วันที่ 19 เมษายน 2024

120 องค์กรชั้นนำจัดเต็ม! มหกรรมอารยสถาปัตย์ฯปีที่ 4 รวมสุดยอดเทคโนโลยี นวัตกรรมเพื่อสุขภาพ

People Unity News : 120 องค์กรชั้นนำจัดเต็ม! มหกรรมอารยสถาปัตย์ฯปีที่ 4 รวมสุดยอดเทคโนโลยี นวัตกรรม เพื่อสุขภาพผู้สูงอายุ ผู้ป่วย มนุษย์ล้อ ขับเคลื่อนพัฒนาไทยมุ่งสู่ความเป็น “เมืองอายรยสถาปัตย์-เมืองท่องเที่ยวเพื่อคนทั้งมวล” เน้นสะดวก ทันสมัย ปลอดภัย เป็นธรรม ทั่วถึง เท่าเทียม สสส.หนุนปรับสภาพแวดล้อมเพื่อทุกคน อบรมเครือข่ายแท็กซี่ที่ให้บริการคนพิการ ผู้สูงอายุอย่างเหมาะสม

วันที่ 19 พฤศจิกายน 2562 ที่ศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) มีการแถลงข่าวการจัดงาน “งานมหกรรมอารยสถาปัตย์เพื่อคนทั้งมวล ปีที่ 4 : Thailand Friendly Design Expo 2019”โดยนายกฤษนะ ละไล ประธานมูลนิธิอารยสถาปัตย์เพื่อคนทั้งมวล กล่าวว่า มูลนิธิอารยสถาปัตย์เพื่อคนทั้งมวล ร่วมกับ สสส. และหน่วยงานภาครัฐ เอกชน กว่า 120 องค์กร จาก 20 ประเทศทั่วโลก ร่วมกันจัดนี้ดังกล่าว เพื่อจัดแสดงสินค้า นวัตกรรม เทคโนโลยีและบริการเพื่อสุขภาพที่ดีกว่าสำหรับคนทุกกลุ่ม ทุกวัย ทุกเพศสภาพ และทุกขสุขภาพร่างกาย (Home Care and Rehabilitation) ในระหว่างวันที่ 28 พ.ย.-1 ธ.ค. นี้ ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี

ในปีนี้ได้ยกระดับขึ้นสู่เวทีสากล เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนและพัฒนาประเทศไทยมุ่งสู่ความเป็น “เมืองอายรยสถาปัตย์” ที่คนทุกเพศ ทุกวัย ทุกสภาพร่างกาย สามารถเข้าถึงได้ ใช้ประโยชน์ได้ สะดวก ทันสมัย ปลอดภัย เป็นธรรม ทั่วถึง เท่าเทียม และเป็น “เมืองท่องเที่ยวเพื่อคนทั้งมวล” ที่โดดเด่นชัดเจนในเวทีโลก หากทำได้สำเร็จ ย่อมส่งผลโดยตรงต่อทั้งผู้สูงอายุ ผู้ป่วยพักฟื้น ผู้พิการ มนุษย์ล้อ และครอบครัวที่มีเด็กเล็ก ที่จะมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยรับความสะดวก ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ทั้งในการดำเนินชีวิต การทำงานและการเดินทางพักผ่อนท่องเที่ยวด้วยเทคโนโลยี นวัตกรรม การบริการ และหลักคิดการออกแบบที่เป็นมาตรฐานสากล ทุกคนใช้ได้ คนทุกวัยใช้ดี มีความเป็นมิตรกับคนทั้งมวล

ด้าน ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า การปรับสภาพแวดล้อมแวดล้อมและการจัดสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับคนพิการและผู้สูงอายุตามแนวคิดการออกแบบเพื่อทุกคนนั้นเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการดำเนินการ ปัจจุบันประเทศไทยมีคนพิการทั่วประเทศไทยกว่า 1.8 ล้านคน และผู้สูงอายุกว่า 12 คน ที่ได้รับการพัฒนาคุณภาพชีวิต และสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างสะดวกปลอดภัย และเอื้อต่อการมีสุขภาวะที่ดี

“สสส. เป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนสนับสนุนการดำเนินงานทั้งการพัฒนาด้านวิชาการและกลไกการทำงานเป็นเครือข่าย ผ่านโครงการต่าง ๆ เช่น การสร้างเครือข่ายวิชาการเพื่อสร้างสรรค์สภาพแวดล้อมเพื่อทุกคน โดยสนับสนุนการจัดตั้งศูนย์ออกแบบเพื่อทุกคน : Universal Design Center หรือ UDC ร่วมกับมหาวิทยาลัย 5 แห่ง ได้แก่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม และมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์” ดร.สุปรีดา กล่าวและว่า

เพื่อให้บริการให้คำปรึกษาในการออกแบบและปรับสภาพแวดล้อมที่พักอาศัย และพัฒนานวัตกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาและขับเคลื่อนให้เกิดระบบขนส่งและบริการสาธารณะเพื่อทุกคน ส่งเสริมให้เกิดเส้นทางการท่องเที่ยวเพื่อคนทั้งมวลต้นแบบ และเกิดความร่วมมือระหว่างหน่วยงานในพื้นที่ ต่างๆ การให้ความรู้แก่เครือข่ายแท็กซี่ที่ให้บริการคนพิการ ผู้สูงอายุอย่างเหมาะสม เพื่อให้คนพิการ ผู้สูงอายุ สามารถเดินทาง และใช้ชีวิตได้อย่างอิสระ ซึ่งจะส่งผลต่อการมีสุขภาวะที่ดีได้อีกด้วย

เตือนภัย! ผูกบัญชีธนาคาร ไว้ชำระค่าสินค้ากับแอปฯต่างๆ

People Unity News : 4 ธันวาคม 2565 ตำรวจไซเบอร์ ฝากเตือนภัยกรณีการผูกบัญชีธนาคาร บัตรอิเล็กทรอนิกส์ ไว้ชำระค่าสินค้ากับแอปพลิเคชันต่างๆ

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษกกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) เตือนภัยกรณีการผูกบัญชีธนาคาร บัตรอิเล็กทรอนิกส์ ไว้ชำระค่าสินค้ากับแอปพลิเคชันต่างๆ รวมถึงระมัดระวังการกรอกข้อมูลทางการเงินผ่านเว็บไซต์ปลอม หรือแอปพลิเคชันปลอม

จากกรณีสื่อสังคมออนไลน์ได้นำเสนอข่าวเกี่ยวกับมีผู้เสียหายผูกบัญชีธนาคารไว้กับแอปพลิเคชันขายของออนไลน์ ต่อมาทราบว่าเงินในบัญชีถูกนำไปชำระค่าสินค้าหลายรายการ ความเสียหายกว่า 50,000 บาท โดยไม่ทราบสาเหตุนั้น

กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี กำชับไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งวางมาตรการในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดในโลกออนไลน์ทุกรูปแบบอย่างต่อเนื่องและจริงจัง พร้อมสร้างการรับรู้แนวทางป้องกันให้ประชาชน ไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ

การกระทำดังกล่าวเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 269/5 ผู้ใดใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น หรือประชาชน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากมีการนำข้อมูลเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ “โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” ก็จะมีความผิดตามพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14(1) ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หรือความผิดตามกฎหมายอื่นๆที่เกี่ยวข้อง

โฆษกกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี(บช.สอท.) กล่าวเพิ่มเติมว่า หากประชาชน หรือองค์กรต่างๆ ได้รับความเสียหายสามารถเดินทางไปแจ้งความกับพนักงานสอบสวนในทุกพื้นที่เพื่อทำการสืบสวนสอบสวนพิสูจน์ทราบถึงตัวผู้กระทำความผิดและนำตัวมาดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป

พร้อมกันนี้ขอประชาสัมพันธ์ถึงแนวทางป้องกันอาชญากรรมของมิจฉาชีพ ดังต่อไปนี้

1.หลีกเลี่ยงการให้หักเงินในบัญชีธนาคารอัตโนมัติ ใช้วิธีเก็บเงินปลายทาง หรือชำระสินค้าผ่าน QR code แทน

2.บัญชีธนาคารที่ผูก หรือเชื่อมไว้กับแอปพลิเคชันซื้อสินค้าออนไลน์ ควรมีจำนวนเงินในบัญชีไม่มาก

3.หลีกเลี่ยงการกดลิงก์ หรือติดตั้งแอปพลิเคชันที่ไม่รู้จัก นอกเหนือจาก AppStore หรือ Playstore

4.ตั้งค่าการแจ้งเตือนการทำรายการบัญชีธนาคารผ่านข้อความสั้น (SMS) หรือแอปพลิเคชันไลน์ (Line)

5.หลีกเลี่ยงการทำธุรกรรมที่ไม่น่าเชื่อถือออนไลน์ ที่ต้องกรอกข้อมูลเลขด้านหน้าบัตร และรหัส 3 ตัวหลังบัตร (CVV)

6.ระวังการกรอกข้อมูลหมายเลขบัตรผ่านเว็บไซต์ปลอม โดยหากต้องการเข้าไปที่เว็บไซต์ใด ให้พิมพ์ชื่อเว็บไซต์ด้วยตัวเอง

7.ควรนำแผ่นสติ๊กเกอร์ทึบแสงปิดรหัส 3 ตัวด้านหลังบัตร (CVV) หรือจำรหัส 3 ตัวดังกล่าวเก็บเอาไว้ แล้วใช้กระดาษทรายลบตัวเลขรหัสดังกล่าวออกจากด้านหลังบัตรเพื่อความปลอดภัยในการใช้จ่ายประจำวัน

8.หากพบสิ่งผิดปกติของบัญชีธนาคาร บัตรเครดิต ให้ทำการแจ้งไปยังธนาคาร เพื่อทำการอายัดบัตร และปฏิเสธการชำระเงินค่าบริการทางออนไลน์

ทั้งนี้หากได้รับความเสียหายให้ทำการตรวจสอบรายการเดินบัญชี รวบรวมเอกสารที่เกี่ยวข้องเพื่อแจ้งความกับพนักงานสอบสวนตามขั้นตอนกฎหมาย หรือพบเบาะแสการกระทำผิด  ข้อขัดข้องใดๆ ก็สามารถติดต่อสอบถามได้ที่สายด่วนหมายเลข 1441 หรือหมายเลขโทรศัพท์ 081-866-3000 ตลอด 24 ชั่วโมง และแจ้งความออนไลน์ที่เว็บไซต์ www.thaipoliceonline.com

Advertisement

แจกฟรี!…”ท้าวเวสสุวรรณ” งานบุญทอดกฐิน หลวงพ่อณะโอ่งประจวบคีรีขันธ์

People Unity : แจกฟรี!…”ท้าวเวสสุวรรณ” งานบุญทอดกฐิน หลวงพ่อณะโอ่ง วันที่ 26 – 27 ตุลาฯ 62 @ สำนักปฏิบัติธรรมบ้านยุบพริกต.บ่อนอก อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์

สำนักปฏิบัติธรรมบ้านยุบพริก ตั้งอยู่ ม.11 บ้านยุบพริก ต.บ่อนอก อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ มีอาจารย์ปุณณะ อนิญชิโต หรือ หลวงพ่อณะโอ่ง เป็นเจ้าสำนักปฏิบัติธรรมแห่งนี้มากกว่า 20 ปี หลวงพ่อณะโอ่งได้มาจำพรรษาอยู่ที่สำนักปฏิบัติธรรมบ้านยุบพริก เพื่อต้องการความเงียบสงบและปฏิบัติธรรม ท่านมีความเชี่ยวชาญในการอ่านเขียนอักขระขอมโบราณ และภาษาบาลี ได้เริ่มเขียนอักขระบนวัตถุมงคลเมื่อประมาณ 20 ปี ที่ผ่านมา โดยเฉพาะช้อนเงินช้อนทอง ที่ผ่านมาได้จารอักขระบนช้อนเงิน (สเตนเลส) จำนวนหลายพันคัน

นอกจากนี้ยังจารอักขระและเขียนรูปไก่บนช้อนทอง (ทองเหลือง) ซึ่งมีเพียง 50 คัน หลวงพ่อโอ่งให้เหตุผลว่า “ที่เขียนไก่ เพราะเป็นสัตว์ที่ขยัน ต้องหากินตลอดเวลา จึงเป็นเครื่องเตือนสติแก่ผู้ได้รับว่า ต้องเป็นผู้ซื่อสัตย์ ประกอบสัมมาอาชีพ และขยันทำกิน”

สิ่งหนึ่งที่แตกต่างจากพระรูปอื่นๆ คือหลวงพ่อณะโอ่งไม่นิยมแจกวัตถุมงคลพร่ำเพรื่อ ท่านจะแจกให้คนสนิทใกล้ชิด หรือพระที่ปฏิบัติธรรม เพื่อนำไปเป็นทุนในการบำรุงพระศาสนา บางรายเดินทางมาไกลหลายร้อยกิโลเมตรเพื่อวัตถุมงคล ไม่ได้กลับไปก็มีด้วยเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม วันที่ 26 – 27 ตุลาฯ 62 ขอญเชิญร่วม บุญทอดกฐิน กับหลวงพ่อณะโอง แห่งสำนักปฏิบัติธรรมบ้านยุบพริก ต.บ่อนอก อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์

ผู้ที่มาร่วมงานแจก “ท้าวเวสสุวรรณ” ทุกท่าน ปลุกเสกวันที่ 19 ตุลาคม 2562 อีกทั้งยังมี ตะกรุด ลูกสะกด ปรกจ้อย จระเข้และปลัดขิก โดยได้รับแจกอย่างใดอย่างหนึ่ง้ท่านั้น ผู้ที่เป็นกรรมการพิเศษจะได้ทั้งหมด 6 อย่าง

“ชาญกฤช” เผย จะเปิดลงทะเบียนขายสลากดิจิทัล เพิ่มเร็วๆนี้ แย้ม! เตรียมคลอดหวย 2 ตัว 3 ตัว ขายบนมือถือ!!!  

People Unity News : 7 มิถุนายน 2565 นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการศึกษาแนวทางและมาตรการในการแก้ไขปัญหาการขายสลากเกินราคาที่กำหนด กล่าวขอบคุณประชาชนที่ให้การตอบรับสลากดิจิทัล 80 บาทเป็นอย่างดี จนทำให้สลากฯ กว่า 5 ล้านใบสามารถจำหน่ายหมดได้ภายใน 4 วัน  ส่วนกระแสเรียกร้องให้เพิ่มจำนวนสลากดิจิทัลให้เกิน 5 ล้านใบนั้น เบื้องต้นการจำหน่ายสลากงวดวันที่ 16 มิถุนายน 2565 และวันที่ 1 กรกฎาคม 2565 ยังคงยอดเปิดขายในจำนวนเท่าเดิมก่อน จากนั้นจะนำผลการจัดจำหน่ายในแต่ละงวดมาวิเคราะห์หาจำนวนที่เหมาะสม โดยพิจารณาจำนวนสลากฯ ที่จำหน่ายในแต่ละงวดว่าสามารถจำหน่ายออกไปได้หมดหรือไม่ เพื่อไม่ให้ตัวแทนจำหน่ายขาดทุน เพราะแม้กระแสตอบรับจะดี แต่เห็นว่างวดแรกยังไม่สามารถประเมินอะไรได้ เพราะเป็นเรื่องปกติของพฤติกรรมผู้ซื้อที่มักจะตื่นเต้นกับสินค้าใหม่  นอกจากนี้ ยังจะพิจารณาการพัฒนาระบบด้วยการปรับเพิ่มฟีเจอร์กว่า 10 รายการ อาทิ ระบบการลดราคาของตัวแทนให้กับลูกค้า, การค้นหาตัวแทนเฉพาะกลุ่ม เช่น คนพิการ สมาคม รวมถึงฟีเจอร์เลขชุดที่จะค้นหาได้ง่ายขึ้น ตลอดจนเพิ่มทางเลือกการผูกบัญชีกับธนาคารอื่นนอกเหนือจากธนาคารกรุงไทย

“อยากฝากเชิญชวนไปยังตัวแทนจำหน่ายที่ยังไม่เข้าร่วมโครงการสลากดิจิทัลได้ติดตามข่าวสารจากกองสลากฯ อย่างต่อเนื่อง เพราะคาดว่าในอนาคตอันใกล้นี้ จะมีการเปิดรับลงทะเบียนเพิ่มเติม” นายชาญกฤชกล่าว

นายชาญกฤช ย้ำว่า โครงการจำหน่ายสลากดิจิทัลเป็นหนึ่งในมาตรการที่สำนักงานสลากฯ นำมาแก้ไขปัญหาสลากเกินราคาในระยะสั้น โดยที่ประชาชนยังสามารถซื้อสลากใบละ 80 จากจุดจำหน่ายสลาก 80 บาท ที่กระจายอยู่ 362 จุดได้ด้วย และภายในเดือนกรกฎาคมนี้ จะเพิ่มจุดจำหน่าย ถึง 1,000 จุดทั่วประเทศไทย รวมถึงโครงการลงทะเบียนผู้ซื้อจองล่วงหน้า ที่จะเพิ่มจำนวนจาก 130,000 ราย เป็น 200,000 ราย ยืนยันว่าสลากใบยังคงมีอยู่ ไม่ได้หายไป แต่การเปิดขายสลากดิจิทัลราคา 80 บาท เพื่อแก้ไขปัญหาสลากเกินราคา ทำให้ประชาชนสามารถซื้อสลากในราคา 80 บาทได้จริง และเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้กับผู้ซื้อสลาก

นายชาญกฤช ยังเปิดเผยถึงมาตรการแก้ไขปัญหาในระยะกลางถึงระยะยาวด้วยว่า ภายในปีนี้จะมีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ขึ้นมาจำหน่ายในรูปแบบสลากกินแบ่งรัฐบาล 6 หลัก ซึ่งจะคล้ายกันกับสลากปัจจุบัน  และสลากตัวเลข 3 หลัก ซึ่งจะคล้ายกันกับหวยใต้ดิน 2 ตัว 3 ตัว ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการดำเนินการเซ็นสัญญากับมหาวิทยาลัยขอนแก่น ก่อนจะเปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน ซึ่งหากได้รับความเห็นชอบก็จะนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป

“การออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อให้ประเภทของสลากที่จำหน่ายมีความหลากหลาย ไม่ใช่การมอมเมาประชาชน แต่เป็นการแก้ไขปัญหาสลากเกินราคา ปัญหาหวยเถื่อน ซึ่งดำเนินการภายใต้กรอบกฎหมายกำหนด โดยเฉพาะการจำกัดอายุของผู้ซื้อต้องไม่เกิน 20 ปี เพื่อป้องกันการเข้าถึงของเยาวชน การห้ามจำหน่ายในโรงเรียน” นายชาญกฤชกล่าว

Advertisement

กสม. ชี้แรงงานทุกกลุ่มต้องเข้าถึงระบบประกันสังคม

People Unity News : 1 พฤษภาคม 2566 กสม. ชี้แรงงานทุกกลุ่มต้องเข้าถึงระบบประกันสังคม และมีมาตรฐานการครองชีพที่เพียงพอและเหมาะสม

คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติส่งสาร เนื่องในวันแรงงานสากล ว่าสิทธิแรงงานเป็นหนึ่งในสิทธิมนุษยชนที่สำคัญ การส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิแรงงาน เพื่อให้ได้รับสิทธิการเข้าถึงการจ้างงานโดยไม่ถูกเลือกปฏิบัติ สิทธิในการได้รับค่าจ้างที่เป็นธรรม เพียงพอต่อการดำรงชีพ มีคุณภาพชีวิตที่ดี สิทธิที่จะมีหลักประกันสังคมอย่างทั่วถึง ครอบคลุมแรงงานทุกคน ทุกประเภท ทั้งแรงงานในระบบ แรงงานนอกระบบ แรงงานข้ามชาติ แรงงานภาคบริการ รวมทั้งได้รับการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิในการรวมตัว ก่อตั้งสหภาพแรงงานหรือองค์กรของแรงงาน เพื่อให้สามารถเจรจาต่อรองกับนายจ้างและรัฐ จึงเป็นเรื่องที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ให้ความสำคัญอย่างยิ่ง

สังคมปัจจุบันได้พัฒนาและเปลี่ยนแปลงไปสู่ระบบเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อมีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นำไปสู่การปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตของคนในสังคม โดยมีการจ้างงานในรูปแบบใหม่ ๆ เช่น อาชีพรับส่งสินค้าหรืออาหาร (ไรเดอร์) ซึ่งเป็นอาชีพอิสระ และมีข้อถกเถียงกันว่ารูปแบบการจ้างงานเช่นนี้ถือว่าเป็นนิติสัมพันธ์ที่เข้าข่ายเป็นลูกจ้าง-นายจ้างหรือไม่ และแรงงานเหล่านี้ควรได้รับการส่งเสริมคุ้มครองสิทธิแค่ไหน อย่างไร ซึ่งกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม เห็นว่ารัฐต้องดำเนินการเพื่อให้แน่ใจว่าระบบประกันสังคมจะครอบคลุมแรงงานที่ไม่ได้รับการคุ้มครองอย่างเพียงพอโดยเฉพาะในกลุ่มแรงงานอิสระ

เนื่องในวันแรงงานสากล 1 พฤษภาคม ประจำปี 2566 กสม. ขอเน้นย้ำความสำคัญของสิทธิแรงงาน โดยจะร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ภาคีเครือข่ายด้านแรงงาน ภาคประชาสังคม และนักวิชาการ ในการขับเคลื่อนให้เกิดการยกระดับการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิแรงงานให้เป็นไปตามหลักสิทธิมนุษยชน และมาตรฐานสากล ส่งเสริมการมีงานทำของแรงงานที่ว่างงาน รวมทั้งผลักดันให้รัฐบาลให้การรับรองอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศ ฉบับที่ 87 และฉบับที่ 98 เพื่อให้แรงงานทุกกลุ่มเข้าถึงระบบประกันสังคมและมีมาตรฐานการครองชีพที่เพียงพอและเหมาะสมต่อไป

Advertisement

 

กรมควบคุมโรคเฝ้าระวังสถานการณ์โรคอุจจาระร่วง

People Unity News : กรมควบคุมโรคเฝ้าระวังสถานการณ์โรคอุจจาระร่วง แนะประชาชนเลือกรับประทานอาหารและน้ำที่สะอาด ถูกสุขลักษณะ

นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า จากการเฝ้าระวังของกรมควบคุมโรค สถานการณ์โรคอุจจาระร่วงในประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. – 12 พ.ย.2562 พบผู้ป่วย 925,149 ราย เสียชีวิต 7 ราย ภาคที่มีอัตราป่วยสูงสุด คือ ภาคเหนือ กลุ่มอายุที่พบผู้ป่วยสูงสุด คือ กลุ่มอายุมากกว่า 65 ปี โดยตั้งแต่ต้นปี พบผู้ป่วยโรคอุจจาระร่วงเป็นกลุ่มก้อน จำนวน 4 เหตุการณ์ ซึ่งเหตุการณ์ล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา พบว่ามีสาเหตุมาจากเชื้อโรต้าไวรัส

“การพยากรณ์โรคและภัยสุขภาพในสัปดาห์นี้ คาดว่าจำนวนผู้ป่วยโรคอุจจาระร่วงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะโรคอุจจาระร่วงที่มีสาเหตุจากเชื้อโรต้าไวรัส เนื่องจากเชื้อไวรัสดังกล่าวจะเจริญเติบโตและทนอยู่ในสิ่งแวดล้อมได้ดีในช่วง ฤดูหนาว จึงทำให้ประชาชนมีโอกาสได้รับเชื้อจากการรับประทานอาหารและน้ำ หรือสัมผัสกับของเล่นหรือเครื่องใช้ที่มีเชื้อไวรัสปนเปื้อนสูงขึ้น”

“กรมควบคุมโรค ขอแนะนำให้ประชาชนเลือกรับประทานอาหารและน้ำที่สะอาด ถูกสุขลักษณะ และมีการปรุงหรือผลิตที่ได้มาตรฐาน ก่อนรับประทานอาหารควรล้างมือให้สะอาดทุกครั้ง และในกรณีที่อยู่รวมกันเป็นกลุ่มใหญ่ ควรระมัดระวังเรื่องน้ำดื่มน้ำใช้เป็นกรณีพิเศษ ไม่ควรใช้ภาชนะหรือแก้วร่วมกับผู้อื่น หากผู้ใดมีอาการถ่ายเหลวเป็นน้ำมากกว่าสามครั้งต่อวัน ควรดื่มน้ำเกลือแร่หรือสารละลายเกลือแร่เพื่อทดแทนน้ำที่สูญเสียไปทันที หากอาการยังไม่ดีขึ้น รู้สึกอ่อนเพลีย อาเจียนรุนแรง หรือมีอาการขาดน้ำ ควรรีบไปพบแพทย์ หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ผู้ป่วยอาจเสียชีวิตจากโรคอุจจาระร่วงได้ ประชาชนสามารถสอบถามข้อมูลได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422”

โฆษณา

ครม.อนุมัติงบ 107 ลบ. โครงการอาชีวะ ฝีมือชน พัฒนากำลังคนชายแดนใต้ นักเรียนด้อยโอกาส

11367069 - yala, thailand - december 3: unidentified students attend for religious seminar in religious seminar for thai king's birthday on dec 3, 2011 at youth center yala, thailand

People Unity News : ครม.อนุมัติกว่า 107 ล้านบาท โครงการอาชีวะ ฝีมือชน พัฒนากำลังคนชายแดนใต้ สร้างทักษะอาชีพที่มั่นคงแก่นักเรียนด้อยโอกาส

9 มี.ค. 2565 ที่ประชุม ครม. วานนี้ (8 มี.ค. 65) ครม.อนุมัติโครงการอาชีวะ ฝีมือชน พัฒนากำลังคนชายแดนใต้ กรอบวงเงินงบประมาณ 107.6 ล้านบาท มีระยะเวลาดำเนินโครงการตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ.2564 – 2568 ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ซึ่งเป็นโครงการต่อเนื่องเพื่อช่วยเหลือนักเรียนด้อยโอกาสในเขตพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้ได้เรียนรู้วิชาชีพและสร้างทักษะประกอบอาชีพที่มั่นคง

โครงการอาชีวะ ฝีมือชน พัฒนากำลังคนชายแดนใต้นี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ช่วยเหลือนักเรียนด้อยโอกาสและครอบครัวผู้มีรายได้น้อย 2)สร้างโอกาสให้เยาวชนในเขตพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ได้เรียนรู้วิชาชีพอย่างมีคุณภาพ 3)ลดความเหลื่อมล้ำทางด้านการศึกษาและสร้างแรงจูงใจให้เยาวชนได้มีโอกาสสร้างทักษะในการประกอบอาชีพที่มั่นคง โดยดำเนินการในลักษณะการจัดตั้งโรงเรียนประจำในสถานศึกษาสังกัด สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ในพื้นที่จังหวัดปัตตานี จังหวัดยะลา จังหวัดนราธิวาส และจังหวัดสงขลา ในอำเภอจะนะ อำเภอเทพา อำเภอนาทวี และอำเภอสะบ้าย้อย รวม 4 แห่ง ได้แก่ 1)วิทยาลัยเทคนิคกาญจนาภิเษกปัตตานี 2)วิทยาลัยอาชีวศึกษายะลา 3)วิทยาลัยการอาชีพสุไหง-โกลก และ 4)วิทยาลัยเทคนิคจะนะ สำหรับกลุ่มเป้าหมายของโครงการจะเปิดรับนักเรียน/นักศึกษาในระดับ ปวช. จำนวน 135 คนต่อชั้นเรียน และระดับ ปวส. จำนวน 247 คนต่อชั้นเรียน ซึ่งเป็นนักเรียน/นักศึกษาที่ยากจน ถูกทอดทิ้ง ไม่มีผู้อุปการะ และได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมีคุณสมบัติ อาทิ 1)ครอบครัวมีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี โดยใช้ข้อมูลจากผู้ที่ลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อยเพื่อรับสวัสดิการของรัฐ 2)เป็นนักเรียนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ 3)มีภูมิลำเนาในจังหวัดปัตตานี จังหวัดยะลา จังหวัดนราธิวาส และจังหวัดสงขลา ในอำเภอจะนะ อำเภอเทพา อำเภอนาทวี และอำเภอสะบ้าย้อย

โครงการนี้จะช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาและสร้างโอกาสให้นักเรียนด้อยโอกาสในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้ศึกษาต่อด้านวิชาชีพอย่างทั่วถึงและมีทักษะประกอบอาชีพที่มั่นคง ทั้งนี้ ผลการดำเนินโครงการในปีงบประมาณ พ.ศ.2561 – 2563 ที่ผ่านมา มีนักเรียน/นักศึกษาเข้าร่วมโครงการรวมทั้งสิ้น 858  คน แบ่งเป็นระดับ ปวช .จำนวน 318 คน และระดับ ปวส.จำนวน 540 คน ซึ่งได้รับความสนใจจากประชาชนในพื้นที่เพิ่มมากขึ้น

Advertising

แนะแก้ปัญหา “หยก” ด้วยเมตตาธรรม

People Unity News : 16 มิถุนายน 2566 “สมชัย” แนะ รร.แก้ปัญหา “หยก” ด้วยเมตตาธรรม จัดให้เข้าเรียนปกติ ใช้ระบบการเรียนวัดผลตามขั้นตอน ขณะที่คนเป็นผู้ปกครองต้องชอบด้วยกฎหมาย

นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยการเมืองและการพัฒนา มหาวิทยาลัยรังสิต  โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กกรณีน้องหยก เยาวชนนักเคลื่อนไหววัย 15 ปี ว่า หากเป็นผู้อำนวยโรงเรียน จะแก้ปัญหาแบบมีเมตตาธรรม ด้วยการเปิดประตูไว้ทั้งวัน อยากมาเรียนตอนไหนก็เดินเข้าได้ ไม่ต้องปีนรั้ว พอไม่ปีนรั้วก็ไม่เป็นข่าว นักข่าวก็คงไม่อยากมาทำข่าวเด็กเดินเข้าโรงเรียนทุกวัน

“โรงเรียนก็จัดโต๊ะเก้าอี้ให้นั่งเรียน ให้เด็กได้เรียนวิชาการ ดีกว่าไปอยู่นอกห้องเรียน จัดการเรียน การสอน การวัดผลเป็นปกติ และแจ้งให้เด็กทราบเรื่องความจำเป็นต้องมีผู้ปกครองที่ได้รับมอบอำนาจมาลงทะเบียนให้ถูกต้อง เพื่อให้ได้ใบรับรองผลการศึกษาเพื่อไปเรียนต่อหรือประกอบอาชีพ ถ้าหากให้เรียนแล้ว เด็กขาดเรียน วัดผลแล้วสอบตกก็ให้เป็นไปตามระบบ หรือเรียนครบปียังไม่มีผู้ปกครองมาลงทะเบียน ก็ออกใบรับรองให้ไม่ได้ ดังนั้น คนเป็นผู้ปกครองปัจจุบันให้ไปหาทางทางกฎหมายให้เป็นผู้ปกครองโดยชอบด้วยกฎหมายด้วย” นายสมชัย กล่าว

Advertisement

ลูกจ้างเฮ! ราชกิจจาฯประกาศถูกเลิกจ้างเพราะโควิด ได้เงินสงเคราะห์เพิ่มจากเดิม โดยมีผลย้อนหลัง

People Unity News : มีผลแล้ว! บังคับใช้ระเบียบกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง กรณีถูกนายจ้างเลิกจ้างเพราะโควิด ยื่นเรื่องขอรับเงินสงเคราะห์ได้

18 ธ.ค.64 นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน เผยปัญหาการเลิกจ้างของสถานประกอบการในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่มีสถานประกอบการหลายแห่ง ไม่จ่ายค่าจ้าง และค่าชดเชยให้แก่ลูกจ้างตามที่กฎหมายกำหนด ทำให้ลูกจ้างได้รับความเดือดร้อน

ล่าสุด เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ คณะกรรมการกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง ให้จ่ายเงินสงเคราะห์ได้เพิ่มขึ้น เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้ผู้ถูกเลิกจ้าง เริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 16 ธ.ค. 64 เป็นต้นไป และให้มีผลย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. 63 ครอบคลุมไปถึงวันที่ 28 ก.พ. 65 โดยให้ปรับเพิ่มเงินสงเคราะห์จากอัตราเดิม ดังนี้

กรณีลูกจ้างที่อายุงาน 120 วัน แต่ไม่เกิน 3 ปี ปรับจ่ายเงินสงเคราะห์จาก 30 เท่า เป็น 60 เท่าของอัตราค่าจ้างขั้นต่ำรายวัน

ลูกจ้างที่อายุงาน 3 ปี แต่ไม่เกิน 10 ปี ปรับจ่ายเงินจาก 50 เท่า เป็น 80 เท่าของอัตราค่าจ้างขั้นต่ำรายวัน

ลูกจ้างที่อายุงาน 10 ปีขึ้นไป ปรับจ่ายเงินจาก 70 เท่า เป็น 100 เท่าของอัตราค่าจ้างขั้นต่ำรายวัน

ส่วนกรณีเงินอื่นนอกจากค่าชดเชย ให้ปรับจากอัตรา 60 เท่า เป็น 100 เท่าของอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ

ลูกจ้างที่เป็นผู้มีสิทธิได้รับเงินสงเคราะห์ตามระเบียบดังกล่าว สามารถขอรับเงินสงเคราะห์ ได้ที่สำนักงานสวัสดิการ และคุ้มครองแรงงานจังหวัดทุกจังหวัด และสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานกรุงเทพมหานคร พื้นที่ 1 – 10 หรือสอบถามเพิ่มเติมที่สายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร.1506

Advertising

ชาวบ้านเรียกร้องต่ออายุราชการ “ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร” แต่เจ้าตัวขอเดินหน้าทำงานภาคประชาชน

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 2 มีนาคม 2567 นครราชสีมา – ชาวบ้านเสียดาย “ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร” ผอ.สำนักอุทยานแห่งชาติ จะเกษียณในอีก 7 เดือน อยากให้ต่ออายุราชการอีก 1 ปี ด้านเจ้าตัวฝากขอบคุณ แต่ขอเดินหน้าทำงานในบทบาทภาคประชาชน

กลุ่มเพื่อนชาวจังหวัดมหาสารคาม และขอนแก่น ที่นำรถจักรยานมาปั่นออกกำลังกายบนอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ และพื้นที่โดยรอบ เกาะติดข่าวสารเกี่ยวกับพื้นที่พิพาทระหว่างอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ และ ส.ป.ก. จนมีอารมณ์ร่วม ได้แสดงความคิดเห็นหลังทราบข่าว นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติ จะเกษียณอายุราชการในอีก 7 เดือนว่า รู้สึกเสียดายข้าราชการที่มีความกล้าหาญ ปกป้องผืนป่า โดยไม่หวั่นเกรงอิทธิพลใดๆ จึงอยากให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ต่ออายุราชการให้อีกสัก 1 ปี เหมือนที่กรมอุทยานฯ ทำให้กับนายสุทธิพร สินค้า ผู้พิทักษ์ช้างป่าเขาใหญ่ ในปีที่ผ่านมา ซึ่ง ผอ.ชัยวัฒน์ ก็มีคุณสมบัติพิเศษของข้าราชการที่หาได้ยากเช่นกัน

ด้าน ผอ.ชัยวัฒน์ เปิดใจทางโทรศัพท์กับผู้สื่อข่าวว่า ฝากขอบคุณกำลังใจจากพี่น้องประชาชน ทั้งที่มีให้ตนและเจ้าหน้าที่ทุกคนของกรมอุทยานฯ ตั้งแต่ตนได้รับการบรรจุเป็นข้าราชการตั้งแต่ปี 2533 ก็ทำงานอนุรักษ์ป่ามาอย่างเต็มที่ ไม่เฉพาะความต้องการของประชาชน แต่อธิบดีกรมอุทยานฯเอง ก็เห็นความตั้งใจของตน บอกว่า จะตั้งเป็นที่ปรึกษาหลังเกษียณอายุราชการ แต่ตนปฏิเสธ เพราะถือว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ได้ทุ่มเททำงานอย่างเต็มที่แล้ว บทบาทในภาคประชาชนน่าจะทำงานคล่องตัวกว่า

นายสาโรจน์ ประพันธ์ อดีตผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานแห่งชาติ ซึ่งทำงานปกป้องป่า ในช่วงปี 2535 – 2551 รวม 16 ปีเต็ม กำลังร่างจดหมายเปิดผนึกถึงประชาชน ในชื่อ “ส.ป.ก.รุกป่าเขาใหญ่ อะไรเท็จ อะไรจริง ความเป็นไป อนาคตที่สุ่มเสี่ยงของป่าผืนนี้ โดยราคาที่ดินเขาใหญ่ จากไร่ละไม่ถึงหมื่น มาเป็นไร่ละไม่ต่ำกว่า 5 ล้านบาท จึงเป็นต้นตอให้กลุ่มทุนการเมืองอยู่เบื้องหลังการรุกป่าเขาใหญ่

โดยบริเวณเขาใหญ่ เกิดความทับซ้อนกันของหน่วยงานราชการถึง 5 พื้นที่ ได้แก่

เป็นพื้นที่ของป่าเขาใหญ่ ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองและสงวนป่า พ.ศ.2481

เป็นพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ตาม พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2505

เป็นพื้นที่สวนป่าของหน่วยจัดการต้นน้ำลำตะคอง

เป็นพื้นที่นิคมสร้างตนเองลำตะคอง พ.ศ.2515

เป็นพื้นที่ ส.ป.ก. พ.ศ.2530

สำหรับข้อเสนอบางส่วน ระบุว่า ต้องผลักดันให้มีการออกพระราชกฤษฎีกาผนวกพื้นที่สวนป่า และพื้นที่อื่นๆ ที่เหมาะสมเข้าเป็นอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่โดยเร็ว ส่วนความเห็นที่เสนอให้ทำเป็นพื้นที่กันชน กำหนดให้เป็นป่าชุมชนนั้น นายสาโรจน์ มองว่า ยังมีความสุ่มเสี่ยงสูงที่จะถูกบุกรุกทำลาย แล้วถ่ายโอนไปสู่กลุ่มทุนการเมืองได้ในที่สุด เนื่องจากการจัดการป่าชุมชนส่วนใหญ่ มักจะล้มเหลว มีน้อยมากที่ประสบความสำเร็จ โดยพื้นที่สำเร็จมักเป็นชุมชนดั้งเดิมที่มีวิถีชีวิตผูกพัน พึ่งพิงป่าอย่างใกล้ชิด ทำให้เกิดความรัก ความหวงแหน ช่วยกันดูแลรักษาป่าโดยชุมชน ผิดกับป่าชุมชนที่เกิดจากการจัดตั้งโดยหน่วยงานราชการ

Advertisement

Verified by ExactMetrics