วันที่ 29 มีนาคม 2024

ด่วน!! กระทรวงการต่างประเทศ ออกแถลงการณ์วอนทุกฝ่ายยุติรุนแรง ปกป้องพลเรือน แพทย์

People Unity News : 18 ตุลาคม 2566 กระทรวงการต่างประเทศ – กต. ออกแถลงการณ์เสียใจเหตุโจมตี รพ.ในฉนวนกาซา วอนทุกฝ่ายยุติความรุนแรง โหดร้าย ปกป้องพลเรือน แพทย์ ตามกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ

กระทรวงการต่างประเทศของไทย ออกแถลงการณ์กระทรวงการต่างประเทศ ต่อเหตุโจมตีโรงพยาบาลอัล-อาห์ลี อัล-อาราบี (Al Ahli Arab) ในเขตฉนวนกาซา เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมาว่า ประเทศไทย รู้สึกสะเทือนใจ และเสียใจอย่างสุดซึ้ง ต่อเหตุการณ์การโจมตีโรงพยาบาลอัล-อาห์ลี อัล-อาราบี ทางตอนเหนือของฉนวนกาซา ซึ่งส่งผลให้มีพลเรือนผู้บริสุทธิ์บาดเจ็บ และเสียชีวิตจำนวนมาก และขอไว้อาลัย แก่ผู้เคราะห์ร้าย และแสดงความเสียใจ กับครอบครัวผู้สูญเสีย

ประเทศไทย ขอวิงวอนให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ดำเนินความพยายาม เพื่อยุติวัฏจักรความรุนแรง และความโหดร้ายทั้งปวงโดยทันที ยิ่งไปกว่านั้น ประเทศไทย เรียกร้องให้มีการเคารพ และปกป้องพลเรือน โรงพยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ภายใต้กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ

Thailand is profoundly shocked and deeply saddened by the attack on Al Ahli Arab Hospital in the North of the Gaza Strip, resulting in heavy loss of life of innocent civilians and casualties. In expressing our condolences to all the victims and their bereaved families, Thailand strongly and urgently appeals to all sides concerned to work towards an immediate cessation to the vicious cycle of violence and hostilities. Moreover, Thailand calls for full respect for the protection of civilians, hospital and medical staff under international humanitarian law.

Advertisement

ประยุทธ์ ประกาศต่อที่ประชุมผู้นำ COP26 ไทยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเหลือเพียง 0.72%

People Unity News : พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา กล่าวถ้อยแถลงต่อที่ประชุมระดับผู้นำ COP26 ประกาศเจตนารมณ์ไทยพร้อมยกระดับการแก้ไขปัญหาภูมิอากาศอย่างเต็มที่ด้วยทุกวิถีทาง ย้ำต้องหยุดทำร้ายธรรมชาติเพราะไม่มีโลกใบที่สองเหมือนโลกนี้อีกแล้ว

เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 เวลา 16.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่นที่เมืองกลาสโกว์ สหราชอาณาจักร ซึ่งตรงกับเวลา 23.00 น. ของไทย) ณ ศูนย์การประชุม The Scottish Event Campus พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้กล่าวถ้อยแถลงต่อที่ประชุมระดับผู้นำ (World Leaders Summit) ในการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (United Nations Framework Convention on Climate Change Conference of the Parties: UNFCCC COP) (COP26) ณ เมืองกลาสโกว์ สหราชอาณาจักร นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงสาระสำคัญการกล่าวถ้อยแถลงของนายกรัฐมนตรี ดังนี้

นายกรัฐมนตรีได้แสดงวิสัยทัศน์ต่อที่ประชุมยืนยันไทยให้ความสำคัญสูงสุดกับการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ไทยพร้อมร่วมมือกับทุกประเทศ ทุกภาคส่วนเพื่อบรรลุเป้าหมายสำคัญของโลกเพื่ออนาคตของลูกหลานของพวกเราทุกคน

นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงเหตุผลสำคัญที่ไปร่วมการประชุมสุดยอดเรื่องภูมิอากาศของสหประชาชาติที่กรุงปารีสเมื่อปี ค.ศ. 2015 เพราะไทยปล่อยก๊าซเรือนกระจกออกเพียงร้อยละ 0.72 ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วทั้งโลก แต่ไทยเป็น 1 ใน 10 ประเทศที่ได้รับผลกระทบร้ายแรงที่สุดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ไทยจึงอยู่ในกลุ่มแรกที่ให้สัตยาบันเป็นภาคีของความตกลงปารีส และไทยได้ปฏิบัติตามคำมั่นที่ให้ไว้กับประชาคมโลกอย่างต่อเนื่อง แข็งขัน

ในส่วนของไทย ได้กำหนดเป้าหมาย NAMA (Nationally Appropriate Mitigation Actions) ภายใต้กรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ในภาคพลังงานและขนส่งอย่างน้อย ร้อยละ 7 ภายในปี ค.ศ. 2020 แต่ไทยสามารถทำได้เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ถึงกว่า 2 เท่า ก่อนกำหนดเวลาถึง 1 ปี เพราะในปี ค.ศ. 2019 ไทยลดก๊าซเรือนกระจกได้แล้วถึงร้อยละ 17 นอกจากนี้ ไทยยังเป็นประเทศแรกๆที่จัดส่งเป้าหมายการมีส่วนร่วมของประเทศ (Nationally Determined Contributions : NDC) และได้ส่งยุทธศาสตร์ระยะยาวในการพัฒนาแบบปล่อยก๊าซเรือนกระจกระดับต่ำให้กับ UNFCCC รวมถึงได้จัดทำแผนงานต่างๆในระดับประเทศ และระดับท้องถิ่น

ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้ประกาศเจตนารมณ์ว่าไทยพร้อมยกระดับการแก้ไขปัญหาภูมิอากาศอย่างเต็มที่ด้วยทุกวิถีทาง เพื่อบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน ภายในปี ค.ศ. 2050 และบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ได้ในปี ค.ศ. 2065 และด้วยการสนับสนุนจากความร่วมมือระหว่างประเทศ และกลไกภายใต้กรอบอนุสัญญาฯ ไทยจะยกระดับ NDC ของเราขึ้นเป็นร้อยละ 40 ได้ ซึ่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ได้ภายในปี ค.ศ. 2050

นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปคของไทยในปี 2565 (ค.ศ. 2022) ว่าไทยได้กำหนดให้แนวคิดเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว หรือ BCG เป็นการพัฒนาเศรษฐกิจที่ไม่ทำลายระบบนิเวศ เป็นวาระหลักในการประชุมฯ

ซึ่งในตอนท้ายของการประชุมนายกรัฐมนตรีได้เรียกร้องให้ทุกประเทศร่วมกันดูแล รักษาโลก เพราะ “เราทุกคนไม่มี ‘แผนสอง’ ในเรื่องการรักษา เยียวยาสภาพภูมิอากาศ เพราะเราจะไม่มี ‘โลกที่สอง’ ซึ่งเป็นบ้านของพวกเราเหมือนโลกนี้อีกแล้ว”

ทั้งนี้ ภายหลังนายกรัฐมนตรีร่วมการประชุมฯ เวลา 19.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่นที่เมืองกลาสโกว์ สหราชอาณาจักร ซึ่งตรงกับวันที่ 2 พฤศจิกายน 2564 เวลา 02.00 น. ของไทย) ณ พิพิธภัณฑ์ศิลปะ Kelvingrove นายกรัฐมนตรีได้ร่วมงานเลี้ยงรับรองสำหรับผู้นำที่รัฐบาลสหราชอาณาจักรเป็นเจ้าภาพ และมีพระบรมวงศานุวงศ์ของสหราชอาณาจักรเข้าร่วมในโอกาสดังกล่าวด้วย

Advertising

รัฐบาลยันแก้ปัญหา IUU ถูกทางแล้ว แนะ “ธนาธร” ตรวจสอบข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้อง

People Unity : รัฐบาลยืนยันแก้ไขปัญหา IUU ถูกทางแล้ว แนะ หน.พรรคอนาคตใหม่ตรวจสอบข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้อง

เมื่อวันที่ 2 มิ.ย.2562 พลโท วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณี นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ร่วมเสวนารับฟังปัญหาชาวประมงที่ตลาดมหาชัยมั่นคง อ.เมือง จ.สมุทรสาคร โดยมีการกล่าวโจมตีว่านโยบายการแก้ไขปัญหา IUU หรือการทำประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม ของรัฐบาล ทำให้ชาวประมงเดือดร้อนและสูญเสียรายได้ ว่า “ขอตั้งข้อสังเกตว่า จากภาพและคลิปที่เจ้าหน้าที่รวบรวมมาพบว่ากลุ่มคนที่มาให้ข้อมูลกับนายธนาธรนั้นส่วนใหญ่เข้าข่ายทำผิดกฎหมาย บางคนถูกศาลสั่งลงโทษปรับกว่า 500 ล้านบาท หลายคนถูกสั่งยึดเรือเพราะไปทำความผิดในน่านน้ำสากล ซึ่งเป็นสาเหตุของปัญหาการค้ามนุษย์ ฟอกปลา ขโมยปลา ดังนั้นจึงเป็นการรับฟังข้อมูลด้านเดียว และดูเหมือนจะจงใจลดความน่าเชื่อถือของรัฐบาล ตามที่นายธนาธรเคยพูดไว้ว่าจะทำงานนอกสภา แต่กลับฟังข้อมูลไม่ครบถ้วน”

รองโฆษกฯ กล่าวว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รับทราบเรื่องดังกล่าวแล้วและยืนยันว่า หากรัฐบาลไม่แก้ไขปัญหา IUU อย่างจริงจัง ประเทศไทยจะเจอวิกฤตด้านการประมงอย่างใหญ่หลวง ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงใครจะรับผิดชอบ ในทางตรงกันข้าม ปี 2561 เราจับปลาได้เพิ่มขึ้นถึง 2 แสนตัน ในจำนวนนี้ปลาที่ชาวประมงพื้นบ้านรายย่อยจับได้มีถึง 15,000 ตัน ส่วนเรือประมงพาณิชย์ ได้เพิ่มวันจับปลาให้กว่า 100 วัน สะท้อนว่าจำนวนสัตว์น้ำของไทยเริ่มกลับมาอุดมสมบูรณ์ ไม่มีปัญหาเรื่องเรือเถื่อน ชาวประมงมีโอกาสทางอาชีพเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ความร่วมมือของทุกภาคส่วนโดยเฉพาะพี่น้องขาวประมงที่ทำถูกกฎหมาย ทำให้อันดับการค้ามนุษย์ของไทยเลื่อนจากเทียร์ 3 มาเป็นเทียร์ 2 แล้ว ดังนั้น การออกมาคัดค้านต่อต้านของผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขปัญหาหรืออยากให้แก้ไขกฎหมายเพื่อกลับไปทำผิดเหมือนเดิมนั้น เท่ากับเป็นการส่งเสริมให้เกิดปัญหาการค้ามนุษย์ขึ้นอีกหรือไม่ จึงอยากให้สังคมตรึกตรองในเรื่องนี้

ความสัมพันธ์ต่างประเทศ : รัฐบาลยันแก้ปัญหา IUU ถูกทางแล้ว แนะ “ธนาธร” ตรวจสอบข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้อง

People Unity : post 4 มิถุนายน 2562 เวลา 10.30 น.

ไทย-สหรัฐพร้อมขยายความร่วมมือ

People Unity News : 28 พฤศจิกายน 2565 นายกฯ หารือ USABC เสนอ 3 แนวทางเดินหน้าพัฒนาเศรษฐกิจ มุ่งส่งเสริมสร้างความเข้มแข็ง การเติบโตเศรษฐกิจอย่างสมดุลและครอบคลุม ขณะสหรัฐพร้อมขยายความร่วมมือกับไทย

คณะนักธุรกิจจากสภาธุรกิจสหรัฐฯ-อาเซียน (U.S.-ASEAN Business Council : USABC) นำโดยนายโรเบิร์ต โกเดค (H.E. Mr.Robert Godec) เอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำประเทศไทย นาย Ted Osius ประธาน USABC และผู้แทนบริษัทสมาชิก จำนวน 43 บริษัท จากกลุ่มอุตสาหกรรมสาขาต่างๆ อาทิ พลังงาน อาหารและการเกษตร สาธารณสุข เทคโนโลยีสารสนเทศ และบริการทางการเงิน เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า USABC และภาคเอกชนสหรัฐฯ ถือเป็นมิตรและหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่สำคัญ และมีบทบาทสนับสนุนการเติบโตของไทยมาโดยตลอด รัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับความร่วมมือ แลกเปลี่ยนความเห็นกับภาคเอกชน ซึ่งความสัมพันธ์ระหว่างไทย-สหรัฐฯ มีพลวัตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และในการประชุมเอเปค ไทยได้ผลักดันผลสำเร็จที่เป็นรูปธรรมหลายประการ ทั้งการทบทวนการหารือเรื่องเขตการค้าเสรีเอเชีย-แปซิฟิก (FTAAP) ในบริบทหลังโควิด-19 และการส่งเสริมการเจริญเติบโตที่ยั่งยืนและครอบคลุม โดยการนำเสนอเป้าหมายกรุงเทพฯ ว่าด้วยเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน เศรษฐกิจสีเขียว (Bangkok Goals on BCG)

“คาดว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะเติบโตระหว่างร้อยละ 2.7-3.2 ไทยพร้อมร่วมมือกับภาคเอกชนสหรัฐฯ มุ่งส่งเสริมความเข้มแข็งและการเติบโตของเศรษฐกิจอย่างสมดุลและครอบคลุม และให้ภาคธุรกิจ โดยเฉพาะ SMEs ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีและนวัตกรรม บนพื้นฐานโมเดลเศรษฐกิจ BCG เพื่อพัฒนาไทยไปสู่การเป็นศูนย์กลางด้านการลงทุนของภูมิภาค” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรีได้เสนอวิสัยทัศน์และแนวทางการเดินหน้าพัฒนาเศรษฐกิจไทยในยุค Next Normal 3 ประการ ได้แก่ 1.ด้านการส่งเสริมเศรษฐกิจที่มีความสมดุล และมุ่งเข้าสู่การเป็นสังคมปลอดคาร์บอน โดยรัฐบาลได้เร่งผลักดันการเปลี่ยนผ่านทางพลังงานและการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เป็นสีเขียว และต้องการยกระดับไทยไปสู่การผลิต EV สำหรับภูมิภาค พัฒนาองค์ความรู้ และเทคโนโลยีเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

“2.ด้านการส่งเสริมเศรษฐกิจที่มีขีดความสามารถในการแข่งขัน เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งของห่วงโซ่อุปทาน โดยรัฐบาลได้เร่งเสริมสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการดำเนินธุรกิจตามข้อเสนอ Ten for Thailand เพื่อพัฒนาไทยไปสู่ศูนย์กลางของภูมิภาคสำหรับธุรกิจ การค้า และการลงทุน และ 3.ด้านการส่งเสริมเศรษฐกิจด้วยนวัตกรรม ไทยมุ่งผลักดันและสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจดิจิทัล เร่งพัฒนาวิสาหกิจดิจิทัลเริ่มต้น และส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมดิจิทัล” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี หวังว่าในโอกาสฉลองครบรอบ 190 ปีแห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ในปี 2566 ความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุนจะเพิ่มพูนและแน่นแฟ้น มีพลวัตในความสัมพันธ์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ด้านนาย Ted Osius ประธาน USABC กล่าวว่า การพบกันครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ได้พบกันพร้อมหน้า และเป็นคณะที่ใหญ่สุดที่เดินทางมาประเทศไทยรวม 43 บริษัทแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจและความมุ่งมั่นที่จะขยายความร่วมมือกับไทย และการลงทุนในภูมิภาคนี้ ถือเป็นโอกาสเฉลิมฉลองวาระครบครบรอบ 190 ปีของความสัมพันธ์ไทย-สหรัฐฯ ในปีหน้าด้วย และชื่นชมความสำเร็จที่นายกรัฐมนตรีทำหน้าที่ประธานการประชุมเอเปค 2022 ได้อย่างยอดเยี่ยม

ส่วนเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ กล่าวชื่นชมความสัมพันธ์ไทย-สหรัฐฯ ที่มีมาอย่างยั่งยืนยาวนาน ร่วมกันส่งเสริมความสัมพันธ์ในหลายระดับและภาคเอกชนถือว่าสำคัญเป็นอย่างยิ่ง รัฐบาลสหรัฐฯ พร้อมรับไม้ต่อในการเป็นเจ้าภาพเอเปคในปีหน้า และยืนยันจะส่งเสริมความร่วมมือกับไทยต่อไป

ด้านผู้แทนจากบริษัทภาคเอกชนสหรัฐฯ ทั้ง 43 บริษัทจาก 6 อุตสาหกรรมหลัก ได้กล่าวแนะนำตัวและหารือแลกเปลี่ยนความคิดเห็น โดยแสดงความมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมการลงทุนในไทยอย่างต่อเนื่อง พร้อมเน้นย้ำความมุ่งมั่นที่จะร่วมมือและสนับสนุนแนวคิด BCG ของไทยผ่านการส่งเสริมและสนับสนุนความร่วมมือด้านการใช้พลังงาน ผลิตภัณฑ์ อย่างคุ้มค่าและคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ซึ่งตัวแทนบริษัทส่วนใหญ่เห็นว่า ไทยมีศักยภาพในการเป็นศูนย์การกลางลงทุนในด้านต่างๆ ที่มีศักยภาพ เช่น ศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ (Auto Hub) ศูนย์กลางทางการแพทย์ (Medical Hub) การพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล การส่งเสริมการท่องเที่ยว ตลอดจนการส่งเสริมอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ รวมทั้งพร้อมที่จะส่งเสริมการพัฒนาบุคลากรให้มีทักษะที่พร้อมต่อการทำงาน ซึ่งจะช่วยรองรับการขยายการลงทุนของแต่ละธุรกิจในอนาคตต่อไป

Advertisement

“สุริยะ” เผยสู้คดีคิงส์เกต เน้นเจรจา มั่นใจไร้ปัญหา

People Unity News : 22 กันยายน 2565 “สุริยะ”​ ยัน ครม.ไม่มีเคาะงบเพิ่มสู้คดีคิงส์เกต เป็นเพียงการขยายกรอบเวลา​ ยอมรับหารือแนวทาง​” วิษณุ” เน้นการเจรจา เตรียมบินออสเตรเลีย​วันพรุ่งนี้ มั่นใจไร้ปัญหา​

นายสุริยะ​ จึงรุ่งเรืองกิจ​ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานข่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการอนุมัติงบประมาณเพิ่มเพื่อต่อสู้คดีกับบริษัทคิงส์เกต คอนโซลิเดเต็ด ลิมิเต็ด ในคดีเหมืองทองอัครา โดยชี้แจงว่า​ ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ไม่มีการอนุมัติ​งบ​เพิ่มเติม​ ซึ่งเป็นข้อมูลที่คลาดเคลื่อน​ เป็นเพียงงบประมาณเดิมที่มีการขยายกรอบระยะเวลาการสู้คดี​ เนื่องจากการเจรจายังไม่สิ้นสุด​ จึงขอชี้แจ้งว่า​ ไม่ได้มีการเพิ่มงบในการสู้คดีแต่อย่างใด

ส่วนแนวทางในการสู้คดีนั้น​ นายสุริยะ​ กล่าวว่า ยังคงเหมือนเดิม โดยขณะนี้ยังมั่นใจว่า การเจรจากับบริษัทคิงส์เกตจะเป็นไปด้วยดี และเชื่อมั่นว่าจะไม่มีปัญหา พร้อมยอมรับว่า ได้มีการปรึกษากับนายวิษณุ​ เครืองาม​ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมาย​ โดยได้ให้แนวทางที่เน้นไปที่การเจรจา และในวันพรุ่งนี้ (23 ก.ย.) ตนจะเดินทางไปที่ประเทศออสเตรเลีย​ เพื่อเจรจาเพิ่มเติม กับผู้บริหารของบริษัทคิงส์เกต​ พร้อมย้ำว่าทิศทางการเจรจาคาดการณ์ว่าน่าจะเป็นไปด้วยดี

Advertisement

ไทย-รัสเซียทำสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างกัน

People Unity News : 15 มีนาคม 2566 รองโฆษกรัฐบาล เผย ครม.วานนี้อนุมัติให้ลงนามร่างสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน ไทย-รัสเซีย ต้องเป็นผู้กระทำผิดที่มีโทษจำคุกเกินกว่า 1 ปี ถึงจะส่งตัวได้

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วานนี้ (14 มี.ค.) ว่า ที่ประชุมอนุมัติลงนามร่างสนธิสัญญาระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสหพันธรัฐรัสเซียว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดนและการดำเนินการให้สนธิสัญญามีผลใช้บังคับ เพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างสองประเทศในการปราบปรามอาชญากรอย่างมีประสิทธิภาพ โดยร่างสนธิสัญญาฉบับนี้ มีวัตถุประสงค์ เนื้อหาสาระและหลักเกณฑ์การส่งผู้ร้ายข้ามแดนคล้ายคลึงกับสนธิสัญญาลักษณะเดียวกันกับที่ประเทศไทยได้จัดทำกับประเทศต่าง ๆ และสอดคล้องกับหลักเกณฑ์ตามพระราชบัญญัติส่งผู้ร้ายข้ามแดน พ.ศ. 2551

“สำหรับข้อกำหนดเงื่อนไขและขั้นตอนในการส่งผู้ร้ายข้ามแดน อาทิ 1.ความผิดที่จะส่งผู้ร้ายข้ามแดนให้แก่กันได้ ต้องเป็นความผิดที่ลงโทษได้ตามกฎหมายของทั้งสองประเทศ (Double Criminality) และเป็นความผิดที่มีโทษจำคุกเกินกว่า 1 ปี 2.ผู้ประสานงานกลางของฝ่ายไทยตามสนธิสัญญานี้ คือ อัยการสูงสุด และฝ่ายสหพันธรัฐรัสเซีย คือ สำนักงานอัยการสูงสุด 3.ภาคีที่ได้รับการร้องขอ ไม่ต้องส่งผู้ร้ายข้ามแดนบุคคลซึ่งกระทำความผิดทางการเมืองและความผิดทางทหาร ทั้งนี้ ความผิดต่อประมุขของรัฐ หรือหัวหน้ารัฐบาล หรือสมาชิกในครอบครัวของบุคคลดังกล่าว และการกระทำหรือการละเว้นการกระทำซึ่งเป็นความผิดอาญาตามพันธกรณีภายใต้สนธิสัญญาพหุภาคีที่ทั้งสองฝ่ายเป็นภาคี ไม่ถือว่าเป็นความผิดทางการเมือง” รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว

น.ส.รัชดา กล่าวว่า 4.ภาคีที่ได้รับการร้องขอจะต้องปฏิเสธไม่ส่งผู้ร้ายข้ามแดน เมื่อมีเหตุต้องห้ามตามที่บัญญัติไว้ตามกฎหมายของภาคีแต่ละฝ่าย อาทิ ความผิดที่มีลักษณะทางการเมือง หรือเป็นความผิดทางทหาร ซึ่งรวมถึงกฎหมายที่เกี่ยวกับอายุความ 5.ภาคีที่ได้รับการร้องขอ สามารถปฏิเสธไม่ส่งผู้ร้ายข้ามแดน เมื่อภาคีที่ได้รับการร้องขอมีเขตอำนาจเหนือความผิดที่มีการร้องขอให้ส่งผู้ร้ายข้ามแดน หรือการส่งบุคคลนั้นเป็นผู้ร้ายข้ามแดนจะกระทบต่ออำนาจอธิปไตย ความมั่นคง ความสงบเรียบร้อยของสาธารณะ หรือภาคีที่ได้รับการร้องขอกำลังดำเนินคดีอาญากับบุคคลที่ถูกขอให้ส่งตัวในความผิดนั้นอยู่ 6.สนธิสัญญานี้ไม่กำหนดให้คู่ภาคีมีพันธกรณีใด ๆ ที่จะต้องส่งคนชาติของคนข้ามแดน อย่างไรก็ดี กรณีที่มีการปฏิเสธการส่งคนชาติข้ามแดน ภาคีที่ได้รับการร้องขอจะต้องเสนอคดีนั้น ให้เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจของตนเพื่อฟ้องคดีต่อไป เว้นแต่ว่าภาคีที่ได้รับการร้องขอไม่มีอำนาจเหนือความผิดนั้น ก็จะไม่ต้องเสนอคดีนั้นต่อเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจเพื่อฟ้องคดี

“7.กรณีเร่งด่วน ภาคีคู่สัญญาแต่ละฝ่ายสามารถร้องขอให้มีการจับกุมตัวชั่วคราว (Provisional Arrest) บุคคลที่ต้องการ เพื่อให้มีการส่งผู้ร้ายข้ามแดนต่อไปได้ 8.ให้มีการส่งผู้ร้ายข้ามแดนโดยวิธีการแบบย่อ (Simplified procedure) ในกรณีที่บุคคลที่ถูกขอให้ส่งตัวยินยอมต่อเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจหรือศาลแห่งภาคีที่ได้รับการร้องขอ 9.กรณีที่ได้รับคำร้องขอให้ส่งผู้ร้ายข้ามแดนจากประเทศผู้ร้องขอตั้งแต่สองประเทศขึ้นไป ให้ภาคีที่ได้รับการร้องขอพิจารณาว่าจะส่งบุคคลนั้นข้ามแดนให้แก่ประเทศใด โดยนำเหตุผลดังต่อไปนี้มาพิจารณาทั้งหมด 1)ประเทศผู้ร้องขอมีหรือไม่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนกับประเทศไทย 2)สัญชาติของบุคคลที่ถูกขอให้ส่งตัว 3)เวลาและสถานที่กระทำความผิด 4)ความร้ายแรงของความผิด 5) ลำดับคำร้องขอที่ได้รับจากประเทศผู้ร้องขอ” รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว

น.ส.รัชดา กล่าวว่า 10.กำหนดหลักการว่าบุคคลที่ถูกส่งตัวไป จะไม่ถูกลงโทษในความผิดอื่น นอกเหนือจากในความผิดที่ขอให้ส่งผู้ร้ายข้ามแดน 11.กำหนดขั้นตอนการวินิจฉัยคำร้องขอส่งผู้ร้ายข้ามแดนและการส่งมอบตัวบุคคลในความผิดที่ขอให้ส่งผู้ร้ายข้ามแดน 12.ภาคีที่ได้รับการร้องขอจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการดำเนินการส่งผู้ร้ายข้ามแดนจนกระทั่งถึงเวลาส่งมอบตัว

“ร่างสนธิสัญญาฉบับนี้ ถือเป็นสนธิสัญญาตามกฎหมายระหว่างประเทศและเป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา 178 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 ซึ่งจะต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีก่อนการลงนามและการดำเนินการให้มีผลผูกพัน แต่ไม่เข้าข่ายเป็นหนังสือสัญญาที่ต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา เนื่องจากร่างสนธิสัญญาไม่ได้มีบทเปลี่ยนแปลงอาณาเขตประเทศไทย หรือเขตพื้นที่นอกอาณาเขต หรือมีผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจ สังคม หรือการค้าหรือการลงทุนของประเทศอย่างกว้างขวาง” รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว

Advertisement

สื่อไทย-ต่างชาติแห่จองคิวนวดไทย

People Unity News : 16 พฤศจิกายน ศูนย์การประชุมสิริกิติ์ กระทรวงแรงงาน ออกบูธนวดไทยที่ศูนย์การประชุมสิริกิติ์ ชูเป็น Soft Power สื่อทั้งในทั้งนอกแห่จองคิวจำนวนมาก

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวภายหลังเยี่ยมชมบูธของกรมพัฒนาฝีมือแรงงานกระทรวงแรงงาน ที่จัดบริการนวดแผนไทย คอ บ่า ไหล่ ให้กับสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศในการประชุมเอเปคครั้งนี้  ว่า การนวดแผนไทยถือเป็น Soft Power อย่างหนึ่งที่จะช่วยประชาสัมพันธ์ประเทศ ซึ่งตั้งแต่เริ่มการประชุมตั้งแต่วันที่ 14 -15 พฤศจิกายนเป็นต้นมา มีสื่อลงทะเบียนขอรับบริการนวดแผนไทยจำนวนทั้งสิ้น 700 คนต่อวัน เป็นสื่อต่างชาติถึง 200 คน ซึ่งภายในบูธของกระทรวงแรงงาน มีการเปิดให้สื่อมวลชนลงทะเบียนรับบริการนวด ตั้งแต่ นวด คอ บ่า ไหล่ ตอกเส้นนวดประคบ และดื่มน้ำสมุนไพรด้วย

“คาดหวังว่าบริการนวดนี้จะถูกใจสื่อต่างชาติ และทำให้เกิดการบอกต่อ ขยายเป็นวงกว้างในต่างประเทศ เพราะนอกจากบริการนวดแล้ว ยังรวมไปถึงบริการเครื่องดื่มสมุนไพรที่ช่วยผ่อนคลาย ทั้งนี้ นายกรัฐมตรีมีความตั้งใจจัดการประชุมเอเปค ครั้งนี้ โดยหวังให้คนไทยทุกคนร่วมภาคภูมิใจที่เป็นเจ้าภาพการประชุมฯ ไม่ได้มองเรื่องของมุมมองทางการเมือง” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าว

Advertisement

“อนุชา” เผยเฟ้นสุดยอดเชฟอาหารไทย เสิร์ฟผู้นำ-ผู้เข้าร่วมประชุมเอเปค

People Unity News : 21 ตุลาคม 65 “อนุชา” เผยเตรียมเชฟพร้อมเฟ้นสุดยอดอาหารไทย เสิร์ฟผู้นำและผู้เข้าร่วมประชุมเอเปค ผลักดันอาหารไทย หวังสร้างความประทับใจ เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ

นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการด้านการประชาสัมพันธ์ไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปค เปิดเผยว่า การที่ไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิค ครั้งที่ 29 หรือ เอเปค 2565 ถือเป็นโอกาสดีที่ไทยจะได้แสดงศักยภาพให้ทั่วโลกได้เห็นว่าไทยมีความสามารถแข่งขันในเวทีโลก อาหารไทย ถือเป็นส่วนหนึ่งที่สามารถต่อยอดทางธุรกิจและพัฒนาให้มีความเป็นสากลได้ ทั่วโลกยกย่องอาหารไทย โดยสังเกตได้จากร้านอาหารไทยที่กระจายอยู่หลายประเทศ และไทยมีความสมบูรณ์ทางทรัพยากรอาหาร

“สิ่งนี้ถือเป็น Soft Power ซึ่งหากเชฟชาวไทยมีโอกาส ได้พัฒนาทักษะ จะเป็นหนทางสร้างรายได้ ต่อยอดทางธุรกิจการทำอาหาร ผมมอบหมายให้กรมประชาสัมพันธ์ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการด้านการประชาสัมพันธ์ จัดทำโครงการ Future Food for Sustainability ส่งเมนูอาหารอนาคต เทรนด์อาหารยุคใหม่ที่กำลังได้รับความนิยม ผสมผสานกับความเป็นไทย เพื่อเตรียมนำไว้ให้คณะผู้นำเอเปค และชาวต่างชาติได้สัมผัส ในช่วงสัปดาห์การประชุมสุดยอดผู้นำเอเปค ระหว่างวันที่ 14-19 พฤศจิกายนนี้” รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว

นายอนุชา กล่าวว่า โครงการ Future Food for Sustainability เป็นโครงการประกวดทำอาหาร ที่เปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ที่มีใจรักการทำอาหารได้เข้าร่วมและนำเสนอแนวคิดเมนูอาหารแห่งอนาคตที่ถูกรังสรรค์ด้วยวัตถุดิบไทย โดยมีผู้เข้าร่วมกว่า 2,000 ทีม มีการคัดเลือกผู้เข้าแข่งขันแต่ละรอบ อาทิ รอบการคัดกรองแนวคิด รอบการเข้าแคมป์พัฒนาศักยภาพ และรอบกิจกรรมแข่งทำอาหาร จนกระทั่งได้ทีมชนะเลิศในที่สุด ทั้งนี้ ไทยมีชื่อเสียงระดับนานาชาติว่าเป็นครัวของโลก อาหารไทยจึงเป็น Soft Power ที่จะพาคนไทยให้ทั่วโลกได้รู้จักและต่อยอดการพัฒนาด้านอื่น

“คนไทยที่มีใจรักการทำอาหาร และคนรุ่นใหม่เริ่มหันมาสนใจการทำอาหารมากขึ้น ขณะที่เทรนด์การรักษาสิ่งแวดล้อม เพื่อความยั่งยืนกำลังมาแรง เวทีการประกวดทำอาหาร Future Food for Sustainability จึงเป็นโอกาสที่ผู้เข้าแข่งขันกว่า 2,000 ทีม จะได้แสดงฝีมือและฝึกฝนจากคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญในแวดวงการทำอาหารไทย ซึ่งการประกวดปัจจุบันกำลังเข้มข้น ท้ายที่สุดจะเหลือเพียง 21 ทีมที่ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ เพื่อจะได้เฟ้นหาสุดยอดอาหารแห่งอนาคตของไทย เตรียมรับคณะผู้นำและผู้เข้าร่วมการประชุมเอเปค 2565 หวังให้ผู้นำและผู้เข้าร่วมประชุมฯ ประทับใจในรสชาติอาหารไทย สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย หวังเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจต่อไปในอนาคต” รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว

Advertisement

นายกฯผลักดันความร่วมมือภาคเกษตรไทย-ซาอุฯ เล็งเห็นโอกาสส่งออกข้าวไทยไปซาอุฯ

People Unity News : วันนี้ (8 มิถุนายน 2565) นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ส่งเสริมและผลักดันความร่วมมือทางด้านสินค้าเกษตรระหว่างไทยและซาอุดีอาระเบียให้มีความก้าวหน้า และมีพัฒนาการอย่างเป็นรูปธรรม หลังกรมการข้าวเตรียมต่อยอดจากการที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้เดินทางไปซาอุดีอาระเบีย และเล็งเห็นถึงศักยภาพในการขยายความร่วมมืออย่างใกล้ชิดทางด้านการเกษตร

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีสั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขับเคลื่อนความร่วมมือระหว่างไทยและซาอุดีฯ อย่างต่อเนื่อง ภายหลังการเดินทางเยือนประเทศซาอุดีอาระเบียของคณะผู้แทนภาครัฐและภาคธุรกิจของไทยเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา  ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้เดินหน้าขยายความร่วมมือด้านการเกษตรกับซาอุดีฯ โดยเน้นความร่วมมือทางด้านการเกษตร การชลประทาน การปศุสัตว์และการประมง ฮาลาล อุตสาหกรรมเกษตร และเทคโนโลยีเกษตร

นอกจากนี้ ในที่ประชุมคณะกรรมการบริหารกรมการข้าว ครั้งที่ 6 ประจำปีงบประมาณ 2565 ได้เล็งเห็นถึงโอกาสของข้าวไทยจากสถานการณ์ปัญหาความมั่นคงทางอาหาร (Food Security) ที่ประเทศไทยสามารถรับมือได้น่าพอใจ เป็นประเทศที่มีความมั่นคง และได้รับผลกระทบจากความขาดแคลนอาหารน้อย พร้อมได้เล็งเห็นโอกาสการส่งออกข้าวไทย ซึ่งซาอุดีฯ มีความต้องการจำนวนมาก จึงเป็นโอกาสของไทยในการขับเคลื่อนนโยบายตอบโจทย์ความต้องการ ซึ่งขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันศึกษาหาช่องทางปลูกข้าวบาสมาติ ซึ่งเคยปลูกในประเทศไทยเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ซึ่งหากสามารถรองรับความต้องการส่วนนี้ได้จะเป็นโอกาสในการขยายตลาดของไทยในซาอุดีฯ ที่มีความต้องการข้าว 30 ล้านตัน เพื่อสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในภาคอุตสาหกรรมการปลูกข้าวให้มากขึ้น และเสริมศักยภาพด้านการส่งออกข้าวไทยในตลาดโลกให้มีอำนาจต่อรองยิ่งขึ้น

นายธนกร กล่าวเพิ่มเติมว่า นายกรัฐมนตรีกำชับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการร่วมบูรณาการการทำงานเพื่อผลสำเร็จ และขอบคุณทุกฝ่ายในการดำเนินงานทั้งการตอบรับดำเนินนโยบายเพื่อประโยชน์กับประเทศเป็นสำคัญ และดำเนินนโยบายเพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างไทยและซาอุดีอาระเบียมาอย่างต่อเนื่อง โดยเชื่อมั่นในองค์ความรู้ ความสามารถของคนไทย และประสบการณ์ที่ไทยสืบทอดภูมิปัญญาการปลูกข้าวมาอย่างยาวนาน นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังยินดีที่สถานการณ์ส่งออกข้าวในช่วงไตรมาสแรกของปี 2565 ระหว่างเดือนมกราคม-มีนาคม มีอัตราการส่งออกเพิ่มขึ้น 48.5% อยู่ที่ 1.76 ล้านตัน สูงสุดในรอบ 5 ปี เป็นประเทศผู้ส่งออกข้าวอันดับ 2 ของโลก ซึ่งไทยยังตั้งเป้าส่งออกข้าวในปีนี้รวมกว่า 7 ล้านตัน

Advertisement

ผู้แทนซาอุเผยต้องการแรงงานช่างเชื่อม เชื่อมใต้น้ำ เคาะพ่นสี Medical Staff พ่อครัว พนักงานโรงแรม

People Unity News : ผู้แทนซาอุฯ เผยต้องการแรงงานสาขาช่างเชื่อม ช่างเชื่อมใต้น้ำ ช่างเคาะพ่นสี Medical Staff พ่อครัว พนักงานโรงแรม

15 มี.ค. 2565 กระทรวงแรงงาน เผย ผู้แทนซาอุฯ พอใจ ผลการอบรม – ทดสอบฝีมือแรงงานไทย ขอให้ประชาชนที่สนใจไปทำงาน ลงทะเบียนที่ http://toea.doe.go.th

เป็นอีกหนึ่งข่าวดี คณะผู้แทนทางวิชาการของประเทศซาอุดีอาระเบีย ได้เดินทางมาเยือนประเทศไทย ระหว่างวันที่ 12 – 16 มี.ค. 65 เพื่อเข้าร่วมการประชุมเชิงวิชาการเกี่ยวกับการจัดส่งแรงงานระหว่างกระทรวงแรงงานไทย กับกระทรวงทรัพยากรมนุษย์และการพัฒนาสังคมซาอุดีอาระเบีย

ล่าสุด คณะผู้แทนฯ ได้ไปเยี่ยมชมการฝึกอบรมและทดสอบฝีมือแรงงาน ซึ่งเป็นการนำเสนอการฝึกอบรมในภาคบริการ ณ โรงแรม The Bazzar Hotel Bangkok

เบื้องต้นพบว่าคณะผู้แทนฯ มีความพอใจในความพร้อมของการฝึกอบรมและทดสอบฝีมือแรงงาน พร้อมเสนอว่าทางประเทศซาอุดีฯ ยังต้องการแรงงานในสาขาช่างเชื่อม โดยเฉพาะช่างเชื่อมใต้น้ำ ช่างเคาะพ่นสี Medical Staff รวมทั้งพ่อครัว พนักงานโรงแรมอีกด้วย

ทั้งนี้ กรมพัฒนาฝีมือแรงงานได้เตรียมการรองรับการส่งแรงงานไทย พร้อมอำนวยความสะดวกของการฝึกอบรมและทดสอบฝีมือแรงงานในสาขาอาชีพที่กำลังเป็นที่ต้องการ

ประชาชนผู้สนใจไปทำงานในประเทศซาอุดีอาระเบีย สามารถลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ http://toea.doe.go.th เลือก “ลงทะเบียน” > “คนหางาน” หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานจัดหางานจังหวัด หรือโทร. สายด่วน 1506 กด 2 กรมการจัดหางาน

Advertising

Verified by ExactMetrics