วันที่ 18 กรกฎาคม 2025

“บิ๊กตู่” อวยพรขอให้ประเทศไทยเจริญรุ่งเรือง ประชาชนมีความสุข เนื่องในวาระปีใหม่ไทย

People Unity News : นายกรัฐมนตรีอวยพรขอให้ประเทศไทยเจริญรุ่งเรือง ประชาชนไทยมีความสุข เป็นคนดีของสังคม พร้อมเชิญชวนร่วมงาน “สงกรานต์ ริน รด พรม ใส่หน้ากาก ไม่สาดน้ำ Amazing ยิ่งกว่าเดิม” และกิจกรรม “สงกรานต์วิถีใหม่ สืบสานวัฒนธรรมไทย”

วันนี้ (30 มีนาคม 2564) เวลา 08.45 น. ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ร่วมประชาสัมพันธ์กิจกรรมประเพณีสงกรานต์ พ.ศ. 2564 “สงกรานต์ ริน รด พรม ใส่หน้ากาก ไม่สาดน้ำ Amazing ยิ่งกว่าเดิม” โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และ “สงกรานต์วิถีใหม่ สืบสานวัฒนธรรมไทย” โดยกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมเยี่ยมชมผลิตภัณฑ์ผ้าไทย โดยกระทรวงมหาดไทย ซึ่งมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ร่วมชมนิทรรศการในครั้งนี้ด้วย

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และคณะผู้บริหารการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ร่วมประชาสัมพันธ์กิจกรรม “สงกรานต์ ริน รด พรม ใส่หน้ากาก ไม่สาดน้ำ Amazing ยิ่งกว่าเดิม” แด่นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี ซึ่งเน้นการจัดกิจกรรมในรูปแบบ New Normal ดำเนินการตามข้อกำหนดของกระทรวงสาธารณสุข  รณรงค์การท่องเที่ยววิถีใหม่ในกิจกรรมสงกรานต์ประจำปี 2564 ภายใต้แนวคิดปลอดภัย ประเพณี ประหยัด และสืบสานวัฒนธรรมประเพณีสงกรานต์ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นทางด้านการท่องเที่ยวต่อนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างประเทศที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย (Expat) และสร้างรายได้หมุนเวียนทางเศรษฐกิจในพื้นที่ โดยจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 13 – 15 เมษายน 2564  ณ บริเวณพื้นที่ลานกิจกรรม รถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิ้งค์ (สถานีมักกะสัน)

ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้สรงน้ำพระพุทธมหานาค ปฏิมากร นาคปรก 9 เศียร ซึ่งมีความหมายสิริมงคลหมายถึงการปกป้องดูแลประเทศชาติ พร้อมกล่าวขอพรให้ประเทศไทยมีความเจริญรุ่งเรือง และอวยพรให้ประชาชนคนไทยมีความสุข เป็นคนดีของสังคม ขณะเดียวกันก็อวยพรให้แก่คณะรัฐมนตรีและตัวแทนเด็กเยาวชนที่ได้รดน้ำดำหัว ขอให้ทุกคนช่วยกันแก้ไขปัญหา นายกรัฐมนตรียืนยันว่าจะดูแลทุกคนให้ดีที่สุด

จากนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นำนายกรัฐมนตรีร่วมประชาสัมพันธ์กิจกรรมสืบสานประเพณีสงกรานต์ ประจำปี 2564 ภายใต้แนวคิด “สงกรานต์วิถีใหม่ สืบสานวัฒนธรรมไทย” เพื่อรณรงค์การจัดกิจกรรมสงกรานต์ให้สอดคล้องกับแนวทางมาตรการสงกรานต์ 2564 โดย ศบค. ที่ยึดหลัก DMHT เน้นจัดงานสงกรานต์ในพื้นที่โล่งแจ้ง งดการจัดกิจกรรมที่มีการรวมกลุ่มของคนหมู่มากและสัมผัสใกล้ชิดกัน อาทิ งดการรวมกลุ่มเล่นสาดน้ำ งดประแป้ง งดการเล่นปาร์ตี้โฟม สนับสนุนการจัดพิธีรดน้ำดำหัวแบบเว้นระยะห่างและสวมหน้ากากอนามัยเสมอ

จากนั้น  นายกรัฐมนตรีได้เยี่ยมชมผลิตภัณฑ์ผ้าไทย โดยได้ร่วมพูดคุยกับ ผู้ประกอบการและวิสาหกิจชุมชนผู้ผลิตผ้าไทย ที่นำผ้าไทยมาจัดจำหน่ายก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี ตามที่นายกรัฐมนตรีได้แนะนำไว้ เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้ประชาชนใช้และสวมใส่ผ้าไทย ให้หลากหลายยิ่งขึ้น  พร้อมเลือกซื้อสินค้าที่นำมาจัดจำหน่ายโดยคณะกรรมการสวัสดิการสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เพื่อให้กำลังใจกิจกรรมของสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีด้วย

Advertising

รัฐบาลเตือนร้านค้าเข้าร่วมโครงการเยียวยา ห้ามฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าเอาเปรียบประชาชน

People Unity News : รัฐบาลเตือนร้านค้าเข้าร่วมโครงการเยียวยา ห้ามฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าเอาเปรียบประชาชน

8 มีนาคม 2564 นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับโครงการคนละครึ่ง โครงการเราชนะ ที่ดำเนินการมาระยะหนึ่ง และโครงการเรารักกันที่จะเริ่มใช้จ่ายได้เร็วๆนี้ โดยเฉพาะในส่วนของการควบคุมดูแลร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ ให้ติดตามตรวจสอบไม่ให้ผู้ค้าฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้า หลังจากที่มีประชาชนร้องเรียนถึงปัญหานี้มายังรัฐบาล

นายกรัฐมนตรีขอให้ร้านค้าเห็นใจประชาชน เพราะทุกคนได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เหมือนกัน รัฐบาลมีหน้าที่ช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อน แต่ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันเพื่อให้ผ่านวิกฤตินี้ไปให้ได้ ซึ่งข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์ระบุว่า นับตั้งแต่ช่วงปลายเดือน ธ.ค.63 จนถึงปัจจุบัน ได้ดำเนินคดีกับร้านค้าที่กระทำผิดไปแล้ว 68 ราย ในจำนวนนี้เป็นร้านธงฟ้า 47 ราย โดยเจ้าหน้าที่ได้แจ้งไปยังร้านค้าทุกแห่งและออกตรวจสอบไม่ให้ฝ่าฝืนกฎข้อบังคับ เช่น ห้ามยึดบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ห้ามรับ/แลกเป็นเงินสด ห้ามบังคับการซื้อ/ขายสินค้า ห้ามจำหน่ายบุหรี่ สุรา เบียร์ ห้ามเอาเปรียบขึ้นราคาและขายเกินราคาที่กำหนดโดยเด็ดขาด

หากพบหลักฐานว่าร้านค้าใดจำหน่ายสินค้าราคาแพงเกินสมควร จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากไม่ปิดป้ายแสดงราคา มีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท สำหรับร้านธงฟ้านั้นมีข้อกำหนดชัดเจนอยู่แล้วว่าควรทำอย่างไร ดังนั้น ถ้าตรวจพบการกระทำผิดจะถูกยกเลิกจากโครงการทันทีและอาจถูกยึดเครื่อง EDC หรือยกเลิกการใช้แอปพลิเคชัน ทำให้ไม่สามารถขายสินค้ากับโครงการได้อีกต่อไป

ทั้งนี้ หากประชาชนพบร้านค้าที่ฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้า หรือไม่ปิดป้ายแสดงราคาสินค้า สามารถแจ้งได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ

Advertising

“ประยุทธ์” สั่งทุกกระทรวงประชาสัมพันธ์ผลงานสร้างความเข้าใจแก่ประชาชน

People Unity News : นายกรัฐมนตรีเผยรูปแบบการทำงานเน้น “รับฟังเสียงประชาชน ยินดีรับข้อมูล” เน้นตรงความต้องการประชาชนให้มากที่สุด ย้ำทุกกระทรวงต้องประชาสัมพันธ์ข้อมูลสร้างความเข้าใจแก่ประชาชน

เมื่อวานนี้ (23 ก.พ. 64) เวลา 13.30 น. ณ โถงตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการบริหารราชการของคณะรัฐมนตรีและส่วนราชการต่างๆ เน้นให้ทุกกระทรวงติดตาม กำกับ ดูแลการทำงาน ทั้งงานตามภารกิจหลักและงานที่ได้รับมอบหมาย ด้วยบูรณาการงบประมาณและโครงการ โดยเน้นการสื่อสารสองทาง ทั้งบนลงล่าง (Top-Down) และแบบล่างขึ้นบน (Bottom-Up) นำความต้องการของประชาชนนำมาปรับแก้ไขให้เกิดความต่อเนื่องและความยั่งยืน

นายกรัฐมนตรียังแถลงว่า ได้สั่งการกระตุ้นส่วนราชการ ข้าราชการทุกคน ให้ติดตามประเมินผลการทำงาน โดยเฉพาะเรื่องร้องเรียนที่เกิดจากการจัดทำโครงการจากงบประมาณจำนวนมากในแต่ละปี ต้องเร่งดำเนินการตรวจสอบ ทั้งส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่นจะต้องมีความผิดชอบ ที่ผ่านมาต้องขอบคุณประชาชนทุกภาคส่วน รวมถึงข้าราชการ ที่ร่วมกันแจ้งเบาะแสผู้กระทำผิดให้นายกรัฐมนตรีทราบในหลายช่องทางทั้งช่องทางของรัฐและผ่านสื่อมวลชน มีข้อมูลสำคัญมอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งนำไปแก้ไขปัญหาโดยเร็ว เป็นการใช้อำนาจของประชาชนในบริหารราชการแผ่นดิน ควบคู่ไปกับรัฐบาล ให้ประชาชนเข้าถึงการร้องทุกข์ แจ้งความ เพื่อสามารถครอบคลุมทุกปัญหาได้เร็วมากขึ้น

นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงช่องทางประชาสัมพันธ์การทำงานของรัฐบาล อาทิ PM PODCAST ซึ่งจะใช้แพลตฟอร์มนี้พูดคุยถึงความก้าวหน้าในการทำงานภาพรวม อาทิ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ถนน สะพาน ไฟฟ้า การคมนาคม และจะเพิ่มเติมการทำงานอย่างต่อเนื่อง ในเรื่องน้ำ การดูแลผู้มีรายได้น้อย ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ชี้แจงผลงานให้เป็นรูปธรรมมากที่สุด ตามที่ได้มีการอภิปรายชี้แจงในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรแล้ว โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรียังย้ำให้ทุกกระทรวงเผยแพร่ข้อมูลถึงความคืบหน้าในการทำงาน โครงการที่กำลังดำเนินการ เพื่อสร้างความเข้าใจแก่ประชาชนและรับฟังความคิดเห็นของประชาชนด้วยเช่นกัน และขอขอบคุณพรรคร่วมรัฐบาลที่ร่วมมือทำงานเป็นอย่างดี  อย่างไรก็ตาม ให้มีการติดตามความเคลื่อนไหวในแอปพลิเคชัน Clubhouse เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องชี้แจงหากมีการเผยแพร่ข้อมูลที่บิดเบือนด้วย

Advertising

ศาลเตือนโซเชียล บิดเบือนข้อเท็จจริงวิพากษ์วิจารณ์ศาล

People Unity News : ศาลเตือนโซเชียล บิดเบือนข้อเท็จจริงวิพากษ์วิจารณ์ศาล

ศาลยุติธรรม เตือนกลุ่มโซเชียล บิดเบือนข้อเท็จจริงวิพากษ์วิจารณ์ศาลถือว่ามีความผิด ส่วนผู้ที่วิจารณ์ด้วยเหตุผล ศาลพร้อมรับฟัง

11 ก.พ. 64 นายพงษ์เดช วานิชกิตติกูล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม กล่าวถึงกรณีมีการกล่าวพาดพิง และวิพากษ์วิจารณ์ถึงการพิจารณาและพิพากษาคดีผู้พิพากษาและศาลยุติธรรมว่า ในฐานะที่สำนักงานศาลยุติธรรมเป็นหน่วยงานธุรการที่สนับสนุนการอำนวยความยุติธรรมของศาลให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ขอเรียนว่า ศาลได้ทราบการปราศรัยและการเผยแพร่ข้อความที่พาดพิงศาลแล้วจากที่มีการเผยแพร่ตามสื่อมวลชนแขนงต่างๆ เบื้องต้นได้รวบรวมข้อเท็จจริงจากข่าวที่ปรากฏตามสื่อนั้นไว้แล้ว โดยในส่วนข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไรนั้น สํานักงานศาลยุติธรรมจะได้ตรวจสอบและดำเนินการต่อไป

ในส่วนของการปฏิบัติหน้าที่ต่อการอำนวยความยุติธรรมด้านคดี ขอเรียนว่าผู้พิพากษาทุกท่าน ต่างปฏิบัติหน้าที่ด้วยความอิสระ ปราศจากอคติ ใช้ดุลยพินิจเพื่อออกคำสั่งหรือคำพิพากษาในคดีต่างๆโดยชอบตามกรอบแห่งกฎหมาย ปราศจากการแทรกแซงทั้งภายในและภายนอกองค์กร

สำหรับขั้นตอนการขอปล่อยตัวชั่วคราวของผู้ต้องหาหรือจำเลยในคดีอาญาก็จะดำเนินการไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา นอกจากนั้นผู้พิพากษายังอยู่ในกรอบจริยธรรมและการดำรงตนตามประมวลจริยธรรมของผู้พิพากษา ภายใต้การดูแลของคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม การใช้ดุลยพินิจของผู้พิพากษาในทุกเรื่องต้องมีเหตุผลตามหลักกฎหมายที่สามารถอธิบายให้กับคู่ความทุกฝ่ายได้ชัดเจน และการปฏิบัติหน้าที่ของผู้พิพากษาก็จะต้องพิจารณาจากพยานหลักฐานที่ปรากฏในสำนวนคดีของคู่ความทุกฝ่าย

โดยเมื่อศาลมีคำสั่ง หรือคำพิพากษาแล้ว หากคู่ความไม่เห็นด้วยก็สามารถยื่นอุทธรณ์หรือฎีกาได้ตามขั้นตอนของกฎหมาย ซึ่งเป็นการตรวจสอบการทำงานตามหลักสากล ดังนั้นกรณีที่ปรากฏเป็นข่าวต่างๆในช่วงนี้ ขอให้ทุกฝ่ายต่างเข้าใจถึงหลักการทำงานของผู้พิพากษา ไม่ควรดึงศาลเข้าไปเกี่ยวข้อง

Advertising

“ประยุทธ์” อวยพรตรุษจีนแก่คนไทยเชื้อสายจีนให้สุขสมหวัง ร่ำรวยตลอดปี

People Unity News : “ประยุทธ์” อวยพรตรุษจีนแก่คนไทยเชื้อสายจีนให้สุขสมหวัง ร่ำรวยตลอดปี

วันนี้ (11 กุมภาพันธ์ 2564) พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มีวีดิทัศน์เพื่ออวยพรชาวไทยเชื้อสายจีน เนื่องในเทศกาลตรุษจีน หรือวันขึ้นปีใหม่ของชาวจีน

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าเนื่องในโอกาสช่วงเทศกาลตรุษจีนวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2564 นี้ นายกรัฐมนตรีได้มีวีดิทัศน์กล่าวอวยพรชาวไทยเชื้อสายจีน โดยอวยพรให้ชาวไทยเชื้อสายจีนทุกท่านสุขสมหวังและร่ำรวยตลอดปี “ซินเจิ้งหรูอี้ ซินเหนียนฟาไฉ” นายกรัฐมนตรีได้กล่าวว่า เป็นครั้งแรกที่รัฐบาลไทยได้ประกาศให้วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นวันหยุดพิเศษในช่วงเทศกาลตรุษจีน จึงถือเป็นโอกาสสำคัญที่จะได้ระลึกถึงสายสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่างไทยกับจีน มิตรภาพ ความผูกพัน และความร่วมมืออย่างแข็งขันระหว่างรัฐบาลของทั้งสองประเทศ ทั้งนี้ แม้สถานการณ์การโรคโควิด-19 ทำให้ไม่สามารถเดินทางไปมาหาสู่กันได้ นายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่าไทยและจีนจะขับเคลื่อนความสัมพันธ์ระหว่างกันให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น และก้าวข้ามผ่านความท้าทายต่างๆได้ด้วยดี

ทั้งนี้ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีชื่นชมมิตรภาพความสัมพันธ์ไทยจีนเสมอมา โดยทั้งสองประเทศได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันมาแล้วกว่า 45 ปี เป็นความร่วมมือทวิภาคีที่มีพลวัตอย่างต่อเนื่องแม้ในช่วงเวลาที่ทั้งสองประเทศประสบกับความท้าทายจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และเชื่อมั่นว่าในภายหลังเมื่อสถานการณ์โควิด-19 ดีขึ้นแล้ว ทั้งสองประเทศจะมีความร่วมมือกันในทุกมิติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเศรษฐกิจและสังคมเพื่อเดินหน้าสู่การพัฒนาร่วมกัน

Advertising

“ประยุทธ์” ย้ำรัฐบาลพรรคร่วมเข้มแข็ง ยึดหลักการร่วมกันทำงานเพื่อประชาชน

People Unity News : “ประยุทธ์” ย้ำรัฐบาลพรรคร่วมเข้มแข็ง ยึดหลักการร่วมกันทำงานเพื่อประชาชนทุกกลุ่มทุกพื้นที่ “ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง”

เมื่อวันที่ 9 ก.พ. 64 เวลา 13.30 ณ โถงตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้กล่าวว่า พรรคร่วมรัฐบาลมีความสามัคคีกัน ยึดหลักการร่วมกันทำงานเพื่อประชาชน ดำรงไว้ซึ่งสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงสถานการณ์เพื่อนบ้านว่า ไทยยึดตามหลักการของ  ASEAN พร้อมเตือนให้ระวังกลุ่มที่อาจเข้ายุยง/ปลุกปั่นการชุมนุม

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ประเทศไทยมีการเปลี่ยนแปลงด้านเศรษฐกิจมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2520 จากพึ่งพิงรายได้ภาคการเกษตรเพียงอย่างเดียว ในปี พ.ศ. 2530 ได้พัฒนาปรับปรุงการลงทุนภาคอุตสาหกรรมมากยิ่งขึ้น ทำให้ไทยมีสินค้าส่งออกทั้งเกษตรกรรมและอุตสาหกรรม และวันนี้ รัฐบาลส่งเสริมเศรษฐกิจ BCG Model ควบคู่ไปกับเทคโนโลยีดิจิทัล นำงานวิจัยมาผลิตให้เกิดสินค้า ผลิตภัณฑ์ด้วย นอกจากนี้ โครงการต่างๆที่ผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ หรือสำนักงบประมาณ การใช้จ่ายงบกลาง งบประมาณรายจ่ายประจำปีนั้น อยู่ระหว่างการพิจารณาตามลำดับความเร่งด่วนของการใช้จ่ายงบประมาณประจำปี พ.ศ. 2564 พร้อมทั้งมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาขอเรียกร้องของกลุ่มชาวประมงที่ขอระยะเวลาในการทำประมงเพิ่มเติม ซึ่งทุกอย่างจะต้องเป็นไปตามกฎเกณฑ์ของ IUU ด้วย

นายกรัฐมนตรียืนยันว่ารัฐบาลมุ่งหวังที่จะดูแลประชาชนให้ครบทุกภาคส่วน ในทุกพื้นที่ โดย “ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” เพื่อที่จะร่วมมือกันให้ประเทศไทยมีความเข้มแข็ง ส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก สร้างรายได้ให้ทุกกลุ่ม เนื่องจากโลกมีความเปลี่ยนแปลง ค่าใช้จ่ายสูงขึ้น จึงอยากให้ทุกคนสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีให้แก่ตนเองตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มีเหตุมีผล รู้จักพอประมาณ และมีความรู้คู่คุณธรรม ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรียังกล่าวอวยพรขอให้ประชาชนมีความสุข สุขภาพแข็งแรง ในช่วงเทศกาลตรุษจีน ทั้งคนไทยเชื้อสายจีนและประชาชนชาวจีนด้วย

Advertising

นายกฯแนะนำหนังสือน่าอ่าน ชื่อ “ความรู้เรื่องเมืองไทย”

People Unity News : ประยุทธ์ แนะนำหนังสือน่าอ่าน ชื่อ “ความรู้เรื่องเมืองไทย”

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในช่วงหนึ่งของการประชุมร่วมกับคณะกรรมการและคณะตัวแทนภาคประชาชนเพื่อการขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษา เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้แนะนำหนังสือน่าอ่านให้แก่คณะที่เข้าพบ มีชื่อว่า “ความรู้เรื่องเมืองไทย” เขียนโดย ดร.วิชิตวงศ์ ณ ป้อมเพชร

ทั้งนี้ เนื้อหาของหนังสือเล่มดังกล่าวเป็นการบรรยายให้มีความรู้จักประเทศไทย เข้าใจสังคมไทย และมีความตระหนักในความเป็นไทย ซึ่งผู้เขียนไม่ได้บรรยายถึงอะไรที่เรียกกันว่า “ฮาร์ดแวร์” ประเภททุ่งนาป่าเขา หรือหาดทรายขาวสะอาดที่มองเห็นสุดสายตา หรือวัดวาอารามและสถาปัตยกรรมที่มีความวิจิตรพิสดารหรือแม้กระทั่งขนบธรรมเนียมประเพณีที่สัมผัสได้ แต่สิ่งที่ผู้เขียนบรรยายเป็นประเภท “ซอฟท์แวร์” คือความรู้สึกนึกคิด ทัศนคติ ความเชื่อความศรัทธา จิตสำนึก ตลอดจน “สไตล์” อันเป็นลักษณะพื้นฐานของไทยเรา ซึ่งหมายถึง “วิธี” แบบไทยในการคิด การพูดและการทำ แนะนำโครงสร้าง ระบบและกลไกการเมืองการปกครอง เศรษฐกิจและสังคมที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน โดยหยิบยกเอาประเด็นที่สำคัญและสามารถเข้าใจได้ทันที มาพิจารณาเชิงวิเคราะห์ เช่น เรื่องระบอบการปกครองที่มี “ประชาธิปไตย” เป็นจุดขัดแย้ง เรื่องเศรษฐกิจทุนนิยมที่เข้ามาครอบงำเศรษฐกิจและสังคมไทย เรื่องทัศนะทางสังคมของคนไทยที่ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลและการชี้นำของสื่อโฆษณา ตลอดจนเรื่องที่เกี่ยวกับจิตสำนึกที่ขาดหายไป เรื่องการเปลี่ยนแปลงทางสังคมในช่วงเวลาประมาณ 150 กว่าปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นลักษณะของ “วิวัฒนาการสังคม” ที่คนไทยพึงจะต้องมีความรู้และความเข้าใจว่า กว่าที่จะมาถึงวันนี้ สังคมไทยของเราได้ผ่านอะไรมาบ้าง การที่คนไทยมีความรู้สึกนึกคิดที่ผูกพันกับ “วิวัฒนาการสังคมไทย” จะทำให้มีความเข้าใจทั้งปัจจุบันและอนาคต

นอกจากนี้ ยังมีการนำเสนอบรรดาสิ่งที่เป็น “จุดแข็ง” ของไทยเรา เช่น สถาบันพระมหากษัตริย์ ความสามัคคีปรองดองระหว่างศาสนาที่ต่างกัน ความเป็นมิตรกับชาวต่างประเทศ ความพร้อมในการรับการเปลี่ยนแปลงเพื่อความทันสมัย ฯลฯ แม้กระทั่งการให้ความสำคัญต่อผลสำเร็จในเชิงปฏิบัติ และการมีอารมณ์ขันที่คลายความเครียด

Advertising

รัฐบาลยืนยันบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ มีความเหมาะสมและมีความพร้อมผลิตวัคซีนโควิด-19

People Unity News : โฆษกรัฐบาลยืนยันรัฐบาลจัดหาวัคซีนโควิด-19 ด้วยความรอบคอบ มั่นใจประชาชนไทยต้องได้รับวัคซีนที่ปลอดภัยตามเกณฑ์มาตรฐานสากล

20 ม.ค. 64 เวลา 14.00 น. ณ ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงต่อสื่อมวลชนถึงการจัดซื้อวัคซีนโควิด-19 ที่อยู่ในความสนใจของประชาชนในขณะนี้ โดยยืนยันว่า รัฐบาลได้ดำเนินการอย่างรอบคอบ ไม่นำการเมืองมาเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจด้านสาธารณสุข  การดำเนินการตั้งแต่ปลายปี 2563 มีคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติประกอบไปด้วย บุคลากรทางแพทย์ สาธารณสุข ผู้ทรงคุณวุฒิ ที่มีความรู้ความชำนาญเกี่ยวข้องกับวัคซีน ร่วมกันประเมินสถานการณ์ ทั้งการสั่งจองซื้อวัคซีนโควิด-19 จากบริษัทที่มีความสามารถในการวิจัยพัฒนาที่เป็นไปด้วยความถูกต้องตามหลักเกณฑ์สากลเป็นที่น่าเชื่อถือ ทำสัญญาถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิต  ทั้งนี้ ประชากรในประเทศไทยทั้งหมด 66 ล้านคน จะได้รับการฉีดวัคซีนคนละ 2 โดส จะมีวัคซีนประมาณ 130 กว่าล้านโดส ซึ่งบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด ได้ถูกเลือกจาก AstraZeneca ให้เป็นผู้ผลิตวัคซีน เนื่องจากมีความเหมาะสมและมีความพร้อมจากการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตสามารถผลิตวัคซีนได้ถึง 200 ล้านโดสต่อปี เพียงพอแน่นอน เบื้องต้นได้จัดหาวัคซีนโควิด-19 ได้ 70 ล้านโดส สำหรับประชากรประมาณ 35 ล้านคน ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายของรัฐบาลที่ต้องการให้คนไทยร้อยละ 50 ของประเทศ ได้รับวัคซีน มั่นใจว่าวัคซีนโควิด-19 ที่นำมาฉีดให้แก่ประชาชนนั้นต้องเป็นวัคซีนที่มีคุณภาพ ไม่เกิดผลข้างเคียงอันตราย

Advertising

เผยผลสำรวจประชาชนส่วนใหญ่พึงพอใจเชื่อมั่นต่อการแก้ปัญหาของรัฐบาลมาก-มากที่สุด

People Unity News : เผยผลสำรวจ ประชาชนส่วนใหญ่พึงพอใจ และเชื่อมั่นต่อการแก้ไขปัญหาของรัฐบาล ในระดับมาก-มากที่สุด

วันที่ 20 ม.ค.64 นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีรับทราบผลการสำรวจความต้องการของประชาชน พ.ศ.2564 พบว่าประชาชนส่วนใหญ่มีความพึงพอใจต่อรัฐบาลในการแก้ปัญหาต่างๆของประเทศในระดับมากถึงมากที่สุดที่ร้อยละ 45.5 และประชาชนมีความเชื่อมั่นต่อการดำเนินงานของรัฐบาลในระดับมากถึงมากที่สุดที่ ร้อยละ 47.2 โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ (สสช.) ได้ส่งเจ้าหน้าที่สัมภาษณ์สมาชิกในครัวเรือนที่มีอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไปทุกจังหวัดทั่วประเทศ จำนวน 46,600 คน ระหว่างวันที่ 23 พฤศจิกายน – 8 ธันวาคม 2563

ผลการสำรวจความต้องการของประชาชน พ.ศ. 2564 ได้แก่

-ของขวัญปีใหม่ที่ต้องการจากรัฐบาลในปี 2564 ใน 5 อันดับแรก คือ ควบคุมราคาสินค้าอุปโภค-บริโภค ลดค่าไฟฟ้า ค่าน้ำประปา (ร้อยละ 79.4)  เพิ่มมาตรการ/สวัสดิการต่างๆ เช่น โครงการคนละครึ่ง เบี้ยยังชีพคนชรา  (ร้อยละ 27.1) แก้ปัญหาด้านการเกษตร เช่น จัดหาตลาดรองรับผลผลิต  แก้ปัญหาราคาพืชตกต่ำ (ร้อยละ 19.7) แก้ปัญหาการว่างงาน (ร้อยละ 15.1) ชดเชยรายได้ที่สูญเสียจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด -19 (ร้อยละ 12.9)

-ความเดือดร้อนที่ประชาชนได้รับในปี 2563 ใน 5 อันดับแรก คือ ค่าครองชีพสูง เช่น สินค้าอุปโภค บริโภค ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง (ร้อยละ 75.2) ปัญหาจากการทำการเกษตร เช่น ต้นทุนสูง ผลผลิตราคาตกต่ำ (ร้อยละ 40.4) ไม่มีเงินทุนในการประกอบอาชีพ (ร้อยละ 27.8) รายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่าย / รายได้ลดลง (ร้อยละ 19.8)  และหนี้สินในระบบ/นอกระบบ (ร้อยละ 15.0)

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า เป็นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี 17 มิถุนายน 2545 ที่ให้สำนักงานสถิติแห่งชาติ สำรวจความต้องการของประชาชน เพื่อให้ประชาชนได้แสดงความคิดเห็นและมีส่วนร่วมสะท้อนปัญหาความเดือดร้อน ความต้องการที่จะให้รัฐบาลดำเนินการช่วยเหลือในเรื่องต่างๆ รวมทั้งจะเป็นข้อมูลให้รัฐบาล หน่วยงานท้องถิ่น นำไปเป็นแนวทางในการติดตาม วางแผนกำหนดนโยบายที่ตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนต่อไป

Advertising

“ประยุทธ์” แนะผู้บริโภค “ฉลาดซื้อ ประหยัดใช้” ใช้หน้ากากผ้าแทนหน้ากากอนามัยประหยัดค่าใช้จ่าย

People Unity News : นายกรัฐมนตรีรณรงค์ผู้บริโภคยุคใหม่ “ฉลาดซื้อ ประหยัดใช้” ใช้หน้ากากผ้า สนับสนุนวิสาหกิจชุมชน ลดปริมาณขยะ

12 ม.ค. 64 เวลา 08.30 น. ณ บริเวณหน้าตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วยนายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ร่วมประชาสัมพันธ์กิจกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ “ฉลาดซื้อ ประหยัดใช้” รณรงค์การใช้หน้ากากผ้าและหน้ากากทางเลือก โดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นำคณะผู้บริหารและศิลปินดารา มอบหน้ากากผ้าจากผลิตภัณฑ์ชุมชน อ.หนองบัวแดง จ.ชัยภูมิ แด่นายกรัฐมนตรี เพื่อรณรงค์ให้ผู้บริโภค “ฉลาดซื้อ ประหยัดใช้” ใช้หน้ากากผ้า หน้ากากทางเลือก ทดแทนหน้ากากอนามัยทางการแพทย์เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย

ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณทุกภาคส่วนที่ช่วยกันรณรงค์ให้ประชาชนใช้หน้ากากผ้า รวมถึงเป็นการช่วยวิสาหกิจชุมชุน อ.หนองบัวแดง ให้มีอาชีพเสริมในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19  นายกรัฐมนตรียังให้ความสนใจและชื่นชมลายผ้า “บัวละจิต” ซึ่งพัฒนาให้เป็นเอกลักษณ์ของอำเภอหนองบัวแดง พร้อมแนะนำให้ต่อยอดผลิตภัณฑ์ให้เป็นสินค้าชนิดอื่นๆ นอกเหนือจากหน้ากากผ้า พร้อมส่งเสริมให้เป็นสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) เพิ่มช่องทางจัดจำหน่าย สร้างรายได้ให้แก่ชุมชน นายกรัฐมนตรียังกล่าวว่า “หน้ากากผ้าอาจจะกลายเป็นสินค้าแฟชั่นก็ได้

Advertising

Verified by ExactMetrics