วันที่ 29 มีนาคม 2024

ป.ป.ช.โอดหน่วยงานไม่ร่วมมือลงโทษวินัยหลังชี้ขาด

People Unity News : 31 สิงหาคม 2565 เลขาฯ ป.ป.ช. เผยชี้มูลวินัยไร้รูปธรรม หน่วยงานต้นสังกัดไม่ให้ความร่วมมือลงโทษ เตรียมแก้กฎหมาย

นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. แถลงผลการชี้มูลความผิดทางวินัยร้ายแรงและไม่ร้ายแรงของเจ้าหน้าที่รัฐ ตั้งแต่เริ่มปี 2565 ถึงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมารวม 260 เรื่อง แต่พบว่าเมื่อแจ้งกลับไปยังหน่วยงานต้นสังกัดให้ลงโทษ กลับพบว่าลงโทษน้อยมาก เช่น เดือนมกราคม แจ้งวินัยร้ายแรง 7 ราย ลงโทษเพียง 1 เรื่อง เดือนกุมภาพันธ์ ชี้วินัยร้ายแรง 21 เรื่อง ลงโทษ 4 เรื่อง   และเดือนมิถุนายน ชี้วินัยร้ายแรง 25 เรื่อง ลงโทษเพียง 1 เรื่อง

“ทำให้เห็นว่าการชี้มูลความผิดทางวินัยของ ป.ป.ช. และการลงโทษทางวินัยของหน่วยงานต้นสังกัดยังมีปัญหาเรื่องความเห็นที่แตกต่างกัน ซึ่งบางคดีมีโทษทางอาญา  อยากให้ต้นสังกัดพิจารณาเรื่องโทษทางอาญากับการลงโทษทางวินัยด้วย และ ป.ป.ช.จะขอพิจารณาเรื่องปรับปรุงกฎหมาย เพื่อให้การลงโทษทางวินัยเป็นรูปธรรม” เลขาธิการ ป.ป.ช. กล่าว

นายนิวัติไชย เปิดเผยถึงโครงการศูนย์ป้องกันและปราบปรามการแห่งชาติ หรือ CDC ว่า ตั้งแต่เดือนมกราคมจนถึงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา มีเรื่องร้องเรียนเข้ามา 371 เรื่อง ซึ่งในอนาคตทางสำนักงานจะร่วมมือกับนายชัชชาติ  สิทธิพันธุ์  ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เรื่องการรับเรื่องเกี่ยวกับการทุจริต รวมทั้งประสานหน่วยงานทุกแห่ง เพื่อจะดูว่าหน่วยงานไหนตรวจสอบเรื่องดังกล่าว เพื่อลดความซ้ำซ้อน และประชาชนสามารถตรวจสอบได้ว่าเรื่องดังกล่าวอยู่ในการแก้ไขของหน่วยงานใด

Advertisement

ยูสเซอร์-โปรแกรมเมอร์ร่วมงาน “Hackafuture” อนค.จัด

People Unity : “อนาคตใหม่” จัดงาน “Hackafuture” เหล่ายูสเซอร์-โปรแกรมเมอร์ ตบเท้าร่วมระดมความคิด ด้าน “ณัฐพงษ์” ชี้ นำเทคโนโลยีมาปรับใช้ ทำให้ไทยก้าวทันโลก

เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2562 ที่ศูนย์ประสานงานพรรคอนาคตใหม่ฝั่งธนบุรี นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส.เขตบางแค กรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กรุงเทพมหานคร นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อพรรคอนาคตใหม่ นายไกลก้อง ไวทยาการ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อพรรคอนาคตใหม่ ร่วมกับทีมดิจิทัล จัดงาน HackaFuture เชิญชวนประชาชนร่วมกันระดมสมองและออกแบบแอพพลิเคชั่นฉบับพรรคอนาคตใหม่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กิจกรรมในวันนี้เปิดให้ลงทะเบียนตั้งแต่เวลา 09.00 น. มีผู้ให้ความสนใจเข้าร่วมสร้างแอพพลิเคชั่นเป็นจำนวนมาก ทั้ง user,coder,designer รวมไปถึงเหล่า programer ที่ต้องการมาร่วมกันสร้างและพัฒนา แอพพลิเคชั่นแบบพรรคอนาคตใหม่ ที่ต้องการให้ประชาชนมีส่วนร่วมกับการเมือง โดยให้เข้าถึงอย่างง่ายที่สุด

นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า งานในวันนี้เป็นการรวบรวมเครือข่ายทั้งยูสเซอร์ โค้ดเดอร์ ดีไซน์เนอร์ ที่จะมาร่วมกันออกแบบแอพพลิเคชั่น ที่จะเป็นแอพฯการเมืองในมุมของภาคประชาชน ออกแบบตามความต้องการของยูสเซอร์ เป็นการทำการเมืองอย่างสร้างสรรค์ เพื่อที่จะทำให้พรรคอนาคตใหม่ เป็นพรรคการเมืองของทุกคน ในมุมของยูสเซอร์ที่มาในวันนี้ ก็จะเป็นการแชร์ความต้องการของประชาชนผู้ที่ใช้แอพพลิเคชั่นในทุกๆวัน เพื่อที่จะให้โค้ดเดอร์หรือโปรแกรมเมอร์ พัฒนาโปรแกรมให้ตอบสนองความต้องการให้ได้มากที่สุด ทำให้การมีส่วนร่วมของภาคประชาชนและพรรคอนาคตใหม่ เชื่อมถึงกันโดยง่าย พรรคการเมืองทุกพรรคมีเว็ปไซด์เป็นของตัวเองอยู่แล้ว แต่วันนี้เป็นการระดมสมองเพื่อโมบายแอพฯ นำมาพัฒนาต่อยอดเพื่อที่จะใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน และสอดคล้องกับความต้องการของประชาชนให้ได้มากที่สุด

“ก่อนหน้านี้พรรคอนาคตใหม่มีเว็ปไซด์สำหรับรับเรื่องร้องทุกข์ แต่ประชาชนอาจจะต้องการแอพพลิเคชั่นอย่างอื่น ที่เปิดพื้นที่นำเสนอนโยบาย นำเสนอไอเดีย หรือแม้แต่ร่วมออกแบบงบประมาณในท้องที่ต่างๆ เราต้องการไอเดียของทุกๆคนเพื่อมาระดมสมองเพื่อที่จะขับเคลื่อนประเทศไทยไปข้างหน้า โดยเอาดิจิทัลแพลตฟอร์ม เอาเทคโนโลยีมาช่วยทำให้เข้าถึงประชาชนได้ง่ายขึ้น ทำให้รัฐมีความโปร่งใสมากขึ้น พฤติกรรมของคนส่วนใหญ่ในตอนนี้ ตื่นมาก็เปิดแอพพลิเคชั่นไม่สีฟ้าก็สีเขียว นั่นคือไลน์หรือเฟซบุ๊ก เราอยากจะพัฒนาแอพพลิเคชั่นที่เป็นของประชาชน เข้าถึงการมีส่วนร่วม รายงานร้องทุกข์ หรือแม้แต่ข่าวสารบ้านเมืองต่างๆ ที่ทำให้ตื่นเช้ามาจะเปิดแอพฯนี้เป็นอันดับแรก สามารถใช้ได้ทุกวันและเป็นทางออกของการแก้ปัญหาต่างๆ ผมเชื่อว่าการนำเทคโนโลยีมาพัฒนาเพื่อปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้ จะสามารถทำให้ประเทศไทยก้าวทันโลก” ณัฐพงษ์ กล่าว

นายณัฐพงษ์ กล่าวต่อว่า นอกจากเรื่องร้องทุกข์แล้ว สิ่งที่คิดว่าจะเกิดได้ใกล้ที่สุดจากแอพพลิเคชั่นนี้คือ อนาคตกฎหมายลูกทุกฉบับ อยากจะให้เกิดจากการระดมความคิดเห็น เพราะกฎหมายคือกติการ่วมกันของสังคม จะดีกว่าไหมที่เราไม่ได้ยกการร่างกฎหมายไปอยู่ในมือของนักกฎหมายที่เราอ่านภาษากฎหมายไม่เข้าใจ จะดีกว่าไหมถ้าการร่างกฎหมายเกิดจากความคิดของประชาชน ว่าอยากได้กติการ่วมกันของสังคมยังไง เรื่องพวกนี้ถ้าไม่ใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลไม่สามารถทำได้ เราจะถามคน 60 ล้านคน เพื่อร่างกฎหมายฉบับเดียวออกมาได้อย่างไร การมีดิจิทัลแพลตฟอร์ม จะเป็นเทคโนโลยีที่ทำให้เกิดสิ่งเหล่านี้ได้ในโลกอนาคต

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กิจกรรมตลอดทั้งวัน จะเป็นการแบ่งกลุ่มเพื่อแชร์ข้อมูลทั้งฝั่งผู้ใช้ ผู้สร้างและผู้ออกแบบ โดยเน้นการระดมไอเดียของการมีส่วมร่วมจากภาคประชาชน ซึ่งสอดคล้องกับโลโก้พรรคอนาคตใหม่ที่เป็นสามเหลี่ยมหัวกลับที่ยึดโยงกับประชาชน ทั้งนี้ในเวลา 20.00 น. นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ จะเดินทางมาร่วมงาน Hackafuture ที่ศูนย์ฯอนาคตใหม่ธนบุรีอีกด้วย

“บิ๊กป้อม”เชียร์”บิ๊กแดง” เป็นนายกฯต่อจาก”บิ๊กตู่”

People Unity : “บิ๊กป้อม”เชียร์”บิ๊กแดง” เป็นนายกฯต่อจาก”บิ๊กตู่” ยันงบประมาณด้านความมั่นคงมีรายละเอียดชัดเจนอยู่แล้ว

วันที่ 19 ต.ค.2562 ที่รัฐสภา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีฝ่ายค้านอภิปรายโจมตีงบประมาณด้านความมั่นคง ที่ไม่ได้มีการลงรายละเอียด เนื่องจากเกรงใจพล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ว่า คงไม่ เพราะในงบประมาณก็มีรายละเอียดชัดเจนอยู่แล้ว ส่วนที่ยังไม่ชัดเจนนั้น เป็นเพราะบางอย่างยังไม่มีความชัดเจนว่าจะเอาไปทำอะไร เป็นการกำหนดเอาไว้แบบกว้างๆ

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่พรรคฝ่ายค้านตั้งข้อสังเกตว่ามีการเพิ่มค่าตอบแทนให้ทหารชั้นนายพล ตำแหน่งพิเศษใช้งบประมาณสูงถึง 70 เปอร์เซ็นต์ หรือ 7 พันล้านบาทต่อเดือนพล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ตนไม่ทราบ ขอไปตรวจสอบก่อน แต่เท่าที่ดูไม่น่าจะมี เชื่อว่าคงไม่น่าจะมีการเพิ่มให้ทหารชั้นนายพล มีเพียงค่าปฎิบัติหน้าที่อย่างเดียว

เมื่อถามว่ามั่นใจหรือไม่ว่าการโหวตร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 จะเกิน 250 เสียง พล.อ.ประวิตร ย้อนถามสื่อมวลชนว่า “แล้วคุณว่าอย่างไร”

เมื่อถามว่านอกจากเสียงของรัฐบาลแล้วยังมีเสียงของพรรคฝ่ายค้านมาช่วยสนับสนุนหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวพร้อมอมยิ้มว่า “ยังไม่รู้”

เมื่อถามอีกว่าแต่ท่านยิ้ม พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ผมก็ยิ้มแบบนี้มาตลอดอยู่แล้ว”

ต่อข้อถามถามว่าก่อนหน้านี้ฝ่ายค้านโจมตีผบ.ทบ.ภายหลังบรรยายายพิเศษในหัวข้อ “แผ่นดินของเราในมุมมองด้านความมั่นคง” พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า จะให้ทำอย่างไรได้ ท่านก็ตั้งใจดี

ผู้สื่อข่าวถึงประเทศฝ่ายค้านคาดเดาว่า พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. จะเป็นนายกรัฐมนตรีต่อจาก พล.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมหรือ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ก็ไม่รู้สิ แต่ถ้าเป็นได้ก็ดี” ก่อนจะหัวเราะและเดินเข้าห้องประชุม

“ชวลิต”จี้รัฐรีบตั้งห้องแล็บด่านเชียงของตรวจผักผลไม้จีนอาจปนเปื้อสารเคมี

People Unity : “ชวลิต”จี้รัฐรีบตั้งห้องแล็บที่ด่านเชียงของใน 1 ธ.ค.62 หรือระงับการนำเข้าผัก ผลไม้จากจีนไว้ก่อน

วันที่ 25 ต.ค.2562 นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส. นครพนม ในฐานะประธานคณะ กมธ.วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางควบคุมการใช้สารเคมีในภาคเกษตรกรรม สภาผู้แทนราษฏร ให้ความเห็นภายหลังคณะกรรมการวัตถุอันตรายมีมติแบน 3 สารพิษร้ายแรงในภาคเกษตรกรรม คือ พาราควอต คลอร์ไพริฟอส และไกลโฟเซต โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2562 ว่า ยังมีผัก ผลไม้ ที่ไทยนำเข้าจากจีนผ่านด่านเชียงของ จ.เชียงราย ป้อนผู้บริโภคชาวกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยในปี 2561 ผัก ที่นำเข้าจากจีนผ่านด่านเชียงของ มีมูลค่า ปีละกว่า 2,600 ล้านบาท ผลไม้ มีมูลค่าปีละ 2,450 ล้านบาท สำหรับในปี 2562 แม้ยังไม่สิ้นปี ผัก มีการนำเข้าเพิ่มขึ้น 23% คิดเป็นมูลค่า 3,200 ล้านบาท และผลไม้มีมูลค่ากว่า 2,800 ล้านบาท

ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า ที่ด่านเชียงของไม่มีห้องแล็บสำหรับสุ่มตรวจผัก ผลไม้ จากจีนว่ามีสารเคมีปนเปื้อนเกินค่ามาตรฐานหรือไม่ อย่างไร นับว่าเป็นความบกพร่องของส่วนราชการในการคุ้มครองความปลอดภัยของผู้บริโภคอย่างยิ่ง ดังนั้น เพื่อคุ้มครองผู้บริโภคให้ปลอดภัยจากสารเคมีอันตราย เมื่อมีมาตรการควบคุมการใช้สารเคมีในประเทศดังที่คณะกรรมการวัตถุอันตรายได้มีมติดังกล่าวแล้ว นั้น ผัก ผลไม้ ที่นำเข้าจากต่างประเทศ รัฐบาลก็ควรมีมาตรการที่จะคุ้มครองผู้บริโภคให้ปลอดภัยจากสารเคมีที่อาจปนเปื้อนเกินค่ามาตรฐานด้วยเช่นกัน

“จึงขอเสนอให้รัฐบาลเร่งจัดตั้งห้องแล็บที่ด่านเชียงของ จะเป็นห้องแล็บถาวร หรือเคลื่อนที่ หรือจะใช้บริการห้องแล็บจากภาคเอกชน ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง โดยขอให้เริ่มดำเนินการสุ่มตรวจได้ในวันที่ 1 ธันวาคม 2562 เช่นกัน หากไม่สามารถดำเนินการได้ภายในเวลาดังกล่าว ก็ควรระงับการนำเข้าผัก ผลไม้ จากจีนไว้ชั่วคราวจนกว่าการจัดตั้งห้องแล็บจะเรียบร้อย ทั้งนี้ เพื่อคุณภาพชีวิตของประชาชนคนไทยเป็นเป้าหมายสำคัญสูงสุด” นายชวลิต กล่าว

หาบเร่แผงลอยเฮ! มท.เปิดพื้นที่ให้ขายของได้มากขึ้น

People Unity News : มท.1 ผ่อนผันหาบเร่แผงลอยขายของได้มากขึ้น เน้นสร้างสมดุลระหว่างผู้ค้าและผู้ใช้ทางเท้า อ้างส่งเสริมเศรษฐกิจฐานรากกระตุ้นท่องเที่ยว ขณะที่ กทม.เตรียมเปิดถนนคนเดินพื้นที่ถนนสีลม-เยาวราช

วันที่ 25 พฤศจิกายน 2562 ที่กระทรวงมหาดไทย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมหารือแนวทางการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการหาบเร่แผงลอยบนทางเท้า โดยมี นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายสกลธี ภัททิยกุล รองผู้ว่าฯกทม. นายวัลลภ สุวรรณดี ประธานที่ปรึกษาผู้ว่าฯกทม.นายประยูร รัตนเสนีย์ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผบช.น. พ.ต.อ.กุลเชษฐ์ บางพลาญ รองผบก.จร. ผู้แทนสำนักเทศกิจ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุม

พล.อ.อนุพงษ์ เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลได้กำหนดนโยบายในการจัดระเบียบสังคม เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน โดยได้ดำเนินการจัดระเบียบสังคมในทุกมิติ รวมถึงการจัดระเบียบหาบเร่-แผงลอยในพื้นที่กทม. และทุกจังหวัดทั่วประเทศ มาอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้เพื่อเป็นการช่วยเหลือผู้ประกอบการหาบเร่แผงลอยในพื้นที่กทม.และเป็นการส่งเสริมเศรษฐกิจฐานรากให้แก่ผู้ประกอบการค้าขายหาบเร่แผงลอยในปัจจุบัน ให้มีช่องทางในการประกอบอาชีพ สร้างรายได้จุนเจือครอบครัว จึงได้มอบนโยบายให้กับกทม.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กำหนดแนวทางการช่วยเหลือผู้ประกอบการ ภายใต้หลักการ “สร้างสมดุลระหว่างผู้ค้าขายและผู้ใช้ทางเท้า” โดยผู้ประกอบการหาบเร่แผงลอย ต้องจำหน่ายสินค้าที่สะอาด ถูกสุขลักษณะ มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย รวมทั้งไม่กระทบสิทธิประชาชนผู้ใช้ทางเท้าจนเกินไป และมีช่องทางเดินให้กับผู้ใช้ทางเท้าอย่างสะดวกและปลอดภัย

ด้าน นายสกลธี กล่าวว่า จะเร่งดำเนินการในการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการหาบเร่แผงลอยในพื้นที่กทม.บนพื้นฐานของการส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก และความเดือดร้อนของประชาชนตามนโยบายของรมว.มหาดไทย โดยดำเนินการ 2 ลักษณะ คือ 1. กำหนดรูปแบบพื้นที่ค้าขายแบบถนนคนเดิน (Walking Street) ในพื้นที่สำคัญของกทม. 2 จุด คือ บริเวณถนนเยาวราช และ ถนนสีลม ภายในกลางเดือนธ.ค. 2562 และในพื้นที่อื่น ๆ ต่อไปในรูปแบบต่าง ๆ ตามความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากและส่งเสริมการท่องเที่ยว

2. การผ่อนผันในพื้นที่อื่น ๆ กทม.จะหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กองบัญชาการตำรวจนครบาล เพื่อกำหนดจุดที่มีความเหมาะสม ทั้งนี้ กทม.จะเร่งจัดทำแผนการจัดระเบียบสังคมนำเสนอคณะกรรมการบรรเทาผลกระทบจากการจัดระเบียบสังคม

สำหรับ ในพื้นที่ส่วนภูมิภาค ในขณะนี้จังหวัดต่าง ๆ ได้มีมาตรการในการจัดระเบียบสังคมแล้ว และได้ชี้แจงประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการ เพื่อสร้างความเป็นระเบียบเรียบร้อยและส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยเฉพาะพื้นที่ชายหาด และพื้นที่สาธารณะ ซึ่งกระทรวงมหาดไทยจะรวบรวมเสนอคณะกรรมการฯ ต่อไป

“ประยุทธ์” เป็นห่วงทั้งหนี้ครูและหนี้นักเรียน

People Unity News : นายกฯ ติดตามมาตรการแก้หนี้ภาคประชาชน กยศ. เตรียม 3.8 หมื่นล้านบาท รองรับผู้กู้ปีการศึกษา 2564 ไม่ต้องมีคนค้ำ ขณะที่ ธ.ออมสิน จัด “มหกรรมผ่อนปรนการชำระหนี้ครู” ถึง 30 มิ.ย.นี้

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยถึงแนวทางการช่วยเหลือนักเรียนนักศึกษาที่มีความจำเป็นต้องกู้เงินเพื่อการศึกษา โดยกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ได้เตรียมเงินไว้ 3.8 หมื่นล้านบาทรองรับผู้กู้ในปีการศึกษา 2564 จำนวน 6.24 แสนคน ขณะที่สถานการณ์โควิด-19 ส่งผลให้ผู้กู้มีความยากลำบากในการหาผู้ค้ำประกัน กยศ. จึงได้ยกเลิกกำหนดที่ให้มีผู้ค้ำประกันการชำระเงินคืนกองทุน ในสัญญากู้ยืมเงินใหม่ตั้งแต่ปีการศึกษา 2564  โดยได้ปล่อยกู้ไปแล้วกว่า 3 พันล้านบาทและอยู่ระหว่างการพิจารณาอนุมัติอีกส่วนหนึ่ง รัฐบาลโดย กยศ. ยืนยันมีวงเงินเหลือพร้อมให้การสนับสนุนสำหรับนักเรียนนักศึกษาที่มีคุณสมบัติครบตามเงื่อนไข

สำหรับมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ กยศ. ขณะนี้มีลูกหนี้ 3.6 ล้านคนและผู้ค้ำประกัน 2.8 ล้านคน โดย กยศ. ออกมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ครอบคลุมทุกกลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่ยังไม่ถูกดำเนินคดี คือ 1) ลดดอกเบี้ยเหลือ 0.01% ต่อปี สำหรับผู้กู้ที่ไม่เคยผิดนัด 2) ลดเบี้ยปรับ 100% สำหรับผู้กู้ที่ชำระหนี้ปิดบัญชี 3) ลดเบี้ยปรับ 80% สำหรับผู้กู้ที่ชำระหนี้ค้างทั้งหมด 4) ลดเงินต้น 5% สำหรับผู้กู้ที่ไม่เคยผิดนัดและชำระหนี้ปิดบัญชีในคราวเดียว 5) ลดอัตราการคิดเบี้ยปรับเหลือ 0.5% กรณีไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด ซึ่งมาตรการดังกล่าวข้างต้นจะมีผลถึง 31 ธ.ค.ปีนี้  สำหรับกรณีผู้กู้ผิดนัดชำระหนี้ ประจำปี 2563 และ 2564 กยศ. จะชะลอการฟ้องคดีไปจนถึง 31 มี.ค.ปีหน้ายกเว้นคดีที่จะขาดอายุความในปีนี้พร้อมงดการขายทอดตลาด กรณีที่ถูกบังคับคดีจนถึงสิ้นปีนี้ กยศ. จะงดการขายทอดตลาด ส่วนผู้กู้ยืมเงินที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะได้รับการพักชำระหนี้เป็นเวลา 2 ปี  ทั้งนี้ ลูกหนี้ กยศ. ยังจะได้รับความช่วยเหลือเพิ่มเติมตามข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษามาตรการอย่างรอบคอบก่อนประกาศใช้ อาทิ การปรับโครงสร้างหนี้ ลดเงินงวด ยืดเวลาผ่อนชำระ เป็นต้น ขณะเดียวกัน เบื้องต้นธนาคารออมสินได้ออกมาตรการช่วยเหลือครูและบุคลากรทางการศึกษาจัด “มหกรรมผ่อนปรนการชำระหนี้ครู” ยับยั้งสถานะไม่ให้เป็น NPL ส่งผลเสียทางเครดิต และกระทบต่อหน้าที่ราชการได้ในอนาคต โดยเลือกจ่ายดอกเบี้ยบางส่วน ตามแผนการชำระหนี้ที่ธนาคารกำหนด เป็นระยะเวลา 12 เดือน หรือนานที่สุดไม่เกินวันที่ 31 ธ.ค. 66 เปิดให้แจ้งความประสงค์ถึงวันที่ 30 มิ.ย. 64

“พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ห่วงใยหนี้ครู บุคลากรทางการศึกษา และหนี้นักเรียนที่หยั่งลึกมานาน เน้นให้มีมาตรการแก้หนี้ที่เป็นระบบและเห็นผลอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อบรรเทาวิกฤตหนี้สินภาคประชาชนให้มากที่สุด พร้อมเร่งสร้างวินัยและความรู้ทางการเงินที่ถูกต้องให้กับประชาชน ซึ่งจะเป็นการแก้ปัญหาหนี้อย่างยั่งยืน” นางสาวรัชดากล่าว

Advertising

“พปชร.”หนุนเต็มสูบ! ยืดแบนสารเคมีเกษตรกรได้มีเวลาปรับตัว

People Unity News : “สัมฤทธิ์”ส.ส.ชัยภูมิ พรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วยส.ส.กลุ่มตัวแทนเกษตรกร เชื่อยืดแบนสารเคมีเป็นเรื่องดีเกษตรกรได้มีเวลาปรับตัว ป้อง “สุริยะ” ไม่ใช่คนตัดสินใจคนเดียวแต่เป็นมติจากคกก.

ที่รัฐสภา นายสัมฤทธิ์ แทนทรัพย์ ส.ส.ชัยภูมิ พรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วยส.ส.กลุ่มตัวแทนเกษตรกร แถลงว่า ขอขอบคุณคณะกรรมการวัตถุอันตราย ที่มีมติขยายการแบนสารอันตราย 2 ชนิด ออกไป 6 เดือน และยกเลิกการแบนสารไกลโฟเซต ซึ่งเป็นการสร้างโอกาสให้เกษตรกรได้ปรับตัวเนื่องจากที่ผ่านมา 10 กว่าปี เกษตรกรใช้สาร 3 ชนิดดังกล่าวมาตลอด เกษตรกรจะลำบากหากเราหักด้ามพร้าด้วยเข่า พวกเราไม่ได้คัดค้านการแบนสารเคมีดังกล่าว ซึ่งเราต้องให้กำลังใจกรมวิชาการเกษตรในการหาสารทดแทนที่เหมาะสม หากกรมวิชาการเกษตรหาสารทดแทนที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพจะเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องเกษตรกรและประชาชนผู้บริโภค การยกเลิกสารเคมีนี่ไม่ใช่ครั้งแรก กระทรวงอุตสาหกรรมเคยมีประกาศยกเลิกมาแล้วกว่า 100 ชนิด จากวันนั้นถึงวันนี้ เกษตรกรไม่ได้ใช้สารเคมีน้อยลง ยังมีสารเคมีอีกจำนวนมากที่อยู่ในท้องตลาด ประชาชนไม่ได้เป็นมะเร็งน้อยลงเลย

“วันนี้คนกลุ่มหนึ่งคิดว่าเมื่อยกเลิกสารเคมี 3 ตัวดังกล่าวแล้วจะทำให้พวกเขาปลอดภัยจากการซื้อผักผลไม้ในตลาดมารับประทาน แต่ข้อเท็จจริงไม่ใช่ ยังมีการใช้สารเคมีตัวอื่นที่เรายังไม่ได้ยกเลิก ผมอยากให้กรมวิชาการเกษตรหาสารทดแทนที่เหมาะสม และเชื่อว่าวันหนึ่งพี่น้องคนไทยจะปลอดจากสารพิษ การสอนให้เกษตรกรรู้วิธีการใช้สารอย่างปลอดภัยทั้งต่อตัวเอง สิ่งแวดล้อม และสร้างจิตสำนึกที่ดีต่อกัน” นายสัมฤทธิ์ กล่าว

นายสัมฤทธิ์ กล่าวอีกว่า ตนขอนุญาติชี้แจงให้สังคมเข้าใจว่า เวลานี้อาจมีความเข้าใจผิดถึงการขยายเวลาแบนสารพิษไม่ใช่การตัดสินใจของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม เพียงคนเดียวตามกระแสข่าวที่เกิดขึ้น แต่ในความเป็นจริงนั้นเป็นมติจากคณะกรรมการฯ ซึ่งเป็นการพูดคุยและหารือกันของผู้เชียวชาญจากทุกๆด้าน และการที่ตนต้องชี้อแจงเพราะที่ผ่านมานายสุริยะ แสดงท่าทีเคียงข้าง และยึดประโยชน์ของประชาชนมาตลอด ดังนั้นเชื่อว่าอีกไม่นานทุกฝ่ายจะหาทางออกเพื่อประโยชน์สูงสุดต่อเกษตรกร และผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน รวมทั้งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมหลายประเภท เช่น อาหารสัตว์และน้ำมันพืช นอกจากนี้ยังทราบมาว่าคณะกรรมการฯจะมีการพิจารณาถึงสารเคมีอื่นๆอีกหลายชนิดด้วย เพื่อความปลอดภัยที่แท้จริงของประชาชน

“บิ๊กตู่”ไม่ขัดข้องเลื่อนแบนสารเคมียันพรรคร่วมฯไม่ขัดแย้ง

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวว่า ตนไม่ได้ขัดข้องในเรื่องเหล่านี้ และ เรื่องนี้ไม่ได้มีความขัดแย้งอะไรกัน ตนมองเรื่องของสุขภาพประชาชนและผู้บริโภคเป็นหลัก จากนี้ต้องดูรายละเอียดอีกครั้ง แต่เมื่อคณะกรรมการวัตถุอันตรายพิจารณาอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น ต้องหาวิธีการ และมาตรการให้เหมาะสม แม้จะเลื่อนหรือไม่เลื่อน ก็ขอให้ไปพูดคุยกัน ตนไม่สามารถสั่งการเรื่องนี้ได้อยู่แล้ว เพราะเป็นเรื่องของคณะกรรมการ และกระทรวงที่เกี่ยวข้อง โดยจะต้องหาวิธีการที่เหมาะสม เพื่อลดความขัดแย้งและลดปัญหากับภาคการเกษตรด้วย

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่มีความขัดแย้งระหว่างพรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคพลังประชารัฐ ตนกำลังหาวันเวลาที่เหมาะสมเพื่อรับประทานอาหารร่วมกับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล

“ครม.”หว่าน! เกี่ยวข้าวไร่ละ 500 บาท กองทุนหมู่บ้าน 2 แสน กระตุ้นเศรษฐกิจปี2562

People Unity News : “ครม.”ไฟเขียวมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2562 รวม 3 มาตรการ ทั้งดูแลฐานราก เกษตรกร และกระตุ้นซื้อบ้าน

วันที่ 26 พฤศจิกายน 2562 นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมครม.เห็นชอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในปี 2562 ให้มีการเจริญเติบโตและขยายผลอย่างต่อเนื่อง รวม 3 มาตรการ มาตรการแรก โครงการเพิ่มความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก มี 3 โครงการย่อย ได้แก่ โครงการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานระดับหมู่บ้าน โดยจัดสรรเงินให้แก่กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองที่ได้รับการประเมินอยู่ในระดับ A B และ C จำนวน 71,742 แห่ง แห่งละไม่เกิน 200,000 บาท ผ่านสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติภายใต้วงเงินรวม 14,348.4 ล้านบาท , โครงการสินเชื่อธุรกิจชุมชนสร้างไทย โดยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สนับสนุนสินเชื่อวงเงินรวม 50,000 ล้านบาท คิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ร้อยละ 0.01 ต่อปี เป็นระยะเวลา 3 ปี และ โครงการพักชำระหนี้สมาชิกกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองตามความสมัครใจ

มาตรการที่ 2 ช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ผ่านโครงการช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าว ปีการผลิต 2562/63 ไร่ละ 500 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 20 ไร่ หรือครัวเรือนละไม่เกิน 10,000 บาท และโครงการโดยสนับสนุนต้นทุนการผลิตให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต 2562/63 พร้อมทั้งขยายระยะเวลาการจ่ายเงินให้เกษตรกรจากเดิมสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2562 เป็นสิ้นสุดวันที่ 30 เมษายน 2563 เนื่องจากมีเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวปี 2562 กับกรมส่งเสริมการเกษตรมากกว่าที่คาดการณ์ไว้

ส่วนมาตรการสุดท้าย เป็นมาตรดารลดภาระการซื้อที่อยู่อาศัย ภายใต้โครงการ “บ้านดีมีดาวน์” เพื่อเป็นการลดภาระ และสนับสนุนให้ประชาชนทั่วไปมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง โดยภาครัฐสนับสนุนเงินเพื่อลดภาระการผ่อนดาวน์ (Cash Back) จำนวน 50,000 บาท ต่อราย ทั้งนี้ ผู้เข้าร่วมมาตรการต้องเป็นผู้ที่มีรายได้ไม่เกิน 100,000 บาทต่อเดือน หรือไม่เกิน 1,200,000 บาทต่อปี ผู้ที่อยู่ในระบบฐานภาษีอากรของกรมสรรพากร จำนวน 100,000 ราย และผ่านเกณฑ์ ตามแนวทางที่กระทรวงการคลังกำหนด ระยะเวลาโครงการตั้งแต่วันที่ 27 พ.ย. 62 – 31 มีนาคม 2563 โดยคลังจะเปิดให้ลงทะเบียน 11 ธ.ค.นี้

“พล.อ.ประวิตร” สั่งกวาดล้างเว็บพนันออนไลน์ทั้งหมด

People Unity News : 31 กรกฎาคม 2565 “พล.อ.ประวิตร” สั่งดีอีเอสกวาดล้างปิดเว็บพนันออนไลน์ทั้งหมด หลังพบผลกระทบเด็กและเยาวชนจำนวนมาก

พล.อ.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้รับรายงานถึงปัญหาและผลกระทบจากเว็บไซต์พนันออนไลน์ ซึ่งปัจจุบันพบแฝงกระจายอยู่ในสื่อสังคมออนไลน์จำนวนมากและเข้าถึงง่ายขึ้น ประกอบกับมีการร้องเรียนจากประชาชนหลายราย ถึงการถูกข่มขู่ คุกคามและผลกระทบกับลูกหลาน รวมทั้งเด็กและเยาวชนจำนวนมาก ที่เข้าไปเกี่ยวข้องและติดการพนันออนไลน์ ส่งผลต่อพฤติกรรมและพัฒนาการของเด็กและเยาวชน รวมทั้งตามมาด้วยปัญหาต่างๆ ทั้งสภาวะทางจิต การเรียน ปัญหาครอบครัว การกระทำผิดกฎหมาย ซึ่งภาพรวมแนวโน้มมีอัตราการฆ่าตัวตายสูง

พล.อ.ประวิตร ได้สั่งการ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ประสานตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งเข้าไปตรวจสอบ พิสูจน์ทราบและทำการปิดกั้นเว็บไซต์พนันออนไลน์ที่มีอยู่ทั้งหมดโดยเร็ว ใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งให้ขยายผลเปิดปฏิบัติการกวาดล้างจับกุมผู้กระทำผิดที่อยู่เบื้องหลังและเกี่ยวข้องกับเว็บไซต์พนันออนไลน์ทั้งหมดที่มีอยู่ในประเทศ นำไปสู่การยึดทรัพย์ ทำลายเครือข่ายที่มีทั้งหมดให้เห็นผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว

พร้อมกันนี้ ให้เปิดช่องทางการมีส่วนร่วมและเชิญประชาชน ร่วมตรวจสอบ ค้นหาและแจ้งเบาะแส นำสู่การบังคับใช้กฎหมายในทุกช่องทางที่มีอยู่ และให้รายงานผลพัฒนาการให้ทราบในทุกเดือน ทั้งนี้ ขอให้ตำรวจพื้นที่และกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เข้าไปช่วยเหลือ คุ้มครองดูแล ให้คำปรึกษา แนะนำครอบครัวผู้ได้รับผลกระทบจากการพนันไปพร้อมกัน เพื่อลดปัญหาครอบครัวและผลกระทบทางสังคมที่เกิดขึ้น

Advertisement

“ไทยคม5″ระส่ำ! “เศรษฐพงค์” จี้ยึดคืนคลื่น 3.5 GHzในสภาฯหลังหมดสัมปทาน

People Unity News : “ไทยคม5” ระส่ำ! “เศรษฐพงค์” จี้ยึดคืนคลื่น 3.5 GHz หลังหมดสัมปทาน ลั่น 5Gไทย ต้องทัดเทียมมาตรฐานโลก วอน “ดีอีเอส-กสทช.” เปิดประมูลคลื่น 3.5GHz เพื่อคนไทยได้ใช้ 5G เต็มคุณภาพ ระบุ เป็นประโยชน์ต่อระบบการแพทย์-ศก.ดิจิทัล สอดคล้องนโยบายรัฐ เตือนทำ “พีพีพี” ดาวเทียมไทยคม 5 ต้องรอบคอบ เปิดกว้าง โปร่งใส

เมื่อวันที่ 6 พ.ย.2562 ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เป็นวาระการหารือ โดย พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิจไทย ขอหารือต่อที่ประชุมว่า วันนี้ตนมีเรื่องหารือที่เกี่ยวข้องกับการขับเคลื่อนเทคโนโลยีด้านสาธารณสุข ซึ่งเรื่องดังกล่าวนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข มีความเป็นห่วงและติดตามอย่างใกล้ชิด ก่อนอื่นต้องขอของคุณนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือดีอีเอส และทาง กสทช. ที่มีความตั้งใจและร่วมมือกัน เพื่อจัดประมูลคลื่นความถี่สำหรับ 5G ในช่วงต้นปี 2563 ซึ่งจะสอดคล้องกับการพัฒนาประเทศในทุกมิติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการแพทย์ การสาธารณสุข ที่จะสามารถยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในอนาคตอันใกล้ แต่ประเด็นสำคัญที่ตนจะเน้นย้ำคือเรื่องคลื่นความถี่สำหรับ 5G โดยในปัจจุบันประเทศต่างๆ ทั่วโลกมีทิศทางหันไปใช้คลื่นความถี่ย่าน 3.5GHz ที่เป็นมาตรฐานสากลโดยสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ หรือ ITU ได้กำหนดไว้เช่นกัน และจะมีการผลิตอุปกรณ์หลักๆ มากมายบนย่าน 3.5GHz ดังกล่าวมากกว่าในย่านความถี่อื่นๆ

พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ กล่าวต่อว่า แต่ในแผนการประมูลคลื่นความถี่ที่จะเกิดขึ้นในต้นปีหน้าที่ กสทช. ได้ประกาศออกมานั้น ไม่ได้มีคลื่นความถี่ในย่าน 3.5GHz เลย จึงถือว่าเป็นความเสี่ยงอย่างมาก เนื่องจากถึงแม้ว่าจะสามารถนำคลื่นความถี่อื่นมาใช้ทำ 5G ได้ แต่อุปกรณ์ต่างๆ ที่ทั่วโลกผลิตมาอย่างแพร่หลายไม่ได้อยู่บนคลื่นความถี่เหล่านี้เป็นหลัก การใช้คลื่นความถี่ย่าน 2600 และ 700MHz ยังมีข้อจำกัดในเรื่องของจำนวนผู้ให้บริการ 5G ที่ยังมีไม่แพร่หลายนัก หากประเทศไทยใช้คลื่นความถี่ที่ไม่ได้รับความนิยม จะก่อให้เกิดปัญหาในเรื่องอุปกรณ์ปลายทาง คือโทรศัพท์มือถือ หรืออุปกรณ์ 5G อื่นๆ ที่ไม่มีในท้องตลาด ส่งผลให้ประชาชนต้องใช้อุปกรณ์ที่จะมีราคาสูง

“ดังนั้นผมเห็นว่าควรเร่งการจัดสรรคลื่นความถี่ย่าน 3.5GHz ซึ่งในปัจจุบันคือย่านความถี่ Extended C-Band ที่ใช้ในดาวเทียมไทยคม 5 ในการให้บริการทีวีดาวเทียมเป็นส่วนใหญ่ และปัจจุบันนี้กำลังได้รับความนิยมลดน้อยลง จึงทำให้หลายประเทศก็ได้มีการเรียกคืนความถี่ย่าน 3.5GHz นี้จากดาวเทียมและนำมาจัดสรรเป็นความถี่สำหรับเทคโนโลยี 5G ที่มีประโยชน์ต่อประชาชนมากกว่า ประเทศไทยไม่ควรให้ความหวัง 5G บนคลื่นความถี่อื่น ที่ไม่ใช่ 3.5GHz ที่ถือว่าเป็นความถี่หลักของ 5G ดังนั้น กระทรวงดีอีเอส และ กสทช. ควรเร่งนำคลื่น 3.5GHz มาร่วมประมูลด้วย เพื่อให้ 5G ไทยเทียบเท่ามาตรฐานโลก สามารถรองรับอุปกรณ์จากทั่วโลกที่มีราคาถูกลงอย่างรวดเร็วจนสามารถสร้างเศรษฐกิจดิจิทัลตามนโยบายของรัฐบาลได้” พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ กล่าว

พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ กล่าวว่า สำหรับดาวเทียมไทยคม 5 กำลังจะหมดสัญญาสัมปทานในปี 2564 ได้ใช้ความถี่ย่าน 3.5GHz ซึ่งถูกนำมาใช้ในการให้บริการทีวีดาวเทียมเป็นส่วนใหญ่ แต่ปัจจุบันนี้กำลังได้รับความนิยมลดน้อยลง ตัวอย่างเช่น ในหลายประเทศก็ได้มีการเรียกคืนความถี่ย่าน 3.5GHz นี้จากดาวเทียมและนำมาจัดสรรเป็นความถี่สำหรับเทคโนโลยี 5G แล้ว ดังนั้นประเทศไทยจึงควรพิจารณาหาแนวทางในการวางแผนการเรียกคืนคลื่นความถี่ย่าน 3.5GHz เพื่อนำมาจัดสรรให้กับ 5G เพื่อให้ประเทศชาติและประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุด ตนจึงขอฝากท่านประธาน ไปยังผู้เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกระทรวงดีอีเอส, กสทช. และคณะกรรมการ 5G แห่งชาติ ที่กำลังจะเกิดขึ้น ช่วยพิจารณาประเด็นดังกล่าว และกรุณาแจ้งแนวทางการดำเนินงานให้ทางรัฐสภาทราบในโอกาสต่อไป

พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า เมื่อดาวเทียมไทยคม5 หมดสัญญาสัมปทานในปี 2564 แล้ว จะต้องมีการดำเนินการตาม พ.ร.บ. การร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (พีพีพี) ซึ่งกระทรวงดีอีเอส และทาง กสทช. จะต้องปฏิบัติตามกฎหมายและมีนโยบายที่เปิดกว้างและดำเนินการอย่างโปร่งใส เพื่อให้ประชาชนและประเทศชาติได้รับประโยชน์สูงสุด ทั้งนี้ ในส่วนสถานีภาคพื้นดิน (Ground Station) ที่ถูกสร้างในช่วงเวลาสัมปทาน ทั้งที่ตั้งไว้ในประเทศและต่างประเทศ เมื่อมีการเปลี่ยนผ่านจากระบบสัมปทานไปยังระบบใบอนุญาต จะทำให้ทรัพย์สินทั้งหมด ต้องถูกส่งมอบให้กับกระทรวงดีอีเอส เพื่อนำไปบริหารจัดการต่อ ซึ่งในส่วนนี้ทางกระทรวงดีอีเอส จะนำมาเป็นทรัพย์สินของรัฐในการเจรจา พีพีพี ด้วยหรือไม่ ตรงนี้ทางกระทรวง ดีอีเอส กสทช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะต้องมีการดำเนินการอย่างรอบคอบ โปร่งใส เพื่อผลประโยชน์สูงสุดแก่พี่น้องประชาชน

Verified by ExactMetrics