วันที่ 29 มีนาคม 2024

ประยุทธ์ จะร่วมประชุม ASEM ครั้งที่ 13 พร้อมเสนอวิสัยทัศน์ ขับเคลื่อนความร่วมมือพหุภาคี

People Unity News : ประยุทธ์ เตรียมร่วมการประชุม ASEM ครั้งที่ 13 พร้อมเสนอวิสัยทัศน์ ขับเคลื่อนความร่วมมือพหุภาคี รับมือกับวิกฤตต่างๆของโลก 25 – 26 พ.ย.นี้

ระหว่างวันที่ 25 – 26 พฤศจิกายน 2564 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะเข้าร่วมการประชุมผู้นำเอเชีย – ยุโรป ครั้งที่ 13 (Asia-Europe Meeting : ASEM 13) ภายใต้หัวข้อหลัก “Strengthening Multilateralism for Shared Growth” ผ่านระบบการประชุมทางไกล ณ ทำเนียบรัฐบาล

การประชุมครั้งนี้ นอกจากนายกฯจะเข้าร่วมในนามผู้นำประเทศไทยแล้ว ยังเป็นการเข้าร่วมในนามผู้ประสานงานกลุ่มอาเซียน ระหว่างปี พ.ศ. 2564 – 2565 และประเด็นที่นายกฯจะนำสนอต่อที่ประชุม เช่น

1.การถอดบทเรียนจากประสบการณ์ ประมวลเป็นข้อแนะนำที่เป็นรูปธรรม

2.ความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมระหว่างเอเชียกับยุโรป

3.ความสำคัญของการบริหารจัดการความเปลี่ยนแปลงในช่วงการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุค Next Normal

4.ความสำคัญของกรอบความร่วมมือพหุภาคีในการรับมือกับวิกฤตต่างๆของโลก

รวมทั้ง จะร่วมยืนยันสนับสนุนความร่วมมือระดับพหุภาคีนิยม ซึ่งเป็นแนวทางที่ทำให้ประเทศทั้งเล็กและใหญ่ มีส่วนร่วมในการรับมือกับความท้าทายของโลก

Advertising

ประยุทธ์ เสนอแนวทาง 5P เพื่อความกินดีอยู่ดี การพัฒนาที่ยั่งยืน ก้าวผ่านวิกฤต ต่อที่ประชุม ASEM 13

People Unity News : ประยุทธ์ ชูแนวทาง 5P เพื่อความกินดีอยู่ดี การพัฒนาที่ยั่งยืน และก้าวผ่านวิกฤตต่างๆ ในพิธีเปิดการประชุมเอเชีย – ยุโรป ครั้งที่ 13

วันนี้ 25 พ.ย.64 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวถ้อยแถลงในฐานะผู้ประสานงานกลุ่มอาเซียน สำหรับพิธีเปิดการประชุมผู้นำเอเชีย – ยุโรป ครั้งที่ 13 (The 13th ASEM Summit: ASEM13) ผ่านระบบการประชุมทางไกล สรุปสาระสำคัญได้ดังนี้

การประชุมครั้งนี้มีหัวข้อหลักคือ “Strengthening Multilateralism for Shared Growth” ที่มุ่งสร้างพหุภาคีนิยมที่เข้มแข็งและยั่งยืน โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวยินดีในโอกาสครบรอบ 25 ปี ของ ASEM ซึ่งไทยเชื่อมั่นว่าพหุภาคีนิยมเป็นหัวใจสำคัญของความร่วมมือที่จะนำพาโลกผ่านพ้นวิกฤตต่างๆ

พร้อมเสนอความร่วมมือตามแนวทาง 5P ของวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. 2030 ของสหประชาชาติ ดังนี้

1.People ต้องสร้างความมั่นคงให้ประชาชน ASEM กว่าสี่พันล้านคน ทั้งด้านสุขภาพ ความกินดีอยู่ดี และความปลอดภัยในชีวิต

2.Partnership เสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนที่เท่าเทียมบนพื้นฐานความเชื่อใจ เคารพซึ่งกันและกัน และมีผลประโยชน์ร่วมกัน

3.Peace ความร่วมมือระหว่าง ASEM ต้องเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่เอื้อต่อสันติภาพ ไม่ให้เกิดการแข่งขันหรือขัดแย้ง

4.Prosperity ต้องเติบโตร่วมกัน ยึดมั่นในระบบการค้าพหุภาคีบนกฎกติกาขององค์การการค้าโลก

5.Planet ต้องร่วมมือกันรักษาโลกใบนี้ สู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในปี ค.ศ. 2030

Advertising

รัฐบาลไทย-ไมโครซอฟท์ ลงนามบันทึกความเข้าใจโครงการนำร่องในการพัฒนารัฐบาลดิจิทัล

People Unity News : รัฐบาลไทย – ไมโครซอฟท์ฯ พร้อมร่วมมือพัฒนาทักษะดิจิทัลให้ “คนไทย” ทุกระดับอย่างต่อเนื่อง

24 ก.พ. 65 วันนี้ นาย Ahmed Mazhari ประธานบริษัท ไมโครซอฟท์ เอเชีย และคณะผู้บริหารบริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด เข้าเยี่ยมคารวะ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ณ ทำเนียบรัฐบาล

ทั้งสองฝ่ายยินดีที่ในวันนี้มีพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา กับบริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท ไมโครซอฟท์ โอเปอเรชั่น จำกัด สิงคโปร์

มีเป้าหมายดำเนินโครงการนำร่องในการพัฒนารัฐบาลดิจิทัล ซึ่งจะเสริมสร้างความเชื่อมั่น และอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนและภาคเอกชนในการประสานกับหน่วยงานของรัฐ

นอกจากนี้ ยังได้แลกเปลี่ยนในประเด็นต่างๆ เช่น ขอให้พิจารณาสนับสนุนการพัฒนาทรัพยากรบุคคลของไทย โดยเฉพาะทักษะด้านดิจิทัลให้ครอบคลุมทุกระดับอย่างต่อเนื่องต่อไป การเดินหน้าสู่เศรษฐกิจ/อุตสาหกรรมสีเขียว และความยั่งยืน เป็นต้น

Advertising

ประยุทธ์ แถลงข่าวร่วมนายกฯมาเลเซีย การหารือประเด็นสำคัญร่วมกัน 4 ด้าน

People Unity News : ประยุทธ์ แถลงข่าวร่วมนายกฯมาเลเซีย พร้อมขับเคลื่อนความร่วมมือรอบด้าน ยึดประโยชน์ประชาชนของทั้งสองประเทศ

25 ก.พ. 65 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวถ้อยแถลงในการแถลงข่าวร่วมกับ ดาโตะ ซรี อิซมาอิล ซาบรี ยาคบ นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาล โดยนายกฯ มาเลเซีย ถือเป็นผู้นำรัฐบาลต่างประเทศคนแรกที่เยือนประเทศไทย หลังสถานการณ์โรคโควิด-19 สะท้อนความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างสองประเทศ

นายกฯ ไทย ชื่นชมความมุ่งมั่นและวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลของนายกฯ มาเลเซีย ในการขับเคลื่อนประเทศท่ามกลางความท้าทายต่างๆ พร้อมยืนยันความตั้งใจเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงและมั่งคั่งแก่ประชาชนทั้งสองประเทศ บนพื้นฐานความไว้เนื้อเชื่อใจ เสมือน “ครอบครัวเดียวกัน”

ทั้งสองฝ่ายได้หารือประเด็นสำคัญร่วมกันใน 4 ประเด็น ดังนี้

1.การฟื้นฟูความเชื่อมโยงในทุกมิติ การเดินทางระหว่างประชาชนของสองประเทศ โดยเฉพาะการเดินทางของผู้ที่ฉีดวัคซีนครบแล้วโดยไม่ต้องกักกันโรค ทั้ง Vaccinated Travel Lane (VTL) ของมาเลเซีย และระบบ Test and Go ของไทย รวมถึงการเดินทางผ่านพรมแดนทางบกเพิ่มเติม

2.การกระตุ้นเศรษฐกิจและแสวงหาความร่วมมือสาขาใหม่ๆ ซึ่งที่ผ่านมามีปริมาณการค้าชายแดนและผ่านแดนเพิ่มสูงขึ้น และคาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นได้อีก โดยตั้งเป้ามูลค่าการค้าระหว่างกันที่ 3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2568 รวมถึงความร่วมมือด้านเศรษฐกิจดิจิทัล และการขับเคลื่อนโมเดลเศรษฐกิจ BCG

3.การพัฒนาพื้นที่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้และความมั่นคงชายแดน โดยนายกฯ เชิญชวนให้มาเลเซียร่วมลงทุนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึงอุตสาหกรรมยางพาราและฮาลาล พร้อมชี้แจงสถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งฝ่ายมาเลเซียสนับสนุนท่าทีของไทยในการแสวงหาทางออกด้วยสันติวิธี

4.การรื้อฟื้นกลไกหารือทวิภาคี ที่ครั้งนี้จะเป็นการปูทางสู่การแลกเปลี่ยนการเยือนและการประชุมหารือฯระหว่างกันต่อไป โดยไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีไทย – มาเลเซีย ครั้งที่ 14 ในเดือน มี.ค. นี้

Advertising

ภาพประวัติศาสตร์ เที่ยวบินปฐมฤกษ์ Saudia Airlines จากซาอุดีอาระเบีย – กรุงเทพ ในรอบ 32 ปี

People Unity News : ภาพประวัติศาสตร์ เที่ยวบินปฐมฤกษ์ สายการบิน Saudia Airlines จากกรุงริยาด ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย – กรุงเทพฯ ในรอบ 32 ปี

1 มี.ค. 2565 เมื่อวาน 28 ก.พ. เที่ยวบินปฐมฤกษ์ SV846 ของสายการบิน Saudia Airlines ได้บินตรงจากเมืองเจดดาห์ – กรุงริยาด ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ในเวลา 18.05 น. โดยเป็นคณะนักท่องเที่ยวชาวซาอุฯ จำนวน 71 คน นับเป็นการเปิดเส้นทางบินครั้งแรกในรอบ 32 ปี และเป็นสัญญาณที่ดีในการเชิญชวนให้นักท่องเที่ยวชาวซาอุฯ เดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทยมากขึ้น

รวมถึงเป็นโอกาสต่อยอดในการขยายตลาดนักท่องเที่ยวขนาดใหญ่ เช่น ยุโรปและตะวันออกกลาง โดยไทยจะขยายกลุ่มเป้าหมายเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวคนรุ่นใหม่ กลุ่มนักท่องเที่ยวเดินทางครั้งแรก กลุ่มรักษาพยาบาลและดูแลสุขภาพ กลุ่มครอบครัว ฯลฯ ซึ่งจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวของไทยที่ได้รับความนิยม ได้แก่ กรุงเทพฯ ภูเก็ต พัทยา พังงา กระบี่ เกาะสมุย และเชียงใหม่

Advertising

กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศเผยไทยให้สัตยาบัน RCEP แล้ว ทำให้ได้ประโยชน์ยกเลิกภาษี

People Unity News : อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เผยไทยได้ให้สัตยาบันความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) เมื่อวันที่ 28 ตุลาคมที่ผ่านมา ทำให้ไทยได้รับประโยชน์จากการยกเลิกภาษี

19 พ.ย.64 นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า หลังจากที่ไทยได้ให้สัตยาบันความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) เมื่อวันที่ 28 ตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งความตกลง RCEP นี้ เป็นความตกลงการค้าเสรี (FTA) ฉบับที่ 14 ของประเทศไทย และเป็นความตกลงการค้าเสรีที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพราะมีสมาชิกจาก 15 ประเทศ ได้แก่ อาเซียน 10 ประเทศ รวมทั้งประเทศญี่ปุ่น เกาหลีใต้ จีน ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ มีประชากร 2,300 ล้านคน จึงเป็นโอกาสดีที่ไทยเข้าไปค้าขายในตลาดใหญ่และมีการเปิดกว้าง เมื่อความตกลงดังกล่าวมีผลบังคับใช้วันที่ 1 มกราคม 2565 จะทำให้ไทยได้รับประโยชน์จากการยกเลิกภาษีนำเข้าที่เก็บจากสินค้าไทยเกือบ 4 หมื่นรายการ และมีการลดภาษีเหลือ 0% ทันทีอีกจำนวน 30,000 รายการ

ในส่วนของจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ จะลดและยกเลิกภาษีศุลกากรกับสินค้าที่ส่งออกจากไทยเพิ่มเติมจาก FTA  ที่มีอยู่ในสินค้า เช่น ผลไม้สดและแปรรูป สินค้าประมง น้ำผลไม้ รถยนต์และส่วนประกอบ เคมีภัณฑ์ รวมทั้งยังช่วยอำนวยความสะดวกทางการค้าให้แก่สมาชิก

กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ได้เตรียมรองรับการบังคับใช้ความตกลง RCEP  อย่างเต็มที่ เพื่อให้ไทยได้รับประโยชน์สูงสุดจากความตกลงฯ  โดยเปิดศูนย์ RCEP Center เพื่อให้ข้อมูลเรื่องต่างๆ  รวมทั้งการจัดทำอีบุ๊ครายละเอียดของความตกลง  RCEP ทั้งไทยและอังกฤษ ซึ่งผู้สนใจสามารถค้นหาข้อมูลได้ที่เว็บไซต์กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ www.dtn.go.th

Advertising

ครม.ไฟเขียว เสนออุทยานแห่งชาติภูกระดึง – ภูเขียว – น้ำหนาว เป็นอุทยานมรดกแห่งอาเซียน

People Unity News : ครม. ไฟเขียว เสนออุทยานแห่งชาติภูกระดึง และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว – อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว เป็นอุทยานมรดกแห่งอาเซียน

3 เมษายน 2565 ที่ประชุม ครม. เมื่อ 29 มี.ค. 65 เห็นชอบการเสนออุทยานแห่งชาติภูกระดึง และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว – อุทยานแห่งชาติน้ำหนาวเป็นอุทยานมรดกแห่งอาเซียน โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจะจัดส่งเอกสารให้ศูนย์อาเซียนว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพตามขั้นตอน ก่อนนำเข้าที่ประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อรับรองการขึ้นทะเบียนต่อไป

จุดเด่นของอุทยานแห่งชาติภูกระดึง จ.เลย คือ เป็นภูเขาหินทรายยอดตัดหนึ่งเดียวในอาเซียน เป็นแหล่งพืชพันธุ์หายาก สัตว์ป่าสงวนและสัตว์ป่าคุ้มครอง มีประเพณีท้องถิ่น คือ กิจกรรมสรงน้ำพระพุทธเมตตา สำหรับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว – อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์ มีความหลากหลายทางธรณีวิทยาและถ้ำ เป็นแหล่งพืชพันธุ์หายาก สัตว์ป่าสงวนและสัตว์ป่าคุ้มครอง และมีประเพณีท้องถิ่น เช่น ประเพณีการแขวนทุง (แขวนธง) ประเพณีบุญบั้งไฟ เป็นต้น

ขณะนี้ ประเทศไทยมีพื้นที่อุทยานมรดกแห่งอาเซียนทั้งหมด 7 แห่ง ได้แก่ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่, อุทยานแห่งชาติตะรุเตา, กลุ่มอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ หมู่เกาะสิมิลัน และอ่าวพังงา, กลุ่มป่าแก่งกระจาน (อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน – อุทยานแห่งชาติกุยบุรี – เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่น้ำภาชี), อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม – เขตห้ามล่าสัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง, อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง และอุทยานแห่งชาติเขาสก

Advertisement

ข่าวดี ซาอุดีอาระเบียยกเลิกข้อห้ามคนซาอุดีฯเดินทางเข้าไทย และอนุญาตคนไทยเข้าซาอุดีฯได้

People Unity News : ประยุทธ์ ปลื้มข่าวดี ซาอุดีอาระเบียยกเลิกข้อห้ามคนซาอุดีฯเดินทางเข้าไทย และอนุญาตคนไทยเข้าซาอุดีฯได้

วันนี้ (16 มีนาคม 2565) นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับทราบข่าวที่น่ายินดีว่า รัฐบาลซาอุดีอาระเบียประกาศยกเลิกการห้ามบุคคลสัญชาติซาอุดีฯ เดินทางเข้าไทย ซึ่งเป็นข้อห้ามที่มีมายาวนานกว่า 30 ปี รวมทั้งอนุญาตให้บุคคลสัญชาติไทยเดินทางเข้าซาอุดีฯได้

โฆษกรัฐบาล เชื่อมั่นว่า ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวที่มีเสน่ห์ มีเอกลักษณ์สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวซาอุดีฯได้แน่นอน โดย ททท. ตั้งเป้าดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวซาอุฯ ให้มาเที่ยวไทย 200,000 คน โดยเน้นกลุ่มครอบครัว คนรุ่นใหม่ วัยทำงาน กลุ่มคนรักสุขภาพ และกลุ่มคู่รักฮันนีมูน ซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ เป็นกลุ่มที่ค่าใช้จ่ายต่อหัวสูงกว่าหลายๆชาติ และเป็นกลุ่มที่ยังไม่เคยเดินทางมาไทย

นอกจากนี้ อีกหนึ่งข่าวที่น่ายินดี ทางการซาอุดีฯ พิจารณายกเลิกห้ามนำเข้าสินค้าสัตว์ปีกและผลิตภัณฑ์สัตว์ปีกจากประเทศไทย ซึ่งไทยถูกระงับและห้ามการนำเข้ามาตั้งแต่ปี พ.ศ.2548 โดยมีสถานประกอบการส่งออกของไทยที่ได้รับอนุญาตขึ้นทะเบียนกว่า 11 แห่ง ถือเป็นข่าวดีด้านการส่งออกปศุสัตว์ไทย โดยเฉพาะในการเสริมสร้างบทบาทของไทยในฐานะครัวโลก เพื่อสนับสนุนความมั่นคงทางอาหารของซาอุดีอาระเบีย เนื่องจากซาอุดีฯ ถือเป็นประเทศผู้นำเข้าเนื้อสัตว์ปีกและผลิตภัณฑ์แปรรูปรายใหญ่ของโลก ปัจจุบัน ซาอุดีอาระเบีย มีการนำเข้าไก่ปีละ 5.9 แสนตัน ถือเป็นตลาดใหญ่ที่น่าสนใจ สามารถสร้างรายได้ทางเศรษฐกิจ

ข่าวที่น่ายินดีทั้งสองข่าวดังกล่าว เป็นผลมาจากการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ ที่เป็นไปตามลำดับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ภายหลังนายกรัฐมนตรีเดินทางเยือนราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียอย่างเป็นทางการ ตามคำเชิญของเจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อัลซะอูด มกุฎราชกุมาร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นการเยือนในระดับผู้นำรัฐบาลระหว่างสองประเทศเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 30 ปี

นายธนกรกล่าวว่า นายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่าผลจากการฟื้นฟูความสัมพันธ์กับซาอุดีอาระเบีย จะก่อให้เกิดผลประโยชน์ต่อประชาชน และประเทศทั้งสองมากยิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะต่างเป็นสองประเทศที่มีศักยภาพ สามารถผูกสัมพันธ์ เชื่อมโยงเป็นผลทางเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญระหว่างกัน โดยนายกฯยังได้เน้นย้ำ และสั่งการให้ทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องดำเนินงาน และนำเอาความสำเร็จจากการสานสัมพันธ์ในครั้งนี้ แปลงไปสู่นโยบายและการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมให้ได้โดยเร็ว

Advertising

ผู้แทนซาอุเผยต้องการแรงงานช่างเชื่อม เชื่อมใต้น้ำ เคาะพ่นสี Medical Staff พ่อครัว พนักงานโรงแรม

People Unity News : ผู้แทนซาอุฯ เผยต้องการแรงงานสาขาช่างเชื่อม ช่างเชื่อมใต้น้ำ ช่างเคาะพ่นสี Medical Staff พ่อครัว พนักงานโรงแรม

15 มี.ค. 2565 กระทรวงแรงงาน เผย ผู้แทนซาอุฯ พอใจ ผลการอบรม – ทดสอบฝีมือแรงงานไทย ขอให้ประชาชนที่สนใจไปทำงาน ลงทะเบียนที่ http://toea.doe.go.th

เป็นอีกหนึ่งข่าวดี คณะผู้แทนทางวิชาการของประเทศซาอุดีอาระเบีย ได้เดินทางมาเยือนประเทศไทย ระหว่างวันที่ 12 – 16 มี.ค. 65 เพื่อเข้าร่วมการประชุมเชิงวิชาการเกี่ยวกับการจัดส่งแรงงานระหว่างกระทรวงแรงงานไทย กับกระทรวงทรัพยากรมนุษย์และการพัฒนาสังคมซาอุดีอาระเบีย

ล่าสุด คณะผู้แทนฯ ได้ไปเยี่ยมชมการฝึกอบรมและทดสอบฝีมือแรงงาน ซึ่งเป็นการนำเสนอการฝึกอบรมในภาคบริการ ณ โรงแรม The Bazzar Hotel Bangkok

เบื้องต้นพบว่าคณะผู้แทนฯ มีความพอใจในความพร้อมของการฝึกอบรมและทดสอบฝีมือแรงงาน พร้อมเสนอว่าทางประเทศซาอุดีฯ ยังต้องการแรงงานในสาขาช่างเชื่อม โดยเฉพาะช่างเชื่อมใต้น้ำ ช่างเคาะพ่นสี Medical Staff รวมทั้งพ่อครัว พนักงานโรงแรมอีกด้วย

ทั้งนี้ กรมพัฒนาฝีมือแรงงานได้เตรียมการรองรับการส่งแรงงานไทย พร้อมอำนวยความสะดวกของการฝึกอบรมและทดสอบฝีมือแรงงานในสาขาอาชีพที่กำลังเป็นที่ต้องการ

ประชาชนผู้สนใจไปทำงานในประเทศซาอุดีอาระเบีย สามารถลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ http://toea.doe.go.th เลือก “ลงทะเบียน” > “คนหางาน” หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานจัดหางานจังหวัด หรือโทร. สายด่วน 1506 กด 2 กรมการจัดหางาน

Advertising

ศักดิ์สยาม เผยสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 5 บึงกาฬ-บอลิคำไซ คาดเปิดใช้ในปี 67

People Unity News : กระทรวงคมนาคมเร่งก่อสร้างโครงการ สะพานมิตรภาพไทย – ลาว แห่งที่ 5 บึงกาฬ – บอลิคำไซ คาดเปิดให้บริการในปี 2567

13 มีนาคม 2565 นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงความก้าวหน้าโครงการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย – ลาว แห่งที่ 5 บึงกาฬ – บอลิคำไซ ว่า รัฐบาลมีนโยบายในการพัฒนาพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือให้เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ซึ่งกระทรวงคมนาคม เล็งเห็นถึงความสำคัญในการพัฒนาพื้นที่จังหวัดบึงกาฬและจังหวัดใกล้เคียง ซึ่งเป็นพื้นที่เชื่อมต่อไปยังสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว จึงได้มีข้อสั่งการให้หน่วยงานในสังกัด ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท กรมท่าอากาศยาน และกรมเจ้าท่า ร่วมกันพัฒนาเส้นทางคมนาคมขนส่งเพื่ออำนวยความสะดวกของประชาชนในภูมิภาคให้มีความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ทั้งการคมนาคมขนส่งทางบก ทางอากาศ และทางน้ำ

ภาพรวมของโครงการ ณ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2565 มีความคืบหน้าร้อยละ 36.704 เร็วกว่าแผนร้อยละ 0.643 คาดว่าจะเชื่อมต่อพื้นที่สะพานได้ประมาณกลางปี 2566 เปิดให้บริการได้ประมาณต้นปี 2567เมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จ จะช่วยเชื่อมโยงการคมนาคมขนส่งระหว่างไทยและ สปป.ลาว  โดยทางหลวงหมายเลข 212 สายอำเภอโพนพิสัย – บึงกาฬ จะเป็นทางผ่านไปสู่สะพานมิตรภาพไทย – ลาว แห่งที่ 5 (บึงกาฬ – บอลิคำไซ) ทำให้เส้นทางดังกล่าวเป็นการคมนาคมขนส่งที่เชื่อมต่อไปยัง สปป.ลาว และภูมิภาคอาเซียนได้ เพื่อรองรับการพัฒนาพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดน รวมถึงสนับสนุนระบบโลจิสติกส์ของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economics Community: AEC) นอกจากนี้ยังช่วยส่งเสริมความร่วมมือด้านการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมในภูมิภาคด้วย

สะพานมิตรภาพไทย – ลาว แห่งที่ 5 บึงกาฬ – บอลิคำไซ รวมระยะทาง 16.18 กิโลเมตร แบ่งเป็นถนนฝั่งไทย ระยะทาง 13 กิโลเมตร และถนนฝั่ง สปป.ลาว ระยะทาง 3.18 กิโลเมตร วงเงินก่อสร้าง 3,930 ล้านบาท รูปแบบการก่อสร้างเป็นสะพานคานขึงคอนกรีตอัดแรงรูปกล่อง ขนาด 2 ช่องจราจร มีไหล่ทางพร้อมทางเท้า ช่วงข้ามแม่น้ำโขง ระยะทาง 810 เมตร และงานทางลาดลงจากตัวสะพาน ความยาวถนนฝั่งไทย 410 เมตร ฝั่ง สปป.ลาว ความยาว 130 เมตร รวมความยาวสะพานทั้งหมด 1,350 เมตร มีด่านควบคุมทั้ง 2 ฝั่งประเทศ และมีจุดสลับทิศทางจราจรอยู่ในฝั่ง สปป.ลาว

Advertising

Verified by ExactMetrics