ ความยุติธรรม”

ขอชื่นชมท่านเป็นแบบอย่างการทำงาน

ทำเพื่อส่วนรวมมาก่อนส่วนตนเสมอ”ท่านเป็นแบบอย่างที่ดีให้เราทุกคนชาวสาธารณสุขได้ศรัทธา ให้นึกถึงประโยชน์ประชาชน ประโยชน์ส่วนรวม มาก่อน เรื่องของตนเอง และผมขอชื่นชมให้กำลังใจพี่น้องชาวสาธารณสุขทุกคนที่เสียสละ

ตัวหมอเองก็บริจาคทั้งอวัยวะและดวงตา ร่วมถึงมอบร่างที่เหลือให้ศึกษาเป็นอาจารย์ใหญ่

ไม่ต้องกลัวความเชื่อผิดๆ ว่า “ถ้าตายไปอวัยวะไม่ครบ” จะพิการชาติหน้าได้ หรือเกิดเรื่องไม่ดี ขอรับรองว้าไม่จริง มีแต่ได้บุญมากๆ ด้วยผู้ป่วยหัวใจเทวดาครับ

กระทรวงสาธารณสุข เชิญชวนประชาชนร่วมสร้างกุศลบริจาคอวัยวะ ให้ชีวิตใหม่เพื่อนมนุษย์ ลดความพิการแก่ผู้ป่วยที่รอรับการปลูกถ่ายอวัยวะโดยผู้บริจาค 1 คนจะช่วยผู้ป่วยได้ถึง 8 คน

กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับสภากาชาดไทย ได้จัดทำโครงการบริจาคอวัยวะเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสฉลองพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 รณรงค์ให้ประชาชนร่วมแสดงความจำนงบริจาคอวัยวะและดวงตา

จึงเชิญชวนพี่น้องประชาชนร่วมบริจาค เป็นการสร้างบุญครั้งย่ิงใหญ่มากในวาระสุดท้ายของชีวิต

นายแพทย์รุ่งเรือง เปิดเผยว่า นายอนุทิน ให้ความสำคัญในการดำเนินงานระบบบริจาคและปลูกถ่ายอวัยวะให้มีความเข้มแข็งพัฒนาระบบบริการสุขภาพ(Service Plan) สาขาการรับบริจาคและปลูกถ่ายอวัยวะ ร่วมมือกับสภากาชาดไทย

ได้จัดตั้งศูนย์รับบริจาคอวัยวะในโรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไปทั่วประเทศ และพัฒนาทีมจัดเก็บอวัยวะในทุกเขตสุขภาพ เพื่อให้ประชาชนที่อยู่ในต่างจังหวัด มีโอกาสเข้าถึงบริการปลูกถ่ายอวัยวะที่มีประสิทธิภาพ รวดเร็ว โดยเฉพาะการปลูกถ่ายไตและดวงตา ซึ่งจะช่วยให้ผู้ป่วยสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

มีผู้ป่วยที่ลงทะเบียนรอรับการบริจาคอวัยวะจำนวน 6,311 ราย แต่ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะจากผู้บริจาคเพียงร้อยละ 9.1 เท่านั้น

ผู้มีจิตศรัทธาต้องการบริจาคอวัยวะและดวงตา ติดต่อได้ที่ศูนย์รับบริจาคอวัยวะ สภากาชาดไทย โทร. 02 256 4045, 02 256 4046 ในวันและเวลาราชการ และศูนย์ดวงตา สภากาชาดไทย โทร. 02 256 4039, 02 256 4040 ในวันและเวลาราชการและโรงพยาบาลทุกแห่งของประทรวงสาธารณสุข”

4-5พ.ย.เป็นวันหยุดพิเศษ! สธ.กทม.และนนทบุรีไม่หยุด

People Unity News : 4-5พ.ย.เป็นวันหยุดพิเศษ! สธ.กทม.และนนทบุรีไม่หยุด เปิดบริการปกติลดผลกระทบต่อผู้รับบริการ

วันที่ 1 พฤศจิกายน 2562 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า

วันหยุด เราไม่หยุด

ตามที่ได้มีการประกาศให้วันที่ 4-5 พฤศจิกายน เป็นวันหยุดราชการกรณีพิเศษ สำหรับส่วนราชการที่อยู่ในกทม.และนนทบุรี นั้น

กระทรวงสาธารณสุข ขอแจ้งให้ทราบว่า เพื่อไม่ให้กระทบต่องานบริการประชาชน และผู้ป่วย สถานบริการทุกแห่งในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ กทม.และนนทบุรี จะเปิดให้บริการตามปกติ ทั้งวันที่ 4-5 พฤศจิกายน เพื่อไม่ให้กระทบต่อการให้บริการประชาชน และผู้ป่วยที่ได้นัดหมายไว้แล้ว

ผู้ป่วยวิกฤตฉุกเฉิน ผู้ป่วยทั่วไป ผู้ป่วยนัดหมายผ่าตัด นัดหมายตรวจพิเศษ สามารถเข้ารับบริการได้ตามปกติ

อ่านแล้วช่วยแชร์ให้ทราบโดยทั่วกันนะครับ

ขณะนายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ในช่วงวันหยุดราชการเป็นกรณีพิเศษ วันที่ 4- 5 พฤศจิกายน 2562 ระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 35 ที่ อิมแพค เมืองทอง จังหวัดนนทบุรี กระทรวงสาธารณสุข ได้สั่งการให้สถานบริการในสังกัด ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและจังหวัดนนทบุรี ยังคงเปิดให้บริการประชาชนตามปกติ ในช่วงวันหยุดราชการเป็นกรณีพิเศษดังกล่าว ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้กระทบต่อการให้บริการประชาชน และเกิดความเสียหายต่อทางราชการ

โดยผู้ป่วยวิกฤตฉุกเฉิน ผู้ป่วยทั่วไป ผู้ป่วยนัดหมายผ่าตัด นัดหมายตรวจพิเศษ สามารถเข้ารับบริการได้ตามปกติ

Verified by ExactMetrics