วันที่ 29 มีนาคม 2024

รู้ยัง ส่งเงินสมทบ ประกันสังคมปี 64 ใช้ยื่นลดหย่อนภาษีปี 65 ได้

People Unity News : ส่งเงินสมทบต้องรู้ ประกันสังคม ปี 64 ใช้ยื่นลดหย่อนภาษีได้

26 ธ.ค.64 สำนักงานประกันสังคม แจ้งผู้ประกันตนตามมาตรา 33, 39 และ 40 ที่มีเงินได้หรือรายได้ตามเกณฑ์กำหนด ยื่นภาษี ปี 2565 สามารถใช้เงินประกันสังคมที่ส่งมาคำนวณเป็นค่าลดหย่อนภาษีได้ ซึ่งผู้ประกันตนแต่ละมาตรา จะมีสิทธิการลดหย่อนที่แตกต่างกัน ดังนี้

ผู้ประกันตน ม.33 ขอหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย 50 ทวิ จากหน่วยงานที่ทำงานอยู่ สามารถนำไปลดหย่อนตามจำนวนเงินสมทบที่จ่ายจริง สูงสุดไม่เกิน 5,100 บาท

ผู้ประกันตน ม.39 ลดหย่อนตามจำนวนเงินสมทบที่จ่ายจริง สูงสุดไม่เกิน 3,003 บาท

ผู้ประกันตน ม.40 ลดหย่อนตามจำนวนเงินสมทบที่จ่ายจริง สูงสุดไม่เกิน 3,000 บาท

ทั้งนี้ ผู้ประกันตนสามารถนำบัตรประชาชนตัวจริงไปติดต่อขอคัดสำเนาการนำส่งเงินสมทบ เพื่อนำไปลดหย่อนภาษีได้ที่สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่/จังหวัด/สาขา ทุกแห่ง

Advertising

“ภาณุรัตน์”กราบศพ”ร.ต.อ.พยุง” เหยื่อโจรโต้ยิงถล่มชรบ.ยะลา

People Unity News : “จักรทิพย์” ห่วงใยครอบครัว “ร.ต.อ.พยุง” เหยื่อโจรโต้ยิงถล่ม ชรบ. เสียชีวิต ส่ง “ภาณุรัตน์” เยี่ยมบำรุงขวัญ กราบศพ พร้อมมอบเงินช่วยเหลือ

วันที่ 9 พ.ย.2562 สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 6 พ.ย.2562 เวลาประมาณ 00.10 น. ได้เกิดเหตุกลุ่มคนร้ายลอบโจมตีป้อมยามจุดตรวจ ชรบ.ประจำหมู่บ้านทุ่งสะเดา ตำบลลำพะยา อำเภอเมือง จังหวัดยะลา เป็นเหตุให้ร.ต.อ.พยุง คิดขุนทด รอง สว.กก.ซถ.2 บก.สส.จชต. และชุดคุ้มครองตำบลลำพะยา เสียชีวิต รวม 15 นายนั้น พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้มีความห่วงใยครอบครัวของ ร.ต.อ.พยุง ซึ่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาที่สูญเสียจากเหตุดังกล่าว จึงมอบหมาย พล.ต.อ.ชนสิษฎ์ วัฒนวรางกูร จตช. ให้ไปตรวจเยี่ยมและบำรุงขวัญกำลังใจให้กับทางครอบครัวผู้สูญเสีย

ขณะที่พล.ต.อ.ชนสิษฎ์ วัฒนวรางกูร จตช. จึงได้มอบหมายให้ พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ จตร.(สบ 8) ซึ่งรับผิดชอบดูแลพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ไปตรวจเยี่ยม

และวันนี้ (9พ.ย.) เวลาประมาณ 14.00 น. พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ จตร.(สบ 8) พร้อมด้วย พ.ต.อ.รังษี มั่นจิตร ผกก.ซถ.2 และ พ.ต.ท.อับดุลฮาลีม ดือเร๊ะ สว.กก.ซถ.2 บก.สส.จชต. ผู้บังคับบัญชาของ ร.ต.อ.พยุง จึงได้เดินทางมาที่วัดลำใหม่ อ เมือง จว.ยะลา เพื่อกราบศพ ร.ต.อ.พยุง คิมขุนทด และมาเยี่ยมบำรุงขวัญนางพนิตนารถ คินขุนทด ภรรยาของ ร.ต.อ.พยุง และครอบครัวเพื่อให้กำลังใจ

พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ กล่าวยืนยันว่า ผู้บังคับบัญชาของ ตร. มีความห่วงใยครอบครัวของข้าราชการตำรวจที่สูญเสียและจะดูแลสวัสดิการให้เป็นไปตามสิทธิ พร้อมนี้ พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ ได้มอบเงินช่วยเหลือจำนวนหนึ่งด้วย เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ

รัฐบาลสืบสาน อนุรักษ์ “โนรา” สู่ Soft Power ส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย

People Unity News : รัฐบาลร่วมสืบสาน อนุรักษ์ “โนรา” หลัง UNESCO ประกาศเป็นมรดกโลกด้านภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ สู่ Soft Power ส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย

25 เม.ย. 65 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธานพิธีเปิดงานโครงการส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้านการแสดงโนรา “สืบสานศิลป์แผ่นดินโนรา มรดกโลกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม” เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษา 12 ส.ค. 65 พร้อมชมการแสดงชุด “กำเนิดมโนราห์” โดยนักเรียน รร.อุบลรัตนราชกัญญาราชวิทยาลัย พัทลุง

“โนรา” หรือ “มโนราห์” (Nora) เป็นศาสตร์การรำของไทย เป็นศิลปะพื้นบ้านของพี่น้องชาวใต้ ที่ UNESCO ประกาศเป็นมรดกโลกด้านภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ ซึ่งนับเป็นเรื่องน่ายินดีที่วัฒนธรรมไทยสามารถสร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศ และสามารถดึงดูดให้ทั้งชาวต่างชาติและคนไทยหันมาสนใจศิลปะวัฒนธรรมไทยมากขึ้น นับเป็นหนึ่ง Soft Power สำคัญของไทย ที่จะช่วยจะส่งเสริมการท่องเที่ยวภาคใต้ผ่านการเรียนรู้ศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น เป็นกิจกรรมทางเศรษฐกิจภาคใต้ต่อไป

Advertisement

“พุทธะอิสระ”ออกโรง! จี้กมธ.ศาสนาฯสางปม พระสงฆ์ต้องคดีถูกจับสึกขังคุกขัดแย้งพระธรรมวินัย

People Unity News : “พุทธะอิสระ”ออกโรง! จี้กมธ.ศาสนาฯสางปม พระสงฆ์ต้องคดีถูกจับสึกขังคุกขัดแย้งพระธรรมวินัย ลั่นคดีกบฏถึงที่สุดแล้วกลับมาขอบวชใหม่แน่

วันที่ ๕ พ.ย.๒๕๖๒ เพจหลวงปู่พุทธะอิสระ (Buddha Isara)ได้โพสต์ข้อความว่า ทนอ่านกันหน่อยนะจ๊ะ จักได้มีความรู้ความเข้าใจหลักธรรมวินัยกันมากขึ้น

๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๒

คงจักถึงเวลาได้แล้วกระมัง ที่คณะกรรมาธิการด้านศาสนาจักหันมาให้ความสำคัญต่อพระธรรมวินัย พิจารณาปรับแก้กฎหมายใด ที่ใช้บังคับแก่คณะสงฆ์ไทย ทั้งที่กฎหมายนั้นๆ ขัดแย้งต่อหลักพระธรรมวินัยและไม่เอื้อเฟื้อ ต่อสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติเอาไว้

ตัวอย่างกรณี มีภิกษุต้องคดีของฝ่ายอาณาจักรทั้งที่ยังไม่มีการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของภิกษุนั้น กลับถูกเจ้าหน้าที่รัฐบังคับให้เปลื้องจีวร โดยที่เจ้าตัวมิได้กล่าวคำลาสิกขา
ซึ่งถ้าว่าโดยหลักพระธรรมวินัยแล้ว กว่าจักได้เป็นภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ ต้องผ่านกระบวนการคัดกรองจากหลักพระธรรมวินัยถึง ๓ ขั้นตอน คือ

ผู้ปวารณาจักบรรพชาอุปสมบทเป็นพระภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ จักต้องปฏิบัติดังนี้คือ

๑. นำตัวเองเข้ามาสมัคร แสดงตนต่อหน้าพระอุปัชฌาย์ผู้นำเข้าหมู่สงฆ์

พระอุปัชฌาย์ จักต้องพิจารณา กาย วาจา ใจ และพฤติกรรมของผู้ขอบรรพชาอุปสมบทนั้นว่า เป็นผู้มีความศรัทธา ปสาทะ ต่อหลักธรรมคำสั่งสอนขององค์พระศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า อย่างถูกต้องจริงหรือไม่ เป็นบุคคลต้องห้าม ตามหลักพระธรรมวินัย หรือไม่
เมื่อพระอุปัชฌาย์เล็งเห็นว่า ผู้สมัครตนขอเข้าหมู่สงฆ์ผู้นั้น เป็นผู้มีกาย วาจา ใจ เป็นสัมมาปฏิบัติ หรือพร้อมที่จักปรับตัวให้เข้ากับการอบรมสั่งสอนของคณะสงฆ์ได้ และมิได้มีลักษณะต้องห้าม
พระอุปัชฌาย์ จึงอนุญาตให้ลองเข้ามาฝึกอบรมปฎิบัติ กาย วาจา ใจ ด้วยการถือศีล ๘ นุ่งขาวห่มขาว แล้วปฎิบัติให้อ่อนน้อมถ่อมตน พร้อมแก่การรับการอบรมสั่งสอน
วิธีดังกล่าวมานี้ เรียกว่า บุพกิจเบื้องต้น ของการขอเข้าหมู่สงฆ์ โดยกระบวนการเหล่านี้ ต้องอยู่ในสายตาของคณะสงฆ์และพระอุปัชฌาย์

๒. เมื่อคณะสงฆ์ พระอุปัชฌาย์ เห็นว่าผู้ขอเข้าหมู่ผู้นั้นจักได้รับอนุญาตให้โกนผม โกนคิ้ว ขอบรรพชาเป็นสามเณร ด้วยการกล่าวคำขอบรรพชาที่เริ่มต้นจากการแสดงตนเป็นผู้ขอมีพระรัตนตรัย เป็นที่พึ่ง ที่สักการะแล้วจึงขอศีล ๑๐ จากพระอุปัชฌาย์ วิธีนี้เรียกว่า การขอบรรพชาหรือบวชเณร

๓. เมื่อผ่านกระบวนการเป็นสามเณรในพระธรรมวินัยนี้สมบูรณ์ดีแล้ว พระอุปัชฌาย์และคณะสงฆ์ในหมู่นั้นๆ จึงอนุญาตให้เธออุปสมบทขอบวชเป็นพระภิกษุด้วยการกล่าวคำขอบวช ด้วยวิธีญัตติจตุตถกรรมวาจา ต่อหน้าหมู่สงฆ์ไม่ต่ำกว่า ๒๕ รูป
เมื่อผู้ขอบวชได้รับการสวดญัตติจากพระคู่สวดและถูกสอบถาม ถึงสิ่งที่จักเป็นอันตรายต่อพระธรรมวินัยและพรหมจรรย์ผ่านพ้นแล้ว พระอุปัชฌาย์จึงสอนถึงสิ่งที่ควรทำ และไม่ควรทำพร้อมทั้งสอนพระกรรมฐานสืบไป

อธิบายถึงวิธีการว่ากว่าจะมาเป็นพระภิกษุได้นั้น ต้องผ่านกระบวนการอะไรมาบ้าง ให้ท่านทั้งหลายได้เห็นพอสังเขป เพื่อจักให้ท่านทั้งหลายได้รู้ว่า สมณภาวะ หรือภิกษุภาวะ มิใช้ได้มาจากความเห็นของใครคนใดคนหนึ่ง แต่ต้องเป็นความเห็นชอบของหมู่คณะพระภิกษุสงฆ์ซึ่งต้องมีไม่ต่ำกว่า ๒๕ รูป

อีกทั้งพระบรมศาสดาอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงมีพระบรมพุทธานุญาต เอาไว้ว่า

ภิกษุในธรรมวินัยนี้ จักพ้นจากความเป็นสมณภาวะหรือภิกษุภาวะได้นั้น จักมีมูลเหตุ ๓ กรณี คือ

๑. มรณภาพ (ตาย)
๒. ต้องอาบัติปาราชิก หรืออาบัติที่ต้องแล้วจักทำให้ภิกษุผู้ต้องผู้นั้น ขาดจากความเป็นภิกษุภาวะ ซึ่งมี ๔ มูลเหตุ คือ
– ๑. เสพเมถุน
– ๒. ฆ่ามนุษย์
– ๓. ลักทรัพย์เกินกว่า ๕ มาสก
– ๔. พูดอวดอุตริมนุสธรรม ที่ไม่มีในตนเอง
๓. กล่าวคำลาสิกขา ต่อหน้าพระภิกษุหรือหมู่สงฆ์

แต่กฎหมาย บางมาตรากลับขัดแย้งต่อหลักธรรมวินัยอย่างสิ้นเชิง เช่น มาตรา ๒๙ ความว่า พระภิกษุใดถูกจับโดยต้องหาว่า กระทำความผิดอาญา เมื่อพนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการไม่เห็นสมควรให้ปล่อยชั่วคราว และเจ้าอาวาสแห่งวัดที่พระภิกษุรูปนั้นสังกัด ไม่รับมอบตัวไว้ถามคุม หรือพนักงานสอบสวนไม่เห็นสมควรให้เจ้าอาวาสรับตัวไปควบคุม หรือพระภิกษุรูปนั้นมิได้สังกัดในวัดใดวัดหนึ่ง ให้พนักงานสอบสวนมีอำนาจจักดำเนินการ ให้พระภิกษุรูปนั้นสละสมณเพศเสียได้

หากพิเคราะห์ดูอย่างละเอียดแล้ว ท่านทั้งหลายจักเห็นว่า มาตรา ๒๙ นี้ เมื่อภิกษุถูกกล่าวหา โดยยังมิได้ตรวจสอบ พิสูจน์ตนเองตามหลัก ป.วิ อาญาที่เชื่อไว้ก่อนว่า “ผู้ถูกกล่าวหา ยังเป็นผู้บริสุทธิ์” หากศาลยังมิได้พิพากษา

แม้ในหลักพระธรรมวินัย พระบรมศาสดาก็ทรงยังต้องให้ตรวจสอบ พิสูจน์ทราบเสียก่อนว่าภิกษุนั้นผิดจริง ดังที่ถูกกล่าวหาหรือไม่ จึงจักลงโทษ วิธีนี้เรียกว่า การระงับอธิกรณ์ด้วยวิธี ๗ ประการ

ที่เขียนอธิบายมาเสียยืดยาวเช่นนี้ หาได้ต้องการเรียกร้องเพื่อประโยชน์ของพุทธะอิสระผู้ซึ่งกำลังต้องคดีไม่ เพราะยังไงๆ พุทธะอิสระ ก็ต้องรอให้คดีกบฏถึงที่สุดแล้วจึงกลับมาขอบวชใหม่อยู่แล้ว

แต่ต้องการเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงกฎหมายหรือกฎระเบียบใดที่ขัดแย้งต่อหลักธรรมวินัย เพื่อการแก้ไขปรับปรุง ให้ตรงต่อหลักธรรมวินัยเพื่อประโยชน์สูงสุดแก่พระพุทธศาสนาและพุทธบริษัททั้ง ๔

พุทธะอิสระ

ตรวจสอบสิทธิรักษาพยาบาลเท่าเทียม 7 ขั้นตอน

People Unity News : 19 เมษายน 2566 รัฐบาลมุ่งแก้ไขปัญหาระบบหลักประกันสุขภาพ ผลักดันเข้าถึงสิทธิการรักษาพยาบาล แนะคนไทยที่ยังไร้สิทธิ ตรวจสอบสิทธิอย่างเท่าเทียม ด้วย 7 ขั้นตอน

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ปัญหา “คนไทยไร้สิทธิ” เป็นความเลื่อมล้ำที่มีอยู่ในสังคมไทยมาช้านาน ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตเป็นอย่างมาก  เพราะการไม่มีสิทธิสถานะทางทะเบียนทำให้ไม่ได้รับสิทธิขั้นพื้นฐานและสิทธิพลเมืองที่บุคคลคนหนึ่งๆ ควรจะได้รับ โดยเฉพาะระบบหลักประกันสุขภาพ เนื่องจากไม่มีชื่ออยู่ในระบบทะเบียนราษฎรอย่างถูกต้อง เวลาเจ็บป่วยก็ไม่สามารถเข้าสู่ระบบรักษาได้ รัฐบาลมุ่งแก้ไขให้ปัญหา ให้ความสำคัญต่อระบบหลักประกันสุขภาพ ผลักดันการเข้าถึงสิทธิการรักษาพยาบาลของคนไทยทุกคนจะต้องได้รับการรักษาพยาบาลตามสิทธิ

น.ส.รัชดา กล่าวว่า สำหรับคนไทยที่ยังไร้สิทธิ์สามารถตรวจสอบสิทธิ์ เพื่อให้ได้สิทธิอย่างเท่าเทียม ด้วย 7 ขั้นตอน ดังนี้ 1. ตรวจสอบสถานะทางทะเบียน  2. รวบรวมเอกสารทางทะเบียน ได้แก่ บัตรประจำตัวประชาชนของผู้แจ้งบัตรประจำตัวประชาชนของบิดามารดา  สูติบัตร  ทะเบียนบ้านที่เคยมีชื่อ  ใบแจ้งการย้ายที่อยู่  เอกสารอื่นๆ ที่ราชการออกให้  กรณีที่ไม่มีเอกสารใด ๆ ที่ใช้อ้างอิงก็สามารถยื่นคำร้องได้ 3. ยื่นคำร้องต่อเจ้าหน้าที่ฯ สำนักทะเบียนอำเภอ หรือ สำนักทะเบียนท้องถิ่น (ที่มีภูมิลำเนาอาศัยอยู่ปัจจุบัน) 4. ตรวจสอบเอกสารส่งให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเอกสารเบื้องต้น  5.เจ้าหน้าที่พิจารณาตรวจสอบหลักฐาน  สอบสวนพยานบุคคล

6.แจ้งผลฯให้ผู้ร้องทราบ และ 7. ถ้าไม่อาจพิสูจน์สถานะการเกิดและสัญชาติได้จะได้รับการจัดทำทะเบียนประวัติเป็นบุคคลประเภท 0 (มาตรา 19/2)

“สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม สำนักทะเบียนกลาง กรมการปกครอง 0-2791-7312-6 กรณีที่มีหมายเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก แต่ติดทะเบียนบ้านกลางหรือถูกจำหน่ายรายการต้องการใช้สิทธิ์ในการรักษาพยาบาล โทร.สายด่วน สปสช. 1330 สำหรับบุคคลทะเบียนประวัติประเภท 0 มาตรา (19/2) สอบถามสิทธิรักษาพยาบาล ติดต่อ กองเศรษฐกิจสุขภาพและหลักประกันสุขภาพ เบอร์ 02-590-1577 ในวันและเวลาราชการ” นางสาวรัชดา กล่าว

Advertisement

ฮือฮา!วัตถุมงคลงานทอดกฐินวัดช้างบ้านนานครนายก แจก”ช้อนเงิน ช้อนทอง มหามงคลรุ่น 1″

People Unity News : ฮือฮา!…วัตถุมงคลงานทอดกฐินวัดช้าง อ.บ้านนา จ.นครนายก แจก “ช้อนเงิน ช้อนทอง มหามงคล รุ่น 1” เป็นที่ระลึกแก่ ญาติโยม ผู้เป็นเจ้าภาพกฐิน วันที่ 3 พฤศจิกายน 2562

งานบุญทอดกฐินสามัคคี วัดช้าง ในวันที่ 3 พ.ย.2562 นี้ พระครูโสภณนาคกิจ หรือ พระอาจารย์เดช อายุวฑฺฒโก เจ้าคณะอำเภอบ้านนา เจ้าอาวาสวัดช้าง ได้เมตตาจัดสร้างวัตถุชัยมงคล ช้อนเงิน ช้อนทอง มหามงคล รุ่น 1 ทั้งก่อนที่จะได้ร่วมบุญกับทางวัดพระอาจารย์เดชก็จะทำการปลุกเสกวัตถุชัยมงคลตามวาระฤกษ์มงคลของท่านให้ดีที่สุดที่ได้ดำเนินการจัดสร้าง เพื่อให้ศิษยานุศิษย์ได้เพิ่มพูนร่วมบุญกฐิน เพื่อวัตถุประสงค์ในการสร้างเสนาสนะภายในวัดให้แล้วเสร็จสืบต่อไป มาร่วมบุญอนุโมทนาบุญกฐินกับทางวัด

สำหรับการจัดสร้างวัดถุมงคลนี้ โบร่ำโบราณเชื่อกันว่าใช้สำหรับ ตัก ตวง เพิ่มพูนทรัพย์สิน เงินทอง นำพาเป็นโภคทรัพย์หนุนนำสิ่งมงคลต่างๆ เข้าบ้านเรือน ตามความเชื่อโบราณท่านว่า หากบ้านไหนมีช้อนเงิน ช้อนทองอยู่ในบ้านจะทำให้คนที่อาศัยอยู่ในบ้านนั้นพบเจอแต่ความเจริญรุ่งเรือง ในทุกๆ ด้าน เพราะช้อนเงินช้อนทองคู่นี้จะสามารถตักเงิน ตักทอง เข้าบ้าน

หากแม้นเป็นงานมงคลสมรสของคู่บ่าวสาว หลาย ๆ คู่ ก่อนที่จะจัดงานมงคลระหว่างกัน ก็มักจะมองหาสิ่งที่มีความประทับใจและมีนัยยะความหมายดี ๆ และเหมาะสม เป็นเครื่องหมายสำหรับผู้มาร่วมงานแสดงความยินดีให้กับผู้เป็นเจ้าของงาน และมอบให้เป็นสิ่งตอบแทนกลับไปเป็นที่ระลึกในงานมงคลอีกด้วย

จำนวนการจัดสร้างไม่มากนัก ประกอบด้วย เนื้อเงิน 59 ชิ้น เนื้อขาวซิลเวอร์พลัส 1,000 ชิ้น เนื้อเหลืองทองทิพย์ 1,000 ชิ้น เนื้อแดงสัมฤทธิ์ 1,000 ชิ้น ในงานบุญทอดกฐินสามัคคีวัดช้าง

ในวาระอันเป็นมงคลนี้หลวงพ่อท่านได้เมตตาจัดสร้างวัตถุชัยมงคล ช้อนเงิน ช้อนทอง มหามงคล รุ่น ๑ ก่อนที่จะได้ร่วมบุญกับทางวัดหลวงพ่อท่านก็จะทำการปลุกเสกวัตถุชัยมงคลตามวาระฤกษ์มงคลของท่านให้ดีที่สุดที่ได้ดำเนินการจัดสร้าง เพื่อให้ศิษยานุศิษย์ได้เพิ่มพูนร่วมบุญกฐิน เพื่อวัตถุประสงค์ในการสร้างเสนาสนะภายในวัดให้แล้วเสร็จสืบต่อไป

ผู้มีจิตศรัทธา ร่วมบุญทอดกฐิน กลับวัดบ้านนา ได้ที่ Page https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=2859568004053253&id=100000002455353

พุทธทั่วโลกนับ 10,000 คนชุมนุมที่อินเดีย ถกความสัมพันธ์กับโลกปัจจุบัน

People Unity News : ชาวพุทธทั่วโลกกว่า 10,000 คนชุมนุมกันที่เมืองออรังคาบัดอินเดีย ถก”ความสัมพันธ์ของพระพุทธศาสนากับโลกปัจจุบัน”

เมื่อเวลา 16.00 น. วันศุกร์ ที่ 22 พฤศจิกายน 2562 ที่ผ่านมา ที่ PES, College of Education, Nagsenvan Campus (Stadium) เมืองออรังคาบัด (Aurangabad) รัฐมหาราษฏร์ ประเทศอินเดีย พระธรรมโพธิวงศ์ เจ้าอาวาสวัดไทยพุทธคยา หัวหน้าพระธรรมทูต สายประเทศอินเดีย-เนปาล ร่วมเป็นประธานในการชุมนุมชาวพุทธ โดยมมีพระมหาเถระจากทั่วโลกอาทิสมเด็จพระสังฆราชจากประเทศศรีลังกาและชาวพุทธอินเดียมากกว่า 10,000 คนเข้าร่วม เพื่อรับฟังการปาฐกถาเรื่อง “ความสัมพันธ์ของพระพุทธศาสนากับโลกปัจจุบัน” จากวิทยากรทั่วโลก

พระธรรมโพธิวงศ์กล่าวความตอนหนึ่งว่า “วันนี้นับว่าเป็นวันมงคลที่มหาบัณฑิตมาประชุมกันเพื่อปรารภธรรมอันเป็นที่ตั้งแห่งความเจริญ อันเป็นแนวทางห่างไกลจากความเสื่อม การมาสัมมนาเป็นการเสวนาธรรมเพื่อเปิดทางเดินให้โลกปลอดภัยจากภัยอันตราย ธรรมที่เรียกว่ามีอยู่ทุกที่ จะสร้างสันติสุขยืนเคียงคู่กับมนุษย์ได้อย่างถาวร

ท่านพระมหาเถระทั้งหลาย ท่านมหาบัณฑิตทุกท่านเราคงต้องยืนยันว่าโลกเราเดือดร้อน จากกิจกรรมต่างๆ ปฏิบัติในปัจจุบันนี้ทำให้โลกวุ่นวาย ความร้อน ความทุกข์จากเหตุอย่างปรากฎในพรหมชลสูตร และธรรมที่ทรงโปรดในวิถีทางดับทุกข์ให้แก่ชาวโลกกับความปลอดภัย อันปรากฏในธัมมจักกัปปวัตตนสูตร ที่เป็นหลักของพระพุทธศาสนาที่ให้ความสัมพันธ์กับโลกที่เปิดทางแห่งความสุขให้สรรพสัตว์เดินทางปฏิบัติในมรรค การเปิดมิตร ปิดศัตรู ที่ได้อย่างแท้จริงและทราบว่า ที่นี่เป็นเป้าหมายของมหาชนผู้มีปัญญาแท้ และยั่งยืน นำแสงสว่างมาให้ชาวโลกให้มีความสุขอยู่เสมอ เมื่อสรรพทุกชีวิตฟังธรรมจากศรัทธา ในหนทางของมรรค เช่นสัมมาทิฐิ จะได้ความเบิกบานเปิดใจในงานนี้”

เมืองออรังคาบัด (Aurangabad) นั้นตั้งอยูทางทิศตะวันออกของเมืองมุมไบ รัฐมหาราษฏร์ ครอบคลุมพื้นที่ 200 ตร.ก.ม. โดยมีแหล่งท่องเที่ยวคือถ้ำอจันตา (Ajanta Caves)หางจากเมืองออรังคาบัด 95 ก.ม.และถ้ำเอลโลรา (Ellora Caves) หางจากเมืองออรังคาบัด 30 ก.ม.

และที่สำคัญคือรัฐมหาราษฏร์เป็นรัฐกำเนิดของ ดร.เอ็มเบดการ์ (Dr. Ambedkar) จากวรรณะจันฑาลซึ่งสังคมฮินดูของอินเดียรังเกียจเนื่องจากเป็นวรรณที่ต่ำสุด แต่สามารถพัฒนาตนจนเป็นบุคคลสำคัญของประเทศอินเดียและพระพุทธศาสนา โดยเป็นบุคคลแรกของประเทศอินเดียที่ได้นำเอาพระพุทธศาสนากลับมาสู่มาตุภูมิ (ถิ่นกำเนิดพระพุทธศาสนา) เดิมนั้นดร.เอ็มเบดการ์ นับถือศาสนาพราหมณ์ต่อมาจึงเปลี่ยนมานับถือพระพุทธศาสนา ได้เข้าพิธีอย่างเป็นทางการ และได้ยกย่องพระพุทธศาสนาว่าเป็นศาสนาที่สร้างสันติภาพให้แก่โลก เพราะพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาที่เป็นประชาธิปไตย ให้ความเสมอภาค ภราดรภาพ และยกย่องความเป็นมนุษย์อย่างเท่าเทียมกัน

Cr.เพจสำนักสื่อสารองค์กร พระธรรมทูต สายประเทศอินเดีย-เนปาล

เยาวราชจัดงานประเพณีงานเจ 14-23 ต.ค.นี้

People Unity News : 7 ตุลาคม 2566 ประเพณีงานเจ เยาวราช 2566 ชูแนวคิด “ใจบริสุทธิ์ สุขภาพดี มีมงคล” ชวนสืบสานงานบุญ สร้างกุศลครั้งใหญ่แห่งปี 14-23 ต.ค.นี้

นายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าฯ กทม. พร้อมด้วยนายวัลลภ เกียรติวรศรีกุล ผู้อำนวยการเขตสัมพันธวงศ์ นายประสิทธิ์ องค์วัฒนา ประธานจัดงาน “ประเพณีงานเจ เยาวราช 2566” และประธานสภาวัฒนธรรมเขตสัมพันธวงศ์ และ พ.ต.อ.วุฒิชัย ไทยวัฒน์ รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 6 ร่วมแถลงข่าว “ประเพณีงานเจ เยาวราช 2566” ณ โรงแรมแกรนด์ ไชน่า เยาวราช เขตสัมพันธวงศ์ โดยมี นายชาตรี วัฒนเขจร รองปลัดกรุงเทพมหานคร นายพินิจ กาญจนชูศักดิ์ สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร เขตสัมพันธวงศ์ ผู้บริหารสำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว ผู้บริหารและผู้แทนหน่วยงานที่ให้การสนับสนุนการจัดประเพณีงานเจ เยาวราช 2566 และผู้เกี่ยวข้อง ร่วมเป็นเกียรติในงานแถลงข่าว

รองผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า ทุกเทศกาลที่เป็นวัฒนธรรมนั้นเป็นเรื่องสำคัญ เพราะเป็นการส่งเสริมอัตลักษณ์และกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ สำหรับประเพณีงานเจ เยาวราช ก็ถือเป็นประเพณีประจำปีที่สำคัญ เพราะเป็นการสืบทอดวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามที่เกิดจากความร่วมมือของทุกฝ่ายเพื่อจัดเทศกาลงานบุญให้เกิดขึ้น ตลอดจนเป็นการส่งเสริมกิจกรรมของชุมชนให้เข้มแข็ง และยังเป็นการอนุรักษ์ความดีงามเหล่านี้ให้เยาวชนรุ่นหลังได้ร่วมกันสืบทอดต่อไป

“กรุงเทพมหานครมีนโยบายในการยกระดับสตรีทฟู้ดและผลักดันให้อาหารมีความสะอาดถูกหลักอนามัย ซึ่งงานเจปีนี้เราคงได้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นของสตรีทฟู้ดเยาวราชอย่างแน่นอน สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทุกท่านที่เสียสละเวลา กำลังกาย กำลังใจ ช่วยกันจัดงานเจเยาวราชนี้ให้เกิดขึ้น” รองผู้ว่าฯ กทม. กล่าว

ประธานจัดงานและประธานสภาวัฒนธรรมเขตสัมพันธวงศ์ เปิดเผยว่า งานเจ เยาวราช เป็นประเพณีสำคัญประจำปีที่เกิดจากแรงบันดาลใจและความศรัทธาของคนไทยเชื้อสายจีนในย่านเยาวราชที่ได้ร่วมสืบทอดกันมาหลายยุคหลายสมัย ด้วยการงดเว้นการบริโภคเนื้อสัตว์ สร้างกุศล เจริญศีลภาวนา แผ่เมตตาให้สรรพสิ่งทั้งปวง และสร้างเสริมสุขภาพ ถือเป็นวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามที่เกิดจากความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งพ่อค้า ประชาชน ชุมชน ผู้ประกอบการภัตตาคาร ร้านอาหาร และกลุ่มผู้ร่วมสนับสนุนการจัดงานเป็นประจำทุกปี กลายเป็นเอกลักษณ์ของเทศกาลงานเจในกรุงเทพฯ ที่มีผู้ถือศีลกินเจทั้งในประเทศและต่างประเทศเข้าร่วมสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อความเป็นสิริมงคลเป็นจำนวนมาก

สำหรับ “ประเพณีงานเจ เยาวราช 2566” จะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 14–23 ตุลาคม 2566 ณ บริเวณซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบพระชนมพรรษา ถนนเยาวราช ภายใต้แนวคิด “ใจบริสุทธิ์ สุขภาพดี มีมงคล” เพื่อให้ประชาชนได้สักการะและขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วทั้งเยาวราชที่อัญเชิญมาไว้ในมณฑลพิธี รักษาและดำรงไว้ซึ่งประเพณีถือศีลกินเจเยาวราชที่จัดขึ้นอย่างสมเกียรติและยิ่งใหญ่เป็นประจำทุกปี ตลอดจนเพื่อให้ประชาชนได้รับประทานอาหารเจที่สะอาด ถูกหลักอนามัยและปลอดภัย

Advertisement

กองสลากเผยสลากดิจิทัลงวดวันที่ 16 ก.ค. จำนวน 5.146 ล้านฉบับ จำหน่ายหมดแล้ว

People Unity News : 3 กรกฎาคม 2565 สำนักงานสลาก เผยการจำหน่ายสลากดิจิทัล งวดวันที่ 16 ก.ค.65 จำนวน 5.146 ล้านฉบับ จำหน่ายหมดแล้ว มีผู้ซื้อ 8.8 แสนราย

วันนี้ (3 กรกฎาคม 2565) เวลา 11.00 น. นายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพากร ในฐานะประธานกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยว่า การจำหน่ายสลากผ่านแอปเป๋าตัง หรือ สลากดิจิทัลงวดวันที่ 16 กรกฎาคม 2565 ซึ่งเป็นการจำหน่ายงวดที่สาม จำนวน 5,146,000 ฉบับ ขณะนี้ได้จำหน่ายหมดแล้ว มีผู้ซื้อจำนวน 888,637 ราย การจำหน่ายสลากหมดลงอย่างรวดเร็วกว่าที่คาดไว้ ผลตอบรับเป็นไปด้วยดี เนื่องจากสามารถซื้อสลากตัวเลขที่ต้องการในราคา 80 บาทได้จริง และสลากที่ซื้อก็มีการบันทึกข้อมูลไว้แสดงสิทธิในตัวสลาก ทำให้ไม่ต้องกังวลหากสลากหาย หรือการเรียกร้องสิทธิในตัวสลาก และเมื่อถูกรางวัลจะมีการแจ้งเตือนผ่านแอปเป๋าตัง ประกอบกับขั้นตอนการรับรางวัลที่สะดวก ง่าย ไม่ยุ่งยาก และงวดที่ผ่านมา มีรางวัลที่ 1 ถึง 6 รางวัล เงินรางวัลรวม 36 ล้านบาท ที่สำคัญมีคนถูกรางวัลที่ 1 คนเดียวถึง  3 ใบ ได้รางวัล 18 ล้านบาท ส่วนที่เหลือมีการกระจายถูกรางวัลคนละ 1 ใบ รางวัลละ 6 ล้านบาท

ประธานกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล กล่าวต่อไปอีกว่า สำหรับงวดวันที่ 1 สิงหาคม 2565 สำนักงานสลากฯ จะเพิ่มสลากจำหน่ายผ่านระบบดิจิทัลอีก 2 ล้านฉบับ รวมแล้วไม่น้อยกว่า 7 ล้านฉบับ เพื่อให้ผู้ซื้อมีเวลาในการเลือกซื้อสลากหมายเลขที่ต้องการในราคา 80 บาทได้นานขึ้น สำหรับการพิจารณาเพิ่มปริมาณสลากในระบบแต่ละครั้ง จะต้องเป็นไปตามความต้องการของตลาด และรักษาสมดุลระหว่างผู้ค้าในระบบเก่าและระบบดิจิทัลด้วย ส่วนสลากที่จะนำมาเพิ่มในระบบดิจิทัลนั้น จะมาจากสลากในระบบซื้อจอง  ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากสลากของตัวแทนจำหน่ายที่ถูกยกเลิกสัญญาเนื่องจากนำสลากไปขายต่อ

นอกจากสลากที่จำหน่ายผ่านแอปเป๋าตังในระบบแพลตฟอร์มได้แล้ว ยังมีจุดจำหน่ายสลาก 80 ที่สำนักงานสลากฯ เริ่มดำเนินการมาเป็นเวลากว่า 1 ปีแล้ว เป็นการจำหน่ายผ่านแอปเป๋าตังเช่นกัน ขณะนี้ มีจุดจำหน่ายกระจายอยู่ทั่วประเทศ ทั้งหมด 754 จุด ทั่วประเทศ และตั้งแต่เดือนสิงหาคมนี้เป็นต้นไป จะมีจุดจำหน่ายสลาก 80 ทั่วประเทศ 1077 จุด และภายในปีนี้ สำนักงานฯจะนำร่องขยายจุดจำหน่ายสลาก 80 ไปที่สถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศ อีกไม่น้อยกว่า  2,000 จุด

Advertisement

รมว.ศึกษาสั่งทุกโรงเรียนใช้เกณฑ์เดียวกันรับนักเรียนชั้นอนุบาล 1 ตั้งแต่ปีการศึกษา 2562 นี้

People unity : นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ให้นโยบายใหม่การรับนักเรียนชั้นอนุบาล 1 (3 ขวบ) ปีการศึกษา 2562

นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานการประชุมชี้แจงแนวทางการดำเนินงานการจัดการศึกษาเอกชน โดยมี นายอํานาจ วิชยานุวัติ รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ, นายชลำ อรรถธรรม เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน, นางวัฒนาพร ระงับทุกข์ รองเลขาธิการสภาการศึกษา, ว่าที่ ร.ต.ธนุ วงษ์จินดา ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผน สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ตลอดจนศึกษาธิการจังหวัด ประธานคณะกรรมการประสานและส่งเสริมการศึกษาเอกชนจังหวัด และผู้บริหารโรงเรียนเอกชน เข้าร่วมกว่า 250 คน เมื่อวันศุกร์ที่ 1 มีนาคม 2562 ณ โรงแรมรอยัลริเวอร์ เขตบางพลัด กรุงเทพฯ

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า การประชุมในครั้งนี้เป็นการแก้ปัญหาการรับนักเรียนชั้นอนุบาล 1 (อายุ 3 ขวบ) ปีการศึกษา 2562 ที่แต่ละหน่วยงานยังเข้าใจคลาดเคลื่อน ไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน และมีประเด็นเปิดรับนักเรียนซ้ำซ้อนกัน ทั้งการรับนักเรียนของโรงเรียนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กับโรงเรียนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) และโรงเรียนในสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.)

ภาพรวมของเด็กอนุบาลในช่วงวัย 3 ขวบทั่วประเทศ พบว่า นักเรียนส่วนใหญ่ 3 ใน 4 เรียนกับ อปท. ที่เหลือเรียนในโรงเรียนเอกชน ส่วนที่เข้าเรียนในโรงเรียน สพฐ. มีจำนวนน้อยมาก จึงได้มอบให้ สพฐ. ปรับเปลี่ยนการรับนักเรียนระดับชั้นอนุบาล 1 ใหม่ทั้งหมดตั้งแต่ต้น (Set Zero) โดยมอบหมายให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ทำรายงานการประชุมคณะกรรมการรับนักเรียนใหม่ทุกครั้ง โดยในการประชุมจะต้องมีคณะกรรมการผู้แทนของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งผู้ปกครอง พร้อมกับจัดเตรียมข้อมูลจำนวนเด็กปฐมวัยอย่างชัดเจน เพื่อรายงานต่อ สพฐ. และสำนักงานศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.) เพื่อดำเนินการต่อไป

นอกจากนี้ ยังได้สั่งการให้ สพฐ. แก้ไขการเรียกช่วงชั้นระดับอนุบาลใหม่ เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน โดยปรับเกณฑ์การรับนักเรียนอนุบาลจากเดิมที่รับนักเรียนอนุบาล 1 (อายุ 4 ขวบ) ให้เปลี่ยนเป็น อนุบาล 2 (อายุ 4 ขวบ) เพื่อให้สอดคล้องกับโรงเรียนเอกชน และ อปท. และเน้นตัวเด็กเป็นหลัก

สังคม : รมว.ศึกษาสั่งทุกโรงเรียนใช้เกณฑ์เดียวกันรับนักเรียนชั้นอนุบาล 1 ตั้งแต่ปีการศึกษา 2562 นี้

People unity : post 4 มีนาคม 2562 เวลา 18.40 น.

Verified by ExactMetrics