วันที่ 29 มีนาคม 2024

ทำเนียบฯ จัดงานวันเด็กแสนสนุก สไตล์ Soft Power

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 9 มกราคม 2567 ทำเนียบ – ทำเนียบฯ จัดงานวันเด็กแสนสนุก สไตล์ Soft Power พบกิจกรรมระบายสีหัวโขนจิ๋ว ตกแต่งว่าวจิ๋ว และเกมบันไดงูยักษ์

นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทุกวันเสาร์ที่ 2 ของเดือนมกราคม ตรงกับ “วันเด็กแห่งชาติ” โดยทำเนียบรัฐบาล ได้จัดงานฉลองวันเด็กแห่งชาติ ณ ทำเนียบฯ เป็นประจำ โดยในปี พ.ศ. 2567 นี้จัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 13 ม.ค. ตั้งแต่เวลา 08.00-15.00 น. โดยมีกิจกรรมไฮไลต์ คือ ให้เยาวชนสามารถนั่งเก้าอี้ของนายกรัฐมนตรีและถ่ายรูปได้ แต่พิเศษไปกว่านั้น ในปีนี้พื้นที่ของตึกนารีสโมสร ที่รับผิดชอบโดยทีมโฆษกรัฐบาล จะมีการจับสลากมอบของรางวัลทุกๆ 30 นาที และมีกิจกรรมพิเศษที่จัดมาภายใต้ธีมซอฟต์พาวเวอร์ (Soft Power)

โดยกิจกรรมที่ 1 เกมบันไดงู กระดานจัมโบ้ ให้เยาวชนร่วมสนุกล่ารางวัลในเกม ด้วยการโยนลูกเต๋ายักษ์และเดินตามเกมกระดาน เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมและความทรงจำวัยเด็กของคนไทยมายาวนาน

กิจกรรมที่ 2 ตกแต่งว่าวจุฬา-ปักเป้าจิ๋ว เพื่อรับเป็นของเล่นที่ระลึก และเรียนรู้เกี่ยวกับการแข่งขันว่าวต่อสู้ ซึ่งเป็นกีฬากลางแจ้งในฤดูร้อนของภาคกลางที่เป็นหนึ่งในวัฒนธรรมไทย ที่ปัจจุบันคนรุ่นใหม่หาสัมผัสได้ยาก โดยในวันงาน “ครูชาย” คเณศณัฏฐ์ เอื้อนสุภา ประธานชมรมว่าวจุฬา-ปักเป้าพระฤาษีตรีเนตร ในเขตบางพลัด จะเป็นผู้มาให้ความรู้แก่เยาวชน

กิจกรรมที่ 3 ระบายสีหัวโขนปูนปลาสเตอร์ พร้อมรับความรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมโขนและตัวละครในรามเกียรติ์ จาก “ครูนก” พิชิต บุญจินต์ จากบ้านหัวโขนลูกพระพาย ในชุมชนบ้านบุ เขตบางกอกน้อย ที่ทำงานเพื่ออนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมโขนไทยมายาวนาน

กิจกรรมที่ 4 การรับชมการแสดงของวงไอดอลไทยน้องใหม่ “วง Sora! Sora!” ใน 2 ช่วงเวลา คือ 11.00 น. และ 15.00 น. ซึ่งนอกเหนือจากให้ความสนุกสนานแล้ว สมาชิกของวงจะมาร่วมเล่นกิจกรรมต่างๆ กับน้องๆ บอกเล่าถึงประสบการณ์ของการเป็นส่วนหนึ่งของวงการบันเทิง ซึ่งเป็นหนึ่งใน Soft Power สำคัญที่ใช้เสียงดนตรีและการแสดงในการบอกเล่าเรื่องราวออกสู่สังคม

กิจกรรม 5 คือ การสวมบทบาทเป็นโฆษกประจำสำนักนายกฯ บนโพเดียมแถลงข่าว ในตึกนารีสโมสร เพื่อเป็นประสบการณ์ที่ดีและได้บันทึกภาพแห่งความทรงจำไว้ด้วย

“การจัดงานในพื้นที่ตึกนารีสโมสรปีนี้ เกิดขึ้นได้จากความร่วมมือร่วมใจของหลายๆ ภาคส่วน ขอบคุณสโมสรโรตารี่ ผู้สนับสนุนหลัก และผู้สนับสนุนรายอื่นๆ เช่น มูลนิธิวินวิน พัดลมฮาตาริ น้ำดื่มสปริงเกอร์ สายการบินนกแอร์ และจิตอาสาทีมไรท์ ที่ทำให้เกิดงานในวันเสาร์ที่ 13 มกราคม ขึ้นได้ นอกเหนือจาก 5 กิจกรรมที่จะมีขึ้นในพื้นที่ของตึกนารีสโมสรแล้ว ในพื้นที่อื่นๆ ของทำเนียบรัฐบาลจะมีการจัดกิจกรรมสนุกสนานอีกมากมาย ขอให้พาบุตรหลานมาร่วมงานกันเยอะๆ นะคะ” นางรัดเกล้า​ กล่าว

เฝ้าระวังโควิดสายพันธุ์ย่อย JN.1

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 5 มกราคม 2567 เฝ้าระวังโควิด-19 สายพันธุ์ย่อยตัวใหม่ JN.1 หลังพบในหลายประเทศปะปนในน้ำเสีย อาการไม่แตกต่าง แต่หลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันดีขึ้น

ศ.เกียรติคุณ ดร.วสันต์ จันทราทิตย์ หัวหน้าศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล เผยถึงการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์ JN.1 (เจเอ็น วัน) ว่า พบผู้ป่วยแล้วในหลายประเทศ ทั้งในประเทศฝั่งยุโรป สิงคโปร์ และสหรัฐอเมริกา และมีแนวโน้มในไทยด้วย ทั้งนี้ โควิด-19 สายพันธุ์ JN.1 พัฒนาต่อเนื่องมาจากสายพันธุ์ย่อยโอมิครอน BA.2.86 โดยพบการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นตรงโปรตีนหนาม 1 ตำแหน่ง ทำให้หลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันได้ดีขึ้น จากเดิมที่ร่างกายเคยเรียนรู้วิธีป้องกัน อาจจะยากขึ้นต่อการรับมือ แต่อาการที่พบ ไม่ได้แตกต่างกับสายพันธุ์โอมิครอน ที่ผ่านมา

ส่วนการประกาศเรื่องไวรัสขององค์การอนามัยโลก หรือ WHO ที่ประกาศให้สายพันธุ์ JN.1 เป็นแบบ VOI หรือ Variants of interest หมายถึง เป็นสายพันธุุ์ที่น่าสนใจ แต่ไม่ได้น่ากังวลเท่าสายพันธุ์อัลฟา เบตา แกมมา และเดลตา เบื้องต้นพบผู้ป่วยติดเชื้อสายพันธุ์ JN.1 ในไทยแล้ว 3 คน และอาจต้องเฝ้าระวังจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากช่วงนี้เข้มงวดการตรวจเชื้อโควิดน้อยลง

ขณะที่อาการลักษณะคล้ายโอมิครอน ไม่รุนแรง แต่เป็นที่น่ากังวล เพราะสามารถแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว ซึ่งระบบสาธารณสุขต้องเตรียมพร้อมรองรับด้วย อีกทั้งจะมีอาการผิดปกติระบบทางเดินอาหาร เนื่องจากมีการตรวจพบเชื้อ JN.1 ในน้ำเสียในหลายประเทศ แหล่งอุจจาระและปัสสาวะในชุมชน อาจเป็นไปได้ว่าเชื้อมีการเคลื่อนตัวจากปอด ลงมาสู่ระบบทางเดินอาหารหรือไม่ จึงพบไวรัสในน้ำเสีย หัวหน้าศูนย์จีโนมฯ เปิดเผยว่า WHO จะให้มีการผลิตวัคซีนรุ่นใหม่ เพื่อป้องกันการติดเชื้อสายพันธุ์ใหม่ๆ มากขึ้น ส่วนในไทยคาดว่าที่มีปัจจุบันมีเยอะน่าจะเป็นรุ่นที่ 2 ไบวาเลนท์ ซึ่งยังคงฉีดได้ แม้จะไม่ป้องกันการติดเชื้อ แต่ช่วยลดความอาการรุนแรงของโรคได้

ขณะที่วัฏจักรการระบาดของโควิด-19 ในช่วงเดือนมกราคม เป็นเรื่องปกติของการระบาด เหมือนช่วงเดลตาและโอมิครอน ซึ่งช่วงต้นปี 2024 พบการระบาดสายพันธุ์ JN.1 เป็นหลักแล้วหลายประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ จึงต้องจับตาว่า ในบ้านเราการระบาดของ JN.1 จะมีจำนวนมากกว่าหรือน้อยกว่าเชื้อสายพันธุ์อื่นๆ ในช่วงระยะเวลาเดียวกันอย่างไร และจากนั้นสายพันธุ์นี้ก็จะลดหายไปในช่วงปลายเดือนมกราคม และจะมีสายพันธุ์ใหม่ที่พัฒนาจาก JN.1 มาแทนที่ ซึ่งต้องรอดูอัตราการแพร่ระบาดและความรุนแรงอีกครั้ง ส่วนบ้านเราที่น่ากังกลเป็นช่วงหลังเทศกาลที่มีการพบปะรวมตัวกัน และยังคงแนะนำให้สวมหน้ากากอนามัยเมื่อเข้าในพื้นที่แออัด เพราะยังพอช่วยป้องกันได้

“พวงเพ็ชร” ชวน “สวดมนต์ข้ามปี” พุทธมณฑลจัดใหญ่

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ ื: 30 ธันวาคม 2566 ทำเนียบ – “พวงเพ็ชร” ชวนรับน้ำมนต์ประทานจากสังฆราช และ “สวดมนต์ข้ามปี” พุทธมณฑลจัดใหญ่

นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในโอกาสส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ 2567 รัฐบาลมีกำหนดจัดกิจกรรมยิ่งใหญ่ เพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลแห่งความสุขให้กับประชาชนชาวไทยทั่วประเทศ รวมถึงกิจกรรมเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตและครอบครัวสำหรับผู้นับถือศาสนาพุทธ โดยสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้จัดกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปี ในชื่อ “สวดมนต์ข้ามปี วิถีไทย วิถีพุทธ วิถีพอเพียง” ณ บริเวณลานหน้าองค์พระประธานพุทธมณฑล อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม โดยมีกิจกรรมตั้งแต่เวลา 18.00 น. ของวันที่ 31 ธันวาคม 2566 ไปจนถึงช่วงเข้าวันใหม่ วันที่ 1 มกราคม 2567 ซึ่งประชาชนจะได้ร่วมพิธี ดังนี้

1.พิธีเจริญจิตตภาวนา รับฟังการบรรยายธรรม โดยพระรันตสุธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดไร่ขิง จ.นครปฐม พระสุธีวชิรปฏิภาณ ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม และพระมหาอดิศักดิ์ อธิปญฺโญ เจ้าอาวาสวัดบรมสถล (วัดดอน) กรุงเทพมหานคร

2.พิธีเจริญพระพุทธมนต์บูชาพระพุทธรูปประจำวันเกิด

3.พิธีสวดมนต์ข้ามปี วิถีพุทธ วิถีพอเพียง รับศีล รับพร เข้าสู่ปีใหม่ด้วยใจเบิกบาน

4.การปฏิบัติธรรมข้ามปี ณ สำนักปฏิบัติธรรมทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 29 ธันวาคม 2566 ถึง 1 มกราคม 2567

นอกจากนี้ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ยังได้รับพระเมตตาจาก สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงประทานการ์ดพระคติธรรมอำนวยพรปีใหม่ 2567 จำนวน 5000 แผ่น มอบให้กับประชาชนทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด และยังทรงประทานน้ำพระพุทธมนต์ เพื่อนำไปแจกจ่ายให้กับประชาชนที่ร่วมพิธีในกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปี นอกจากนี้ยังประทานไฟพระกฤษ์เพื่อนำจุดเทียนชัยในการประกอบพิธีอีกด้วย

“กิจกรรมการสวดมนต์ข้ามปี เป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนได้น้อมนำหลักธรรมคำสอน มายึดถือ ปฏิบัติ ต้อนรับปีใหม่ด้วยความสุขใจ ซึ่งมีวัดทุกวัดทั่วราชอาณาจักร และวัดไทยในต่างประเทศ ได้ร่วมจัดกิจกรรมนี้ นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้จัดกิจกรรมทางศาสนาอื่น เช่น “อารามอร่าม 10 วัด” ของกระทรวงวัฒนธรรม โดยจะเปิดไฟส่องสว่าง ให้นักท่องเที่ยวและประชาชนได้เข้าเยี่ยมชมความสวยงามและศิลปกรรมอันทรงคุณค่าในยามค่ำคืน ที่วัดระฆังโฆสิตาราม วรมหาวิหาร, วัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร, วัดประยุรวงศาวาส วรวิหาร, วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ราชวรวิหาร, วัดสุทัศนเทพวราราม ราชวรมหาวิหาร, วัดราชนัดดาราม วรวิหาร, วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม ราชวรวิหาร, วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ ราชวรมหาวิหาร, วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร และวัดไตรมิตรวิทยาราม วรวิหาร จึงอยากขอเชิญชวนให้ประชาชนได้ร่วมกิจกรรมดังกล่าว เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตและครอบครัว ในโอกาสส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่นี้ค่ะ“ นางพวงเพ็ชร กล่าว

Advertisement

ทบ.เปิดจุดบริการ ปชช.ทั่ว ปท. 83 จุดช่วงวันหยุดปีใหม่

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 28 ธันวาคม 2566 กองทัพบก – กองทัพบกเปิดจัดให้บริการปชช.ระว่างเดินทางช่วงวันหยุดปีใหม่ 83 จุด ตั้งแต่ 29 ธ.ค.66 – 4ม.ค.67 กำชับหน่วยทหารดูแลที่ตั้งหน่วย –ชายแดนเข้ม

พ.ต.หญิง กัญญ์ณณัฐ พรนิพัทธ์กุล ผู้ช่วยโฆษกกองทัพบก  เปิดเผยว่ากองทัพบกขอส่งความสุขในช่วงปีใหม่ผ่านการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย และอำนวยความสะดวกด้านการเดินทางให้กับพี่น้องประชาชน โดยพล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ผู้บัญชาการทหารบก ได้สั่งการให้หน่วยทหารทั่วประเทศคุมเข้มมาตรการรักษาความปลอดภัยในทุกพื้นที่ ทั้งที่ตั้งหน่วยทหารและพื้นที่ตามแนวชายแดน อีกทั้งให้หน่วยทหารทั่วประเทศบูรณาการร่วมกับศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน กระทรวงมหาดไทย

“จัดตั้งจุดบริการประชาชนแบบครบวงจร ตั้งแต่ 28 ธ.ค.66- 4 ม.ค.67ในบริเวณเส้นทางคมนาคมหลัก และเส้นทางที่เป็นจุดเสี่ยงหรือพบการเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง เพื่อให้ประชาชนที่สัญจร ผ่านได้แวะพักรับประทานน้ำดื่มและกาแฟ สอบถามเส้นทาง ตลอดจนใช้บริการด้านต่าง ๆ อาทิ การนวดผ่อนคลาย การแก้ไขปัญหารถเสีย โดยปีนี้หน่วยทหารกองทัพบกจัดตั้งจุดบริการประชาชนทั่วประเทศรวม 83 จุด ประกอบด้วย กรุงเทพและปริมณฑล 7 จุด ภาคเหนือ 18จุด ภาคกลาง 12 จุด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 19จุด ภาคตะวันออก 6จุด ภาคตะวันตก 12 จุด และภาคใต้ 9จุด” ผู้ช่วยโฆษกกองทัพบก กล่าว

พ.ต.หญิง กัญญ์ณณัฐ กล่าวว่า ผู้บัญชาการทหารบกมอบนโยบายให้รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดฝ่ายทหาร ร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด พิจารณาจัดตั้งศูนย์ควบคุมจราจรและจุดบริการของจังหวัด ในพื้นที่ท่องเที่ยวเมืองหลักหรือพื้นที่ที่มีประชาชนเดินทางจำนวนมาก เพื่อลดความคับคั่งของการจราจร และดูแลความปลอดภัย อำนวยความสะดวกให้ประชาชนในภาพรวมของจังหวัดอีกทางหนึ่งด้วย

Advertisement

ก.แรงงาน มอบของขวัญปีใหม่ 11 ชิ้น

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 24 ธันวาคม 2566 “คารม” เผย รัฐบาล โดย ก.แรงงาน มอบของขวัญปีใหม่ จำนวน 11 ชิ้น ในหัวข้อ “เพิ่ม ฟรี ปรับขึ้น สะดวก ช่วยปลดหนี้” ภายใต้แคมเปญ “อุ่นใจผู้ให้ สุขใจผู้รับ” มอบความสุขแก่พี่น้องผู้ใช้แรงงานทั่วประเทศ

นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาล โดยกระทรวงแรงงานมอบของขวัญให้ประชาชน เพื่อป็นกำลังใจแก่พี่น้องผู้ใช้แรงงานทั่วประเทศ รวมทั้งพี่น้องแรงงานไทยที่ไปทำงานในต่างประเทศ ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2567 จำนวน 11 ชิ้น ในหัวข้อ “เพิ่ม ฟรี ปรับขึ้น สะดวก ช่วยปลดหนี้” ภายใต้แคมเปญ “อุ่นใจผู้ให้ สุขใจผู้รับ” เพื่อมอบความสุขแก่พี่น้องผู้ใช้แรงงาน ดังนี้

ชิ้นที่ 1 “เพิ่ม”อัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือแรงงาน 6 สาขาอาชีพ 54 สาขา ตามร่างอัตราค่าจ้าง ตามมาตรฐานฝีมือ 54 สาขา ซึ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วเมื่อวันที่ 19 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยมีผลบังคับใช้ 90 วันหลังจากวันที่ประกาศแล้ว

ชิ้นที่ 2 “ปรับขึ้น”อัตราค่าจ้างขั้นต่ำทั่วประเทศ โดยคณะกรรมการไตรภาคีได้พิจารณาปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำไปแล้วเมื่อวันที่ 8 ธ.ค.66 และได้นำมาทบทวนอีกครั้งเมื่อวันที่ 20 ธันวาคมที่ผ่านมานั้น ซึ่งที่ประชุมไตรภาคีได้มีมติเห็นชอบให้ใช้มติเดิม ผมเองก็จะนำมติในเรื่องนี้เข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในสัปดาห์หน้า เพื่อขอความเห็นชอบให้มีผลใช้บังคับในช่วงเดือนมกราคม 2567 เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับพี่น้องแรงงาน

ชิ้นที่ 3 “ฟรี”กู้เงินกองทุนเพื่อผู้รับงานไปทำที่บ้าน ดอกเบี้ย 0% จำนวน 24 เดือน โดยมีอัตราดอกเบี้ยเงินกู้หรือค่าธรรมเนียม ร้อยละ 0 ต่อปี ในงวดที่ 1 – 24 โดยไม่ปลอดเงินต้น และงวดที่ 25 เป็นต้นไปจนสิ้นสุดสัญญา คิดอัตราร้อยละ 3 ต่อปี ผู้รับงานไปทำที่บ้านรายบุคคลยื่นคำขอกู้ไม่เกิน 50,000 บาท รายกลุ่มบุคคลกู้ไม่เกิน 300,000 บาท ระยะเวลายื่นคำขอกู้ ตั้งแต่1 ธ.ค.66 – 31 ส.ค.67 กรอบวงเงิน 5,000,000 บาท ทำให้มีผู้จดทะเบียนเป็นผู้รับงานไปทำที่บ้านกว่า 6,000 ราย เกิดรายได้ไม่น้อยกว่า 16.2 ล้านบาทต่อปี

ชิ้นที่ 4 “ฟรี”ตรวจเช็คสภาพรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ก่อนเดินทาง 7 วัน ช่วงเทศกาลปีใหม่ ระหว่างวันที่ 22 – 28 ธ.ค. 66 ในวันและเวลาราชการ ฟรี 10 รายการ ได้แก่ ล้อ/ลมยาง ระบบเบรก กรองอากาศ ระบบไฟเลี้ยว/ไฟสัญญาณ ใบปัดน้ำฝน ระบบปรับอากาศ น้ำยาฉีดกระจก แบตเตอรี่ น้ำกลั่นพวงมาลัย/แฮนด์/แตร

ชิ้นที่ 5 “ฟรี” ฝึกอบรมออนไลน์ หลักสูตรภาษาอังกฤษ ภาษาจีน การตลาดออนไลน์ และดิจิทัล ฟรีจำนวน 10,000 สิทธิ์ เพื่อแรงงานไทยได้ Up skill ตนเอง ทุกที่ ทุกเวลา ตั้งแต่วันที่ 22 – 28 ธ.ค.66 หรือจนกว่าจะครบ

ชิ้นที่ 6 “ช่วยปลดหนี้” ผ่านโครงการเงินกู้สร้างสุข ปลดทุกข์หนี้นอกระบบ ในวงเงินไม่เกินคนละ 100,000 บาท เพื่อช่วยเหลือให้ผู้ใช้แรงงานที่เป็นสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์หรือสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนในสถานประกอบกิจการและรัฐวิสาหกิจ นำไปปลดหนี้สิน หรือลงทุนประกอบอาชีพเสริม ในวงเงินโครงการ จำนวน 50,000,000 บาท เพื่อพัฒนารายได้แก่ตนเองและครอบครัวให้แรงงานได้รับสวัสดิการที่ดีสามารถยกระดับคุณภาพชีวิตแรงงานให้ดียิ่งขึ้น รวมทั้งเสริมสร้างรากฐานความมั่นคงด้านเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม

ชิ้นที่ 7 “ฟรี”อบรม Safety 10,000 คน เพื่อให้นายจ้างปฏิบัติตามที่กฎหมายกำหนดได้อย่างถูกต้องและครบถ้วน ลดอุบัติเหตุ อุบัติภัยจากการทำงาน ทำให้ลูกจ้างได้รับการดูแลเกี่ยวกับความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อม ในการทำงาน จำนวน 1,000,000 คน

ชิ้นที่ 8 “ฟรี”ตรวจสุขภาพ 14 รายการ ผู้ประกันตนสุขภาพดีถ้วนหน้า อาทิ มะเร็งปากมดลูก ตรวจคัดกรอกมะเร็งลำไส้ ตรวจเต้านม ความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด เชื้อไวรัสตับอักเสบ ตรวจไขมันในเลือด เริ่ม 1 มกราคม 2567

ชิ้นที่ 9 “สะดวก”ผู้ประกันตนฟันดีด้วยรถทันตกรรมเคลื่อนที่ ณ สถานประกอบการ (SSO Mobile e-Dent) วงเงิน 900 บาท/คน/ปี โดยผู้ประกันตนเข้ารับบริการทันตกรรมด้วยรถ Mobile Service สะดวก ไม่ต้องสำรองจ่าย มอบสิทธิประโยชน์ทำฟันสะดวก อุดฟัน ขูดหินปูน ถอนฟัน และผ่าตัดฟันคุด ที่สถานประกอบการ ด้วยรถทันตกรรมเคลื่อนที่ประกันสังคม ผู้ประกันตนสะดวก ทำฟันสะดวก ที่สถานประกอบการ ไม่ต้องหยุดงาน ไม่ต้องเดินทาง เริ่ม 1 ม.ค. – 31 มี.ค.67

ชิ้นที่ 10 “ฟรี”บริการประกันสังคมครบจบใน APP เดียว “SSO plus+”ภายใต้โครงการพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัล กลางเชื่อมต่อบริการประกันสังคม ให้ผู้ประกันตนอย่างเฉพาะเจาะจง และแพลตฟอร์มดิจิทัลเพื่อรวมศูนย์การบริการตามภารกิจหลักของกองทุนเงินทดแทน เพื่อความสะดวกให้ผู้ประกันตน เริ่ม 1 มกราคม 2567 เป็นต้นไป

ชิ้นที่ 11 “ฟรี”ติดตั้งระบบรายงานจุดเสี่ยงอันตรายด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัย และประเมิน ความเสี่ยงขั้นต้น เปิดรับสมัครตั้งแต่วันที่ 1 – 31 ม.ค.67 สถานประกอบกิจการมีระบบรายงานจุดเสี่ยงอันตราย และประเมินความเสี่ยงขั้นต้นเพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุจากการทำงาน

Advertisement

รัฐบาลยัน เดินหน้าปรับเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ ลดความเหลื่อมล้ำประชาชน

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 21 ธันวาคม 2566 รัฐบาลจะเดินหน้าการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำต่อ ลดความเหลื่อมล้ำให้ประชาชน

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการค่าจ้าง มีมติเห็นชอบปรับค่าจ้างขั้นต่ำปี 2567 ตามมติเดิมเมื่อวันที่ 8 ธันวาคมไปก่อน ว่ารัฐบาลเข้าใจสิ่งใดสามารถดำเนินการได้ พรรคเพื่อไทยในช่วงเลือกตั้ง ก็ได้มีการหาเสียงไว้ ดังนั้นรัฐบาลมีสิทธิ์รับฟังความคิดเห็น ขณะเดียวกัน คณะกรรมการมีหน้าที่ตามกฏหมาย ซึ่งเป็นเอกสิทธิไม่สามารถไปแทรกแซงได้

อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้สามารถพูดคุยกันได้ และไม่มีข้อบังคับที่ระบุว่า 1 ปีให้พิจารณาการขึ้นค่าแรงเพียงครั้งเดียว หากผ่านไปแล้วระยะหนึ่ง เมื่อคณะกรรมการมีการทบทวนหรือพิจารณาใหม่อีกครั้งภายในปีเดียวกันก็ได้ ยืนยัน เรื่องนี้เป็นไปตามที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีเคยระบุไว้ ส่วนตัวคิดว่า ตรรกะนายกรัฐมนตรี มองในเชิงการมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ซึ่งเห็นว่ามีช่องว่างและมีความเหลื่อมล้ำสูง เชื่อว่าเรื่องนี้ นายกรัฐมนตรีจะมีการขับเคลื่อนต่อ รวมถึงคณะรัฐมนตรีได้เห็นคล้อยตามนายกรัฐมนตรี จะต้องมีการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ

ส่วนจะเป็นการผลักผู้ประกอบการย้ายฐานการผลิตไปประเทศเพื่อนบ้านหรือไม่ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หากย้ายฐานการผลิตจะทำให้เกิดช่องว่างของตลาด ย้ำว่า ธุรกิจทุกอย่างไม่ได้ขึ้นอยู่กับค่าแรงเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีเรื่องของเส้นทางคมนาคมขนส่ง ความเสถียรของไฟฟ้า ซึ่งยังมีปัจจัยอื่นอีกมาก ส่วนตัวไม่ห่วง เพราะหากถอยออกไปก็จะมีคนที่อยู่ได้และมีการขยายตัวเข้ามาแทนที่

Advertisement

ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่คำสั่ง ห้ามออกใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว เป็นเวลา 1 ปี

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 20 ธันวาคม 2566 ราชกิจจานุเบกษา – กระทรวงมหาดไทยเผยแพร่คำสั่งห้ามการออกใบอนุญาตพกอาวุธปืนเป็นเวลา 1 ปี เริ่มมีผลบังคับตั้งแต่วันนี้ (20 ธ.ค.66)

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการ รมว.มหาดไทย และโฆษกกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ (19 ธ.ค. 66) ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีและกระทรวงมหาดไทย เรื่อง ห้ามการออกใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว (แบบ ป.12) เป็นการชั่วคราว เป็นระยะเวลา 1 ปี เริ่มมีผลบังคับตั้งแต่วันนี้ (20 ธ.ค. 66) ถึง วันที่ 19 ธ.ค. 67 เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยสาธารณะ ลดอาชญากรรมและควบคุมสถานการณ์ให้บ้านเมืองกลับมาเป็นปกติสุข เนื่องจากปัจจุบันได้มีการนำอาวุธปืนติดตัวไปในที่สาธารณะและก่อเหตุร้าย เกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สิน ส่งผลกระทบต่อสวัสดิภาพในด้านความปลอดภัยของประชาชน และขัดต่อความสงบเรียบร้อยของสังคม

ทั้งนี้ น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ด้วยนโยบายของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย กระทรวงมหาดไทยจึงมีการออกมาตรการต่าง ๆ ทั้งการงดการออกใบอนุญาตให้ร้านค้าอาวุธปืน ในการสั่ง หรือนำเข้าอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน (แบบ ป.2) รวมทั้งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบคุณสมบัติผู้ที่จะขอรับใบอนุญาตซื้อปืน (แบบ ป.3) จะต้องเข้มงวดมากขึ้น

นอกจากนี้ ปัจจุบันยังอยู่ระหว่างการเสนอร่างแก้ไขพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ เพื่อให้มีการขึ้นทะเบียนและส่งมอบอาวุธปืนที่ผิดกฎหมาย และการจัดทำรายละเอียดเกี่ยวกับอาวุธปืน (จัดเก็บอัตลักษณ์อาวุธปืน) ด้วย

Advertisement

ครม.เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติสมรสเท่าเทียม

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 19 ธันวาคม 2566 ครม.เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติสมรสเท่าเทียม เตรียมเสนอเข้าที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร 21 ธันวาคมนี้

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เพื่อรองรับเรื่องสมรสเท่าเทียม หรือ ร่าง พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม เสนอต่อที่ประชุมสภาในวันที่ 21 ธันวาคมนี้ โดยร่างกฎหมายฉบับนี้ผ่านขั้นตอนการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนและหน่วยงานต่างๆ ซึ่งคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตรวจสอบความรอบคอบแล้ว

สำหรับกฎหมายฉบับนี้ จะทำให้บุคคลเพศเดียวกันสามารถสมรสกันได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มีสิทธิหน้าที่และสถานะทางครอบครัวเท่าเทียมกับคู่สมรสชายและหญิง สร้างความเข้มแข็งให้แก่สถาบันครอบครัว ที่มีความหลากหลายทางเพศ พร้อมขอแสดงความยินดีกับทุกฝ่าย

Advertisement

“อนุทิน” ระบุ ขยายเวลาเปิดสถานบริการถึงตี 4 ขยายเวลาได้ก็ยกเลิกได้ หากทำผิด กม.

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 15 ธันวาคม 2566 รมว.หาดไทย ย้ำ การขยายเวลาเปิดสถานบริการถึง 4:00 น. ผู้ประกอบการและผู้เข้าใช้บริการสถานบริการต้องปฏิบัติตามกฎหมาย หากพบการกระทำที่ผิดกฎหมาย ขยายเวลาได้ก็ยกเลิกได้เช่นกัน

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า สำหรับการประกาศขยายเวลาเปิดสถานบริการอย่างเป็นทางการนั้น กระทรวงมหาดไทยได้ลงนามในกฎกระทรวงฯ โดยได้ระบุวันที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 15 ธันวาคม 2566 และได้ส่งต่อให้นายกรัฐมนตรีลงนามตามขั้นตอนแล้ว ซึ่งเหลือเพียงการรอการประกาศอย่างเป็นทางการในราชกิจจานุเบกษา ทั้งนี้ ต้องเน้นย้ำว่าการขยายเวลาเปิดของสถานบริการไปจนถึง 4:00 น. ตามนโยบายของรัฐบาลนั้น จะสามารถขยายได้เฉพาะสถานบริการที่อยู่ในโซนนิ่ง 4 จังหวัด 1 อำเภอนำร่อง ได้แก่ กรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ ชลบุรี ภูเก็ต และอำเภอเกาะสมุย สุราษฎร์ธานี โดยต้องเป็นสถานบริการที่มีการจดทะเบียน มีใบอนุญาตสถานบริการอย่างถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น หากไม่มีก็ไม่สามารถเปิดในช่วงที่มีการขยายเวลาได้ พร้อมเน้นย้ำว่า ทั้งผู้ประกอบการสถานบริการ และนักท่องเที่ยวผู้เข้าใช้บริการต้องปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ไม่พกพาอาวุธติดตัว ดื่มไม่ขับ และปัญหายาเสพติด ซึ่งกระทรวงมหาดไทยได้มีการบูรณาการความร่วมมือระหว่างตำรวจกับฝ่ายปกครองอยู่แล้ว หากพบการกระทำที่ผิดก็หมาย ประชาชนได้รับความเดือดร้อน ก็สามารถยกเลิกการขยายเวลาได้เช่นกัน

ด้าน นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวด้วยว่า สำหรับพื้นที่กรุงเทพมหานคร มีสถานบริการทั้งหมด 207 แห่ง ซึ่งจากการตรวจสอบสถานะแต่ละร้าน พบว่ามีเพียงประมาณ 140 กว่าแห่งเท่านั้นที่สามารถเปิดในช่วงขยายเวลาได้ ทั้งนี้ นายอนุทิน เชื่อมั่นว่า ความเดือดร้อนจากการขยายเวลาเปิดสถานบริการออกไปจะไม่เกิดขึ้นถ้าทุกคนทำตามกฎหมาย

Advertisement

บขส. เตรียมความพร้อมรับการเดินทางช่วงเทศกาลปีใหม่ 2567 คุมเข้มความปลอดภัย

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 13 ธันวาคม 2566 รมช.คมนาคม “สุรพงษ์” ย้ำ บขส. เตรียมความพร้อมรับการเดินทางช่วงเทศกาลปีใหม่ 2567 คุมเข้มความปลอดภัย สั่ง 3 หน่วยงาน ผนึกกำลังจัดการเดินทางเชื่อมต่อ รถราง รถทัวร์ รถเมือง อำนวยความสะดวกประชาชน พร้อมมอบของขวัญปีใหม่ จองตั๋วออนไลน์ บขส. ไปก่อน-กลับทีหลัง ลดค่าโดยสาร 20% จองตั๋วล่วงหน้า 1 ปี

นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่จะถึงนี้ คาดการณ์ว่าจะมีประชาชนเดินทางเป็นจำนวนมาก ดังนั้นเพื่อเตรียมความพร้อม ตนได้มอบหมายไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) ให้บริหารจัดการเดินรถโดยสารให้เพียงพอ ไม่ให้มีปัญหาผู้โดยสารตกค้าง รวมทั้งได้เน้นย้ำให้ บขส.กำหนดมาตรการดูแลความปลอดภัยให้เข้มงวดขึ้น ทั้งในส่วนของพนักงานขับรถ และรถโดยสาร เช่น ตรวจสภาพความพร้อมของรถโดยสารและพนักงานขับรถก่อนออกให้บริการ, จัดพนักงานขับรถ 2 คน ในเส้นทางสายยาว, กำชับให้ผู้ประกอบการรถร่วมฯ ดูแลชั่วโมงการทำงานให้เหมาะสม, พนักงานขับรถต้องตรวจสุขภาพประจำปี ปีละ 1 ครั้ง และให้ผู้โดยสารคาดเข็มขัดนิรภัยตลอดการเดินทาง เป็นต้น

นอกจากนี้ ได้มอบหมายให้ บขส. จัดทำโครงการมอบของขวัญปีใหม่ 2567 ให้กับพี่น้องประชาชน ได้แก่ โครงการลดค่าโดยสาร (“HAPPY NEW YEAR 2024 ลด 20% ไปก่อน-กลับทีหลัง”) ให้ผู้โดยสาร บขส. ที่จองตั๋วล่วงหน้า ผ่านช่องทางออนไลน์ Application E-Ticket และ Website : http://transport.co.th/ เดินทางระหว่างวันที่ 18 – 22 ธันวาคม 2566 หรือระหว่างวันที่ 4 – 8 มกราคม 2567 ทุกเส้นทางภายในประเทศ จะได้รับส่วนลด 20% (เฉพาะค่าโดยสารไม่รวมค่าธรรมเนียม) โครงการตรวจรถฟรี ขับขี่ปลอดภัย โดยเปิดให้บริการตรวจเช็กสภาพความพร้อมของรถยนต์ก่อนออกเดินทางให้กับผู้ที่อาศัยอยู่ในชุมชนโดยรอบศูนย์ซ่อมบำรุงและตรวจสภาพรถ บขส. (รังสิต) สถานีเดินรถรังสิต และประชาชนทั่วไป โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย เริ่มตั้งแต่วันที่ 10 ธันวาคม 2566 – 10 มกราคม 2567 เป็นต้น รวมทั้งให้ บขส. ขยายระยะการจองตั๋วโดยสารล่วงหน้า จากเดิม 90 วัน เป็น 1 ปี ซึ่งผู้โดยสารสามารถจองตั๋วโดยสารล่วงหน้า 1 ปี ได้แล้ว ผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น Application E-Ticket Website บขส. https://tcl99web.transport.co.th หรือที่ช่องจำหน่ายตั๋วของ บขส. ณ สถานีเดินรถ บขส. ทั่วประเทศ

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงคมนาคมมีนโยบายพัฒนาระบบ Feeder เชื่อมต่อการเดินทาง เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะได้แบบไร้รอยต่อตามนโยบาย Quick Win “คมนาคม เพื่อความอุดมสุขของประชาชน” จึงได้มอบหมายให้ บขส. ร่วมกับการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ทดลองเพิ่มจุดจอดรถโดยสาร (เฉพาะรถ บขส. ขาเข้ากรุงเทพฯ) ที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคมนี้ เป็นต้นไป โดยผู้โดยสารที่เดินทางเข้ากรุงเทพฯ สามารถเลือกเดินทางลงจุดจอดที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ และเชื่อมต่อการเดินทางกับรถไฟฟ้าสายสีแดง รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน รถเมล์ ขสมก. หรือจะเลือกเดินทางไปลงที่สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (จตุจักร) หรือหมอชิต 2 เพื่อต่อรถแท็กซี่ได้สะดวกเช่นกัน

ส่วนการให้บริการเดินรถเชื่อมต่อ ระหว่าง บขส. และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ที่บริเวณชานชาลาขาเข้า หมอชิต 2 การให้บริการเป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดย ขสมก. ได้จัดรถโดยสารวิ่งให้บริการ 12 เส้นทาง รถโดยสารเพียงพอต่อจำนวนผู้ใช้บริการ ทั้งนี้การเพิ่มการเชื่อมต่อของระบบการขนส่งสาธารณะ เป็นการเพิ่มการอำนวยความสะดวก และเพิ่มทางเลือกในการเดินทางให้แก่ประชาชนได้เข้าถึงบริการอย่างทั่วถึง สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ บขส. Call Center 1490, ศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ หมายเลขโทรศัพท์ 1690 หรือโทรสายด่วน ขสมก. 1348

Advertisement

Verified by ExactMetrics