วันที่ 16 เมษายน 2024

ขอทรงพระเจริญ วันคล้ายวันประสูติ ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ 5 เมษายน 2562

People Unity : ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี (พระนามเดิม สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี; ประสูติ: 5 เมษายน 2494) เป็นพระราชธิดาพระองค์ใหญ่ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช กับสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และเป็นพระเชษฐภคินีพระองค์เดียวในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร

หลังจากทรงสำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรี ณ สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ ประเทศสหรัฐอเมริกาแล้ว ทรงประกาศลาออกจากฐานันดรศักดิ์เป็นสามัญชน เพื่อเข้าพระพิธีเสกสมรสกับปีเตอร์ แลดด์ เจนเซน ในพระบรมหาราชวังตามพระราชประเพณี แล้วเสด็จไปประทับด้วยพระสวามี ณ สหรัฐอเมริกา เมื่อ พ.ศ.2515 ก่อนจะเสด็จนิวัตประเทศไทยเป็นการถาวรเมื่อ พ.ศ.2544 โดยหลังเสด็จนิวัตประเทศไทยเป็นการถาวร พระองค์ทรงปฏิบัติพระกรณียกิจในด้านการรณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ทรงช่วยเหลือราษฎรและให้โอกาส ผู้พิการ เยาวชน ตลอดจนประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติ ทั้งยังทรงแสดงภาพยนตร์ตามบทพระนิพนธ์หลายเรื่อง และทรงเป็นผู้ดำเนินรายการโทรทัศน์

พระประวัติ

ประสูติ ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เป็นพระราชธิดาพระองค์ใหญ่ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ประสูติเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2494 เวลา 23.28 น. ณ โรงพยาบาลมองชัวซีส์ เมืองโลซาน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และได้เสด็จนิวัตพระนคร แล้วประทับ ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต และเมื่อถึงงานพระราชพิธีสมโภชเดือนและขึ้นพระอู่แล้ว พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระอิสริยยศเมื่อประสูติ คือ “สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี” โดยพระนามของพระองค์มาจากพระนามและนามของพระประยูรญาติหลายพระองค์ อันได้แก่

สร้อยพระนาม “สิริ” มาจากพระนามาภิไธยของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ

สร้อยพระนาม “วัฒนา” มาจากพระนามาภิไธยเดิมของสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า คือ สว่างวัฒนา ซึ่งเป็นสมเด็จพระอัยยิกาฝ่ายพระราชชนก

พระนาม “อุบลรัตน์” มีความหมายว่า บัวแก้ว มาจากนามของหม่อมหลวงบัว กิติยากร พระอัยยิกาฝ่ายพระราชชนนี

ทั้งนี้พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงตรัสเรียกว่า “เป้” อันเป็นคำลดรูปของคำว่า ลาปูเป (ฝรั่งเศส: La Poupée) ซึ่งเป็นคำมาจากภาษาฝรั่งเศส แปลว่า ตุ๊กตา ส่วนพระราชวงศ์และบุคคลอื่นๆจะเรียกพระองค์ว่า “ทูลกระหม่อมฟ้าหญิงใหญ่” ส่วนพระอนุชาและพระขนิษฐาจะเรียกพระองค์ว่า “พี่หญิง”

การศึกษา ตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ ทรงเข้ารับการศึกษาขั้นต้นจนสำเร็จจากโรงเรียนจิตรลดา ครั้นทรงสำเร็จมัธยมศึกษา ได้เสด็จไปประทับ ณ ประเทศสหรัฐอเมริกาเพื่อทรงเข้าศึกษาต่อระดับปริญญาตรีจนสำเร็จ ณ สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ เมืองเคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเซตส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ในสาขาวิชาคณิตศาสตร์ และสาขาวิชาวิทยาศาสตร์ ชีวเคมี (Bachelor of Science Degree in Bio-Chemistry) จากนั้น ทรงเข้ารับการศึกษาต่อจนสำเร็จปริญญาโท ณ มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ลอสแอนเจลิส ณ ลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา ในสาขาวิชาสาธารณสุขศาสตร์ (Statistics and Public Health) จนสำเร็จในการศึกษา

การอภิเษกสมรส เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ.2515 สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ทรงลาออกจากฐานันดรศักดิ์แห่งพระราชวงศ์ เพื่อทรงอภิเษกสมรสกับปีเตอร์ แลด เจนเซน ชาวอเมริกัน ในพระบรมหาราชวังตามราชประเพณี และเสด็จประทับอยู่สหรัฐอเมริกา ทั้งทรงเปลี่ยนพระนามเป็น จูลี เจนเซน (อังกฤษ: Julie Jensen) ทั้งสองมีโอรส-ธิดา 3 คน ทั้งหมดเกิดในสหรัฐอเมริกา ได้แก่

คุณพลอยไพลิน เจนเซน (เกิด 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2524)

คุณพุ่ม เจนเซน (นามเดิม: ภูมิ เจนเซน; เกิด 16 สิงหาคม พ.ศ.2526 ต่อมา 26 ธันวาคม พ.ศ.2547 เสียชีวิตจากเหตุการณ์คลื่นสึนามิอันเกิดจากแผ่นดินไหวในปี พ.ศ.2547)

คุณสิริกิติยา เจนเซน (นามเดิม: ใหม่ เจนเซน; เกิด 18 มีนาคม พ.ศ.2528)

ในปี พ.ศ.2541 ได้ทรงหย่ากับปีเตอร์ เจนเซน กลับมาใช้นามเดิมคือ อุบลรัตน์ มหิดล

การเสด็จนิวัตประเทศไทย เมื่อทรงหย่ากับปีเตอร์ แลด เจนเซน เมื่อ พ.ศ.2541 ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เสด็จนิวัตประเทศไทยและประทับอยู่เป็นการถาวรเมื่อ พ.ศ.2544

ภายหลังเสด็จนิวัตประเทศไทยเป็นการถาวร พระองค์ทรงปฏิบัติพระกรณียกิจนานัปการในด้านการรณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดจนเป็นที่ประจักษ์และยอมรับในระดับประเทศและนานาชาติ นอกจากนี้ยังทรงให้การช่วยเหลือราษฎรและให้โอกาส ผู้พิการ เยาวชน ตลอดจนประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติต่างๆ โดยมีพระดำริให้จัดตั้งมูลนิธิต่างๆขึ้นในการช่วยเหลือและให้โอกาสประชาชน อีกทั้งยังทรงพระปรีชาสามารถในแสดงภาพยนตร์ตามบทพระนิพนธ์หลายเรื่อง เป็นต้นว่า หนึ่งใจ… เดียวกัน (พ.ศ.2551), มายเบสต์บอดีการ์ด (พ.ศ.2552) โดยนำรายได้ทั้งหมดในการจัดฉายภาพยนตร์ดังกล่าวทั้งในประเทศและต่างประเทศไปช่วยเหลือประชาชนและผู้ประสบภัยพิบัติต่างๆทั่วประเทศ และเป็นการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมภาพยนตร์ของไทยในระดับนานาชาติอีกด้วย

พระกรณียกิจ

ด้านสังคมสงเคราะห์ ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ทรงปฏิบัติพระกรณียกิจด้านการช่วยเหลือราษฎรใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ไม่สามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุข โดยทรงตั้งมูลนิธิชีวิตสดใสเป็นองค์การสาธารณกุศล

นอกจากนี้ ยังทรงตั้งมูลนิธิ Miracle of Life เพื่อช่วยเหลือราษฎรที่ประสบปัญหาต่างๆ เช่น ด้านการศึกษา ด้านสังคมสงเคราะห์ ด้านการช่วยเหลือ ด้านการศาสนา โดยได้เสด็จหรือทรงโปรดให้ผู้แทนพระองค์ไปดูความคืบหน้าของโครงการอยู่เป็นประจำ

ด้านเทคโนโลยี พระองค์ทรงเป็นเจ้าฟ้าสมัยใหม่ มีช่องทางสื่อสารกับประชาชนโดยตรง ผ่านแอปพลิเคชัน โซเชี่ยลมีเดีย ชื่อว่า อินสตาแกรม โดยทรงใช้พระนามแฝงว่า Nichax เพื่อโพสต์พระรูปส่วนพระองค์ในพระอิริยาบถต่างๆให้ประชาชนเข้าไปชื่นชม และพูดคุยจนเป็นที่ชื่นชมจากพสกนิกร

ด้านการรณรงค์การแก้ไขปัญหายาเสพติด ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตน์ราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี มีพระดำริให้มีและทรงรับเป็นองค์ประธานโครงการ “TO BE NUMBER ONE” เพื่อรณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานศึกษาทั่วประเทศ และหน่วยงาน องค์กร ชุมชนต่างๆ ตามพระปณิธาน “ทุกคนเป็นหนึ่งได้โดยไม่พึ่งยาเสพติด” มุ่งหมายให้เยาชนใช้เวลาว่างมาร่วมกิจกรรมอันเปิดโอกาสให้กล้าคิด กล้าทำ กล้าแสดงออก นอกจากนี้ ยังมี “ศูนย์เพื่อนใจวัยรุ่น” ซึ่งให้คำปรึกษาและแก้ปัญหาต่างๆของเยาวชน เช่น ปัญหาครอบครัว และปัญหายาเสพติด มีสมาชิกเข้าร่วมโครงการทั้งเยาวชนและผู้ใหญ่มากถึง 31 ล้านคน หรือครึ่งประเทศ

นอกจากนี้ ยังทรงเปิดศูนย์เพื่อนใจวัยรุ่นทั่วประเทศ และเสด็จมาเยี่ยมชมกับพระราชทานรางวัลในการประกวดของชมรมทูบีนัมเบอร์วันและงานรวมพลคนทูบีครั้งใหญ่ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีด้วย

ต่อมา รัฐบาลเม็กซิโกได้กราบทูลเชิญทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เพื่อทรงเป็นองค์ประธานในงานประชุมเยาวชนโลก (World Youth Conference) ประจำปี 2553 ซึ่งจัดขึ้นที่ประเทศเม็กซิโก โดยเม็กซิโกให้ความสนใจโครงการทูบีนัมเบอร์วันและให้การยกย่องว่า เป็นต้นแบบในการป้องกันเยาวชนติดยาเสพติดเป็นผลสำเร็จ และต่างชื่นชมในความเป็นผู้นำที่สร้างสรรค์ของทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี

ด้านเด็กออทิสติก ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตน์ราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ทรงเห็นว่า เด็กออทิสติกไม่ได้เรียนหนังสือ จนทำให้เป็นคนไม่ปกติ จึงทรงตั้งมูลนิธิคุณพุ่มขึ้นเมื่อ พ.ศ.2548 ภายหลังจากที่ คุณพุ่ม เจนเซ่น พระโอรสซึ่งเป็นโรคออทิสติกด้วยนั้น ได้เสียชีวิตลง เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ.2548 บางปียังพระราชทานเงินส่วนพระองค์ให้แก่เด็กออทิสติกนำไปใช้จ่ายเป็นทุนการศึกษาและเพื่อให้เด็กออทิสติกได้พัฒนาตนเอง

ด้านการกีฬา ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี มีพระปรีชาในกีฬาเรือใบ และเคยทรงลงแข่งกับพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเมื่อแปรพระราชฐานยังพระราชวังไกลกังวล อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นอกจากนี้ ทรงเคยเข้าร่วมการแข่งขันเรือใบประเภทโอเค ในฐานะนักกีฬาทีมชาติ ที่งานกีฬาแหลมทองครั้งที่ 4 สนามศุภชลาศัย กรีฑาสถานแห่งชาติ วันที่ 16 ธันวาคม พ.ศ.2510 และทรงทำคะแนนรวมได้เป็นที่ 1 เสมอด้วยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชที่ทรงร่วมการแข่งขันเช่นกัน จึงได้รับพระราชทานเหรียญทองจากสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ร่วมกับพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

ผลงานในวงการบันเทิง

ด้านการแสดงละคร เมื่อปี พ.ศ.2546 ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ได้ทรงละครสองเรื่องแรก คือ กษัตริยา และ มหาราชกู้แผ่นดิน ตามคำกราบทูลเชิญของบริษัทกันตนา ละครทั้งสองออกอากาศสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ เวลา 19:30 นาฬิกา

ต่อมาในปี พ.ศ.2549 ได้ทรงแสดงนำในละครเรื่อง อนันตาลัย ซึ่งทรงประพันธ์เค้าโครงเรื่องด้วยพระองค์เองโดยใช้พระนามแฝงว่า “พลอยแกมเพชร” ละครดังกล่าวออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ไอทีวี

ต่อมาในปี พ.ศ.2559 พระองค์ได้ทรงร่วมแสดงในละครโทรทัศน์ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 คู่ขนานกับ ช่อง 3 HD ช่อง 33 เรื่อง ดาวหลงฟ้า ภูผาสีเงิน ทรงรับบทเป็น “อัมราภาชินี”

การออกรายการโทรทัศน์ ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ได้เสด็จมาทรงถ่ายรายการโทรทัศน์ที่เกี่ยวกับพระองค์เป็นประจำ ตามคำกราบทูลเชิญคณะบุคคลต่างๆ เพื่อออกเผยแพร่ทางโทรทัศน์ โดยเฉพาะรายการที่พระองค์ทรงออกรายการทางโทรทัศน์อยู่เป็นประจำเป็นรายการที่มีความรู้และสาระต่างๆ ที่ประชาชนได้รับชมอยู่จนถึงปัจจุบัน มีทั้งหมด 2 รายการ มีดังนี้

ทูบีนัมเบอร์วัน วาไรตี้ เมื่อ พ.ศ.2550 จนถึงปัจจุบัน ส่งเสริมการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์เพื่อห่างไกลยาเสพติด ผลิตโดย โครงการทูบีนัมเบอร์วันและกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข พระองค์จะออกช่วง Talk to the Princess ตอบจดหมายจากผู้ชม จะออกอากาศทุกวันเสาร์ เวลา 20:30–21:30 นาฬิกา ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย

พรินเซสไดอารี (Princess Diary) เมื่อ พ.ศ.2551 เกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของต่างประเทศ ปัจจุบัน เปลี่ยนรูปแบบใหม่เป็นการสัมภาษณ์ดารารับเชิญในห้องส่ง โดยเล่าประวัติและผลงานของดารารับเชิญ ออกอากาศทุกวันศุกร์ เวลา 23:05–24:00 นาฬิกา ทาง โมเดิร์นไนน์ ทีวี

การแสดงภาพยนตร์ เมื่อ พ.ศ.2551 ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ได้ทรงถ่ายภาพยนตร์เรื่อง หนึ่งใจเดียวกัน เป็นภาพยนตร์เรื่องแรกในพระองค์ จากบทพระนิพนธ์ เรื่องสั้นที่…ฉันคิด ทำรายได้ 50 ล้านบาท ต่อมา ยังทรงแสดงในภาพยนตร์เรื่อง มายเบสต์บอดีการ์ด และ พระนางจามเทวี ภาพยนตร์ทั้งสามได้เข้าฉายในงานเทศกาลหนังเมืองคานส์ โดยเสด็จมาทรงร่วมในพิธีเมื่อ พ.ศ.2551, 2552 และ 2553

ใน พ.ศ.2555 ทรงร่วมแสดงภาพยนตร์อีกสองเรื่อง คือ เรื่อง ว่ายน้ำข้ามทะเลดาว ร่วมกับ โทนี่ รากแก่น เทิดพระเกียรติยศพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชในวันพระราชสมภพ 5 ธันวาคม 2555 เข้าฉายในวันที่ 1–23 ธันวาคม พ.ศ.2555 และเรื่อง ทูเก็ตเตอร์ วันที่รัก ร่วมกับ สหรัถ สังคปรีชา และ ปิยธิดา มิตรธีรโรจน์ เข้าฉายวันที่ 20 ธันวาคม พ.ศ.2555

ด้านการร้องเพลง ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ทรงมีผลงานเพลงหลายผลงานในสังกัดจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ เช่น เพลงประจำโครงการทูบีนัมเบอร์วัน เพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง หนึ่งใจ…เดียวกัน เพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง มาย เบส บอดี้การ์ด เพลง “ทางของฉัน” และเพลง “ผู้ชายคนนั้น” นอกจากนี้ ยังทรงได้รับเชิญเข้าร่วมร้องเพลง “ขวานไทยใจหนึ่งเดียว” เมื่อปี 2547 ด้วย

ใต้ร่มพระบารมี : ขอทรงพระเจริญ วันคล้ายวันประสูติ ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ 5 เมษายน 2562

People Unity : post 5 เมษายน 2562 เวลา 12.00 น.

ประทับใจงาน “อุ่นไอรัก คลายความหนาว” ต้อนรับประชาชนอบอุ่น เป็นแขกของพระเจ้าอยู่หัว

People unity news online : เหลือเวลาอีก ๑๑ วันเท่านั้น กับการจัดงาน “อุ่นไอรัก คลายความหนาว” ซึ่งสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้หน่วยราชการในพระองค์ หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนจัดงานพระราชทานความสุขให้กับประชาชน และเผยแพร่ความงดงามของความเป็นไทยในรูปแบบต่างๆในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร องค์พระมหากษัตริย์ผู้เป็นที่รักเคารพยิ่งของปวงชนชาวไทย ภายใต้ชื่องานว่า “อุ่นไอรัก คลายความหนาว” ณ พระลานพระราชวังดุสิต และสนามเสือป่า ระหว่างวันที่ ๘ กุมภาพันธ์ – ๑๑ มีนาคม ๒๕๖๑ ตั้งแต่เวลา ๑๐.๓๐ – ๒๑.๐๐ น. วันศุกร์และวันเสาร์ ตั้งแต่เวลา ๑๐.๓๐ – ๒๒.๐๐ น.

จึงขอเชิญชวนประชาชนไปร่วมงาน และแต่งกายย้อนยุคสมัยรัชกาลที่ ๕ หรือสวมใส่ผ้าไทย หรือชุดสุภาพตามสมัยนิยม …อีก ๑๑ วันเท่านั้น

เสียงจากผู้เข้าชมงาน คุณสุภาวดี วงษ์เพชร ผู้อำนวยการ สำนักข่าวออนไลน์ พีเพิล ยูนิตี้ และเป็นภรรยาของ พล.อ.พัชราวุธ วงษ์เพชร ผู้ทรงคุณวุฒิกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงความประทับใจของงานอุ่นไอรักฯ ว่า

“ทุกอย่างภายในงานสวยงามมาก พิถีพิถันในการจัดงาน ได้บรรยากาศย้อนยุคจริงๆ และที่ประทับใจที่สุด คือ การต้อนรับ ซึ่งประชาชนทุกคนที่เข้าไปชมงาน จะได้รับการต้อนรับจากเจ้าหน้าที่สำนักพระราชวัง และเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆอย่างดีมาก อบอุ่นด้วยความรัก ความสุภาพ ให้เกียรติกับประชาชนทุกคนเสมือนเป็นบุคคลสำคัญ ตั้งแต่ย่างก้าวแรกที่ขึ้นรถรับส่งของงานเพื่อเข้ามาชมงาน ได้ยินมาว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรับสั่งให้เจ้าหน้าที่ต้อนรับประชาชนที่มาเที่ยวชมงานในฐานะเป็นแขกของพระองค์ ได้ยินแล้วก็ขนลุก ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

People unity news online : post 1 มีนาคม 2561 เวลา 10.00 น.

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทาน 9 แนวทางให้รัฐบาลยึดเป็นหลักปฏิบัติ

People unity news online : เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2560 เวลา 13.00 น. ณ บริเวณห้องโถง ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีว่า เมื่อวาน (7 สิงหาคม) ได้มีโอกาสเข้าเฝ้าสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นการส่วนพระองค์ ซึ่งเป็นการถวายรายงานการทำงานของรัฐบาลตามห้วงระยะเวลา โดยได้ถวายงานในหลายๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านความมั่นคง ด้านเศรษฐกิจ รวมถึงการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยน้ำท่วม สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรับสั่ง สรุปได้ดังนี้

1.ทรงห่วงใยประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยน้ำท่วมทั้งภาคเหลือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทรงรับสั่งให้รัฐบาลช่วยเหลือตามมาตรการต่างๆอย่างรวดเร็ว และทั่วถึง ลดภาระความซ้ำซ้อน สิ่งใดที่สถาบันจะช่วยได้ ก็จะทรงพระราชทานความช่วยเหลือมาให้ อย่างที่ทรงพระราชทานอยู่ปัจจุบันนี้ พร้อมทรงรับสั่งให้แก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนเป็นพื้นที่ๆไป ถ้าไม่สามารถแก้ไขในภาพรวมได้ โดยนายกรัฐมนตรีได้ทูลถวายถึงโครงการแก้ไขปัญหาการบริหารจัดการน้ำภาพรวมของรัฐบาลว่า ติดปัญหาอยู่ที่ประชาชนที่มีส่วนได้ส่วนเสียเรื่องที่ดิน และในพื้นที่ส่วนบุคคล โดยไม่สามารถทำได้ ซึ่งจะมีการหารือเพื่อแก้ไขปัญหาในเรื่องนี้ต่อไป

2.ทรงรับสั่งขอให้ทำให้ประเทศชาติและประชาชนมีความสุข ทั้งการช่วยเหลือ การบรรเทา การจัดระเบียบ การสร้างวินัย การสร้างอุดมการณ์ ขอให้ทำในทุกมาตรการอย่างต่อเนื่อง

3.ให้ช่วยกันรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีไทยแต่โบราณกาลที่เป็นส่วนที่ดีงาม เป็นอัตลักษณ์ของไทย ให้คนมาท่องเที่ยว มาชื่นชม ขอให้รักษาไว้ให้ได้

4.เรื่องภัยคุกคามในรูปแบบต่างๆ อาทิเช่น ภัยคุกคามรูปในแบบเก่า การรักษาอธิปไตย วันนี้น้อยลง ก็มีแต่การรักษาทรัพยากรบนแผ่นดินและบนพื้นน้ำที่เป็นอาณาของประเทศไทย ที่จำเป็นต้องมีกำลังไว้รักษา และภัยคุกคามรูปแบบใหม่ต้องเตรียมมาตรการรองรับให้ดี ให้เป็นสากล

5.ทรงให้เร่งดูแลระบบการศึกษา ซึ่งปัจจุบันได้มีการปฏิรูปการศึกษา เร่งกระบวนการเรียนรู้ ให้คนไทยมีความรู้ สามารถประกอบอาชีพมั่นคง มีความเข้มแข็ง มีหลักคิดที่ถูกต้องในทุกๆเรื่อง จะได้ลดความขัดแย้ง

6.ทรงขอให้ช่วยกันส่งเสริมกลุ่มงานจิตอาสา ซึ่งตนได้สั่งในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีให้กระทรวงมหาดไทย จัดตั้งอาสาสมัครในการดูแลพื้นที่ และความมั่นคง ในลักษณะจิตอาสา หรือทำกิจกรรมสาธารณะ

7.การดูแลประชาชน ให้ความเป็นธรรม กระบวนการยุติธรรมทุกอย่างให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายทุกประการ มีหลักฐานที่ชัดเจน ให้ประชาชนเชื่อมั่นไว้วางใจในกระบวนการยุติธรรมให้ได้

8.ข้าราชการทุกหมู่เหล่า ทรงขอให้ประพฤติตนเป็นแบบอย่าง เป็นแม่แบบให้กับประชาชนให้เคารพศรัทธาเชื่อมั่นในการทำงานเพื่อให้เกิดความร่วมมือ ลดผลกระทบระหว่างกันให้ได้ในการบังคับใช้กฎหมาย

9.ทรงเสียพระทัยในการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 โดยรับสั่งว่าขอให้ช่วยกันสร้างความเข้าใจ ขยายสิ่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ได้ทรงทำไว้มากมายให้ยึดถือเป็นแนวทางปฏิบัติต่อไป ขอให้สำนึกถึงสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พร้อมขอให้นำทุกอย่างที่ทั้งสองพระองค์ได้ทรงริเริ่มนำไปขับเคลื่อน ส่วนพระองค์จะสนับสนุนส่งเสริมรัฐบาลในการทำเพื่อประชาชน

นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไปว่า นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น และโชคดีที่ประเทศไทยมีพระบาทสมเด็จสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 ซึ่งทรงสืบสานพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถต่อไป ขอให้คนไทยทุกคนช่วยกันรักษา ให้ใช้การสูญเสียในครั้งนี้ เปลี่ยนแปลงประเทศไทยไปในสิ่งที่ดีกว่าเดิม เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระองค์ท่านต่อไป

People unity news online : post 9 สิงหาคม 2560 เวลา 17.00 น.

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯให้ผู้แทนพระองค์วางพวงมาลาเนื่องในวันทหารผ่านศึกปี 61

People unity news online : สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ผู้แทนพระองค์วางพวงมาลา เนื่องในวันทหารผ่านศึกประจำปี 2561 ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เพื่อสดุดีและรำลึกถึงวีรกรรมความกล้าหาญของทหารผ่านศึก

เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2561 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี เป็นผู้แทนพระองค์ วางพวงมาลา ณ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เนื่องในวันทหารผ่านศึก 3 กุมภาพันธ์ 2561 เพื่อรำลึกถึงความเสียสละ และสดุดีวีรกรรมทหารผ่านศึก ที่ได้เสียสละเลือดเนื้อและชีวิต เพื่อปกป้องรักษาเอกราชและอธิปไตยของชาติให้คงอยู่ตราบเท่าทุกวันนี้ และยังเป็นการเชิดชูเกียรติทหารผ่านศึกให้เป็นที่ประจักษ์แก่ประชาชนชาวไทย โดยในพิธีมี พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วยผู้แทนแต่ละเหล่าทัพ สมาชิกองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกในพระบรมราชูปถัมภ์ และผู้แทนส่วนราชการต่างๆเข้าร่วมในพิธี

บรรยากาศโดยรอบอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิได้ประดับตกแต่งด้วยดอกป๊อปปี้ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของวันทหารผ่านศึกอย่างสวยงาม ท่ามกลางประชาชนและผู้แทนจากส่วนต่างๆ ร่วมรำลึกถึงความดีของทหาร ตำรวจ พลเรือน ที่เสียสละชีวิตในกรณีพิพาทอินโดจีนฝรั่งเศส ซึ่งมีผู้เสียสละชีวิต 59 นาย โดยปัจจุบันมีแผ่นทองจารึกชื่อผู้เสียชีวิตและผู้เสียสละชีพเพื่อชาติจากสงครามต่างๆ ตั้งแต่ปี 2483 – 2497 รวมทั้งสิ้น 807 นาย โดยในวันนี้ยังเป็นวันเดียวที่กระถางคบเพลิงรอบอนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิจะถูกจุดด้วยไฟจริงๆ ทั้ง 4 ด้านในรอบ 1 ปี เพื่อสักการะดวงวิญญาณของเหล่าทหารผ่านศึก

People unity news online : post 4 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา 19.00 น.

พระราชดำรัสในหลวง พระราชทานแก่คณะรัฐมนตรี ในวโรกาสเข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ฯ

People Unity : พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานต่อคณะรัฐมนตรี ในการพระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นำคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ 36 คน เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท เพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2562 เวลา 17.45 น. ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ความว่า

“ขอให้มีกำลังใจที่จะปฏิบัติหน้าที่เพื่อให้ได้ตามคำถวายสัตย์ปฏิญาณ ทั้งนี้เพื่อความสุขและความมั่นคงของประเทศชาติและประชาชน งานใดๆก็ต้องมีอุปสรรค งานใดๆก็ต้องมีปัญหา เพราะฉะนั้นก็เป็นเรื่องธรรมดาที่จะต้องแก้ปัญหา และเข้าหางาน เพื่อให้การบริหารประเทศเป็นไปด้วยความเรียบร้อยตามสถานการณ์ โดยแก้ไขให้ตรงเป้าตรงจุดและมีความเข้มแข็งอดทน ก็ขอให้คณะรัฐมนตรีและรัฐบาลมีกำลังใจ มีพลังที่จะปฏิบัติหน้าที่ด้วยดีด้วยความถูกต้องต่อไป”

ใต้ร่มพระบารมี : พระราชดำรัสในหลวง พระราชทานแก่คณะรัฐมนตรี ในวโรกาสเข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ฯ

People Unity : post 18 กรกฎาคม 2562 เวลา 23.20 น.

ธ.ออมสินมอบ 100 ล้านบาท สร้างอาคารเฉลิมพระเกียรติ รพ.สมเด็จพระยุพราช

People Unity : ธนาคารออมสิน ร่วมกับ กระทรวงสาธารณสุข และมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 โดยธนาคารออมสินสนับสนุนงบประมาณในการจัดสร้างอาคารเฉลิมพระเกียรติโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช จำนวน 10 แห่ง รวมเป็นเงิน 100 ล้านบาท

เมื่อวานนี้ (15 พฤษภาคม 2562) ศ.เกียรติคุณ นพ.เกษม วัฒนชัย ประธานกรรมการมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช พร้อมด้วย นายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และ ดร.ชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน ร่วมแถลงข่าวในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 เพื่อจัดสร้างอาคารเฉลิมพระเกียรติโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช จำนวน 10 แห่ง กระจายอยู่ในอำเภอห่างไกลในถิ่นทุรกันดารทั่วประเทศ

ศ.เกียรติคุณ นพ.เกษม วัฒนชัย ประธานกรรมการมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช กล่าวว่า มูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ก่อตั้งขึ้นเพื่อช่วยเหลือและสนับสนุนการจัดสร้างโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชในท้องที่ทุรกันดารหรือห่างไกลจากเขตเมือง พร้อมทั้งจัดหาอุปกรณ์เครื่องมือเวชภัณฑ์ เพื่อใช้ในการรักษาพยาบาล โดยมอบให้เป็นโรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข นอกจากนี้ยังส่งเสริมและพัฒนาบุคลากรของโรงพยาบาล ทั้งในด้านการบริหาร บริการสาธารณสุข และวิชาการ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการปฏิบัติงานและเป็นตัวอย่างแก่โรงพยาบาลชุมชนและสถานพยาบาลอื่นๆ ทั้งนี้ที่ผ่านมาธนาคารออมสินได้สนับสนุนงบประมาณในการดำเนินโครงการต่างๆ อาทิ โครงการ “พัฒนาเวชกรรมฟื้นฟูและงานห้องปฏิบัติการพยาธิวิทยาคลินิก” จำนวน 84 ล้านบาท เพื่อจัดซื้อรถพยาบาล พัฒนางานเวชกรรมฟื้นฟู และงานชันสูตรสาธารณสุข ทำให้ประชาชนที่เจ็บป่วยในถิ่นทุรกันดารได้ประโยชน์อย่างมาก ส่วนในครั้งนี้ธนาคารได้จัดสรรงบประมาณอีกจำนวน 100 ล้านบาท ในโครงการจัดสร้างอาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ซึ่งมูลนิธิฯจะสนับสนุนการดำเนินงานทั้งของธนาคารออมสิน และกระทรวงสาธารณสุขให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ เพื่อรองรับการก่อสร้างอาคาร 10 แห่ง ซึ่งเป็นอาคารที่ทันสมัย การออกแบบอาคารใช้หลักประหยัดพลังงาน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ส่วนการจัดกิจกรรมและนิทรรศการต่างๆ จะเป็นแหล่งให้ความรู้ สร้างแรงบันดาลใจให้กับบุคลากรภายในองค์กรและประชาชนโดยรอบ นอกจากนี้มูลนิธิจะขอพระราชทานนามอาคารต่อไป

ด้าน ดร.ชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า เนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 ธนาคารออมสิน ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขและมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ได้จัดทำ “โครงการจัดสร้างอาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช” เพื่อเฉลิมพระเกียรติและถวายเป็นพระราชกุศลพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยธนาคารได้สนับสนุนงบประมาณในการจัดสร้างอาคารจำนวน 10 แห่งทั่วประเทศ แห่งละ 10 ล้านบาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 100 ล้านบาท เพื่อขยายการบริการทางการแพทย์และการสาธารณสุขแบบครบวงจรให้แก่พระสงฆ์ นักบวชทุกศาสนา ผู้สูงอายุและผู้พิการ อีกทั้งยังเป็นศูนย์การเรียนรู้สุขภาวะสำหรับผู้ป่วย ประชาชนทั่วไป และเจ้าหน้าที่ของรัฐทุกประเภท ซึ่งภายในศูนย์การเรียนรู้มีการจัดแสดงทั้งนิทรรศการถาวรและนิทรรศการหมุนเวียน ได้แก่ นิทรรศการแสดงความสำคัญของพระมหากษัตริย์ไทยต่อการสาธารณสุขของประเทศ และวิวัฒนาการของโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช เป็นต้น

ทั้งนี้ “โครงการจัดสร้างอาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช” เป็น 1 ใน 6 โครงการที่ธนาคารออมสินจัดทำขึ้น เพื่อเฉลิมพระเกียรติในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 ซึ่งคณะกรรมการฝ่ายโครงการและกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก สำนักนายกรัฐมนตรี ได้พิจารณารับบรรจุเข้าเป็นโครงการและกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก และจะปรากฏในจดหมายเหตุพระราชพิธีบรมราชาภิเษกด้วย

อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาธนาคารออมสินมีบทบาทสำคัญในการจัดสร้างโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชตั้งแต่ในระยะแรกเริ่ม โดยเป็นสถาบันการเงินเพียงแห่งเดียวที่ช่วยระดมเงินทุนจากประชาชน ซึ่ง นายธานินทร์ กรัยวิเชียร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ได้เชิญชวนให้ประชาชนร่วมบริจาคทรัพย์ เพื่อจัดสร้างโรงพยาบาลในถิ่นทุรกันดาร นอกจากนี้ธนาคารยังได้สนับสนุนโครงการต่างๆของมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช เพื่อให้ประชาชนในถิ่นทุรกันดารมีสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น อาทิ การจัดซื้อรถพยาบาล พัฒนางานเวชกรรมฟื้นฟู และงานชันสูตรสาธารณสุข ตามโครงการ “พัฒนาเวชกรรมฟื้นฟูและงานห้องปฏิบัติการพยาธิวิทยาคลินิก” เป็นเงิน 84 ล้านบาท, การจัดกิจกรรมด้านการออม ในโครงการ “ออมขวัญ ปันสุข” ด้วยการมอบขวัญถุงพระราชทานให้เด็กที่เกิดใหม่ ณ โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ทั้ง 21 แห่ง ในเดือนกรกฎาคมของทุกปี โดยการเปิดบัญชีเงินฝากให้เป็นทุนประเดิม บัญชีละ 1,000 บาท และธนาคารออมสินร่วมสมทบบัญชีละ 500 บาท ซึ่งหลังจากดำเนินการตั้งแต่ปี 2558 จนถึงปัจจุบันมีจำนวนทั้งสิ้น 5,900 บัญชี รวมเป็นเงินที่ธนาคารสมทบ 2.95 ล้านบาท นอกจากนี้ธนาคารยังได้ร่วมโครงการ “เด็กน้อยรอยต่อ 2 แผ่นดิน” โดยสนับสนุนเงินทุนประเดิมให้กับเด็กทุกคนที่เกิดในช่วงรอยต่อ 2 แผ่นดิน ระหว่างวันที่ 13 – 14 ตุลาคม 2559 คนละ 1,099 บาท มีจำนวนทั้งสิ้น 1,409 ราย เป็นเงินรวมกว่า 1.54 ล้านบาท

ขณะที่ นายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขให้ความสำคัญในการพัฒนาโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชทั้ง 21 แห่ง มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประชาชนในถิ่นทุรกันดารได้รับบริการทางด้านสุขภาพที่มีคุณภาพ สำหรับการสนับสนุนของธนาคารออมสินในการจัดสร้างอาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชในครั้งนี้ จะช่วยเพิ่มคุณภาพการให้บริการประชาชนให้สามารถเข้าถึงบริการที่สะดวก รวดเร็ว ลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง และลดความแออัดในโรงพยาบาล ส่วนสถานที่ในการก่อสร้างอาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช กระทรวงสาธารณสุขได้พิจารณาสถานที่และระยะเวลาในการก่อสร้าง แบ่งเป็น 3 ปี (2562-2564) ดังนี้ ในปี 2562 ดำเนินการ 4 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชท่าบ่อ จ.หนองคาย, โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสระแก้ว จ.สระแก้ว, โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชเชียงของ จ.เชียงราย และโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชเด่นชัย จ.แพร่ ส่วนในปี 2563 จำนวน 3 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชหล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์, โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชจอมบึง จ.ราชบุรี และโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชธาตุพนม จ.นครพนม และในปี 2564 อีกจำนวน 3 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชยะหา จ.ยะลา, โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชเดชอุดม จ.อุบลราชธานี และโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสว่างแดนดิน จ.สกลนคร

ใต้ร่มพระบารมี : ธ.ออมสินมอบ 100 ล้านบาท สร้างอาคารเฉลิมพระเกียรติ รพ.สมเด็จพระยุพราช

People Unity : post 16 พฤษภาคม 2562 เวลา 11.30 น.

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงให้องคมนตรีติดตามโครงการฯอ่างเก็บน้ำยางชุม

People unity news online : สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระราชกระแสให้ติดตาม ขับเคลื่อน เร่งรัด รวมทั้งแก้ไขปัญหาอุปสรรคการดำเนินงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ให้บังเกิดผลสัมฤทธิ์สูงสุดต่อประชาชน

วันนี้ (14 พฤศจิกายน 2560) เวลา 16.30 น. พลอากาศเอก ชลิต พุกผาสุข องคมนตรี ในฐานะประธานอนุกรรมการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริพื้นที่ภาคกลาง พร้อมคณะอนุกรรมการฯ ได้เดินทางไปยังโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการเก็บกักน้ำของอ่างเก็บน้ำยางชุม อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลหาดขาม อำเภอกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อติดตามการดำเนินงานโครงการฯ โดยมี นายพัลลภ สิงหเสนี ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ให้การต้อนรับ พร้อมด้วยผู้แทนจากกรมชลประทานบรรยายสรุปผลการดำเนินงานโครงการฯ และสถานการณ์น้ำในเขตพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และจังหวัดเพชรบุรี พร้อมกับเยี่ยมชมอ่างเก็บน้ำ

โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการเก็บกักน้ำของอ่างเก็บน้ำยางชุมอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เกิดขึ้นจากพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ที่พระราชทานพระราชดำริไว้เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2546 สรุปความว่า ให้พิจารณาหาทางเพิ่มปริมาณเก็บกักของอ่างเก็บน้ำยางชุมฯ ต่อมาในปี 2547-2548 กรมชลประทานจึงได้ดำเนินโครงการปรับปรุงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพอ่างเก็บน้ำยางชุม โดยปรับปรุงเขื่อนดินเพื่อเพิ่มความสูงของตัวเขื่อนและเพิ่มความจุของน้ำจาก 32.00 ล้านลูกบาศก์เมตร เป็น 41.10 ล้านลูกบาศก์เมตร ปรับปรุงอาคารระบายน้ำล้น ปรับปรุงอาคารท่อระบายน้ำปากคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งซ้าย ก่อสร้างอาคารท่อระบายน้ำลงลำน้ำเดิม และติดตั้งเครื่องมือตรวจวัดพฤติกรรมเขื่อน

ปัจจุบันอ่างเก็บน้ำยางชุมฯ สามารถส่งน้ำให้พื้นที่รับประโยชน์เพิ่มขึ้นจากเดิม 15,300 ไร่ เป็น 20,300 ไร่ ส่งผลให้ราษฎรได้ใช้ประโยชน์ในการทำการเกษตรโดยปลูกพืช เช่น สับปะรด มะม่วง มะพร้าว อ้อย พืชผักต่างๆ นอกจากนี้ยังช่วยบรรเทาปัญหาอุทกภัยที่เกิดขึ้น ผลักดันน้ำเค็มในช่วงฤดูแล้งเพื่อรักษาคุณภาพน้ำและสร้างความชุ่มชื้นให้กับพื้นที่ป่าโดยรอบ นอกจากประโยชน์ที่เกิดขึ้นโดยตรงแล้วอ่างเก็บน้ำย่างชุมฯยังเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลาน้ำจืดให้กับราษฎรได้มีแหล่งอาหารโปรตีนไว้บริโภค รวมถึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอีกแห่งของจังหวัดทำให้ราษฎรมีรายได้จากการทำประมงและจากการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอีกด้วย

จากการติดตามการดำเนินงานโครงการฯของคณะองคมนตรีในครั้งนี้ ได้สร้างขวัญและกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในการดำเนินงานโครงการฯ ให้บังเกิดความมั่นคง ครบถ้วนสมบูรณ์ เพื่อสนองพระราชปณิธานสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการสืบสาน รักษา ต่อยอดโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร พระราชทานไว้ให้บังเกิดประโยชน์สูงสุดกับราษฎรต่อไป (NNT)

People unity news online : post 14 พฤศจิกายน 2560 เวลา 22.50 น.

“บิ๊กตู่” นำ ครม.ทำกิจกรรมจิตอาสา “เราทำความดี ด้วยหัวใจ” เฉลิมพระเกียรติในหลวง

People unity news online : นายกรัฐมนตรี พร้อม ครม. นำหน่วยงานภาครัฐ ภาคีเครือข่ายและประชาชน ร่วมกันทำกิจกรรมจิตอาสา “เราทำความดี ด้วยหัวใจ” เพื่อเฉลิมพระเกียรติ และแสดงความจงรักภักดีแด่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลวันเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ 28 กรกฎาคม 2561

วันนี้ (26 กรกฎาคม 2561) เวลา 09.10 น. ณ บริเวณถนนครปฐม ด้านคลองเปรมประชากร ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะรัฐมนตรี  ปลัดกระทรวง หัวหน้าส่วนราชการในสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ตลอดจนภาคีเครือข่ายภาคเอกชน นักศึกษา และประชาชนผู้มีจิตอาสา ร่วมกันทำกิจกรรม “เราทำความดี ด้วยหัวใจ” เพื่อแสดงน้ำหนึ่งใจเดียวกันในการร่วมกันปฏิบัติการจิตอาสา เพื่อเฉลิมพระเกียรติ และแสดงความจงรักภักดีแด่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลวันเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ 28 กรกฎาคม 2561

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวเปิดงานกิจกรรม “เราทำความดี ด้วยหัวใจ” ว่า การปฏิบัติการจิตอาสาเป็นกิจกรรมที่ประชาชนเข้าไปมีส่วนร่วม ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติในหลายๆด้าน ด้วยการร่วมแรงร่วมใจกันอย่างเข้มแข็ง หลอมรวมดวงใจของทุกคนให้เป็นพลังหนึ่งเดียวกัน และผนึกกำลังสร้างสรรค์สังคมไทยให้น่าอยู่ กลายเป็นพลังแห่งความรัก ความสามัคคีที่ยิ่งใหญ่ของคนในประเทศ ซึ่งทุกภาคส่วนได้มาร่วมกันทำสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่สังคม ด้วยพลังของจิตอาสาพระราชทานตามแนวพระราชดำริของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งรัฐบาลได้น้อมนำโครงการจิตอาสา “เราทำความดี ด้วยหัวใจ” มาสืบสาน ขยายผลออกไปในวงกว้างในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ รวมไปถึงกลุ่มคนไทยในต่างประเทศด้วย เพื่อให้ประชาชนผู้มีจิตอาสาทุกคนได้ร่วมกันเฉลิมพระเกียรติและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ เนื่องในวาระวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 28 กรกฎาคม 2561 โดยได้จัดให้มีกิจกรรมจิตอาสานี้อีกหลายๆกิจกรรม โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 21 ถึงวันที่ 29 กรกฎาคม 2561

พร้อมทั้ง นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงการจัดการผังเมืองของรัฐบาลในขณะนี้ว่า เพื่อให้ประชาชนเกิดความรับผิดชอบขยะของตนเอง ซึ่งต้องแก้ปัญหาร่วมกัน และต้องรู้วิธีจัดการขยะว่านำไปจัดการอย่างไร เช่น นำไปทำปุ๋ย ผลิตไฟฟ้า หรือเป็นพลังงาน อันจะก่อให้เกิดประโยชน์ พร้อมกล่าวย้ำว่ารัฐบาลดำเนินการต่างๆ ไม่ได้เอื้อต่อประโยชน์แก่บุคคลหรือหน่วยงานใดๆทั้งสิ้น แต่เป็นเรื่องที่จำเป็นและต้องแก้ปัญหานี้อย่างเร่งด่วนและทุกคนต้องมีส่วนร่วมในการจัดการขยะ คือ ร่วมกันคัดแยกขยะก่อนทิ้งลงถัง เพื่อจะลดภาระให้แก่เจ้าหน้าที่ที่จัดเก็บ พร้อมกล่าวกับประชาชนจิตอาสาที่มาร่วมกิจกรรมว่าให้เรียนรู้และทำความเข้าใจในวัตถุประสงค์ที่รัฐบาลแก้ไขข้อกฎหมายด้านต่างๆ ซึ่งรัฐบาลมีการประเมินทั้งแผนระยะสั้นและระยะยาว เพื่อเป็นการติดตามผลการดำเนินงานซึ่งจะทำให้ประชาชนได้รับผลประโยชน์สูงสุด

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีและภริยา ได้ปลูกต้นรวงผึ้ง ซึ่งเป็นต้นไม้ประจำพระองค์ของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว บริเวณด้านข้างศาลพระภูมิ

จากนั้น นายกรัฐมนตรีพร้อมภริยา และคณะรัฐมนตรี ได้ปลูกต้นทองอุไร บริเวณถนนนครปฐมด้านติดคลองเปรมประชากร ก่อนนำคณะรัฐมนตรี จิตอาสาจากทุกภาคส่วน ทำกิจกรรมจิตอาสาต่างๆ ได้แก่  การฉีดน้ำล้างทำความสะอาดบริเวณถนนครปฐม ด้านคลองเปรมประชากร ทำเนียบรัฐบาล ทาสีรั้วบริเวณสะพานอรทัยและแนวขอบริมทางเดินเท้า ชมการสาธิตเรือลอกตะกอนและเครื่องกลเติมอากาศใต้น้ำ รวมทั้งเยี่ยมชมให้กำลังใจจิตอาสา บริเวณจุดบริการอาหารแก่จิตอาสาเชิงสะพานอรทัย และบริเวณถนนพระรามที่ 5 จนถึงบริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ พร้อมชมการขุดลอกคลองบริเวณริมกำแพงโรงเรียนราชวินิต นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ได้มอบอาหารเป็นห่อข้าวเหนียวไก่และน้ำดื่มให้แก่ผู้มาร่วมปฏิบัติการจิตอาสาครั้งนี้ด้วย

People unity news online : post 26 กรกฎาคม 2561 เวลา 12.50 น.

“ประยุทธ์” ชวนคนไทยประพฤติตนตามคุณลักษณะของจิตอาสาที่ดี 7 ประการ

People unity news online : นายกรัฐมนตรีเชิญชวนคนไทยน้อมนำแนวพระราชดำริจิตอาสาทำความดีด้วยหัวใจ ไปใช้ดำเนินชีวิตมุ่งสร้างสังคมสามัคคี มีความสุขอย่างยั่งยืน

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เชิญชวนคนไทยน้อมนำแนวพระราชดำริจิตอาสา ทำความดี ด้วยหัวใจ ของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไปประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิต เพื่อให้สังคมไทยมีความสมัครสมานสามัคคี มีความสุข และประเทศชาติมีความมั่นคงอย่างยั่งยืน

นายกฯ เน้นย้ำว่า จิตอาสาคือ จิตแห่งการให้แก่เพื่อนมนุษย์ด้วยความเต็มใจ พร้อมจะเสียสละเวลา แรงกาย แรงสติปัญญา เพื่อสาธารณประโยชน์โดยไม่หวังผลตอบแทน และมีความสุขที่ได้ช่วยเหลือผู้อื่น ซึ่งเป็นคุณลักษณะที่สำคัญของคนไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันทำให้ประเทศไทยผ่านพ้นวิกฤตต่างๆมาได้ด้วยดี และเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้า

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังอยากให้พี่น้องประชาชนประพฤติตนตามคุณลักษณะที่พึงประสงค์ของจิตอาสาที่ดี 7 ประการ คือ 1) มีความซื่อสัตย์ เสียสละ อดทน คำนึงถึงส่วนรวม 2) มีศีลธรรม หวังดีต่อผู้อื่น รู้จักแบ่งปัน 3) มีวินัยและความรับผิดชอบ เคารพกฎหมาย 4) มีกริยา วาจา สุภาพเรียบร้อย 5) ไม่ดื่มสุราหรือใช้สารเสพติด 6) มีจิตใจเข้มแข็งและมีทัศนคติที่ดีในการทำงานเพื่อส่วนรวม 7) รักษาวัฒนธรรมประเพณีไทยอันดีงาม ผู้น้อยรู้จักการเคารพผู้ใหญ่

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงห่วงใยความทุกข์สุขของราษฎร และพระองค์มีพระราชปณิธานแน่วแน่ที่จะทำให้ประเทศชาติมั่นคงและประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ด้วยมีพระราชประสงค์ที่จะสืบสาน รักษาและต่อยอดแนวพระราชดำริต่างๆของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชบรมนาถพิตรในการบำบัดทุกข์บำรุงสุขแก่ราษฎรและพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้า โดยรัฐบาลพร้อมสนองพระราชดำริทุกด้าน เพื่อให้ประชาชนเกิดความผาสุก และประเทศชาติมีความมั่นคง มั่งคั่ง อย่างยั่งยืนต่อไป

People unity news online : post 30 กรกฎาคม 2561 เวลา 09.10 น.

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานเลี้ยงแก่ผู้ปฏิบัติหน้าที่งานถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ

People unity news online : สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า โปรดกระหม่อมพระราชทานเลี้ยงอาหารแก่ผู้ปฏิบัติหน้าที่งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร

เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2560 เวลา 17.00 น. ณ บริเวณสนามหญ้าริมเขื่อน ธนาคารแห่งประเทศไทย  ถนนสามเสน เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในงานเลี้ยงอาหารพระราชทานให้แก่ผู้ปฏิบัติหน้าที่งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร โดยมี ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ประธานศาลฎีกา คณะรัฐมนตรี ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในสังกัดหน่วยราชการในพระองค์ ปลัดกระทรวง ผู้บัญชาการเหล่าทัพและตำรวจ หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง คณะกรรมการอำนวยการจัดงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ คณะกรรมการฝ่ายต่างๆ รวมถึงภาคีเครือข่าย เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และผู้บริหารธนาคารแห่งประเทศไทยเข้าร่วม

เมื่อนายกรัฐมนตรีเดินทางไปถึงบริเวณงาน นายกรัฐมนตรีเดินไปยังเบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถวายคำนับ และเปิดกรวยกระทงดอกไม้ธูปเทียนแพถวายราชสักการะ จากนั้นชมวีดิทัศน์พระราชกรณียกิจพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ภาพความอาลัยของประชาชน และการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในงานพระราชพิธีฯ

ต่อจากนั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวถวายราชสักการะและน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และกล่าวถวายราชสักการะสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ความว่า

“ขอพระราชทานกราบบังคมทูลพระกรุณา ทรงทราบฝ่าละอองธุลีพระบาท ข้าพระพุทธเจ้า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในนามของคณะกรรมการอำนวยการจัดงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และผู้ที่มาร่วมงานอยู่ ณ ที่นี้ มีความสำนึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น ที่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานเลี้ยงอาหารแก่ผู้ปฏิบัติหน้าที่งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ฯ ในวันนี้

นับตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เสด็จสวรรคต เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม พุทธศักราช 2559 ยังความเศร้าโศกอาลัยให้แก่พสกนิกรชาวไทยอย่างใหญ่หลวงและใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาททรงมีพระมหากรุณาพระราชทานพระราชานุญาตให้รัฐบาลและประชาชนชาวไทย จัดงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ  เพื่อถวายพระเกียรติยศสูงสุดตามขัตติยโบราณราชประเพณี

โดยการจัดงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ ได้สำเร็จลุล่วงอย่างเรียบร้อย สมบูรณ์ สมพระเกียรติ ด้วยเดชะพระบารมีในใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทและการรวมพลังความสามัคคีทุกภาคส่วนที่ได้ปฏิบัติงานอย่างเต็มกำลังความสามารถ ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ

การที่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาททรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้จัดเลี้ยงอาหารพระราชทาน เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่ผู้ปฏิบัติหน้าที่งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร จึงเป็นพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้าล้นกระหม่อมอย่างหาที่สุดมิได้ นับเป็นขวัญกำลังใจอันสำคัญให้ปวงข้าพระพุทธเจ้าตั้งใจปฏิบัติภารกิจหน้าที่เพื่อประโยชน์สุขแก่ประเทศชาติและประชาชนตามพระราชปณิธานสืบไป

ในวาระอันป็นมิ่งมหามงคลนี้ ข้าพระพุทธเจ้า ขอพระราชทานพระราชานุญาตน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายพระพรชัยมงคล ขออัญเชิญคุณพระรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากลโลก ได้โปรดอภิบาลประทานพรให้ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาททรงเจริญด้วยจตุรพิธพรชัย ทรงพระเกษมสำราญ พระเกียรติคุณแผ่ไพศาลไปทั่วทิศานุทิศ  สถิตเป็นมิ่งขวัญปกเกล้าชาวไทยตราบกาลนาน ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม”

หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรีร่วมรับประทานอาหารพระราชทานที่จัดไว้ ณ โต๊ะที่จัดไว้ บริเวณสนามหญ้าริมเขื่อน

People unity news online : post 24 พฤศจิกายน 2560 เวลา 13.20 น.

Verified by ExactMetrics