วันที่ 20 เมษายน 2024

รัฐบาลยืนยันผู้ลงทะเบียน “หมอพร้อม” ที่ยืนยันวันเวลาและสถานที่แล้ว ได้ฉีดวัคซีนตามนัดทุกคน

People Unity News : โฆษกรัฐบาลแจงผู้ที่ได้ลงทะเบียนทาง “หมอพร้อม” และยืนยันวันเวลาและสถานที่แล้ว จะได้รับการฉีดวัคซีนได้ตามกำหนดเวลานัดเดิมได้ทั้งหมด

26 พ.ค.64 นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตามที่สื่อมวลชนหลายสำนัก ได้นำเสนอข่าวเรื่อง นายกรัฐมนตรีสั่งเบรกการลงทะเบียนทาง “หมอพร้อม” นั้น ขอชี้แจงว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีในฐานะ ผอ.ศบค. ได้แจ้งให้ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาฯ สมช.ในฐานะ ผอ.ศปก.ศบค. ประชุมร่วมกับปลัดกระทรวงสาธารณสุขและอธิบดีกรมควบคุมโรค โดยให้พิจารณาการปรับแผนการกระจายวัคซีนใหม่จากเดิมที่มีการจัดสรรวัคซีนตามโควต้าการลงทะเบียนในแต่ละจังหวัด โดยปรับมาเป็นการจัดสรรให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบันของการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19  ซึ่งจำเป็นต้องนำหลักเกณฑ์อื่นมาพิจารณาในเรื่องของการกระจายวัคซีน เช่น การใช้เกณฑ์การติดเชื้อโควิด-19 ในแต่ละพื้นที่มาจัดสรรวัคซีนให้เหมาะสมกับแผนการกระจายวัคซีนไปยังจังหวัดต่างๆ โดยมอบให้ทาง ผอ.ศปก.ศบค. หารือเรื่องนี้ในที่ประชุม ศปก.ศบค. ตามความเหมาะสม และดำเนินการในรายละเอียด ซึ่งที่ประชุมฯมีความเห็นพ้องต้องกันว่า ควรมีการปรับแผนการกระจายวัคซีนตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในแต่ละพื้นที่มากกว่าการกระจายวัคซีนตามจำนวนการลงทะเบียน เนื่องจากบางจังหวัดนั้นมีการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ไม่สูง มีผู้ติดเชื้อน้อย แต่มีผู้ลงทะเบียนเพื่อรับวัคซีนค่อนข้างมาก ในขณะที่บางจังหวัดมีการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 สูง มีผู้ติดเชื้อมาก แต่มีผู้ลงทะเบียนเพื่อรับวัคซีนจำนวนน้อย ดังนั้น ที่ประชุมฯจึงมีความเห็นให้ชะลอการลงทะเบียนผ่าน “หมอพร้อม” ไปก่อน เพื่อความเหมาะสมในการจัดสรรวัคซีนไปยังจังหวัดต่างๆอย่างเหมาะสมตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในปัจจุบัน

ทั้งนี้ ประชาชนที่ได้ลงทะเบียนทาง “หมอพร้อม” และได้รับการยืนยันวันเวลาและสถานที่แล้ว ยังคงสามารถรับการฉีดวัคซีนได้ตามกำหนดเวลานัดเดิมได้ทั้งหมด

Advertising

กรมอุตุฯ เตือนทั่วไทย 5 – 9 ก.ย. 65 ระวังฝนหนักถึงหนักมาก

People Unity News : 3 กันยายน 2565 กรมอุตุนิยมวิทยา เตือนประชาชนระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก ในวันที่ 5 – 9 ก.ย. 65 บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมถึง กทม. และปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ และฝนตกสะสมที่อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและที่ลุ่ม ชาวเรือทั้งฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน ควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง หลีกเลี่ยงบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง เรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนควรงดออกจากฝั่ง

เนื่องจากร่องมรสุมกำลังแรงจะเลื่อนลงมาพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย มีกำลังแรงขึ้น ทั้งนี้ ประชาชนติดตามสถานการณ์สภาพอากาศได้ทางเว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยา www.tmd.go.th

Advertisement

ธอส.มอบเงินรางวัลพิเศษแก่น้องเทนนิส 3 ล้านบาท โค้ชเช น้องจูเนียร์ คนละ 5 แสน

People Unity News : ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ในฐานะผู้สนับสนุนหลักของสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2549 ให้การต้อนรับและจัดพิธีมอบเงินรางวัลพิเศษรวม 4 ล้านบาท ให้แก่ “น้องเทนนิส” พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ นักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทย เจ้าของเหรียญทองในการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ โตเกียว 2020 จำนวน 3 ล้านบาท “น้องจูเนียร์” และโค้ชเช ยอง ซอก อีกรายละ 500,000 บาท ขอบคุณในความมุ่งมั่นทุ่มเท จนนำมาซึ่งความสุขและความภาคภูมิใจของคนไทยทั้งประเทศ

นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ตามที่ “น้องเทนนิส” เรืออากาศตรีหญิงพาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ นักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทย สามารถคว้าเหรียญทองจากการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ โตเกียว 2020 ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น โดยถือเป็นเหรียญทองแห่งความสุขและความภาคภูมิใจหนึ่งเดียวของประเทศไทยที่ได้จากการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกในครั้งนี้ นับเป็นเหรียญทองเหรียญที่ 10 ในประวัติศาสตร์ของประเทศไทยจากการเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ และเป็นเหรียญทองเหรียญแรกที่ได้จากการแข่งขันกีฬาเทควันโดอีกด้วย

ในวันนี้ (16 สิงหาคม 2564) ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ในฐานะผู้สนับสนุนหลักของสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย มาตั้งแต่ปี 2549 จนถึงปัจจุบัน จึงได้มอบเงินรางวัลพิเศษรวม 4,000,000 บาท ให้แก่นักกีฬาและผู้ฝึกสอน ที่มุ่งมั่นทุ่มเทฝึกซ้อมอย่างหนักจนนำมาซึ่งความสำเร็จได้ในที่สุด โดยมี นายยุทธนา หยิมการุณ อธิบดีกรมธนารักษ์ ในฐานะประธานกรรมการ ธอส. พร้อมด้วยคณะกรรมการ ธอส. ประกอบด้วย นางพัชรี อาระยะกุล ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในฐานะประธานกรรมการกิจการสัมพันธ์ ดร.กิริฎา เภาพิจิตร ในฐานะประธานกรรมการกำกับดูแลกิจการที่ดีและความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม (CG&CSR) ดร.กริชผกา บุญเฟื่อ ในฐานะประธานกรรมการกำหนดกลยุทธ์และนโยบายทางด้าน IT และนวัตกรรม และนายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ พร้อมด้วยคณะผู้บริหารระดับสูงของธนาคารร่วมในพิธี โดยมีรายละเอียด ดังนี้

1.มอบเงินรางวัลพิเศษ จำนวน 3,000,000 บาท ให้แก่ “น้องเทนนิส” เรืออากาศตรีหญิง พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ นักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทย เจ้าของเหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ โตเกียว 2020 รุ่นน้ำหนักไม่เกิน 49 กก. หญิง

2.มอบเงินรางวัลพิเศษ จำนวน 500,000 บาท ให้แก่ “น้องจูเนียร์” นายรามณรงค์ เสวกวิหารี นักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทย รุ่นน้ำหนักไม่เกิน 58 กก. ชาย

3.มอบเงินรางวัลพิเศษ จำนวน 500,000 บาท ให้แก่ “โค้ชเช” ชเว ย็อง-ซ็อก หัวหน้าผู้ฝึกสอนนักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทย

โดยหลังจากรับมอบเงินรางวัลแล้ว ทั้ง 3 คน ยังได้นำเงินรางวัลที่ได้รับในครั้งนี้ แบ่งไปเก็บออมกับธนาคารอาคารสงเคราะห์ ด้วยการซื้อสลากออมทรัพย์ ธอส. ชุดเกล็ดดาว หน่วยละ 5,000 บาท โดยน้องเทนนิสซื้อสลากจำนวน 200 หน่วย หรือมูลค่า 1 ล้านบาท ขณะที่โค้ชเช และน้องจูเนียร์ ซื้อสลากคนละจำนวน 20 หน่วย หรือ​ 100,000 บาท ซึ่งทุกหน่วยจะได้สิทธิ์ลุ้นเงินรางวัลสูงสุดมูลค่า 1 ล้านบาท/หมวด พร้อมด้วยรางวัลอื่นๆ รวมถึงรางวัลเลขท้าย 2 ตัว 3 ตัว รางวัลเลขสลับเลขท้าย 2 ตัวและ 3 ตัว ลุ้นรางวัลได้ต่อเนื่องนาน 24 เดือน และยังได้รับผลตอบแทนหน้าสลาก 0.40% ต่อปี นอกจากนี้ดอกเบี้ยและเงินรางวัลยังได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาอีกด้วย

“ธอส. ในฐานะผู้สนับสนุนหลักของสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย มาตั้งแต่ปี 2549 จนถึงปัจจุบัน ได้ให้การสนับสนุนปีละ 17 ล้านบาท รวมแล้วกว่า 260 ล้านบาท รู้สึกภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้สมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทยพัฒนาวงการกีฬาเทควันโดให้โดดเด่น และสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยในเวทีการแข่งขันระดับโลกมากกว่า 160 รายการ รวมถึงการคว้าเหรียญทองจากการแข่งขันเทควันโด ในการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ โตเกียว 2020 มาได้สำเร็จในครั้งนี้ ถือเป็นการทำให้คนไทยมีความสุขท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ในขณะนี้ และ ธอส. ยืนยันว่าพร้อมให้การสนับสนุนสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทยในการพัฒนาวงการกีฬาเทควันโดต่อไป เพื่อนำความภาคภูมิใจให้กับคนไทยให้ได้อย่างต่อเนื่อง” นายฉัตรชัย กล่าว

นอกจากการสนับสนุนทางด้านกีฬาให้กับสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทยแล้ว ธอส. ยังคงมุ่งมั่นตามภารกิจหลักในการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยแก่ประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อยและปานกลางให้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง ตลอดระยะเวลาเกือบ 68 ปี ธนาคารสร้างโอกาสให้คนไทยได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองมาแล้วมากกว่า 3.7 ล้านครอบครัว ควบคู่ไปกับการดำเนินงานด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม หรือ CSR ของธนาคาร ทั้งทางด้านที่อยู่อาศัย การศึกษา สังคมและสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมสถาบันพระมหากษัตริย์/ศาสนา/ศิลปวัฒนธรรม

Advertising

สธ.คุมเข้มร้านขายยา ตั้งแต่ 1 ก.ย. จ่ายยาต้านโควิด ต้องมีใบสั่งแพทย์เท่านั้น

People Unity News : 1 กันยายน 2565 รองโฆษกรัฐบาล ย้ำตั้งแต่ 1 ก.ย. 65 ร้านขายยาจ่ายยาต้านโควิด-19 ต้องมีใบสั่งแพทย์เท่านั้น กำชับหน่วยงานติดตามการบันทึกตรวจสอบเคร่งครัด แนะประชาชนซื้อจากช่องทางที่ได้รับอนุญาต

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตามที่ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. ได้มีมติให้ร้านขายยาสามารถจ่ายยาต้านโควิด-19 ทั้งฟาวิพิราเวียร์ โมลนูพิราเวียร์ หรือแพกซ์โลวิด ได้ ตั้งแต่วันนี้ (1 ก.ย.) เป็นต้นไป นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้เน้นย้ำถึงผู้ประกอบการร้านขายยาทุกแห่งว่าจะต้องจ่ายยาเฉพาะกรณีมีใบสั่งแพทย์มาแสดงต่อเภสัชกรเท่านั้น เนื่องจากตามแนวทางการรักษาโควิด-19 ในปัจจุบัน ผู้ป่วยโควิดไม่จำเป็นต้องทานยาต้านไวรัส แต่แพทย์จะเป็นผู้วินิจฉัยและให้คำแนะนำเพื่อการใช้ยาที่เหมาะสม

น.ส.ไตรศุลี กล่าวอีกว่า นายอนุทิน ได้กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นสำนักงานอาหารและยา (อย.) สาธารณสุขจังหวัดทุกจังหวัด ให้ติดตามเรื่องของการบันทึกข้อมูลการจ่ายยาต้านไวรัสของร้านขายยา เพื่อใช้สำหรับตรวจสอบโดยเคร่งครัด  ซึ่งปัจจุบันร้านขายยาที่ได้รับอนุญาตจะมีการบันทึกข้อมูลการจ่ายยาควบคุมประเภทต่างๆอยู่แล้ว

“การที่ ศบค. ได้อนุญาตให้เพิ่มช่องทางการจ่ายยาโควิด-19 ได้ที่ร้านขายยาตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. เพื่อเพิ่มช่องทางและอำนวยความสะดวกให้ประชาชน แต่เนื่องจากยาต้านไวรัสไม่ได้เป็นยาสามัญทั่วไป ยังเป็นยาที่ต้องควบคุมการใช้ และไม่จำเป็นที่ผู้ป่วยโควิด-19 ทุกคนต้องทานยาต้านไวรัส ดังนั้นจึงยังจำเป็นที่ต้องให้ผู้ป่วยได้พบแพทย์เพื่อมีการวินิจฉัยไม่ว่าจะเป็นแพทย์ในโรงพยาบาลหรือคลินิกเวชกรรม และให้คำแนะนำที่สอดคล้องกับอาการของผู้ป่วยแต่ละคน” น.ส.ไตรศุลี กล่าว

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ยังมีความห่วงใยและมีข้อแนะนำว่า ขอให้ประชาชนจัดหายาต้านไวรัสจากช่องทางที่ได้รับอนุญาต อย่าซื้อยารับประทานเองโดยไม่มีแพทย์แนะนำ เพราะมีทั้งความเสี่ยงที่อาจจะได้ยาปลอม หรืออาจเกิดการใช้ยาไม่สอดคล้องกับอาการ โดยเฉพาะผู้มีโรคประจำตัวควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์ก่อนใช้ยา

Advertisement

กระทรวงสาธารณสุข เริ่มคัดกรอง “โรคฝีดาษลิง” กลุ่มนักท่องเที่ยวจากประเทศเสี่ยงสูง

People Unity News : 28 พฤษภาคม 2565 สธ. เริ่มคัดกรอง “โรคฝีดาษลิง” กลุ่มนักท่องเที่ยวจากประเทศเสี่ยงสูงด้วยระบบ Thailand Pass

กระทรวงสาธารณสุข เผย กองด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศและกักกันโรค ได้เริ่มคัดกรอง “โรคฝีดาษลิง” กลุ่มนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าประเทศไทยผ่านระบบ Thailand Pass ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งจะช่วยให้ตรวจจับกลุ่มเสี่ยงได้รวดเร็วขึ้น และป้องกันการแพร่ระบาดในประเทศ

มุ่งเน้นการติดตามเฝ้าระวัง กลุ่มนักท่องเที่ยวจากประเทศที่มีความเสี่ยงสูง โดยเฉพาะประเทศในแถบทวีปแอฟริกากลาง เช่น ไนจีเรีย และคองโก รวมถึงประเทศในยุโรปที่มีการแพร่ระบาดในประเทศแล้ว

เมื่อนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศไทย หน่วยงานจะทำการคัดกรองดูลักษณะอาการต่างๆ เช่น มีไข้ตั้งแต่ 38 องศาเซลเซียส เจ็บคอ ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ ต่อมน้ำเหลืองโต ตุ่มนูน ตุ่มน้ำใส เป็นต้น พร้อมทั้งแจกบัตรเตือนสุขภาพ (Health beware card) เป็น QR code ให้ผู้ที่มีอาการดังกล่าวสแกนเข้าระบบเพื่อรายงานอาการป่วย

ส่วนการจัดหา “วัคซีนฝีดาษคน” นั้น ล่าสุด นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สธ. ได้หารือกับ นายเท็ดรอส อัดฮานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก (Director-General) แล้ว เพื่อขอรับการสนับสนุนเรื่องวัคซีนฝีดาษคน (Smallpox) จากองค์การอนามัยโลก

Advertisement

คลังเผยเงินเยียวยา5พันถึงมือผู้ได้รับผลกระทบแล้วกว่า3.2ล้านคนเตรียมปิดลงทะเบียน22เม.ย.

People Unity News : ก.คลังเผยมาตรการเยียวยา 5,000 บาท ถึงมือผู้ได้รับผลกระทบแล้วกว่า 3.2 ล้านราย จำนวนเงิน 1.6 หมื่นล้านบาท กำหนดปิดลงทะเบียนวันที่ 22 เมษายน 2563 เวลา 24.00 น.

นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยความคืบหน้ามาตรการเยียวยา 5,000 บาท มีเม็ดเงินเยียวยาถึงมือคนทำงานที่เดือดร้อนจากสถานการณ์ไวรัส Covid-19 ในช่วงรอบที่ 1-3 ระหว่างวันที่ 8-17 เมษายน 2563 รวม 3.2 ล้านราย จำนวนเงิน 1.6 หมื่นล้านบาท โดยกระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้พยายามเร่งกระบวนการคัดกรองผู้ลงทะเบียนเพื่อให้เงินเยียวยาถึงมือทุกคนที่ได้รับผลกระทบอย่างรวดเร็วที่สุด

สำหรับความคืบหน้าในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการลงทะเบียนพบว่า มีผู้มาลงทะเบียนรวม 27.7 ล้านราย (ณ วันที่ 16 เมษายน 2563) โดยจำนวนผู้มาลงทะเบียนในภาพรวมมีทิศทางลดลงต่อเนื่อง และตั้งแต่ช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา จำนวนผู้มาลงทะเบียนใหม่เริ่มไม่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ สะท้อนว่าผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ไวรัส Covid-19 โดยส่วนใหญ่ได้มาลงทะเบียนเพื่อรับความช่วยเหลือเยียวยาแล้ว จึงเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของมาตรการเยียวยา 5,000 บาท ที่ต้องการให้การเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบอย่างครอบคลุมและทั่วถึง กระทรวงการคลังจึงกำหนดวันปิดรับลงทะเบียนในวันที่ 22 เมษายน 2563 เวลา 24.00 น. (ตามที่ได้เคยประกาศไว้ว่าจะแจ้งล่วงหน้าให้ทราบก่อนวันที่จะปิดการลงทะเบียน) ทั้งนี้ เพื่อดำเนินการเปิดรับการขอทบทวนสิทธิ์สำหรับประชาชนที่ไม่ผ่านเกณฑ์และไม่เห็นด้วยกับผลการคัดกรอง ซึ่งจะเริ่มในวันที่20 เมษายน 2563 เวลา 6.00 น. ผ่านช่องทางออนไลน์ที่ www.เราไม่ทิ้งกัน .com

โฆษณา

สำนักพุทธฯร่วมกับวัดทั่วประเทศตั้งโรงทานช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19

People Unity News : พศ.ร่วมกับวัดทั่วประเทศ ตั้งโรงทานช่วยเหลือประชาชน ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ช่วยประชาชนได้กว่า 2.7 แสนคน/วัน เผยเตรียมช่วยเหลือผ่านระบบ Drive Thru ในทุกพื้นที่ชุมชน

วันนี้ (13 พ.ค.63) เวลา 12.00 น. ณ ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) โถงกลาง ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายณรงค์ ทรงอารมณ์ ผู้อํานวยการสํานักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ แถลงการจัดตั้งโรงทานช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่เกิดขึ้น คณะสงฆ์ไทยได้นำพระบัญชาของสมเด็จพระสังฆราชฯ ในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ประสบความยากลำบากจากสถานการณ์ฯ โดยมีพระบัญชาให้จัดตั้งโรงทาน โดยให้สํานักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ประสานงานกับวัดทั่วราชอาณาจักรที่มีศักยภาพเพียงพอในการจัดตั้งโรงทานช่วยเหลือผู้ประสบความยากลำบากจากสถานการณ์ฯ โดยกำหนดแนวทางประสานความร่วมมือที่คำนึงถึงความพร้อมเป็นปัจจัยสำคัญ ร่วมกับการสนับสนุนจากภาครัฐ เอกชน และประชาชนในชุมชนนั้นๆ และให้ปฏิบัติตามคำสั่งมาตรการ คำแนะนำของทางราชการอย่างเคร่งครัด

ปัจจุบันมีการดำเนินการจัดตั้งโรงทานไปแล้ว 77 จังหวัด รวมทั้งกรุงเทพมหานคร รวมเป็น 914 ศูนย์ ซึ่งมีพี่น้องประชาชนที่ได้รับความช่วยเหลือกว่า 274,000 คนต่อวัน สำหรับวัดขนาดเล็กที่ยังมีศักยภาพไม่มากแต่ต้องการช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ให้มีการจัดตั้งโรงทานในลักษณะตู้แบ่งปันความสุข ผู้ที่ต้องการรับความช่วยเหลือต้องปฏิบัติตามข้อกำหนด ทั้งการเข้ารับการตรวจ ณ จุดคัดกรอง ใส่หน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง 1.5 – 2 เมตร ไม่ให้เกิดความแออัด ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญ ขณะที่ผู้ให้ความร่วมมือในการเป็นแม่ครัวจิตอาสาต้องวัดอุณหภูมิก่อนเข้าไปประกอบอาหาร สวมผ้ากันเปื้อน หมวกคลุมผม และล้างมือก่อนการประกอบอาหาร ถือเป็นมาตรการหลักที่ต้องปฏิบัติตาม ขณะเดียวกันมีโรงทานที่เปิดทำการแล้วคือ โรงทานวัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร ซึ่งเป็นโรงทานต้นแบบ ที่ได้เปิดตั้งแต่วันที่ 27 มีนาคม จนถึงปัจจุบัน เป็นระยะเวลามากกว่า 1 เดือน เพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ทั้งผู้ได้รับผลกระทบที่อาศัยอยู่ในชุมชน รวมทั้งผู้ประกอบอาชีพต่างๆที่ได้รับผลกระทบด้วย สำหรับโครงการที่จะเกิดขึ้นในอนาคตคือ การช่วยเหลือผ่านระบบ Drive Thru เพื่อสามารถให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนได้ทุกพื้นที่ชุมชน

นอกจากนี้ ยังได้มีการจัดตั้งโรงทานเคลื่อนที่สำหรับประชาชนที่ไม่ได้อยู่ใกล้บริเวณพื้นที่วัด โดยการสื่อสารผ่านผู้นำชุมชน เพื่อจัดทำอาหารที่ปรุงสดใหม่ส่งไปยังชุมชนนั้นๆ โดยผู้ที่ต้องการรับความช่วยเหลือให้รออยู่ที่บ้านเพื่อเป็นการแก้ปัญหาความแออัด ขณะเดียวกันได้มีแนวทางการต่อยอดในการใช้วัดเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ปลูกผักปลอดสารพิษ “สวนวิถีพุทธ วิถีเกษตร” ซึ่งได้ดำเนินการไปแล้วในบางพื้นที่ เช่น วัดทรงเสวย วัดพรหมมหาจุฬามณี วัดประดู่ วัดอินทาราม รวมถึงการเชิญชวนพี่น้องประชาชนที่ยังไม่ได้กลับไปประกอบอาชีพ ช่วยกันปลูกผักและนำมาจำหน่ายให้แก่วัดเพื่อนำมาปรุงอาหารแจกจ่ายให้กับพี่น้องประชาชนต่อไป นอกจากจะทำให้เศรษฐกิจหมุนเวียนแล้ว ยังสามารถช่วยเหลือพี่น้องประชาชนได้อีกด้วย

สำหรับโครงการจัดตั้งโรงทานได้มีการต่อยอดดำเนินการไปยังพื้นที่วัดไทยในต่างประเทศ ทั้งทวีปยุโรป สหรัฐอเมริกา รวมถึงโอเชียเนีย เพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนไม่ว่าจะเป็นชาวไทยหรือชาวต่างชาติ ตัวอย่างเช่น วัดอรุณสหราชอาณาจักร นอกจากนี้ยังมีการให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ยากไร้ด้วย ซึ่งในอนาคตอาจจะมีการใช้วัดเป็นศูนย์การเรียนรู้ของชุมชนอย่างแท้จริง เพื่อเป็นการเปลี่ยนแนวคิดทัศนคติของคนในประเทศในเรื่องของการช่วยเหลือเผื่อแผ่ ทำให้พี่น้องประชาชนเข้าใจคำว่าพอเพียงและอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขได้ในสังคม ทั้งนี้ สำหรับพื้นที่จัดตั้งโรงทาน สํานักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติได้ประสานงานไปยังพื้นที่จังหวัดต่างๆ ผ่านสํานักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด ทั้ง 76 จังหวัด เพื่อประชาสัมพันธ์จุดจัดตั้งโรงทานของแต่ละพื้นที่จังหวัดนั้นๆ เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้รับความช่วยเหลืออย่างทั่วถึง

โฆษณา

อุตุฯ เตือนทั่วไทยรับมือฝนตกหนัก ระวังน้ำป่าไหลหลาก

People Unity News : 17 กันยายน 2566 กรมอุตุฯ เผยประเทศไทยยังคงมีฝนตกต่อเนื่องและตกหนักบางแห่ง อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก

กรมอุตุนิยมวิทยา เผยร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือ ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในขณะที่มีหย่อมความกดอากาศต่ำที่ปกคลุมบริเวณประเทศเมียนมา ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคกลางตอนล่าง ภาคตะวันออก ภาคใต้ และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนตกต่อเนื่องและมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคเหนือ ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม รวมทั้งเพิ่มความระมัดระวังในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง

สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1-2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย

Advertisement

ด่วน!สาธารณสุขเตือนประชาชนระวัง 6 โรคติดต่อทางเดินอาหารและน้ำในพื้นที่ประสบภัยแล้ง

People Unity : กระทรวงสาธารณสุข เฝ้าระวัง 6 โรคติดต่อทางเดินอาหารและน้ำที่พบบ่อยในพื้นที่ประสบภัยแล้ง อาจขาดแคลนน้ำดื่มน้ำใช้ที่สะอาด ให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขและ อสม. แนะนำประชาชนในการป้องกันโรค ยึดหลัก “กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ” หากท้องเสีย อาการไม่ดีขึ้น ควรรีบไปพบแพทย์

วันนี้ (29 กรกฎาคม 2562) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า รัฐบาลมีความห่วงใยประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่ประสบภัยแล้งจากฝนทิ้งช่วง ซึ่งสภาพอากาศร้อน แล้ง อาจทำให้เกิดโรคติดต่อระบบทางเดินอาหาร เช่น โรคอุจจาระร่วง โรคอาหารเป็นพิษ ได้ให้กรมควบคุมโรคเปิดศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน (EOC) เพื่อติดตามสถานการณ์ภัยแล้งและผลกระทบต่อสุขภาพ และให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเฝ้าระวังสถานการณ์โรคอย่างใกล้ชิด รวมทั้งให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขและอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน ให้คำแนะนำประชาชนในการป้องกันโรค หากมีอาการท้องเสีย อาการไม่ดีขึ้น ควรรีบไปพบแพทย์

ด้าน นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า กรมควบคุมโรค ได้ให้สำนักงานป้องกันควบคุมโรคทั้ง 12 แห่งทั่วประเทศ เฝ้าระวังและเตรียมความพร้อมปฏิบัติงานร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขในพื้นที่รับผิดชอบ หากพบกลุ่มก้อนการระบาดของโรคติดต่อที่สัมพันธ์กับภัยแล้ง ให้ลงพื้นที่ดำเนินการสอบสวนและควบคุมโรคทันที สื่อสารความเสี่ยงให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง ในการป้องกันตนเองจากการเจ็บป่วยด้วยโรคติดต่อที่มีอาหารและน้ำเป็นสื่อ โดยรับประทานอาหารปรุงสุกใหม่ ร้อน ปฏิบัติตามหลักสุขอนามัย ยึดหลัก “กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ” กินอาหารที่ปรุงสุกใหม่ๆ ใช้ช้อนกลางเมื่อกินอาหารร่วมกันหมั่นล้างมือให้สะอาดทุกครั้งก่อนกินอาหาร และหลังการขับถ่าย หากมีอาการท้องเสีย ดูแลเบื้องต้นโดยการจิบน้ำผสมสารละลายเกลือแร่ (ORS) บ่อยๆ เพื่อป้องกันการขาดน้ำ หากอาการไม่ดีขึ้น รับประทานอาหารไม่ได้ กระหายน้ำมากกว่าปกติ หรืออุจจาระเป็นมูกปนเลือด ควรรีบไปพบแพทย์ทันที ประชาชนสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422

ทั้งนี้ สำนักระบาดวิทยา รายงานตั้งแต่ต้นปี 2562 พบผู้ป่วยโรคระบบทางเดินอาหาร 6 โรคสำคัญ ได้แก่ โรคอุจจาระร่วง 575,112 ราย  โรคอาหารเป็นพิษ 59,360 ราย โรคบิด 432 ราย อหิวาตกโรค 9 ราย ไข้ไทฟอยด์หรือไข้รากสาดน้อย 560 ราย ไวรัสตับอักเสบเอ 224 ราย

ข่าวด่วน : ก.สาธารณสุขเตือนประชาชนระวัง 6 โรคติดต่อทางเดินอาหารและน้ำในพื้นที่ประสบภัยแล้ง

People Unity : post 29 กรกฎาคม 2562 เวลา 13.30 น.

ปภ.ย้ำ 40 จังหวัด ระวังฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง 13-16 ม.ค.

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 13 มกราคม 2567 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เน้นย้ำพื้นที่ 40 จังหวัดภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคกลาง เฝ้าระวังสถานการณ์พายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางพื้นที่ ในช่วงวันที่ 13-16 ม.ค.67

กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) ได้ติดตามสภาวะอากาศและพิจารณาปัจจัยเสี่ยง ประกอบกับกรมอุตุนิยมวิทยาได้มีประกาศฉบับที่ 4 (4/2567) ลงวันที่ 13 มกราคม 2567 เวลา 05.00 น. แจ้งว่า คลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกจากสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาจะเคลื่อนผ่านประเทศไทยตอนบน ประกอบกับบริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากสาธารณรัฐประชาชนจีนระลอกใหม่จะแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือและทะเลจีนใต้ ในช่วงวันที่ 13-16 มกราคม 2567 ทำให้มีพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ลูกเห็บตกบางพื้นที่ รวมถึงอาจมีฟ้าผ่าในช่วงแรก บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคกลาง จากนั้นอุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส กับมีลมแรง บริเวณภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนภาคกลาง กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล อุณหภูมิจะลดลงเล็กน้อย โดยมีพื้นที่เฝ้าระวังสถานการณ์พายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง ระหว่างวันที่ 13-16 มกราคม 2567 แยกเป็น

ภาคเหนือ ทุกจังหวัด

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 10 จังหวัด ได้แก่ เลย หนองคาย บึงกาฬ หนองบัวลำภู อุดรธานี สกลนคร นครพนม ชัยภูมิ ขอนแก่น และนครราชสีมา

ภาคกลาง 13 จังหวัด ได้แก่ กาญจนบุรี สุพรรณบุรี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สระบุรี นครปฐม ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรสาคร และสมุทรปราการ

กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จึงได้ประสานแจ้ง 40 จังหวัดในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมถึงศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตในพื้นที่เสี่ยงภัย ให้เฝ้าระวังและเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ภัยในช่วงดังกล่าว โดยติดตามสภาพอากาศและแนวโน้มสถานการณ์ภัยอย่างใกล้ชิด และประสานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยทราบล่วงหน้า รวมถึงจัดเตรียมเครื่องมือเครื่องจักรกลสาธารณภัยและทีมปฏิบัติการเข้าประจำพื้นที่เสี่ยง เพื่อให้พร้อมเผชิญเหตุและช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ทันที ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนติดตามพยากรณ์อากาศและข้อมูลข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยให้ปฏิบัติตามคำเตือนอย่างเคร่งครัด ตลอดจนตรวจสอบบ้านเรือนและสิ่งปลูกสร้างให้อยู่ในสภาพมั่นคงแข็งแรง หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ ป้ายโฆษณา หรือสิ่งปลูกสร้างที่ไม่มั่นคงแข็งแรง เพื่อป้องกันอันตรายจากการถูกล้มทับ รวมถึงระวังอันตรายจากฟ้าผ่า ส่วนเกษตรกรให้จัดทำที่ค้ำยันต้นไม้หรือที่กำบัง เพื่อป้องกันพืชผลทางการเกษตรได้รับความเสียหาย

สุดท้ายนี้ ประชาชนสามารถติดตามประกาศการแจ้งเตือนภัยที่แอปพลิเคชัน “THAI DISASTER ALERT” และหากได้รับความเดือดร้อนจากสาธารณภัย สามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ 1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM รวมถึงสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือต่อไป

Verified by ExactMetrics