วันที่ 19 เมษายน 2024

“เน็ตประชารัฐ”ไม่เสร็จตามกำหนด! “กมธ.ดีอีเอส”จี้เร่ง-เล็งลงพื้นที่ทดสอบ

People Unity News : “กมธ.ดีอีเอส” เชิญ “กสทช.-ทีโอที” แจงโครงการ “เน็ตประชารัฐ” หลังไม่เสร็จตามกำหนด “กัลยา” จี้เร่งทำโครงการให้เสร็จโดยเร็ว เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตปชช. เล็งลงพื้นที่อีสานทดสอบเน็ตชายขอบ

วันที่ 13 พฤศจิกายน 2562 ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการการสื่อสารโทรคมนาคมและดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ กมธ.ดีอีเอส โดยได้เชิญตัวแทนจากสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. และบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) มาชี้แจงกรณีการดำเนินโครงการจัดให้มีบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในพื้นที่ทุรกันดาร (เน็ตประชารัฐ) หลังจากเมื่อวันที่ 15 ก.ย. 62 เป็นวันสิ้นสุดตามกรอบเวลาที่บริษัททีโอทีขอขยายเวลามาจาก 27 ก.ย.2561 ที่ผ่านมา แต่ยังมีหลายพื้นที่ติดตั้งไม่เสร็จ และกสทช. ได้มีการยกเลิกสัญญากับบริษัททีโอทีฯ ไปแล้ว

น.ส.กัลยา รุ่งวิจิตรชัย ประธานกรรมาธิการ ดีอีเอส แถลงว่า ทางตัวแทนของ กสทช. ได้มาชี้แจงถึงโครงการเน็ตประชารัฐว่าจะมีแนวทางดำเนินการต่อไปอย่างไร หลังจากที่ยกเลิกสัญญากับบริษัท ทีโอทีฯ ทราบว่าขณะนี้อยู่ระหว่างรอตรวจรับงานที่ บ.ทีโอที ทำไว้ว่ามีความคืบหน้าแค่ไหนอย่างไร เหลืองานอีกมากน้อยแค่ไหน จากนั้นจะมีการเปิดประมูลรับผู้ดำเนินการรายใหม่ ซึ่งกสทช. คาดว่าภายในเดือนเมษายนปี 2563 จะสามารถเปิดประมูลได้ ทั้งนี้ทางกรรมาธิการฯ เรามีความาห่วงใยกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะทำให้ประชาชนโดยเฉพาะในพื้นที่ชนบทห่างไกลต้องเสียโอกาส การได้ใช้ประโยชน์จากอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ที่จะช่วยทำให้คุณภาพชีวิตของเขาดีขึ้น โดยเฉพาะการเข้าถึงตลาดโลกด้วยการทำธุรกิจออนไลน์หรืออีคอมเมอร์ซ บริการทางการแพทย์ที่เชื่อมโยงกับนโยบาย Telemedicine หรือการแพทย์ทางไกลผ่านอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง และจะเป็นประโยชน์ด้านการศึกษาที่เด็กๆ สามารถหาความรู้หรือเรียนออนไลน์ได้ ที่สำคัญคือมีผลกระทบต่อการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน ที่จะพัฒนาไปสู่เศรษฐกิจดิจิทัลในอนาคต

ประธานกมธ.ดีอีเอส กล่าวว่า ทางกรรมาธิการฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจกับปัญหาที่เกิดขึ้น เพราะการดำเนินโครงการไม่เสร็จตามเวลาที่กำหนดมีผลกระทบต่อประชาชนผู้รอใช้บริการ ดังนั้นทางกมธ.ดีอีเอส จึงได้กำชับไปยัง กสทช. และฝากไปยังกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือดีอีเอส เร่งดำเนินการให้โครงการเน็ตประชารัฐสำเร็จโดยเร็ว เป็นไปตามนโยบายที่กำหนดไว้ ซึ่งทางกรรมาธิการฯ จะติดตามความคืบหน้าอย่างใกล้ชิด โดยมีพ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ รองประธานกมธ.อีดีเอส ในฐานะเป็นประธานคณะอนุกรรมาธิการติดตามและตรวจสอบการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลและความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ จะได้ทำหน้าที่ในการติดตามและรวบรวมข้อมูลเพื่อเสนอให้คณะกรรมาธิการฯ ทราบต่อไป

อย่างไรก็ตามทางกมธ.ดีอีเอส มีแผนที่จะลงพื้นที่เพื่อติดตามความคืบหน้าการดำเนินโครงการอินเทอร์เน็ตชายขอบ ในอีก 1-2 สัปดาห์ข้างหน้า โดยจะลงพื้นที่จังหวัดหนองคาย และหนองบัวลำภู ทั้งนี้กรรมธิการฯ​ ต้องการที่จะไปสัมผัสพื้นที่จริงที่มีการติดตั้งจุดปล่อยสัญญาณอินเทอร์เน็ต ว่าสามารถทำงานได้มีประสิทธิภาพหรือไม่ ความเร็วเป็นไปตามมาตรฐานหรือไม่ ตอบโจทย์ของประชาชนในพื้นที่หรือไม่ เชื่อว่าจะเกิดประโยชน์ต่อการดำเนินโครงการดังกล่าวในอนาคตอย่างมาก

ไร้จิตสำนึก! “อนุทิน”ยัน สธ.ลุยดำเนินคดีโจ๋อ่างทองวิวาทในโรงพยาบาล

People Unity News : “อนุทิน” ยัน สธ.พร้อมลุยดำเนินคดีโจ๋อ่างทองก่อเหตุวิวาทในโรงพยาบาล พร้อมอัดผู้ก่อเหตุ “ไร้จิตสำนึก” ส่วนเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญวางเงื่อนไขคนไทยต้องอยู่ดีกินดี

วันที่ 13 พฤศจิกายน 2562 จากกรณีที่วัยรุ่นก่อเหตุทะเลาะวิวาทในห้องฉุกเฉิน ร.พ.อ่างทอง เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า เรื่องนี้กระทรวงสาธารณสุขต้องแจ้งความเอาผิดแน่นอน และไม่ต้องมาถามว่าใครผิดใครถูก แต่การมาก่อเหตุในโรงพยาบาลย่อมเป็นเรื่องที่ผิด ที่นี่คือสถานที่ไว้รักษาคน ไม่ได้เปิดให้มาตีกัน

และจะไม่มีการยอมความ เป็นคดีอาญา การแจ้งความจะเป็นเรื่องของทำลายทรัพย์สินทางราชการ, กีดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของหมอ พยาบาล, บุกรุกสถานที่ราชการ, ทำลายความสงบเรียบร้อย กระทรวงสาธารณสุขเอาจริง เพราะไม่ต้องการให้เกิดเหตุซ้ำ ทำสุดความสาทารถได้เท่านี้ เพราะหน้าที่ของกระทรวงสาธารณสุข คือ การส่งเสริมรักษาสุขภาพ ไม่ใช่การมาไล่จับ หรือต่อสู้กับใคร

“การที่มาก่อเหตุในโรงพยาบาล เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง มันต้องคิดได้ มีจิตสำนึก ว่านี่เป็นสถานพยายาล เป็นคนต้องรู้จักผิดชอบชั่วดี สำหรับเรื่องป้องกันเหตุ ต้องให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ”นายอนุทิน กล่าว

วางเงื่อนไขแก้รัฐธรรมนูญคนไทยต้องอยู่ดีกินดี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่เฟซบุ๊ค “อนุทิน ชาญวีรกูล” ของนายอนุทิน ได้โพสต์ความเห็นเกี่ยวกับการแก้รัฐธรรมนูญ โดยใจความสำคัญ คือการแก้ไขข้างต้น ต้องเป็นไปเพื่อให้ประชาชนอยู่ดีกินดี ทำมาหากินสะดวก และต้องคงไว้ซึ่งความเป็นหนึ่งเดียวของราชอาณาจักรไทย ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข ทั้งนี้ พร้อมพูดคุย และรับฟังข้อเสนอเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ แต่ขอให้เป็นเรื่องที่มุ่งแก้ปัญหาปากท้องประชาชนเป็นหลัก นายอนุทิน โพสต์ว่า

“แก้รัฐธรรมนูญ เพื่ออะไร?

เริ่มมีคำถามจากสื่อมวลชน และเพื่อนนักการเมือง เรื่องพรรคภูมิใจไทย กับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มากขึ้นเรื่อยๆ

ตอนหาเสียงเลือกตั้ง พรรคภูมิใจไทย บอกว่า ไม่ใช่แก้รัฐธรรมนูญ เท่านั้น แต่ เราสนับสนุน และผลักดันให้แก้กฎหมายทุกฉบับ ที่เป็นปัญหาอุปสรรค ต่อการทำมาหากิน การทำธุรกิจ การประกอบอาชีพของประชาชน และการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทย

พรรคภูมิใจไทย ทำงานโดยมีเป้าหมาย “เพื่อปากท้องประชาชน”
เรามีความมั่นใจว่า ถ้าประชาชนมีอยู่มีกินอย่างมีความสุข ปัญหาของประเทศไทย จะลดลงไปมากกว่า 70%

ทุกวันนี้ คนที่บ่นว่าแย่ แย่
เกือบร้อยทั้งร้อย จะบ่นว่าเศรษฐกิจแย่ น้อยคนเหลือเกินที่จะบอกว่าการเมืองแย่

เพราะฉนั้น แนวคิด แนวทาง เป้าหมายของพรรคภูมิใจไทย และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคภูมิใจไทย เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มีเพียง 2 ประการ คือ

1.ประเทศไทย เป็นราชอาณาจักรหนึ่งเดียว จะแบ่งแยกมิได้ และปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข

2.รัฐธรรมนูญ ต้องมีเป้าหมายเพื่อปากท้องประชาชน เพื่อความกินดีอยู่ดีของประชาชน

เรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ เพื่อเพิ่มอำนาจต่างๆ ให้นักการเมือง ให้ส่วนราชการ ให้ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ทั้งทางตรง ทางอ้อม ไม่ใช่แนวทาง และ เป้าหมายของเรา

เพราะฉนั้น พรรคใด ใคร และ องค์กรไหน ที่ต้องการแก้รัฐธรรมนูญ ขอให้มาคุยกันว่า ท่านมีแนวทางแก้รัฐธรรมนูญ อย่างไร

มีแนวทาง ให้ประชาชนอยู่ดีกินดีมีความสุข และเป็นแนวทางที่จะพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทย ให้เดินไปข้างหน้าได้อย่างไร

ประเด็นที่พรรคภูมิใจไทย จะแก้ไข ทั้ง รัฐธรรมนูญ และกฎหมายทุกฉบับที่เกี่ยวข้อง มีแนวทาง และเป้าหมายที่ชัดเจน เช่น

รัฐต้องไม่ทำธุรกิจแข่งขันกับภาคเอกชน ถ้าจะแข่งต้องแข่งบนพื้นฐาน กติกาที่เท่าเทียมกัน ต้องไม่แข่งโดยใช้สิทธิพิเศษ เพราะเป็นการทำลายศักยภาพของภาคเอกชน ในระยะยาว

รัฐต้องสนับสนุน ส่งเสริมเอกชน ให้มีความสะดวก สบาย คล่องตัว ในการประกอบธุรกิจ ต้องแก้กฎหมาย กฎระเบียบ และวิธีการต่างๆ ลดเวลาการรอคอย ลดค่าธรรมเนียม ค่าขออนุญาต ค่าจัดทำใบอนุญาต ต่ำที่สุด ทั้งเวลา และค่าธรรมเนียมที่รัฐจัดเก็บ คือความเสี่ยง และ ต้นทุนที่สำคัญในการประกอบธุรกิจ การออกใบอนุญาต การขออนุมัติจากรัฐ มีเท่าที่จำเป็น และให้น้อยที่สุด

รัฐต้องยกเลิกการประกอบธุรกิจผูกขาดรายเดียว และเปิดให้มีการแข่งขัน เพื่อให้ประชาชนได้ใช้บริการที่ดีที่สุด ในราคาที่เป็นธรรม

รัฐต้องสนับสนุนแหล่งทุนให้เอกชน และ ประชาชน อย่างเท่าเทียม ทั่วถึง เป็นธรรม โดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดกลาง และขนาดเล็ก ซึ่งมีความสามารถในการเข้าถึงแหล่งทุน น้อยกว่าผู้ประกอบการขนาดใหญ่

รัฐต้องป้องกันไม่ให้มีการผูกขาดและครอบงำตลาด โดยผู้ประกอบการรายใหญ่ จนทำให้ผู้ประกอบการรายย่อย อยู่ไม่ได้ หมดหนทางประกอบอาชีพ และ ไม่มีช่องทางทำมาหากิน

รัฐต้องส่งเสริมธุรกิจของคนไทย ให้มีความเข้มแข็ง แข่งขันกับต่างชาติได้ คุ้มครองสิทธิคนไทย ทั้งในฐานะผู้ผลิต แรงงาน และ ผู้บริโภค ตามแนวทาง Thailand First หรือ คนไทยต้องมาก่อน

รัฐต้องคุ้มครองสิทธิของประชาชน ในฐานะผู้บริโภค และต้องจัดสวัสดิการสังคมที่ดีให้แก่ประชาชน อย่างทั่วถึง (ไม่ต้องมาก เหมือนในต่างประเทศ ขอเพียงแค่ที่ ดร.ป๋วย อึ้งภากรณ์ เคยเขียนไว้เมื่อสี่สิบกว่าปีก่อน ในบทความ จากครรภ์มารดาถึงเชิงตะกอน ก็พอแล้ว)

เรื่องการเมือง ใครอยากทำ ทำไป
เรื่องปากท้องประชาชน เราอยากทำ ขอให้เราได้ทำ
ใครมีแนวทางตรงกับเรา เรายินดีที่จะร่วมกันทำงาน เพื่อไปให้ถึงเป้าหมายเดียวกัน

ไม่เติมฟืนเข้ากองไฟ
ทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดี
คือ แนวทาง และเป้าหมายของพรรคภูมิใจไทย”

ภูมิใจไทยจี้ “ชวน” ทำหนังสือถาม ซีอีโอ.เนชั่น “กลุ่มการเมืองแทรกแซงสื่อคือใคร?”

People Unity News : “ศุภชัย ใจสมุทร”จี้ประธานสภาฯ ทำหนังสือสอบถาม ซีอีโอ.เนชั่น กลุ่มการเมืองแทรกแซงสื่อคือใคร? ระบุ ส.ส.เคยเป็นประธานเนชั่น วันนี้สามีเป็นผู้บริหารแทน ไม่รู้สื่อแทรกแซงการเมือง หรือ การเมืองแทรกแซงสื่อ แฉ ซีอีโอ.เนชั่น มีรายชื่อเป็น ส.ว.สำรอง

วันที่ 13 พฤศจิกายน 2562 นายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนสมาชิก ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรภูมิใจไทย ได้หยิบยกเรื่อง การเมืองแทรกแซงสื่อ หรือ สื่อแทรกแซงการเมือง หารือกับนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร โดยกล่าวว่า นับตั้งแต่เมื่อวาน (12 พ.ย. 2562) จนถึงเที่ยงวันนี้ (13 พ.ย. 2562) มีข่าวบอกว่าประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จํากัด (มหาชน) หรือ สื่อเนชั่น ได้มีการแถลงข่าวว่า กลุ่มการเมืองมีการแทรกแซงการประชุม ข่มขู่ กลุ่มผู้ถือหุ้นบางกลุ่ม คัดค้านการเพิ่มทุน จนไม่สามารถประชุมได้ ภาพที่ออกเหมือนว่าการเมืองเข้าไปยุ่งเกี่ยว

นายศุภชัย กล่าวว่า แต่ในขณะเดียวกัน หนังสือที่บริษัท แจ้งต่อกรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ไม่ได้ระบุเรื่องการเมืองแทรกแซง มีแต่เรื่องเทคโนโลยีคุกคามธุรกิจ จนไม่สามารถทำธุรกิจได้ ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ จนถึงวันนี้มีข่าวออกมาตลอด ซึ่งพฤติกรรมของซีอีโอ. หรือประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทำให้การเมืองเสื่อมเสีย และตัวท่านเองมีรายชื่อที่เป็น ส.ว. สำรอง อยู่ด้วย ตรงนี้จึงถูกตั้งคำถามว่า สื่อแทรกแซงการเมืองหรือการเมืองแทรกแซงสื่อ

“ความจริงแล้ว ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทฯนั้น เขา ไม่ได้มีความประสงค์เพิ่มทุน เพราะเป็นปัญหาเรื่องธุรกิจของท่านเอง ตรงนี้เป็นปัญหา ซึ่งเราต้องคิดกัน วันนี้นักการเมืองท่านหนึ่ง ในสภาฯ นี้ เป็นอดีตประธานของเนชั่น ขณะที่สามีท่าน ไปเป็นประธานฯ แทนท่าน จึงไม่รู้ใครครอบงำใคร ใครแทรกแซงใคร ท่านจะเกี่ยวข้องกับเนชั่นหรือไม่ รับทราบการแทรกแซงเรื่องนี้หรือไม่ เรื่อง ส.ส. ถือหุ้นสื่อ กำลังจะมีมาตรฐาน ศาลกำลังจะตัดสินภายในไม่กี่วันข้างหน้า แต่ถ้าคู่สมรส ส.ส. เป็นผู้บริหารสื่อ เป็นผู้มีอำนาจ มีอิทธิพลในสื่อ เราจะสร้างมาตรฐานกันอย่างไร เพราะฉะนั้นผมจึงขอกราบเรียนต่อประธานสภา ทำหนังสือสอบถามไปยัง ซีอีโอ.เนชั่น ว่านักการเมืองที่อ้างถึงคือใคร อ้างลอยๆ แบบนี้เราเสียหาย” นายศุภชัย กล่าว

“พุทธิพงษ์”แถลงจับกุม “Hack Group Line”

People Unity News : “พุทธิพงษ์”แถลงจับกุม “Hack Group Line” หลังจากเปิดศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม (Anti-Fake News Center)

วันที่ 13 พฤศจิกายน 2562 นายพุทธิพงษ์  ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม แถลงว่า จากการดำเนินการของศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม (Anti-Fake News Center) จากสรุปผลการมอนิเตอร์และรับแจ้งข่าวปลอมของศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมมีจำนวนข้อความที่เข้ามาทั้งหมด 7,962 ข้อความซึ่งมีข้อความที่ต้องดำเนินการ Verify ทั้งหมดจำนวน 45 ข้อความ โดยแบ่งเป็น ช่องทาง Social Listening Tool ช่องทาง Line Official ช่องทาง Website Manual Social Listening ซึ่งมาจากการแจ้งเรื่องเข้ามาด้วย โดยแบ่งได้ดังนี้ เรื่องยาเสพติด 7.6 % ภัยพิบัติ 13.6 % การเงิน หุ้น 13.6 % ข่าวอื่น ๆ 13.6 % ผลิตภัณฑ์สุขภาพ 21.2 % ความสงบเรียบร้อย และความมั่นคง 15.2 % นโยบายรัฐบาล 16.7 %

ส่วนใหญ่จะพบเรื่องที่เป็นกระแสของสังคม และมีความน่าเป็นห่วงพี่น้องประชาชน คือพบมากที่สุดจะเป็นเรื่องของกลุ่มข่าวผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับสุขภาพที่อ้างการรักษาต่างๆ โดยไม่เคยถูกขึ้นทะเบียนยา แอบอ้างสรรพคุณการรักษาต่างๆ ซึ่งควรให้ประชาชนรับรู้และทราบดังนี้ จากการประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อย.การขายยาที่ยังไม่ได้รับอนุญาติให้ขายและยังไม่ได้รับอนุญาติให้โฆษณามีความผิด และหากมีการโฆษณาขายยา จะต้องขออนุญาตก่อน พร้อมเตือนผู้บริโภคควรระวังการซื้อยาจากเว็บไซต์ อาจมีการโฆษณาสรรพคุณเกินจริงเพราะเสี่ยงอันตราย

ทั้งอาจได้รับยาปลอม ยาไม่มีคุณภาพ และผลข้างเคียงจากยาอาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิติได้ การขายยาต้องได้รับการอนุญาติก่อน เนื่องจากยาไม่ใช่สินค้าทั่วไป ต้องขายในสถานที่อนุญาต การขายยาบนอินเตอร์เน็ตที่ไม่ได้รับอนุญาตเข้าข่ายกระทำความผิด อาจต้องระวังโทษจำคุก 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท และอาจเข้าข่ายผิดโฆษณายาอีก การโฆษณายาโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษปรับไม่เกิน 100,000 บาท ในส่วนนี้ มี พ.ร.บ.ที่ควบคุมอยู่คือ พ.ร.บ. อาหาร และ พ.ร.บ. ยา และการใช้ Social Media เป็นองค์ประกอบการกระทำความผิดตามกฎหมายไทย / กฎหมายนานาชาติ (เชื่อมโยงการใช้งาน/ปรากฏเนื้อหา ข้อความ ภาพเคลื่อนไหว หรือสื่ออิเล็กทรอนิกส์ผ่านทาง Social Media) อาทิ

(1) การก่อการร้ายสากล / ปัญหาชายแดนภาคใต้ (2) ความรุนแรงสุดโต่ง (3) ยาเสพติด (4) การลามกอนาจาร / เด็กและเยาวชน (5) อาหาร ยา วัตถุอันตราย เครื่องสำอางที่ผิดกฎหมายและอันตราย (6) การฉ้อโกง หลอกลวงทรัพย์ (7) การละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา และเครื่องหมายการค้า ภาพยนตร์ เพลง (8) สินค้าและบริการที่ผิดกฎหมายอื่น (9) ความมั่นคงของประเทศ สถาบันหลักของชาติ (10) ความสงบเรียบร้อยของสังคม / ขัดศีลธรรม จารีต ประเพณีอันดีของไทย เป็นต้น

“โดยการดำเนินงานของศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม (Anti-Fake News Center) โดยมีหลักเกณฑ์ในการพิจารณาข่าวปลอมที่มีผลกระทบต่อสังคมในวงกว้างเน้นย้ำว่าข่าวปลอมที่มีผลกระทบต่อสังคมในวงกว้างส่งผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินต่อประชาชนโดยตรง เช่น โรคระบาด ภัยพิบัติ เศรษฐกิจสิ่งแวดล้อม ข่าวที่สร้างความแตกแยกในสังคม ข่าวที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสังคมตลอดจนข่าวที่ทำลายภาพลักษณ์ต่อประเทศ และสิ่งที่สำคัญเรายึด code-of-principles ดังนี้ 1. ความเที่ยงธรรมและความปราศจากอคติในการคัดเลือกข่าว 2. ความเป็นส่วนบุคคลกับสิทธิเสรีภาพของการนำเสนอข่าว 3. การขัดกันด้านผลประโยชน์ และผลประโยชน์ทับซ้อน ไม่นำไปสู่ความขัดแย้ง 4. ให้ความเป็นธรรมแก่ฝ่ายที่ถูกพาดพิงและทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเท่าเทียมกัน 5. สามารถอธิบายกระบวนการการพิสูจน์ การตรวจสอบ แหล่งที่มาของบทความและข้อเท็จจริงต่างๆ ได้ 6.มีความรู้เกี่ยวกับข่าวนั้นๆ ประชาชนสามารถตรวจสอบข้อเท็จจริงในด้านต่างๆ ได้อย่างเปิดเผย ซื่อสัตย์ และโปร่งใส และสุดท้าย5. เป็นหน่วยงานที่อิสระ ไม่ขึ้นต่ออิทธิพลของหน่วยงานหรือองค์กรใดๆ” นายพุทธิพงษ์ฯ กล่าว

และวันนี้ (13 พ.ย. 2562) ในช่วงที่ผ่านมามีการแพร่ระบาดในกลุ่มสนทนาแอพลิเคชั่นไลน์ (LINE) โดยมีผู้ใช้งานนิรนาม เข้ามาในกลุ่มไลน์จำนวนหลายกลุ่มโดยไม่ได้รับเชิญ เมื่อเข้ามาแล้วจะส่งลิงค์เว็บไซต์ลามก แฝงโฆษณา ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมหากผู้ใช้งานในกลุ่มไลน์หลงกลคำเชิญชวนกดลิงค์เว็บไซต์ดังกล่าว คนร้ายจะได้ ข้อมูลเข้าถึงกลุ่มไลน์ต่างๆ ของผู้ใช้งานนั้น และจะทำให้คนร้ายสามารถส่งผู้ใช้งานนิรนามเข้าไปยังกลุ่มไลน์ หลายๆ กลุ่มโดยไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งที่ผ่านมามีการแจ้งเตือนการให้ผู้ใช้งานไลน์ให้ระมัดระวังการกดลิงค์และ การแก้ไขปัญหาเบื้องต้นในช่องทางเพจเฟซบุ๊ก “ชัวร์ก่อนแชร์” ของศูนย์ ชัวร์ก่อนแชร์ สำนักงานข่าวไทย และเว็บไซต์ของบริษัททีโอที จำกัด (มหาชน) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม

ร่วมกับ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย กองบัญชาการ ตำรวจสอบสวนกลาง และกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ดำเนินการสืบสวนหาตัวคนร้ายกรณีดังกล่าว ซึ่ง บก.ปอท. เป็นหน่วยงานหนึ่งที่ใช้แอพลิเคชั่นไลน์ (LINE) ในการติดต่อสื่อสารและปฏิบัติงานราชการต่างๆ ก็ได้รับผลกระทบ มีผู้ใช้งานไลน์นิรนามเข้ามาในกลุ่มไลน์ที่เกี่ยวกับความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ ด้วยภายใต้การอำนวยการของ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อ เศรษฐกิจและสังคม , น.อ. สมศักดิ์ ขาวสุวรรณ์ รองปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ,พล.ต.ท.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผบช.ก. , พล.ต.ต.สิทธิชัย โล่กันภัย รอง ผบช.ก. , พล.ต.ต.ไพบูลย์ น้อยหุ่น ผบก.ปอท. , พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รอง ผบก.ปอท. , พ.ต.อ.วัชรพันธ์ ศิริพากย์ ผกก.1 บก.ปอท. และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม

ดำเนินการปฏิบัติการตามล่า “LINE Group Hacker” ตั้งแต่วันที่ 11 ตุลาคม 2562 ได้จับกุมตัวผู้ต้องหา จำนวน 1 ราย ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาที่ 1540/2562 ลงวันที่ 11 ตุลาคม 2562 ได้ที่ซอยบุปผาบุรี แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา กทม. พร้อมตรวจ ยึดอุปกรณ์คอมพิวเตอร์จำนวนหนึ่ง ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีและส่งของกลางตรวจพิสูจน์เพื่อทำการขยายผลไปยังผู้ร่วมกระทำผิดต่อไป และต่อมาวันที่ 6 พฤศจิกายน 2562 มีผู้ต้องหามามอบตัวอีก 1 ราย รวมมีผู้ร่วมกระทำความผิดด้วยกันทั้งหมด 2 ราย พฤติการณ์ในการคดี: ผู้ต้องหาในคดีนี้ได้นำโปรแกรมสร้างลิงค์ดูดข้อมูลกลุ่มไลน์ เมื่อสร้างลิงค์ ไลน์แล้วและมีผู้ใช้งานกดลิงค์ไลน์ดังกล่าว จะถูกดูดข้อมูลลิงค์เชิญเข้ากลุ่มไลน์ เมื่อผู้ต้องหาได้ข้อมูลลิงค์ เชิญเข้ากลุ่มไลน์แล้ว จะส่งผู้ใช้งานไลน์นิรนามเข้ากลุ่ม และแชร์เว็บไซต์ลักษณะลามก ซึ่งแฝงโฆษณา ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม จากการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 5 มาตรา 7 มาตรา 12 “เข้าถึงโดย /มิชอบ … กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี Technology Crime Suppression Division มิชอบซึ่งระบบและข้อมูลคอมพิวเตอร์ฯ ที่เกี่ยวกับการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศฯ”

มีอัตรา โทษสูงสุด จำคุก 7 ปี ปรับ 140,000 บาท , มาตรา 11 ความผิดเกี่ยวกับสแปม “ส่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ฯ อันเป็นการรบกวนการใช้ระบบคอมพิวเตอร์ของบุคคลอื่นโดยปกติสุข” มีอัตราโทษสูงสุด 100,000 บาท และมาตรา 14(5) “เผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีลักษณะอันลามกฯ” มีอัตราโทษสูงสุด จำคุก 5 ปี ปรับ 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากประชาชนท่านใดเผลอกดลิงค์เว็บไซต์ดังกล่าว ให้ทำการตรวจสอบในแอพลิเคชั่นไลน์ ได้ที่ การตั้งค่า>บัญชีผู้ใช้งาน>อุปกรณ์ที่เข้าสู่ระบบ หากอุปกรณ์ใดที่ท่านไม่เคยใช้งานมาก่อน ให้ทำการออกจากระบบ (Log Out) และหากประชาชนท่านใดพบผู้ใช้งานไลน์นิรนามเข้ากลุ่มไลน์และเผยแพร่ส่งต่อ ข้อมูลลักษณะดังกล่าว ท่านสามารถแจ้งเบาะแสมายัง “ศูนย์ต่อต้านความปลอม” (Anti Fake News Center) ทางเว็บไซต์ antifakenewscenter.com หรือหมายเลขโทรศัพท์ 0 2288 8000 เพื่อจะได้ดำเนินการสืบสวนปราบปรามต่อไป

“นวัธ”หลุดส.ส.ขอนแก่นเพื่อไทยแล้ว ศาลรธน.ชี้ขาดเหตุต้องโทษประหารชีวิต

People Unity News : ศาลรัฐธรรมนูญได้อ่านคำวินิจฉัยความเป็นสมาชิกสภาพส.ส.ขอนแก่นพรรคเพื่อไทยของ”นวัธ เตาะเจริญสุข” สิ้นสุดตามรัฐธรรมนูญมาตรา 101 (6) เหตุต้องคำพิพากษาของศาลจังหวัดขอนแก่นลงโทษประหารชีวิต ขณะที่เลขาฯ “พปชร.” ประกาศพร้อมลุยเลือกตั้งซ่อม

เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 13 พฤศจิกายน 2562 คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งบัลลังก์เพื่ออ่านคำวินิจฉัยสมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรกรณีนายนวัธ เตาะเจริญสุข ส.ส.เพื่อไทย ต้องคำพิพากษาและศาลไม่ให้ประกันตัว โดยศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่า ความเป็นสมาชิกสภาพส.ส.ชองนายนวัธ เตาะเจริญสุข ส.ส.เขต 7 พรรคเพื่อไทยสิ้นสุดตามรัฐธรรมนูญมาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98(6) เนื่องจาก ต้องคำพิพากษาของศาลจังหวัดขอนแก่นลงโทษประหารชีวิต และถูกคุมขังโดยศาลอุทธรณ์ภาค4 ไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์ฎีกา โดยเห็นว่าโทษประหารชีวิตหนักกว่าโทษจำคุก แม้อาจจะมีการลดหย่อนโทษแต่ก็จะยังได้รับโทษจำคุกอยู่ดี

รัฐธรรมนูญได้กำหนดเหตุแห่งการสิ้นสมาชิกภาพความเป็นส.ส.เนื่องจากเหตุจำคุกไว้หลายกรณี จึงไม่จำเป็นต้องรอคดีถึงที่สุด ซึ่งกรณีนี้นายนวัธ ก็ถูกคุมขังอยู่โดยหมายของศาล จึงมีคำวินิจฉัยว่าสมาชิกภาพของนายนวัธ.สิ้นสุดตั้งแต่วันที่ 16 ต.ค. 62 ที่ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่โดยเป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 วรรคสอง และให้ถือเอาวันที่ 13 พ.ย.ที่ศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัยให้คู่ความทราบโดยชอบด้วยกฎหมายเป็นวันที่ตำแหน่งส.ส.ว่างลงต้องมีตราพ.ร.ฎ.การเลือกตั้ง แทนตำแหน่งที่ว่างตามรัฐธรรมนูญมาตรา102 ประกอบ 105 (1)ภายใน 45 วัน

เลขาฯ “พปชร.” ประกาศพร้อมลุยเลือกตั้งซ่อม

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงการเตรียมการเลือกตั้งซ่อมที่จังหวัดขอนแก่นว่า พรรคพลังประชารัฐมีความพร้อม ส่วนตัวผู้สมัครนั้นได้เตรียมการไว้แล้วเพียงแต่ขอให้ทุกอย่างมีความชัดเจนเสียก่อน พรรคพลังประชารัฐพร้อมที่จะดำเนินการ จะเปิดตัวผู้สมัครได้เมื่อไหร่เมื่อมีกำหนดการเลือกตั้งที่ชัดเจน ย้ำว่าพรรคพลังประชารัฐพร้อมในการดำเนินการ

“ปารีณา” ปะทะเดือด “เสรีพิศุทธ์” ปม “บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม” ส่งตัวแทนแจง

People Unity News : “ปารีณา” ปะทะเดือด “เสรีพิศุทธ์” ปม “บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม” ส่งตัวแทนแจง ประธานกมธ.ป.ป.ช.ยันต้องมาแจงเอง ส่วน “ปารีณา” สวนสมัย “ยิ่งลักษณ์” ยังไม่เข้าแจง

วันที่ 13 พฤศจิกายน 2562 ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร ที่มีพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค เสรีรวมไทย เป็นประธาน โดยมีวาระพิจารณาเชิญ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ เข้าชี้แจงต่อประเด็นการเสนอร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ.2563 โดยไม่ชอบ เพราะการถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนปฏิบัติหน้าที่ไม่ครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ในการประชุมดังกล่าว พล.อ.ประยุทธ์ได้ส่งพล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นตัวแทนเข้าชี้แจง ขณะที่พล.อ.ประวิตรได้ส่งนายประสาร หวังรัตนปราณี คณะทำงาน เข้าชี้แจงแทนเช่นกัน

โดยพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ให้พล.อ.ชาญชัยและนายประสานมอบหนังสือชี้แจง ซึ่งลงลายมือชื่อของพล.อ.ประยุทธ์และพล.อ.ประวิตร ต่อหน้าที่ประชุมกมธ.และให้ชี้แจงรายละเอียดสั้นๆ ก่อนที่พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์จะกล่าวต่อที่ประชุมว่า ไม่สามารถให้บุคคลอื่นมาชี้แจงแทนบุคคลที่ระบุชื่อให้มาชี้แจงได้ พร้อมยกบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ มาตรา 129 วรรคสี่ ระบุว่า กมธ.มีอำนาจเรียกเอกสารจากบุคคล หรือเรียกบุคคลมาชี้แจงข้อเท็จจริง ดังนั้น กมธ. ไม่สามารถรับฟังคำชี้แจงจากบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ผู้ที่เชิญชี้แจงได้ เพราะเป็นความสัมพันธ์ระหว่างผู้ถูกเชิญชี้แจงและกมธ.ฯ ทั้งนี้บุคคลที่เชิญระบุชื่อไว้ชัดเจนด้วย ดังนั้น ตนจะขอมติจากที่ประชุมต่อการพิจารณาเรื่องดังกล่าว

ทั้งนี้พล.อ.ชาญชัย ชี้แจงตอนหนึ่งด้วยว่าตามารัฐธรรมนูญมาตรา 129 วรรคสองบัญญัติให้การทำหน้าที่ของกมธ. ต้องอยู่ในหน้าที่และอำนาจตามที่ระบุไว้ ซึ่งข้อบังคับการประชุมสภาฯ พ.ศ.2562 ข้อ90 (22) ระบุว่ากมธ.ฯ ต้องสอบหาข้อเท็จจริงหรือศึกษาเรื่องใดๆ ที่เกี่ยวกับกระบวนการ และมาตรการป้องกันและการปราบปรามการทุจริต ซึ่งประเด็นการเสนอร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ ขณะที่ผ่านวาระแรกแล้ว และอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาวาระสอง ซึ่งเป็นไปตามกรอบการจัดทำงบประมาณ ดังนั้นเรื่องดังกล่าวไม่ใช่เรื่องของการประพฤติมิชอบและไม่อยู่ในอำนาจของกมธ.ที่ระบุไว้ในข้อบังคับ ซึ่ง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวโต้แย้งว่าเรื่องตรวจสอบดังกล่าวเป็นไปตามอำนาจหน้าที่ของกมธ. ไม่เช่นนั้นจะเรียกคนมาชี้แจงทำไม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมครั้งนี้ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐและนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลัง ประชารัฐ ที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกมธ. แทนตำแหน่งที่ว่าง เข้าร่วมประชุม โดย น.ส.ปารีณา ขอแสดงความเห็น แต่พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวขึ้นว่า ขอให้รู้มารยาทเพราะประธานยังไม่เชิญให้พูด ทั้งนี้ขอให้พิจารณาไปก่อน และอนุญาตให้ น.ส.ปารีณา แสดงความเห็นในเวลาต่อมา

น.ส.ปารีณา กล่าวว่า กรณีที่ประธานกมธ.ฯ เหมือนใช้อำนาจบังคับบุคคลให้มาชี้แจง ทั้งที่เป็นการขอความร่วมมือและมาโดยสมัครใจ ถือว่าเป็นการใช้อำนาจเกินขอบเขต ที่ผ่านมา สภาเคยเชิญ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯมาชี้แจงยังไม่เคยมา ดังนั้นการใช้อำนาจบังคับบุคคลอาจผิดกฎหมายได้ และประธานกมธ.ฯ อาจต้องติดคุก ทำให้พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวด้วยน้ำเสียงฉุนเฉียวว่า “ขู่ผมเหรอ ผมเรียนกฎหมายมา” ก่อนที่จะให้กมธ.ฯ คนอื่นแสดงความเห็น ซึ่งมีผู้เสนอให้การพิจารณาต่อไปของกมธ.ฯ เป็นการประชุมภายในของกมธ.ฯ ทำให้ต้องเชิญผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องรวมถึง พล.อ.ชาญชัย และ นายประสาน ออกจากห้องประชุม

เพื่อไทยหนุนผู้หญิงเข้ามามีส่วนร่วมทางการเมืองบนเวทีนานาชาติมากขึ้น

People Unity News : “ธิดารัตน์ ยิ่งเจริญ” รองโฆษกพรรคเพื่อไทย เผย ส.ส.หญิงของพรรคได้รับเชิงเชิญจากทูตฟินแลนด์ร่วมสัมมนาและอภิปรายหัวข้อ”การมีส่วนร่วมทางการเมืองของผู้หญิง” ยันพรรคหนุนผู้หญิงเข้ามามีส่วนร่วมทางการเมืองบนเวทีนานาชาติมากขึ้น

วันที่ 13 พฤศจิกายน 2562 นางสาวธิดารัตน์ ยิ่งเจริญ รองโฆษกพรรคเพื่อไทยเปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 12 พ.ย. 2562 นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยรองโฆษกพรรคและนางสาวสรัสนันท์ อรรณนพพร ส.ส.พรรคเพื่อไทย ได้รับเชิญจากนาง Satu Suikkari-Kleven เอกอัครราชทูตประเทศฟินแลนด์ประจำประเทศไทยเข้าร่วมสัมมนาและอภิปรายหัวข้อ “การมีส่วนร่วมทางการเมืองของผู้หญิง” และมีเอกอัครราชทูตจากประเทศต่างๆ ตัวแทนจาก UN Women สถาบันพระปกเกล้า และนักการเมืองหญิงจากพรรคการเมืองต่างๆ ณ บ้านพักของเอกอัครราชทูตฟินแลนด์ประจำประเทศไทย

นางสาวธิดารัตน์กล่าวว่าภายในงาน พบสถิติที่น่าสนใจเรื่องจำนวนนักการเมืองหญิงในฟินแลนด์ โดยในปี พ.ศ. 2562 มีนักการเมืองหญิงในฟินแลนด์กว่า 40% หรือจำนวน 1,036 คน ในการลงสมัครเลือกตั้งครั้งล่าสุด ในสหภาพยุโรปเองก็มีอัตราส่วนของนักการเมืองหญิงสูงถึง 40% เช่นกัน ส่วนประเทศไทยมีสัดส่วนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่เป็นผู้หญิงที่เข้าไปนั่งในสภารวม 78 คน จาก 498 คน คิดเป็น 15.8% และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่ออยู่ที่ 25 คน จาก 149 คน หรือ 17% ซึ่งมากกว่าในช่วงรัฐบาลชุดที่ผ่านมาซึ่งอยู่ที่ประมาณ 5%

นางสาวธิดารัตน์กล่าวอีกว่า ในการเสวนานางลดาวัลลิ์ได้เสนอว่าการที่จะส่งเสริมให้ผู้หญิงสามารถเข้ามามีส่วนร่วมทางการเมืองมากขึ้นนั้น ต้องได้รับการสนับสนุนจากองค์การต่างๆ ในการช่วยพัฒนาความสามารถของผู้หญิง รวมถึงครอบครัว สื่อมวลชน และสังคมต้องยอมรับและช่วยผลักดัน และเสนอเส้นทางลัดในการสร้างความเปลี่ยนแปลงคือการให้มีผู้หญิงเข้าไปนั่งในกรรมการบริหารพรรคมากขึ้นดังเช่นที่พรรคเพื่อไทยทำ และให้มีผู้หญิงเข้าไปเป็นรัฐมนตรีกระทรวงสำคัญ เช่น รองนายกรัฐมนตรีที่ดูแลด้านสังคม กระทรวงมหาดไทย และให้ผู้หญิงเป็นผู้บริหารในส่วนราชการมากขึ้น

“พรรคเพื่อไทยเองได้ให้การสนับสนุนให้ผู้หญิงเข้ามามีส่วนร่วมทางการเมืองสม่ำเสมออยู่แล้ว ซึ่งจะเห็นได้จากการริเริ่มกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี การสนับสนุนให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย และการที่มีประธานยุทธศาสตร์พรรคเป็นผู้หญิง คือ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์” นางสาวธิดารัตน์กล่าว

เพื่อไทยเผยรัฐบาลกระเป๋าฉีกวิ่งขาหวิดหาเงินโป๊ะนโยบายแก้ปัญหาราคาเกษตรตกต่ำ

People Unity News : เพื่อไทยเผยรัฐบาลกระเป๋าฉีกวิ่งขาหวิดหาเงินโป๊ะนโยบายแก้ปัญหาราคาเกษตรตกต่ำ ยันนโยบายประกันรายได้ไม่ตอบโจทย์ เป็นการช่วยเหลือผู้ประกอบการมากกว่า

วันที่ 13 พฤศจิกายน 2562 เวลา10.0 น. นายอุบลศักดิ์ บัวหลวงงาม. ส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะอนุกรรมาธิการเพื่อพิจารณาศึกษาปัญหาเรื่องข้าว เปิดเผยว่า การพิจารณาจากนโยบายรัฐบาลพบว่าการแก้ปัญหาราคาข้าวตกต่ำที่รัฐบาลประกาศนโยบายประกันรายได้เกษตรกร ในอดีตเคยเกิดปัญหาทุจริต หวั่นใจว่าหากนำมาใช้เกิดปัญหาการทุจริตอีกครั้ง

ที่ว่านโยบายนี้ทำไม่ได้เพราะรัฐบาลไม่มีงบประมาณจะมาดำเนินโครงการ ล่าสุด นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ส่งหนังสือมาถึง คณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร หรือ คสช.เพื่ออกรอบวงเงินจำนวน 2,000 ล้านบาท เพื่อนำไปใช้ในโครงการประกันรายได้เกษตรกร ซึ่งทาง คชก.ไม่สามารถอนุมัติได้เพราะไม่มีระเบียบที่ให้ไว้ นอกจากนี้ที่ผ่านมาให้แล้วหายทางคณะกรรมการหวั่นว่าจะเป็นการกระทำผิดกฎหมาย

นายอุบลศักดิ์ กล่าวด้วยว่า นโยบายประกันรายได้เกษตรกร เป็นนโยบายที่ไม่ตอบโจทย์ของเกษตรกร เพราะเป็นการช่วยเหลือผู้ประกอบการมากกว่า สถานการณ์ในปัจจุบันพ่อค้ารับซื้อข้าวกดราคารับซื้อข้าวจากเกษตรกร แล้วให้เกษตรกรไปกินส่วนต่างราคาจากรัฐบาลแทน ตามราคาที่ประกาศจากหน่วยงานรัฐ อาทิ ข้าวขาวปัจจุบันราคารับซื้อจากเกษตรกรที่ 5,000 บาทต่อตันส่วนหากมีการตั้งราคาที่ 12,000 บาทต่อตันที่เหลืออีก 7,000 ให้เกษตรกรไปเอาจากรัฐแทน แบบนี้มันเป็นการช่วยเกษตรกรหรือช่วยพ่อค้ากันแน่

“เงินคชก.ที่รัฐบาลมาขอกรอบวงเงินนั้น หากมีการทุจริต รัฐมนตรีจะยอมติดคุกหรือไม่ ในอดีตเคยมีการนำเข้าสู่ศาลมาแล้ว ทั้งนี้การทำนโยบายแบบไม่ดูฐานะของตัวเอง ไม่มีเงินประกาศนโยบายสวยหรู ก็ไม่ต่างกับการหลอกเกษตรกร ที่รอความหวังจากรัฐบาลที่ไม่รักษาคำพูดสุดท้ายเกษตรกรรับกรรมในที่สุด”
นายแพทย์ จาตุรงค์ เพ็ง นรพัฒน์ ส.ส. ศรีษะเกษ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า โครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยางที่ขึ้นทะเบียนและแจ้งข้อมูลการปลูกยางกับการยางแห่งประเทศไทย ระยะที่ 1 สรุปล่าสุด กำหนดช่วยเหลือเกษตรกรที่มีสวนยางอายุ 7 ปีขึ้นไปที่เปิดกรีดแล้ว รายละไม่เกิน 25 ไร่ โดยกำหนดราคาประกันยางแผ่นดิบคุณภาพดี 60 บาท/กก. น้ำยางสด (DRC 100%) 57 บาท/กก. และยางก้อนถ้วย (DRC 50%) 23 บาท/กก. แบ่งสัดส่วนการจ่ายเงินให้กับเจ้าของสวนยาง 60% และคนกรีดยาง 40% ยางก้อนถ้วย (DRC 50%) 23 บาท/กก. แต่ขายจริงได้แค่ 14 บาท ทั้งนี้อยากให้การยางรับซื้อเพื่อดึงราคาขึ้น และให้นำยางไปใช้ทำถนน รวมทั้งกำหนดให้กรมชลประทาน นำยางพาราไปใช้ทำฝาย หรือพื้นที่การเกษตรของเกษตรกรเพื่อป้องกันไม่ให้สิ่งกีดขวางเข้าไปสร้างความเสียหายในแหล่งน้ำ ทำทุ่นพลาสติก HDPE ปูด้วยแผ่นยางกันลื่น ใช้ในกรณีเกิดอุทกภัย ถนนตัดขาด ทำเรือนวัตกรรมกำจัดวัชพืชขนาดเล็ก และรางวัดปริมาณน้ำ เป็นต้น
นายแพทย์ สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ สส.จังหวัดชัยภูมิ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีเกษตรกรชาวไร่อ้อยประมาณ 400,000 คน มีพื้นที่ปลูกอ้อยประมาณ 11 ล้านไร่ แต่ในปัจจุบันประสบปัญหาราคาอ้อยตกต่ำมาก ซึ่งเป็นผลมาจากราคาน้ำตาลทรายในตลาดโลกตกต่ำ มาถูกซ้ำเติมด้วยการใช้ ม.44 ของรัฐบาล คสช.ยกเลิกโควต้า ก. หรือยกเลิกโควต้าการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายของโรงงานน้ำตาลแต่ละแห่ง ทำให้ราคาน้ำตาล ทรายในประเทศลดลง มีผลต่อการคำนวนราคาอ้อย ในปัจจุบัน และปีนี้เกษตรกรชาวไร่อ้อยจะลำบากจากนโยบายให้โรงงานน้ำตาลซื้ออ้อยไฟไหม้ได้ไม่เกิน 50% ในราคาที่ต่ำกว่าอ้อยสดตันละ 30 บาท

รัฐบาลปัจจุบันยังไม่มีนโยบายช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อยที่แตกต่างจากปีที่แล้วแต่อย่างใด ดังนั้นอยากให้รัฐบาล เร่งรัดแก้ไขเร่งด่วนคือ 1.ขอให้รัฐบาลเสนอแก้ไข พ.ร.บ.อ้อยและน้ำตาลทราย ฉบับ พศ.2527 ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ให้สามารถนำน้ำอ้อยไปใช้ในการผลิตผลิตภัณฑ์อื่นจากอ้อยที่มีมูลค่าสูงขึ้น เช่น เอทานอล ไบโอดีเซล พลาสติคชีวภาพ เครื่องสำอางค์ เวชภัณฑ์ และปรับปรุงสัดส่วนการแบ่งปันผลประโยชน์ให้เป็นธรรม พร้อมทั้ง ขอให้รัฐบาลผ่อนปรนระเบียบเกี่ยวกับอ้อยไฟไหม้ แก้ปัญหารถบรรทุกอ้อย ลดข้อกำหนดของระยะห่างของโรงงานน้ำตาล เพื่อลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ให้เกษตรกรชาวไร่อ้อยต่อไป

“ธนกร”ถามฝ่ายค้านจะรีบซักฟอกไปไหนรบ.ทำงานแค่ 4 เดือน

People Unity News : “ธนกร”มั่นใจรัฐบาลชี้แจงศึกซักฟอกฉลุย ชี้บริหารโปร่งใสตรวจสอบได้ อัดทำงานแค่ 4 เดือน งบฯ 63ก็ยังไม่ได้ใช้จะรีบไปไหน ขณะที่ 7 พรรคร่วมฝ่ายค้านจัดกิจกรรมพบนักศึกษา จำนวน 30 สถาบัน

วันที่ 13 พฤศจิกายน 2562 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่พรรคร่วมฝ่ายค้านจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่า ถือว่าเป็นเรื่องปกติที่พรรคร่วมฝ่ายค้านจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล แต่ในความรู้สึกของตนมันอาจจะเร็วไปหน่อย เพราะรัฐบาลเพิ่งบริหารงานมายังประมาณ 4 เดือน ถือว่าเป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่เร็วที่สุดก็ว่าได้ ที่สำคัญ รัฐบาลยังไม่ได้ใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปี2563 เลย ทั้งนี้ รัฐบาลภายใต้การนำของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีความพร้อมที่จะชี้แจงการอภิปรายในครั้งนี้ เพราะมั่นใจว่ารัฐบาลบริหารงานมา4เดือนด้วยความโปร่งใส ตรวจสอบได้ ไม่มีการทุจริตคอรัปชั่นเหมือนรัฐบาลในอดีต

“ที่นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปพรรคร่วมฝ่ายค้านบอกว่า สังคมส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการอภิปรายนั้น คงเป็นสังคมของฝ่ายค้าน ซึ่งรัฐบาลก็มีความยินดีให้ตรวจสอบ ถือว่าเป็นนิมิตรหมายที่ดีที่ฝ่ายค้านใช้กลไกรัฐสภาในการตรวจสอบรัฐบาล ดีกว่านำมวลชนลงถนนซึ่งไม่ถูกต้องประชาชนเดือดร้อน ส่วนพรรคร่วมฝ่ายค้านแบ่งกลุ่มไม่ไว้วางใจจำแนกเป็นกลุ่มต่างๆ เช่น กลุ่มทุจริต กลุ่มไร้ความสามารถ ก็ว่ากันไป ไม่ใช่เรื่องใหม่อะไร ทางที่ดีฝ่ายค้านยุคใหม่นอกจากค้านแล้ว อะไรที่รัฐบาลดำเนินการแล้วพี่น้องประชาขนได้ประโยชน์ก็น่าจะสนับสนุนด้วย ไม่ว่าจะเป็นโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ มาตราการชิมช้อปใช้ มาตรการประกันรายได้เกษตรกร”นายธนกรกล่าว

ขณะที่พรรคร่วมฝ่ายค้าน 7 พรรค กำหนดจัดกิจกรรมพบนักศึกษา จำนวน 30 สถาบัน ที่ ศูนย์ฝึกอบรมวีเทรน ดอนเมือง เลขที่ 501/1 ถนนเดชะตุงคะ แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร (หลัง Foersta และ ใกล้พรรคประชาชาติ)ในวันเสาร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ.2562 และระหว่างเวลา 14.30-17.00 น
โดย ผู้แทนพรรคการเมืองฝ่ายค้าน 7 พรรค จะร่วมเสวนา เรื่อง “รัฐธรรมนูญที่ดีที่สุดของประชาชนเรายังไม่ร่าง รัฐบาลที่ดีที่สุดจึงยังไม่เกิด”

รายนามผู้ร่วมเสวนา -รศ. ชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย -นาย รังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ -ดร. ปิติพงศ์ เต็มเจริญ โฆษกพรรคเสรีรวมไทย -รศ.ดร. ลติตา ฤกษ์สำราญ รองหัวหน้าพรรคเพื่อชาติ -นาย วันนอร์มูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ -นาย ภาสกร เงินเจริญกุล เลขาธิการพรรคเศรษฐกิจใหม่ -นาย นิคม บุญวิเศษ หัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย

“บิ๊กตู่” เมิน 5 พรรคเล็กสร้างอำนาจต่อรอง

People Unity News : ‘บิ๊กตู่’เมิน 5 พรรคเล็กสร้างอำนาจต่อรอง พร้อมมอบ รมช.กลาโหมแจงกมธ.”เสรีพิศุทธ์”แทน “หมอระวี”ยันแค่ไปอวยพรวันเกิด”ชัชวาลล์” ย้ำยังทำงานร่วมรัฐบาล

วันที่ 13 พฤศจิกายน 2562 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์กรณีพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรคเกิดความระหองระแหงจนอาจทำให้รัฐบาลไม่มีเสถียรภาพว่า “ผมไม่เห็นมีเลย ใครหรือ ผมยังไม่เห็น ได้ข่าวอะไรเลย” เมื่อถามว่า แต่มีบางพรรคร่วมรัฐบาลระบุว่าอาจจะไม่ร่วมโหวตในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล นายกฯ กล่าวว่า ก็แล้วแต่ ประชาธิปไตยก็เป็นแบบนี้

เมื่อถามถึงกรณี 5 พรรคเล็ก เริ่มเคลื่อนไหวต่อรองอีกครั้ง หากรัฐบาลไม่สามารถชี้แจงการอภิปรายไม่ไว้วางใจได้จะโหวตสวนรัฐบาล นายกฯกล่าวว่า ก็แล้วแต่เขา ประเทศชาติอยู่ตรงไหนตนก็ไม่รู้เหมือนกัน วันนี้เขามองประเทศชาติอยู่ตรงไหนล่ะ จะเดินเกมการเมืองกันอย่างเดียวก็ตามใจท่าน ประชาชนก็จะรู้เองว่า เลือกกันมาแล้วทำประโยชน์กันบ้างหรือเปล่า ตนก็ไม่รู้เหมือนกัน
เมื่อถามย้ำว่า ดูเหมือนเป็นพฤติกรรมต่อรองทุกครั้งในการใช้เสียงรัฐบาล นายกฯ ตอบว่า “ไม่มีหรอก มาต่อรองอะไรผมไม่ได้อยู่แล้ว ยืนยันว่าไม่กังวลอะไรกับเรื่องเหล่านี้ ผมทำงานของผมให้ดีที่สุด แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นก็ต้องยอมรับมัน ประเทศก็ต้องรับไปด้วย ประชาชนก็เดือดร้อนไปด้วย รับไปด้วย ผมก็ทำของผมดีที่สุดแล้วแหละ”

เมื่อถามว่า นายกฯ ได้มอบหมายพล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม ไปชี้แจงคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ กรณีการเสนอร่างพ.ร.บ.งบประมาณ ปี 2563 พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็ไปสิ เขาให้ไปก็ไป

“หมอระวี”ยันแค่ไปอวยพรวันเกิด”ชัชวาลล์” ย้ำยังทำงานร่วมรัฐบาล

นพ.ระวี มาศฉมาดล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ได้เดินทางไปวันคล้ายวันเกิดครบรอบ76 ปี ของนายชัชวาลล์ คงอุดม หัวหน้าพรรคพลังท้องถิ่นไทย ซึ่งมีแกนนำ 4 พรรคเล็กเข้าร่วมอวยพรวันเกิดและประกาศการทำงานการเมืองร่วมกันได้แก่นายมงคลกิตติ์ สุขสินธรานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ นายพิเชษฐ สถิรชวาล หัวหน้าพรรคประชาธรรม นายปรีดา บุญเพลิง หัวหน้าพรรคครูไทยเพื่อประชาชน นายดำรงค์ พิเดช หัวหน้าพรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย ว่า ตนไปร่วมงานวานนี้ เพราะนายชัชวาลล์ถือเป็นผู้ใหญ่ที่รู้จักกันเป็นการส่วนตัวและให้ความเคารพ ตั้งใจจะมาอวยพรวันเกิดเท่านั้น ไม่ได้มีนัยยะทางการเมืองซ่อนเร้น

เมื่อถามว่าทราบมาก่อนหรือไม่ว่าจะมีการประกาศรวมตัวของ 5 พรรค นพ.ระวี กล่าวว่า ตนไม่ทราบเรื่องนี้มาก่อน ได้รับแจ้งเพียงแค่ว่าจะมีการจัดงานวันเกิดของนายชัชวาลล์เท่านั้น ตนก็เดินทางมาร่วม

เมื่อถามต่อว่า ในอนาคตจะมีแนวโน้มที่จะเข้าร่วมกับกลุ่ม 5 พรรคหรือไม่ นพ.ระวี กล่าวว่า ในวันนี้ตนและพรรคพลังธรรมใหม่ยังเชื่อว่า สามารถทำงานร่วมกับรัฐบาล เพื่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชนและประเทศชาติได้อยู่ ส่วนตัวตนมองว่า การร่วมตัวของ 5 พรรคในครั้งนี้ ไม่ใช่เรื่องเสียหาย เพราะเชื่อว่าหากรัฐบาลทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ ไม่มีการทุจริต คอร์รัปชั่น ทั้ง 5 พรรคคงจะไม่มีการตีรวนทางการเมือง เพราะ ส.ส.ทุกคนที่เข้ามาก็ต้องยึดประโยชน์ของบ้านเมืองและประชาชนเป็นหลัก

Verified by ExactMetrics