วันที่ 14 กรกฎาคม 2025

“อนุทิน”ย้ำนโยบายกัญชาต้องเป็นรูปธรรมดันกม.ปลูกได้ 6 ต้น

People Unity News : “อนุทิน”ย้ำนโยบายกัญชามีความสำคัญกับพรรคภูมิใจไทยมาก ต้องเป็นรูปธรรม จ่อส่งข้อมูล สธ.หนุนกฎหมาย 6 ต้น

วันที่ 14 พฤศจิกายน 2562 ความคืบหน้าของนโยบายกัญชาของพรรคภูมิใจไทย หลังจากมีการยื่นร่าง พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ และ ร่าง พ.ร.บ.สถาบันพืชยาเสพติดแห่งประเทศไทย เข้าสู่การพิจารณาของสภา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า นโยบายกัญชามีความสำคัญกับพรรคภูมิใจไทยมาก ต้องทำให้เห็นความเป็นรูปธรรมมากที่สุด เรียนว่าเป็นคนหนึ่งที่ใช้งานเฟซบุ๊ก ทุกครั้งที่นำเสนอเรื่องอะไรออกไป มักจะมีคนมาถามเรื่องของนโยบายดังกล่าว ตรงนั้นสะท้อนว่า ประชาชนให้ความสนใจกับเรื่องนี้ขนาดไหน และตนไม่เคยลืม เป้าหมายคือให้ประชาชนปลูก เพื่อรักษาตัวเองเป็นหลัก กระนั้น การใช้ต้องเป็นไปอย่างถูกวิธี

ดังนั้น กระทรวงสาธารณสุข ต้องเข้ามาดูแลจัดการก่อน วันนี้องค์การเภสัชกรรมสามารถปลูก และผลิตสารสกัดจากกัญชาได้แล้ว กระจายไปตามโรงพยาบาลของกระทรวงสาธารณสุข พร้อมกับเปิดอบรมแพทย์ ให้สามารถจ่ายน้ำมันกัญชาอย่างถูกต้อง สำหรับการแพทย์แผนไทย หมอพื้นบ้านจำนวนมากได้มาขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้อง เช่นเดียวกับสูตรยา ซึ่งมีกัญชาเป็นส่วนผสม อาทิ สูตรของ อ.เดชา ก็ได้มาขึ้นทะเบียนแล้วเช่นกัน เพราะกระทรวงสาธารณสุขต้องการให้ทั้งหมอแผนปัจจุบัน และแพทย์แผนไทย ได้ใช้กัญชาในการรักษาโรค และเราพยายามนำกัญชาขึ้นมาบนดิน

บางคนอาจจะมองว่านโยบายกัญชา ยังไม่รวดเร็วทันใจ แต่ขอให้เข้าใจว่าการนำกัญชาขึ้นมาบนดินเป็นเรื่องที่ใหม่มาก ถ้าทำอย่างเร่งร้อน เกรงจะเกิดผลเสียอย่างใหญ่หลวง ยกตัวอย่างว่า หากมีการจำหน่ายสารสกัดจากกัญชา แล้วประชาชนไปซื้อ นำไปใช้ต่างประเทศ ปรากฎว่าถูกจับ เพราะทางนั้นมองว่าเป็นสารเสพติด อาจจะโดนโทษถึงขั้นประหารชีวิต ตนไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ เพราะฉะนั้น ทุกอย่างต้องทำอย่างรอบคอบ ต้องใช้ทั้งเวลาและความพยายามในการเดินหน้านโยบายนี้
อันที่จริง ไม่อยากให้เรียกกัญชาว่ากัญชา แต่อยากให้เรียกเป็นสาร THC, CBD ซึ่งเป็นสารสำคัญในพืชชนิดนี้ เพื่อลบภาพยาเสพติดออกไป โดยสรุป กระทรวงสาธารณสุข ผลักดันการใช้กัญชาทางการแพทย์ และเริ่มเห็นผลเป็นรูปธรรม ในอนาคต หากสารสกัด CBD, THC ได้รับการยอมรับ เรื่องของกัญชาจะเปิดกว้างยิ่งขึ้น

นายอนุทิน กล่าวอีกว่า เหตุที่ต้องใช้หมอเดินหน้านโยบายเกี่ยวกับกัญชา เพราะหมอมีความน่าเชื่อถืออย่างยิ่งในสังคม แต่ตนไม่ได้บังคับให้ใครมาเดินหน้า ทุกอย่างขึ้นอยู่กับความสมัครใจ ถ้าคิดว่าไม่ใช่ ก็ไม่ต้องทำ แต่เพราะทางกระทรวงสาธารณสุข เห็นความสำคัญของกัญชา ในฐานะทางเลือกหนึ่งในการรักษาโรค นโยบายจึงเดินต่อ อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าบางส่วนของนโยบายกัญชา อาทิเรื่อง กัญชา 6 ต้น มีความยาก เกี่ยวพันกับความเชื่อ และหลายหน่วยงาน การจะทำให้สำเร็จต้องอาศัยช่องทางรัฐสภา เพื่อแก้กฎหมาย ซึ่งภูมิใจไทยได้ยื่นกฎหมายเข้าสู่สภาแล้ว ทั้งนี้ การยื่นกฎหมายมีใช่มีเพียงเอกสาร แต่กำลังรอข้อมูลสนับสนุนเรื่องคุณประโยชน์ของกัญชา ที่เก็บรวบรวมจากการใช้กัญชาทางการแพทย์กับผู้ป่วยในความรับผิดชอบของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเท่าที่ศึกษารายงานผล พบผลการรักษาเป็นที่น่าพอใจ ทั้งนี้ การใช้กัญชาทางการแพทย์ ที่ดำเนินการโดยกระทรวงสาธารณสุข เป็นเรื่องที่ทำได้โดยอำนาจของรัฐมนตรีว่าการฯ ดังนั้น จึงเห็นความคืบหน้าชัดเจนกว่าเรื่องอื่นที่ต้องอาศัยการแก้กฎหมายในสภา

“เรื่องกัญชา มันเกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงานมาก แต่ในฐานะของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข คิดอยู่เสมอว่า มันต้องทำนโยบายนี้ให้เกิดความเป็นรูปธรรมสูงสุด และถ้าพูดเรื่องแก้กฎหมายในสภา ย่อมต้องใช้เวลา แต่บางเรื่องถ้าต้องผ่านทางนั้นก็ต้องทำ อาทิ เรื่อง 6 ต้น แต่เรื่องไหน มันไปทางอื่นได้ ก็ไปทางนั้น อย่างเช่นเรื่องกัญชาทางการแพทย์ ผมเอาเอกสารของกระทรวงฯมากาง แล้วดูว่าผมจะทำอะไรได้บ้าง ผมมีอำนาจอะไรบ้าง และผมทำตามอำนาจที่มี อาศัยว่ากล้าเซ็น กล้ารับ ก็เห็นความคืบหน้า นโยบายกัญชามีความสำคัญมาก เราต้องใช้ทุกช่องทางที่ถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อขับเคลื่อนนโยบายนี้”

“ชวน”สอนส.ส.! สภาฯไม่ใช่ที่ทะเลาะกัน

People Unity News : “ชวน”สอนส.ส.! สภาฯไม่ใช่ที่ทะเลาะกัน เป็นสถานที่ที่เป็นปากเสียงของประชาชน เป็นผู้ออกกฎหมายต้องปฏิบัติตามข้อบังคับ อย่าให้สภาท้องถิ่นอ้างได้

วันที่ 14 พฤศจิกายน 2562 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุม โดยก่อนเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุม นายชวนกล่าวถึงการนัดประชุมสภาฯ นัดพิเศษ วันที่ 22 พ.ย. เวลา 09.30 น. ว่า จะพิจารณาญัตติทั่วไป ที่ค้างอยู่ในระเบียบวาระ จำนวน 111 เรื่อง และยังไม่ถูกพิจารณา เพราะมีญัตติด่วนเข้ามา หากไม่ทำเรื่องดังกล่าวจะเหมือนอดีต คือยุบสภา แล้วจะมีเรื่องค้างอยู่จำนวนมาก ทั้งนี้ได้มีการแยกเป็น 11 กลุ่ม อาทิ ญัตติกลุ่มแหล่งน้ำ มี 9 ญัตติ , ญัตติกลุ่มโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภา จำนวน 2 ญัตติ กลุ่มญัตติตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาตรวจสอบแนวทางแก้ปัญหาลูกหนี้การเกษตร จำนวน 7 ญัตติ

ทั้งนี้ ในสัปดาห์หน้าเตรียมเชิญผู้เสนอญัตติซึ่งจัดกลุ่มดังกล่าวมาหารือว่าหากจะพิจารณาร่วมกัน จะใช้เวลาเท่าไร เช่น 2-3 ชั่วโมง จากนั้นจะให้นำเวลาไปบริหารกันเอง หากผ่าน 3 กลุ่มดังกล่าวได้ก็จะผ่านถึง 20 ญัตติ เป็นวิธีบริหารแนวใหม่ เพื่อให้ก่อนสิ้นสมัยประชุมไม่มีเรื่องค้างพิจารณาจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม จะขอหารือผู้เสนอญัตติ รวมถึงตัวแทนผู้ควบคุมเสียงจากฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านหารือเป็นการส่วนตัวในสัปดาห์หน้าด้วย ส่วนเรื่องเพื่อทราบจะบรรจุในวาระประชุมครั้งละ 3 เรื่องแทนจากเดิมที่บรรจุ 6-7 เรื่อง หากส.ส.สนใจศึกษาและอภิปรายเรื่องใดขอให้รับเอกสารที่หน่วยงานจัดส่งไปศึกษาล่วงหน้า เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนที่จะมีการบรรจุระเบียบวาระ เพื่อให้การอภิปรายเป็นประโยชน์มากที่สุด

“ผมขอความร่วมมือจากสมาชิก ให้เคารพและปฏิบัติตามข้อบังคับ เพื่อให้สภานิติบัญญัติมีความน่าเชื่อถือ สภาฯ ไม่ใช่ที่เรียกร้องผลประโยชน์ หรือสถานที่ขัดแย้ง เพราะสภาฯ คือสถานที่ที่เป็นปากเสียงของประชาชน สภาฯ ในฐานะผู้ออกกฎหมาย ต้องเป็นตัวอย่างผู้เคารพกฎหมาย อย่าให้สภาท้องถิ่นวิจารณ์ว่า สภาท้องถิ่นทะเลาะกันได้ เพราะสภาผู้แทนฯยังทะเลาะ” นายชวน กล่าวและว่า

พบว่าเงินที่ใช้ในส่วนของ กมธ.ฯ สภาฯ ที่พบว่าได้น้อยกว่า กมธ. ของวุฒิสภา ตนได้ทำหนังสือไปถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่าเรื่องดังกล่าวไม่ถูกต้อง เพราะสภาฯที่มาจากการเลือกตั้งได้งบประมาณที่น้อยกว่า และการจัดงบประมาณที่ไม่สมบูรณ์

“ธิดารัตน์”แนะ”บิ้กตู่”อ่านกูเกิ้ลก่อนพูด”รีดนมวัวให้เด็กดื่มเลย”

People Unity News : “ธิดารัตน์”เห็นต่าง”บิ้กตู่” ยกข้อมูลจากต่างประเทศชี้หากให้เด็กดื่มนมวัวสดๆ เป็นอันตรายต่อระบบทางเดินอาหาร แนะอ่านใน Google ก่อนจะพูด

วันที่ 14 พฤศจิกายน 2562 นางสาวธิดารัตน์ ยิ่งเจริญ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีที่พูดแนะนำว่าต่อไปให้รีดนมวัวให้เด็กดื่มเลยนั้น พูดโดยไม่มีความเข้าใจในกระบวนการผลิตนมวัวที่จะต้องมีคุณภาพ สะอาด ปลอดภัย และได้มาตราฐาน ในนมวัวสดที่ไม่ได้ผ่านกระบวนการฆ่าเชื้อหรือความร้อนใดๆ จะมีเชื้อโรคแคมไฟโลแบคเตอร์ ลิสเตอเรีย อีโคไลชนิดที่สร้างสารพิษได้ และเชื้อโรคอื่น ๆ ซึ่งก่อให้เกิดโรคเกี่ยวกับทางเดินอาหาร ดังนั้น จึงไม่แนะนำให้บริโภคนมวัวแบบสดจากเต้า

นางสาวธิดารัตน์กล่าวอีกว่า ตัวอย่างการดื่มนมวัวสดโดยไม่ผ่านการพาสเจอร์ไรท์ในประเทศนิวซีแลนด์ พบว่าในปี พ.ศ. 2557 มีผู้ติดเชื้อจากการกินนมสดจากเต้า 41 คน ซึ่งมี 9 คน เป็นเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี แล้วผู้ป่วย 2 คน มีอาการร้ายแรงถึงขั้นไตวาย ต่อมาในปี พ.ศ. 2558 ก็มีรายงานของผู้ป่วยจากการดื่มนมสดจากเต้าอีก 13 คน ดังนั้น ประเทศต่างๆ ทั่วโลกรวมถึงไทยเองก็ไม่เคยให้ประชาชนบริโภคนมที่ไม่ผ่านการพาสเจอร์ไรท์

รองโฆษกพรรคเพื่อไทยกล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันนมโรงเรียนน่าจะมีเพียงพอแล้ว แต่อยู่ที่การควบคุมคุณภาพมาตรฐานอย่างเคร่งครัด และรัฐบาลควรใส่ใจทั้งในเรื่องคุณภาพอาหารและนมที่ให้เด็กบริโภคในโรงเรียน รวมถึงการช่วยเหลือเกษตรกรที่ถูกจุด ทั้งนี้ท่านต้องไปช่วยลดต้นทุนของเกษตรกรผู้เลี้ยงวัวที่ประสบปัญหา อาหารวัวราคาแพงและขาดพื้นที่ปลูกหญ้าเนเปีย รวมทั้งขาดแหล่งน้ำและระบบส่งน้ำเข้าสู่แปลงหญ้าอีกด้วย

“ทางที่ดี ท่านควรศึกษาข้อมูลจากการอ่านบทวิจัยต่างๆใน Google ทั้งในไทยและต่างประเทศ ก็มีเขียนอยู่มากมาย รวมทั้งช่วยจัดสรรงบประมาณส่งเสริมการเลี้ยงโคนมให้ได้มาตรฐาน ป้องกันไม่ให้ผู้ใดโกงและแสวงหาผลประโยชน์ เพื่อดูแลคุณภาพอาหารที่เด็กบริโภคในโรงเรียน ดีกว่าแนะนำโดยไม่มีข้อมูล” นางสาวธิดารัตน์กล่าว

สธ.-ไอโอเอ็มลงนามความร่วมมือแก้ไขปัญหาสาธารณสุขในกลุ่มประชากรต่างด้าวชายแดน

People Unity News : กระทรวงสาธารณสุข ลงนามความร่วมมือกับองค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน ครั้งที่ 3 เพื่อแก้ไขปัญหาสาธารณสุขในกลุ่มต่างด้าวในชายแดน ทั้งผู้ย้ายถิ่น และกลุ่มด้อยโอกาสในพื้นที่ประเทศไทย เข้าถึงบริการสาธารณสุขขั้นพื้นฐาน

วันที่ 14 พฤศจิกายน 2562 ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายแพทย์สุขุม กาญจนพิมายปลัดกระทรวงสาธารณสุข และนางสาวดาน่า เกรเบอร์ ลาเด๊ก (Ms.Dana Graber Ladek)หัวหน้าสำนักงานองค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐานประเทศไทย(International Organization for Migration : IOM) ร่วมลงนามความร่วมมือสนับสนุนการแก้ปัญหาสาธารณสุขในกลุ่มประชากรต่างด้าวในจังหวัดชายแดน และให้สัมภาษณ์ว่า ได้ลงนามความร่วมมือกับไอโอเอ็มครั้งแรกตั้งแต่พ.ศ. 2552 ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 ระยะเวลาดำเนินการ 3 ปี เริ่ม 14 พฤศจิกายน 2562 – 30 พฤศจิกายน 2565 เป็นกรอบความร่วมมือในการดูแลด้านสุขภาพของผู้ย้ายถิ่นในประเทศไทย เพื่อช่วยเหลือกระทรวงสาธารณสุขในการพัฒนาความรู้ สร้างความตระหนักรู้ ขีดความสามารถด้านนโยบายและแนวทางการปฏิบัติ รวมทั้งการให้บริการและสนับสนุนการเข้าถึงบริการสาธารณสุขขั้นพื้นฐานและความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ประชากรต่างด้าว ครอบคลุมทั้งที่ได้ขึ้นทะเบียนและมิได้ขึ้นทะเบียนตามกฎหมายกำหนด รวมถึงประชาชนที่ด้อยโอกาสในประเทศไทย

นายแพทย์สุขุมกล่าวต่อว่า การบริการภายใต้โครงการนี้ มุ่งเน้น 6 ด้าน คือ 1.สาธารณสุขมูลฐาน การตรวจและการประเมินสุขภาพ การปฐมพยาบาลเบื้องต้น 2.การรักษาพยาบาลฉุกเฉินสำหรับผู้ย้ายถิ่นที่อยู่ในภาวะวิกฤติ 3.อนามัยเจริญพันธุ์และสุขภาวะทางเพศและสุขภาพเด็ก เช่น การวางแผนครอบครัว การมีบุตรอย่างปลอดภัย โภชนาการ การให้ภูมิคุ้มกันเด็ก โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โรคเอดส์ 4.การป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อ โดยเฉพาะโรคประจำถิ่น เช่น โรคไข้เลือดออก มาลาเรีย วัณโรค โรคท้องร่วง และโรคติดต่ออุบัติใหม่ โรคอุบัติซ้ำเช่น ไข้หวัดนก ไข้หวัดใหญ่ 5.อนามัยสิ่งแวดล้อมและสุขาภิบาลชุมชน และการจัดให้มีแหล่งน้ำที่สะอาดปลอดภัย และ6.การเตรียมความพร้อมรับภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้น โดยไอโอเอ็มจะเป็นผู้รับผิดชอบด้านบัญชี การเงินการบริหารโครงการ การประเมินโครงการ และการแลกเปลี่ยนข้อมูล รวมทั้งการพัฒนาศักยภาพของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

“นิพนธ์”ส่ง 517 จนท.ที่ดิน ออกโฉนดที่ดินทั่วประเทศ 85,000 แปลง

People Unity News : “นิพนธ์”ส่ง 517 จนท.ที่ดิน ออกโฉนดที่ดินทั่วประเทศ 85,000 แปลง โวกรมที่ดินยุค 4.0 ยุติข้อขัดแย้งสู่สังคมอุดมสุข

วันที่ 14 พฤศจิกายน 2562 ที่อาคารรังวัดและทำแผนที่ กรมที่ดิน จังหวัดนนทบุรี นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย(มท.2)เป็นประธานในพิธีส่งตัวเจ้าหน้าที่กรมที่ดิน จำนวน 517 คน เพื่อออกไปปฏิบัติงานตามโครงการเดินสำรวจสอบเขตที่ดินด้วยระบบโครงข่ายดาวเทียม RTK GNSS Network ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 เพื่อดำเนินการเดินสำรวจออกโฉนดที่ดินและสอบเขตที่ดิน ตามมาตรา 54 ทวิ และมาตรา 69 แห่งประมวลกฎหมายที่ดินในพื้นที่ 28 จังหวัด คือ จังหวัดเชียงใหม่ , ลำพูน , เชียงราย , ลำปาง , แพร่ , น่าน พิษณุโลก , กำแพงเพชร , สุโขทัย ตาก อุดรธานี , หนองบัวลำภู , หนองคาย , บึงกาฬ ชัยภูมิ ขอนแก่น อุบลราชธานี นครราชสีมา , นครพนม , มุกดาหาร , กระบี่ , พังงา , ตรัง , สงขลา , นครศรีธรรมราช ปัตตานี , ยะลา และนราธิวาส มีเป้าหมายจำนวน 85,000แปลง เพื่อยกมาตรฐานการรังวัดให้สูงขึ้น

นายนิพนธ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า กรมที่ดินมีโครงการพัฒนามาตรฐานรูปแปลงที่ดินโดยจัดให้มีโครงการเดินสำรวจสอบเขตที่ดินด้วยระบบโครงข่ายดาวเทียมRTK GNSS Network เพื่อยกมาตรฐานการรังวัดที่สูงขึ้น และได้นำเทคโนโลยีการรังวัดสมัยใหม่มาใช้ในการรังวัดทำแผนที่เพื่อให้รูปแปลงที่ดินมีค่าพิกัดภูมิศาสตร์ที่ถูกต้องแม่นยำสูง สามารถตรวจสอบตำแหน่งของหลักเขต หรือแนวเขตที่ดินในกรณีสูญหายถูกทำลายหรือถูกเคลื่อนย้ายได้อย่างรวดเร็วมีความละเอียดถูกต้องตามมาตรฐานเป็นที่ยอมรับในระดับสากล เพื่อแก้ปัญหาความทับซ้อนของที่ดิน และที่ดินที่ได้มีการรังวัดไว้นานแล้ว ทั้งนี้ การรังวัดด้วยระบบ RTK GNSS Network ถือเป็นการให้บริการสาธารณะในเชิงรุกของกรมที่ดิน และเป็นโครงสร้างพื้นฐานด้านการสำรวจและทำแผนที่สามารถเขื่อมโยงกับเทคโนโลยีสาขาต่างๆ เช่น การคมนาคมขนส่ง การสำรวจเพื่อการก่อสร้างการเกษตรอัจฉริยะการป้องกันและบรรเทาภัยพิบัติ การโยธาธิการและผังเมืองการตรวจวัดสภาพอากาศ เพื่อส่งผลให้มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศตามยุทธศาสตร์ชาติ โดยที่ดินถือได้ว่าเป็นปัจจัยพื้นฐานของการดำเนินงานประกอบการทุกๆอย่าง นอกจากนี้การรู้แนวเขตที่ดิน ที่เจ้าของที่ดินครอบครองชัดเจนจะเป็นการลดปัญหากรณีข้อพิพาทต่างๆ อันเกิดจากเรื่องที่ดิน ซึ่งจะทำให้เกิดความสงบเรียบร้อยในเรื่องการดูแลการจัดการกรรมสิทธิ์ในที่ดินและให้สิ่งที่มีคุณค่าแก่สังคมในการยกระดับมาตรฐานการรังวัดสู่สากลเพื่อยุติขัดแย้งเกี่ยวกับที่ดิน สร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ที่ดินของประชาชนสู่สังคมอุดมสุข และมีหนังสือแสดงกรรมสิทธิ์ในการครอบครองที่ดิน

นายนิพนธ์ได้เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ในการเดินสำรวจออกโฉนดที่ดินซึ่งเป็นตัวแทนของกรมที่ดินปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรอบคอบและระมัดระวังพื้นที่ป่าไม้ ที่สาธารณประโยชน์ หรือที่ดินของรัฐประเภทอื่น ๆ ซึ่งเป็นพื้นที่ต้องห้าม จะต้องตรวจสอบให้ดี อย่าให้มีการออกโฉนดที่ดินในพื้นที่นี้เป็นอันขาด การปฏิบัติงานขอให้ถือปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบ ทำงานด้วยความโปร่งใส อย่าให้มีการเรียกรับผลประโยชน์จากประชาชน เพราะจะทำให้ภาพลักษณ์ของกรมที่ดินเสียหาย ต้องช่วยกันทำให้กรมที่ดินไปสู่บริการดีไม่มีทุจริต ตามภารกิจหลักของกระทรวงมหาดไทยในการ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข”

“เทวัญ”รับข้อเสนอเหยื่อผู้ได้รับผลกระทบจากอุบัติเหตุบนท้องถนน

People Unity News : “เทวัญ”รับข้อเสนอเครือข่ายพัฒนาคุณภาพชีวิต และเหยื่อผู้ได้รับผลกระทบจากอุบัติเหตุบนท้องถนน ขอให้มีมาตรการจัดการผู้กระทำผิดอย่างเข้มงวด และช่วยเหลือเยียวยาเหยื่ออย่างจริงจัง

วันที่ 14 พฤศจิกายน 2562 ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ (ตึก ก.พ.เดิม) ทำเนียบรัฐบาล นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เดินทางไปพบปะผู้แทนเครือข่ายพัฒนาคุณภาพชีวิต และเหยื่อผู้ได้รับผลกระทบจากอุบัติเหตุบนท้องถนน กว่า 30 คน นำโดยนางสาวเครือมาศ ศรีจันทร์ ผู้ประสานงานเครือข่ายพัฒนาคุณภาพชีวิต และนายเจษฎา แย้มสบาย ประธานเครือข่ายเหยื่อเมาแล้วขับ กทม. ที่เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เนื่องในเดือนรณรงค์ “วันเหยื่อโลกไ เพื่อขอให้รัฐบาลยกระดับความเข้มข้นในการป้องกันและแก้ปัญหาอุบัติเหตุบนท้องถนนอย่างจริงจัง โดยเครือข่ายฯ ได้นำรองเท้า 60 คู่ มาจัดวางเป็นอักษรภาษาอังกฤษ “STOP VICTIM” เพื่อระลึกถึงผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุที่มีมากถึง 60 คนต่อวันในประเทศไทย

โอกาสนี้ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นผู้แทนรัฐบาลรับมอบหนังสือจากเครือข่ายพัฒนาคุณภาพชีวิต และเหยื่อผู้ได้รับผลกระทบจากอุบัติเหตุบนท้องถนน นางสาวเครือมาศฯ กล่าวว่า โอกาสที่สหประชาชาติได้กำหนดให้วันอาทิตย์ที่สวามของเดือนพฤศจิกายนของทุกปีเป็นวันเหยื่อโลก “World Victims Day” ซึ่งปีนี้ตรงกับวันที่ 17 พฤศจิกายน และยังเป็นปีที่ครบรอบทศวรรษแห่งความปลอดภัยทางถนน เครือข่ายฯ จึงเสนอแนวทางการแก้ปัญหาแก่รัฐบาล 4 ข้อ ดังนี้

1. ขอให้รัฐบาลนำนโยบายไปปฏิบัติเป็นรูปธรรม เข้มงวดกวดขันการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อสร้างวินัยการจราจรและลดอุบัติเหตุ

2. กรณีอุบัติเหตุที่เกิดจากการดื่มแล้วขับ ขอให้มีการปรับปรุงบทลงโทษให้ถึงขั้นมีโทษจำคุก 15-20 ปี รวมถึงมีนโยบายเอาผิดไปถึงผู้ขายแอลกอฮอร์ให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี และขายแก่คนเมาที่ครองสติไม่ได้

3. ขอให้มีการเพิ่มประสิทธิภาพในการช่วยเหลือเยียวยาผู้เสียหาย ทั้งในด้านงบประมาณตลอดจนการฟิ้นฟูสภาพจิตใจผู้เสียหายและครอบครัว

4. ขอให้เร่งศึกษาปัญหาความล่าช้าและความยากลำบากของผู้เสียหายจากอุบัติเหตุในการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม เพื่อกำหนดมาตรการแก้ไขที่เป็นรูปธรรม นำไปสู่ความเท่าเทียมกันในสังคม

“รัฐบาลมีความใส่ใจเรื่องนี้เป็นอย่างมาก เพราะการเกิดอุบัติเหตุทุกครั้งเท่ากับเป็นการสูญเสียบุคลากรของประเทศ สูญเสียทรัพยากร สูญเสียความสามารถในการดำรงชีพ และยังสูญเสียทางเศรษฐกิจ จะเห็นได้ว่าทุกวันนี้มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนเฉลี่ย 60 รายต่อวัน หรือกว่า 20,000 รายต่อปี ผู้พิการประมาณ 40,000 รายต่อปี อีกทั้งสถิติระบุว่าประเทศไทยอยู่ลำดับที่ 9 ของโลก และเป็นอันดับ 1 ของอาเซียนที่มีการเกิดอุบัติเหตุมากที่สุด ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าเป็นห่วง ผมเห็นด้วยกับข้อเรียกร้องที่เสนอมาทั้งเรื่องการบังคับใช้กฎหมาย และการฟื้นฟูเยียวยา และขอรณรงค์ให้ทุกท่านร่วมกัน เมาไม่ขับ โดยเฉพาะช่วงเทศกาลที่ใกล้เข้ามา” รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าว

“ประวิตร”ห่วงใยภัยแล้งแล้ว! สั่งเร่งสร้างแก้มลิงติดตามใกล้ชิด

People Unity News : “ประวิตร”ห่วงใยภัยแล้งแล้ว! สั่งเร่งสร้างแก้มลิง พร้อมติดตามการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ เน้นประสิทธิภาพและต้องไม่ให้ประชาชนเดือดร้อน

วันที่ 14 พฤศจิกายน 2562 พล.ต.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผู้ช่วยโฆษกรองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันนี้เวลา 09.30 น.พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม คณะอนุกรรมการอำนวยการด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ที่ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล โดยพล.อ.ประวิตร กล่าวว่าเนื่องจากขณะนี้เข้าสู่ฤดูแล้ง มีปริมาณฝนตกน้อย ยกเว้นภาคใต้จึงต้องมีการติดตามผลการดำเนินงานตามมติครม. และการบริหารจัดการน้ำในฤดูแล้งปี 2562/63 อย่างใกล้ชิดโดยที่ประชุมได้เห็นชอบโครงการนำร่องพัฒนาพื้นที่ลุ่มต่ำเป็นพื้นที่นำร่องเก็บกักน้ำไว้ใช้ประโยชน์ในฤดูแล้งจำนวน 3 แห่งได้แก่ ทุ่งบางพลวง จังหวัดปราจีนบุรี,ลำน้ำยัง จังหวัดร้อยเอ็ด และทุ่งบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก

และเห็นชอบมาตรการรองรับสถานการณ์ภัยแล้งบริเวณพื้นที่เสี่ยงขาดแคนน้ำอุปโภคบริโภคในเขต 22 จังหวัดและนอกเขต 31 จังหวัด รวมถึงพื้นที่เสี่ยงขาดแคนน้ำเพื่อการเกษตรในเขตชลประทานที่ใช้น้ำจากอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ แต่ไม่มีน้ำเพียงพอเพื่อการเพาะปลูกจำนวน 8 จังหวัด สำหรับภาคใต้ยังคงมีฝนตก และต้องเฝ้าระวังโดยมีมาตรการรองรับสถานการณ์พื้นที่เสี่ยงภัย และน้ำล้นตลิ่งภาคใต้จำนวน 7 จังหวัด 37 อำเภอ

“พล.อ.ประวิตร ยังได้รับทราบสถานการณ์น้ำในแม่น้ำโขง รวมถึงมาตรการรองรับผลกระทบของประชาชนที่อยู่ริมแม่น้ำโขง โดยสถานการณ์ระดับน้ำโขงมีแนวโน้มต่ำกว่าปกติอันเนื่องมาจากภาวะเอลนีโญและการจัดการน้ำของเขื่อนในประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งอาจส่งผลต่อการดำรงชีวิต และการประกอบอาชีพ โดยกำชับให้คณะอนุกรรมการติดตามการดำเนินงานและสั่งการ กระทรวงต่างๆ พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งปฏิบัติงานจริงจังตามแผนงานที่ได้ผ่านความเห็นชอบแล้วในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ มุ่งเน้นประสิทธิภาพการกักเก็บน้ำโดยเฉพาะการสร้างแก้มลิงให้ครอบคลุมพื้นที่โดยเร็วและต้องมีการสร้างการรับรู้ความเข้าใจ ไม่ให้ประชาชนเดือดร้อนโดยเด็ดขาด” ผู้ช่วยโฆษกรองนายกรัฐมนตรี กล่าว

“บิ๊กตู่” เมิน “เสรีพิศุทธ์”ขู่ฟ้องเบี้ยวแจงรอบ 4 “ปธ.กทม.ป.ป.ช.” ลั่นไม่สามารถเปลี่ยนประธานได้

People Unity News : “ประยุทธ์” เมิน “เสรีพิศุทธ์” เรียกแจงกมธ.ป.ป.ช.รอบ 4 ขู่เบี้ยวเจอฟ้องอาญา ด้านประธานกทม.ป.ป.ช.ถาม “สิระ” เป็นคนแบบไหน ในห้องประชุมเป็นอีกแบบหนึ่งพอหลังประชุมเป็นอีกแบบ ยันไม่สามารถเปลี่ยนประธานได้ ลุยสอบ “ปารีณา” ถือที่ดิน ภบ.ท.5

วันที่ 14 พฤศจิกายน 2562 เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม หารือร่วมกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เพื่อยกระดับการท่องเที่ยวไทย โดยไม่เปิดให้สื่อมวลชนเข้ารับฟังแต่อย่างใด ทั้งนี้ก่อนการประชุมเมื่อผู้สื่อข่าวถามพล.อ.ประยุทธ์ ว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ(กมธ.ป.ป.ช.) ยังคงเดินหน้าเชิญนายกรัฐมนตรีไปชี้แจงในรอบที่ 4 ปมถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบ ในวันที่ 20 พ.ย.และขู่ว่าหากไม่เข้าชี้แจงในรอบนี้เตรียมดำเนินคดีอาญา โดยพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตอบด้วยสีหน้านิ่งเฉยว่า “ปล่อยเขา ก็แล้วแต่”

ขณะที่พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ในฐานะประธานกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (กมธ.ป.ป.ช.) กล่าวถึงกรณีที่นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ จะเสนอให้มีการปลดประธาน กมธ. ป.ป.ช. ในวันพุธหน้าว่า ไม่สามารถทำได้ เพราะเป็นโควตาฝ่ายค้าน ยืนยันตนเองทำตามหน้าที่กรณีเชิญนายกรัฐมนตรีแลรองนายกรัฐมนตรีมาชี้แจง

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวต่อว่า เห็นในที่ประชุมสำหรับนายสิระก็เรียบร้อยดีเวลาโหวตกันจะเชิญนายรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรีมาให้ถ้อยคำครั้งต่อไปหรือไม่อย่างไร ก็โหวตให้มา 6ไม่มา 3 ก็ยังพูดคุยว่า เป็นธรรมดีพอออกห้องประชุม จะเสนอปลดประธานคนแบบนี้เป็นคนประเภทอะไรมีอะไรจะมาปลดมีอะไรจะมาเปลี่ยน นี่เป็นกระบวนการทางการเมือง ที่ทางฝ่ายรัฐบาลเอามาเล่นเอามาใช้ในสภาฯกรรมาธิการต่างๆ ไม่เห็มีอะไรเลย ใครเข้ามาใครเป็นคนกำหนดในที่ประชุมใครเป็นประธานในที่ประชุม

“ผมทำตามหน้าที่ ผมเสียงเดียวในกรรมาธิการ มันจะตายเหรอ เป็นก็เป็นไม่เป็นก็ไม่เป็น เพราะผมเสียงเดียว คณะกรรมาธิการโหวตให้ผมเป็นประธาน ผมไม่ได้ขอเป็น ส.ส.10 สมัยก็มี ทำไมให้ ส.ส.สมัยแรกเป็นก็พราะคุณวุฒิความรู้ความสามารถเป็นแล้วทำงานถูกใจนักข่าว ถูกใจพี่น้องประชาชนหรือไม่ จะเรียกนายกฯและรองนายกฯมาสอบถามข้อเท็จจริงในกรรมาธิการชุดนี้มันผิดตรงไหน ทำไมไม่ยอมมา ไหนบอกชายชาติทหาร”พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ กล่าว

ลุยสอบ”ปารีณา”ถือที่ดิน ภบ.ท.5

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวด้วยว่า ในสัปดาห์หน้า กมธ.จะมีการพิจารณาตรวจสอบกรณีการถือครองที่ดินตามเอกสารภาษีบำรุงท้องที่ (ภบ.ท.5) กว่า 1,700 ไร่ ในพื้นที่หมู่ 6 ต.รางบัว อ.จอมบึง จ.ราชบุรี ของ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ว่ามีการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนหรือไม่ รวมถึงประเด็นการถือครองที่ดิน และการยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน โดยจะเชิญเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มาให้ข้อมูลการยื่นบัญชีทรัพย์สินฯ ของ น.ส.ปารีณา รวมถึงจะขอความเห็นจากที่ประชุมว่าจะเชิญหน่วยงานใดมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีก เพราะไม่มั่นใจการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวจากฝ่ายรัฐบาล เห็นได้จากที่ น.ส.ปารีณา ลงพื้นที่ไปต้อนรับนายกรัฐมนตรีที่จังหวัดราชบุรี

“มท.1” เผยที่ดิน “ปารีณา” ว่ากันตามขั้นตอนกม.

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ตนเพียงอ่านข่าว และยังไม่ได้รับเรื่อง ยังไม่ทราบว่าเป็นที่ดินของสำนักงานที่ดินปฎิรูปเพื่อการเกษตร (ส.ป.ก.) หรืออะไร เพราะเรื่องนี้กระทรวงเกษตรฯ กำลังดูอยู่ ก็ว่าไปตามขั้นตอนของกฎหมาย

“เราจะไปพูดอย่างไรได้ และไม่ว่าใครทั้งสิ้น ประชาชนนายดำนายแดง ก็เหมือนกัน ใครมาเป็นรัฐบาล ใครมาเป็น ส.ส. ก็ต้องอยู่ในจุดเดียวกัน เพราะถ้าไม่อยู่มันจะไม่ได้ ก็ต้องรับไปตามนั้นตรวจสอบกัน เป็นอย่างไรก็ว่าไปตามกฏหมาย” พล.อ.อนุพงษ์ กล่าว

พท.ป้อง”เสรีพิศุทธ์”ฉะ”สิระ” มือไม่พายอย่าเอาเท้าราน้ำ

นายตรีรัตน์ ศิริจันทโรภาส อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย ในฐานะเลขานุการประจำคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (กมธ.ป.ป.ช.) กล่าวถึงกรณีนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ จะเสนอเปลี่ยนตัวประธาน กมธ. เนื่องจาก กมธ.หลายคนไม่สบายใจกับทำหน้าที่ของพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เสรีเตมียเวช ประธาน กมธ.ป.ป.ช. ซึ่งไม่ได้สนใจเรื่องการทุจริตของข้าราชการที่ร้องเรียนเข้ามาว่า ไม่เป็นความจริง คณะกรรมาธิการ ป.ป.ช. ปัจจุบันมีเรื่องที่กำลังพิจารณาอยู่กว่า 135 คดี และได้มีการเชิญผู้ร้องและผู้ถูกร้องมาชี้แจงเพื่อสอบสวนอยู่ทุกสัปดาห์ หากนายสิระ และนางสาวปารีณา ที่เพิ่งเข้ามาประชุมเพียงสัปดาห์แรก ให้ความสนใจในการประชุม ไม่ใช่เข้ามาเพื่อสร้างความปั่นป่วน หรือถ่ายคลิปวีดีโอ จะเข้าใจว่าคณะนี้ทำงานอยู่ตลอดและเที่ยงตรง ไม่ว่าผู้ถูกร้องจะเป็นข้าราชการปกติ หรือ นายกรัฐมนตรี เราก็ต้องทำตามเอกสารข้อเท็จจริง ไม่ใช่การพูดลอยๆ

“ขอตั้งข้อสังเกตว่า นายสิระ ที่เพิ่งเข้ามาเป็นกรรมาธิการ ประชุมไปแค่นัดเดียว และอยู่ในห้องประชุมแค่แป๊ปเดียว เสมือนนักเรียนมาเซ็นชื่อแล้วก็โดดเรียน จะไปรู้เรื่องอะไรว่า กมธ. นี้เขาทำงานไปถึงไหน เอกสารวาระการประชุมตรงหน้าได้เปิดดูบ้างหรือเปล่า หรือจะเข้าห้องประชุมเพียงแค่เวลามีผู้สื่อข่าว เมื่อผู้สื่อข่าวออกจากห้อง ก็ออกไป มือไม่พาย อย่าเอาเท้าราน้ำ” เลขานุการประจำกมธ.ป.ป.ช. ระบุ

“พุทธิพงษ์” เผยนายกฯ จะนัดหารือพรรคร่วมรัฐบาลเร็วๆนี้

นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.พัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะแกนนำพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เตรียมนัดคุยกับหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคร่วมรัฐบาล ก่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจในเร็วๆนี้ โดยกำลังหาวันและเวลาอยู่ และหลังจากนั้นจะมีการพบปะกับ ส.ส.รัฐบาล

“อนุสรณ์”ชี้อภิปรายไม่ไว้วางใจพรรคร่วมรัฐบาลได้ประโยชน์

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี ข่าวคราวความระหองระแหงในการทำงานระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล แต่ พล.อ.ประยุทธ์ระบุ ยังอยู่อีกนาน ว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจโดยหลักแล้วการใช้กลไกรัฐสภาตรวจสอบถ่วงดุลย์ฝ่ายบริหาร เป็นการทำหน้าที่เพื่อประชาชน แต่การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ครั้งนี้ มีพรรคร่วมรัฐบาลได้ประโยชน์ ในการใช้เป็นเหตุผลหลักกดดันให้มีการเปลี่ยนแปลงเก้าอี้รัฐมนตรีแล้วมาเกลี่ยโควต้ากันใหม่ ดังนั้นข้อมูลที่ไหลมาสู่พรรคเพื่อไทยและพรรคฝ่ายค้าน จึงไหลมาจากทุกที่รวมถึงจากพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันเองด้วย

“การโอดโอยว่ารัฐบาลเพิ่งอยู่มา 4 เดือน จะอภิปรายไม่ไว้วางใจอะไร เป็นการพูดแบบร้องขอชีวิต เพราะรัฐบาลทหารของพล.อ.ประยุทธ์ อยู่มา 5 ปี ต่อเนื่องมาถึงรัฐบาลหลังเลือกตั้งอีก 4 เดือน มีเรื่องไม่ชอบมาพากลมากมาย ไม่เชื่อลองสอบถามพรรคร่วมรัฐบาลดูก็ได้” นายอนุสรณ์ กล่าว

ไม่ฟ้องกันแล้ว! “สมศักดิ์”สวมบทกาวใจ”สิระ-เทพไท” ฉุนยกสุนัขเปรียบ

People Unity News : “สมศักดิ์”สวมบทกาวใจ”สิระ-เทพไท” ด้าน”สิระ”ลั่นจับมือ “เทพไท” แล้ว เลิกฟ้อง พร้อมร่วมงานด้วยหากมีโอกาส

เมื่อวันที่ 14 พ.ย.เวลา 09.00 น.นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยถึงที่ในวันศุกร์ ที่ 15 พฤศจิกายนนี้จะไปฟ้องนายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในข้อหาหมิ่นประมาท จากกรณีกล่าวพาดพิงและเปรียบเทียบว่า “ถ้าเล่นกับหมา หมาจะเลียปาก จึงไม่ยอมเล่นกับหมาอีกต่อไป” ซึ่งเป็นคำกล่าว ที่ทำให้ตนได้รับความเสียหาย ถูกดูหมิ่น ดูแคลนว่า วานนี้ตนได้เจอกับนานเทพไทที่รัฐสภา ซึ่งนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้เป็นกาวใจให้ตนกับนายเทพไทได้พูดคุย ปรับความเข้าใจกัน

“ท่านรัฐมนตรีสมศักดิ์ กล่าวกับตนว่า อย่าให้ต้องถึงขั้นมีการฟ้องร้องกันเลย คนกันเองทั้งนั้น ยังต้องทำงานร่วมกันในสภาอีกนาน ก็อยากจะให้ถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน”นายสิระ กล่าว

นายสิระ กล่าวต่อว่า จากนั้นตนและนายเทพไทก็ต่างให้อภัยซึ่งกันและกัน ซึ่งตนตัดสินใจที่จะไม่ฟ้องนายเทพไทแล้ว และขอขอบคุณท่านรัฐมนตรีสมศักดิ์ที่มาเป็นกาวใจให้ โดยส่วนตัวตนก็เคารพท่านมาก และเข้าใจในความปรารถนาดีของท่าน

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า วันข้างหน้าหากมีโอกาสยังสามารถร่วมงานกับนายเทพไทได้หรือไม่ นายสิระ กล่าวว่า ตนกับนายเทพไทไม่มีอะไรติดค้างใจกันแล้ว ลูกผู้ชาย จนแล้วก็คือจบ จากนี้หากได้มีโอกาสร่วมงานกับนายเทพไท ตนก็พร้อมที่จะทำงานอย่างเต็มที่

“พิชัย”ชี้”บิ๊กตู่”ออก”ชิมช้อปใช้”เฟส 3 เบี่ยงเศรษฐกิจทรุด

People Unity News : “พิชัย”ชี้”บิ๊กตู่”ออก”ชิมช้อปใช้”เฟส 3 เพื่อเบี่ยงประเด็นเศรษฐกิจทรุด ห่วงไทยล้าหลังเร็ว ประชาชนจะยิ่งลำบาก แนะ ต้องรู้ตัวถูกหลอกมาเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจต้องรีบเปลี่ยนหาคนเก่งแทน

วันที่ 14 พฤศจิกายน 2562 นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว. พลังงาน กล่าวว่า จากข้อมูลที่ได้รับ เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 3 จะยังคงขยายตัวได้ในระดับต่ำมาก ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจไทยทั้งปีขยายตัวกว่า 3% และ ไม่มีทางเป็นไปตามที่นายอุตตม สาวนายน รมว. คลัง เคยยืนยันไว้ว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและชิมช้อปใช้จะทำให้เศรษฐกิจไทยปีนี้ขยายตัวได้ 3.5% ซึ่งแสดงให้เห็นชัดเจนว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะชิมช้อปใช้ ประสพความล้มเหลว ไม่เกิดประโยชน์เหมือนเป็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ ทั้งๆที่ไอเอ็มเอฟได้เตือนแล้วว่า รัฐบาลไม่ควรแจกเงินสะเปะสะปะ เพราะไม่ได้พัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขัน แต่รัฐบาลก็ยังคงทำต่อไม่หยุด โดยคาดว่าอาจจะต้องการเบี่ยงเบนความสนใจของคนให้มาวิจารณ์ชิมช้อปใช้ ที่น่าจะมีคนชอบอยู่บ้างเพราะได้เงินฟรี แต่จะไม่เกิดประโยชน์อะไรกับประเทศเลย ทั้งนี้เพื่อไม่ให้ทุกคนหันไปรุมด่าฝีมือการบริหารเศรษฐกิจของรัฐบาลที่ล้มเหลวมากว่า 5 ปีแล้ว จนเศรษฐกิจปัจจุบันย่ำแย่สุดๆ และยังมีแนวโน้มที่จะแย่ลงไปอีก

ทั้งนี้ ทั้งสภาพัฒน์ฯ และรวมถึงนักวิชาการจำนวนมาก ต่างพากังวลว่าเศรษฐกิจไทยจะล้าหลังเร็วมาก และไทยจะโตต่ำกว่าศักยภาพไปอีกนาน ซึ่งจะทำให้ไทยปรับตัวแข่งขันในเศรษฐกิจยุคใหม่ได้ลำบาก ซึ่งหากจำกันได้ ตนได้เตือนมาตลอดว่าประเทศไทยมีปัญหาทางการเมืองภายในประเทศในช่วงเวลาที่แย่ที่สุดที่โลกกำลังจะเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะทำให้ไทยตกยุคเร็วมาก แล้วก็เริ่มเป็นจริงขึ้นเรื่อยๆ และ ถ้าหากไทยยังไม่เร่งแก้ไขปรับปรุงประเทศไทยจะยิ่งล้าหลังเร็วขึ้นไปอีก ประชาชนจะยิ่งลำบาก คนรุ่นใหม่จะไม่มีงานทำ และจะไม่สามารถหารายได้เพียงพอเลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้ ถ้าเปรียบเทียบตามทฤษฏีกบต้ม ก็น่าจะเป็นช่วงที่น้ำยังเพิ่งจะเริ่มร้อน แต่ได้มีโรงงานปิดตัวและเลิกจ้างงานกันเป็นจำนวนมากแล้ว หากสถานการณ์แย่ลงอีก ซึ่งเปรียบเสมือนน้ำในหม้อเริ่มเดือด ประชาชนจะยิ่งลำบากกันเพิ่มขึ้นอีกมาก

ดังนั้น จึงอยากขอให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว. กลาโหม และยังเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจได้พิจารณาตัวเองว่ามีความรู้ความสามารถเพียงพอจะบริหารเศรษฐกิจในภาวะเช่นนี้หรือไม่ ถ้าหากคิดเพียงจะใช้กูเกิ้ลบริหาร คิดจะเป็นแค่มดจากเดิมที่เคยจะเป็นเสือตัวที่ 5 ของเอเชีย หรือ คิดได้แค่ให้นำวัวไปรีดนมในโรงเรียนให้นักเรียนดื่มเพื่อป้องกันนมบูด พลเอกประยุทธ์น่าจะต้องสำนึกตัวได้หรือยังว่าถูกหลอกให้มาเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ในขณะที่เศรษฐกิจไทยกำลังจะหักหัวลง เศรษฐกิจไม่ได้กำลังฟื้นตัวเหมือนที่ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ พยายามจะขายฝัน ซึ่งได้ขายฝันมา 5 ปีแล้ว แต่เศรษฐกิจไทยก็ยังไม่เคยดีขึ้นแถมยังแย่ลงไปอีก

นอกจากนี้ นายสมคิดยังได้ปัดความรับผิดชอบเรื่องจีดีพีที่ตกต่ำที่สุดในรอบ 5 ปีว่า นายสมคิดไม่ได้เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจแล้ว เท่ากับโยนความผิดให้พลเอกประยุทธ์รับไปเต็มๆ อีกทั้ง ยังโยนเรื่องค่าเงินบาทแข็ง ส่งออกลดไปที่แบงค์ชาติ ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นนักเศรษฐศาสตร์ที่เก่ง แค่เป็นผู้ติดตามข่าวสารทางเศรษฐกิจก็ต้องรู้แล้วว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้ย่ำแย่แน่ การโดดเข้าไปรับเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจโดยไม่ได้ศึกษาหรืออาจจะไม่มีความรู้ ได้กลายเป็นความล้มเหลวที่นายสมคิดโยนมาให้พลเอกประยุทธ์รับไปทั้งหมด แถมยังพูดปัดความรับผิดชอบยิ่งเป็นการตอกย้ำ และน่าจะทำให้พลเอกประยุทธ์สำนักได้หรือยังว่าน่าจะถูกหลอกให้มาเป็น และควรจะต้องรีบลาออกจากหัวหน้าทีมเศรษฐกิจได้แล้ว โดยควรต้องหาคนที่มีความรู้ความสามารถอย่างแท้จริง และก้าวทันโลกที่เปลี่ยนแปลงได้ทันให้เข้ามาช่วยบริหารเศรษฐกิจแทน พวกที่บริหารมา 5 ปีแล้วยังล้มเหลวควรต้องปรับออกไปทั้งหมด เพื่อทำให้ไทยสามารถกลับมาแข่งขันได้

ความล้าหลังของเศรษฐกิจไทยเกิดขึ้นเร็วมาก และ จะทวีความรุนแรงขึ้นไปอีก หากรัฐบาลไม่รีบแก้ไขปรับตัว อีกไม่นานไทยจะตกยุคแบบกู่ไม่กลับ ตอนนี้ยังไม่สายไปนักหากไทยจะรีบปรับตัว แต่หากปล่อยไปเรื่อยๆ อีกไม่นานไทยจะยิ่งเสียหายจนยากจะฟื้นหรืออาจจะต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะกลับมาก้าวทันโลกได้

Verified by ExactMetrics