วันที่ 14 พฤษภาคม 2025

“พล.อ.ประวิตร” มั่นใจ พปชร. เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล

People Unity News : 1 มกราคม 66 “พล.อ.ประวิตร” มั่นใจพรรคพลังประชารัฐ ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล หลังจากนี้หากไม่ได้รับการสนับสนุนเตรียมวางมือทางการเมือง

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ในปี 2566 พรรค พปชร. จะดูแลประชาชนให้กินดีอยู่ดีเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นความมุ่งหมายของ พปชร.ในการตั้งพรรคมา 3-4 ปี มั่นใจว่าจะได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ทั้งจากกระแสความนิยมของพรรคที่ตั้งมาถึง 4 ปี และเป็นพรรคแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลครั้งที่ผ่านมา จึงหวังว่าประชาชนจะให้ความสนใจต่อพรรคพลังประชารัฐ ไปร่วมในการจัดตั้งรัฐบาลครั้งใหม่ รวมทั้งยังตั้งเป้าให้ พปชร.เป็นสถาบันการเมืองที่เข้มแข็งต่อไป เพราะ ส.ส.ในพรรค ทุกคน ให้การสนับสนุน ร่วมใจเป็นอย่างดี

กลยุทธ์เลือกตั้งครั้งหน้า ไม่มีไม้เด็ดอะไร เพราะการเลือกตั้งครั้งที่แล้วก็ไม่ได้คิดว่าจะมาทำการเมือง มาครั้งแรกก็เป็นเรื่อง “ตกกระไดพลอยโจน” เข้ามา 3 ปี และหากการเลือกตั้งครั้งนี้มีคนสนับสนุนก็จะทำการเมืองต่อไป แต่ถ้าไม่มีใครสนับสนุนก็เลิก เพราะไม่ได้ประโยชน์อะไรจากการเมือง และส่วนตัวก็ชอบเป็นทหารมากกว่าการเมือง

ส่วนการหาเสียงจะมีการปรับลุค ด้วยการใส่กางเกงยีนส์ เพราะทำให้เกิดกระแสฮือฮา ป็อบปูลา มีแรงบันดาลใจ ในช่วงรักษาการนายกฯ 38 วัน พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่มีอะไรพิเศษ ส่วนคำว่า “ใจบันดาลแรง” ผมก็คิดเอง หลังจากสื่อมวลชน ถามมีแรงบันดาลใจอย่างไรในการทำงานช่วงนั้น ว่า “ผมใช้ใจบันดาลแรง ไม่ได้ใช้แรงบันดาลใจ เพราะมีแต่ใจเท่านั้น เพราะแรงผมไม่ค่อยมี… ขาเดินไม่ค่อยสะดวก”

Advertisement

นายกฯ ปราศรัยวันขึ้นปีใหม่ ส่งความรัก ความปรารถนาดีถึงคนไทย

People Unity News : 31 ธันวาคม 2565 นายกรัฐมนตรี กล่าวคำปราศรัย เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ 2566 ส่งความรัก ความปรารถนาดีถึงประชาชนชาวไทยทุกคน เชื่อมั่นพลังแห่งความรัก ความสามัคคีของทุกคน จะหนุนนำให้ชาติบ้านเมืองผ่านพ้นอุปสรรค และความท้าทายต่างๆ ไปได้ด้วยดี มีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันที่ 31 ธันวาคม 2565 เวลาประมาณ 20.00 น. พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวคำปราศรัยผ่านบันทึกเสียง เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2566 เผยแพร่ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย คลื่น FM.92.50 MHz และ AM 819,891 และเผยแพร่ผ่านบันทึกวีดิทัศน์ ทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย วันที่ 1 มกราคม 2566 เวลา 00.01 น. ส่งความรัก ระลึกถึง และความปรารถนาดีถึงประชาชนชาวไทยทุกคน ดังนี้

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เนื่องในศุภวาระขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2566 ขอส่งความระลึกถึงและความปรารถนาดีมายังประชาชนชาวไทยทุกคน และขอเชิญชวนปวงชนชาวไทยทุกหมู่เหล่า ร่วมใจกันตั้งจิตอธิษฐาน อาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย และอำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากล โปรดดลบันดาลประทานพรให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ทรงพระเจริญด้วยพระพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรง มีพระชนมายุยิ่งยืนนาน ทรงพระเกษมสำราญ มีพระราชประสงค์จำนงค์หมายสิ่งใด ขอจงสัมฤทธิ์ดังพระราชหฤทัยปรารถนา ทรงสถิตเป็นมิ่งขวัญร่มเกล้าแก่เหล่าพสกนิกรชาวไทย ตราบนิจนิรันดร์

นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงปี พ.ศ. 2565 ที่ผ่านมาว่า ถือเป็น “ปีแห่งชัยชนะ” ของประเทศไทยที่สามารถก้าวผ่านวิกฤตซ้อนวิกฤต ที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของคนทั้งโลก โดยชัยชนะแรก คือ ชัยชนะเหนือสงครามโควิด ด้วยความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของคนทั้งชาติ เอาชนะอุปสรรคนานัปการ เสียสละ อดทน และร่วมมือกันทำตามคำแนะนำ และมาตรการด้านสาธารณสุข จนสามารถกลับมาประกอบอาชีพ ใช้ชีวิต และไปมาหาสู่กันได้ แบบ New normal ซึ่งทั่วโลกให้การยอมรับ และถือเป็นโมเดลแห่งความสำเร็จหนึ่งของโลก รวมทั้งสามารถเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ มากกว่าเป้าหมาย 10 ล้านคน ยิ่งกว่านั้นยังสามารถสร้างความเชื่อมั่น และประสบความสำเร็จอย่างสูง ในการเป็นเจ้าภาพ จัดการประชุมสุดยอดผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค 2022 ตลอดจนการประชุมที่เกี่ยวเนื่อง อีกนับร้อยเวทีการประชุม และการเป็นเจ้าบ้านที่ดีของชาวไทยทั้งประเทศ ที่ช่วยเสริมสร้างบรรยากาศที่ดี ต่อการแสวงหาความร่วมมือระหว่างกันในทุกมิติ อีกทั้งยกระดับบทบาทของไทยในเวทีโลกให้โดดเด่นขึ้น

ชัยชนะต่อมา คือ ไม่เพียงประเทศไทยจะสามารถรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ และลดผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อความเป็นอยู่ของประชาชนในภาพรวม จากความขัดแย้งทางการเมือง และภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างประเทศในช่วงปีที่ผ่านมาแล้ว ไทยยังสามารถพลิกสถานการณ์ภาคเศรษฐกิจที่ทั่วโลกกำลังซบเซา โดยการส่งออกของไทยยังเข้มแข็งต่อเนื่อง การค้าขายก็เริ่มมีสัญญาณที่ดี การลงทุนยิ่งกลับมาโดดเด่นอีกครั้ง และการท่องเที่ยวก็กำลังฟื้นตัวแรง ซึ่งเชื่อมั่นว่ากิจกรรมเหล่านี้จะเป็นเครื่องยนต์สำคัญ ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยต่อไปในปีหน้า และปีถัด ๆ ไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพลิกบทบาทของประเทศ ไปสู่ฐานการผลิตและส่งออกยานยนต์ไฟฟ้า หรือ EV รวมทั้งชิ้นส่วนอะไหล่ ที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก ซึ่งเป็นผลมาจากความชัดเจนในระดับนโยบาย การมียุทธศาสตร์ชาติระยะยาว และการเร่งรัดลงทุนโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ ๆ ของประเทศ ในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งสะท้อนความจริงใจของรัฐบาล และสร้างความเชื่อมั่นประเทศไทยในสายตาชาวโลก

นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงปีหน้า และต่อจากนี้ไปว่า ยังมีความท้าทายด้านเศรษฐกิจและสังคมที่ต้องเผชิญอีกหลายประการ รวมทั้งวิกฤตซ้อนวิกฤตข้างต้น ก็ยังไม่รู้ว่าจะยุติลงเมื่อใด แต่เชื่อว่าพลังแห่งความรัก ความสามัคคี ของทุกคน จะหนุนนำให้ชาติบ้านเมืองผ่านพ้นอุปสรรค และความท้าทายเหล่านั้นไปได้ด้วยดี มีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน บรรลุตามเป้าหมายร่วมกัน ที่ได้กำหนดเอาไว้ โดยขอเชิญชวนให้ร่วมกันปฏิบัติภารกิจเพื่อชาติอีกครั้ง คือ ประการแรก ยังคง “ไม่ประมาท การ์ดไม่ตก” เพื่อลดความเสี่ยง และเน้นการป้องกัน ไม่ให้โควิด-19 กลับมาแพร่ระบาดใหญ่ซ้ำอีก ประการที่ 2 เป็น “เจ้าบ้านที่ดี” ต้อนรับการมาเยือนของนักท่องเที่ยว นักธุรกิจ นักลงทุน จากทั่วโลก เพื่อให้ชาวต่างชาติรู้สึกประทับใจ อบอุ่น และปลอดภัย เมื่ออยู่เมืองไทย…เหมือนอยู่บ้านตนเอง และประการที่ 3 เป็น “พลเมืองที่ดี” โดยทำหน้าที่ของตนเองอย่างเต็มศักยภาพ และพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง เพื่อร่วมกันเป็นพลังขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศและสังคม ให้เจริญก้าวหน้าอย่างแข็งแกร่งต่อไป

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าช่วงบรรยากาศแห่งความสุขในการต้อนรับปีใหม่นี้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกคนจะได้ใช้เวลาอันมีค่าร่วมกับครอบครัว พี่น้อง และญาติมิตรอย่างมีความสุข มอบความรักและความปรารถนาดีให้เป็นของขวัญอันประเสริฐแก่กันและกัน เฉลิมฉลองอย่างมีสติและไม่ประมาท มีน้ำใจและเอื้ออาทรต่อผู้ร่วมทางในการเดินทางกลับภูมิลำเนาโดยสวัสดิภาพ เพื่อให้เทศกาลแห่งความอบอุ่นนี้ มีแต่ความทรงจำที่ดี ก้าวเข้าสู่ศักราชใหม่ด้วยความสดชื่นแจ่มใส เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังบวก พร้อมขอบคุณเจ้าหน้าที่พลเรือน ตำรวจ ทหาร และอาสาสมัครทุกคน ที่ปฏิบัติงานอยู่ตามแนวชายแดน หรือพื้นที่ธุรกันดารห่างไกล และพื้นที่ประสบภัยต่าง ๆ ทั่วประเทศ ในการช่วยเหลือ ดูแลชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ให้อยู่ในความปลอดภัยเป็นอย่างดี ตลอดทั้งปีที่ผ่านมา และขอเป็นกำลังใจให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในช่วงเทศกาลเฉลิมฉลอง ที่คอยอำนวยความสะดวก และดูแลช่วยเหลือประชาชนที่เดินทางกลับภูมิลำเนาด้วยความราบรื่น เพื่อร่วมกันเติมความสุขให้คนไทยจากใจจริง

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวอวยพรเนื่องในวาระอันเป็นศุภมิ่งมงคลขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2566 ขออัญเชิญคุณพระศรีรัตนตรัย และอำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่ทุกคนเคารพนับถือ อีกทั้ง เดชะพระบารมีแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี โปรดดลบันดาลประทานพร ให้ประชาชนชาวไทยที่เคารพรักทุกคน ประสบแต่สิ่งอันเป็นมงคล มีความสุข ความเจริญ มีสุขภาพพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรง ปราศจากภยันอันตรายทั้งปวง มีกำลังกาย กำลังใจ และกำลังสติปัญญา ที่เข้มแข็ง และขอจงสัมฤทธิผลดั่งใจ ในสิ่งพึงปรารถนาทุกประการโดยทั่วกัน

Advertisement

“ประยุทธ์” แจก 18 มาตรการเป็นของขวัญปีใหม่ ปชช.

People Unity News : 29 ธันวาคม 2565 รองโฆษกรัฐบาล  เผย รัฐบาลออก 18 มาตรการเป็นของขวัญปีใหม่ ตั้งใจแบ่งเบาภาระค่าครองชีพ ปชช. ช่วยเหลือเยียวยา กระตุ้นเศรษฐกิจทุกกลุ่ม

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ห่วงใยและต้องการส่งความปรารถนาดีไปยังพี่น้องประชาชน จึงมอบนโยบายให้หน่วยงานต่าง ๆ หามาตรการต่าง ๆ เป็นของขวัญปีใหม่ เพื่อส่งมอบความสุขให้กับประชาชนหลากหลายมาตรการ  อาทิ

1.มาตรการช้อปดีมีคืน เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง 15 กุมภาพันธ์ 2566 โดยกำหนดให้ผู้มีเงินได้ซึ่งมีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา แต่ไม่รวมถึงห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล สามารถหักลดหย่อนค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการตามจำนวนที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 40,000 บาท 2.มาตรการลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างปี 2566 โดยลดภาษีให้ในอัตราร้อยละ 15 ของจำนวนภาษีที่คำนวณได้สำหรับการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างของปีภาษี 2566 3.มาตรการช่วยเหลือเงินพิเศษแก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เพิ่มเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐอีก 200 บาทต่อคน เป็นระยะเวลา 1 เดือน โดยจะได้รับเงินในเดือนมกราคม 2566 4. สายการบินลดค่าเครื่องบินภายในประเทศลง 20% จากมาตรการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิต สำหรับน้ำมันเชื้อเพลิงเครื่องบินไอพ่นที่นำไปใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับอากาศยานภายในประเทศ โดยลดอัตราภาษีตามปริมาณของน้ำมันเชื้อเพลิง สำหรับเครื่องบินไอพ่นที่ใช้บินในประเทศ จากลิตรละ 4.726 บาท เหลือลิตรละ 0.20 บาท มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง 30 มิถุนายน 2566 จึงมีผลให้สายการบินลดค่าเครื่องบินภายในประเทศลง 20%

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า 5.มาตรการตรึงราคาน้ำมันทุกชนิดในช่วงวันที่ 24 ธันวาคม 2565 ถึง 3 มกราคม 2566 6. ให้คงราคาขายส่งหน้าโรงกลั่น LPG ที่ 19.9833 บาทต่อกิโลกรัม (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ซึ่งมีกรอบเป้าหมายเพื่อให้ราคาขายปลีก LPG อยู่ที่ประมาณ 408 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 – 31 มกราคม 2566 7.มาตรการลดค่าโดยสารของบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) ร้อยละ 5 สำหรับผู้ที่ซื้อตั๋วโดยสารเดินทางผ่านช่องทางออนไลน์ วันที่ 1 ถึง 31 ธันวาคม 2565 8. ลดภาระค่าไฟฟ้าในช่วงวิกฤตราคาพลังงาน  โดยตรึงอัตราค่าไฟฟ้า 4.72 บาทต่อหน่วย ไปจนถึงไตรมาสสองของปี 2566 หรือในช่วงการคำนวนค่าเอฟทีงวดมกราคม-เมษายน 2566

9.มาตรการยกเว้นค่าโดยสารรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง ระหว่างเวลา 12.00 น. ของวันที่ 31 ธันวาคม 2565 ถึงเวลา 12.00 น. ของวันที่ 1 มกราคม 2566 พร้อมขยายเวลาเปิดให้บริการเดินรถของโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน และสายสีม่วง ตั้งแต่เวลา 06.00 น. ของวันที่ 31 ธันวาคม 2565 จนถึงเวลา 02.00 น. ของวันที่ 1 มกราคม 2566 10. มาตรการขยายเวลาการเดินรถเมล์ ในเขตกรุงเทพมหานคร เส้นทางที่ผ่านสถานที่จัดงานเคานท์ดาวน์ (Count Down) เช่น สยามพารากอน ไอคอนสยาม และเอเชียทีค ถึงเวลา 02.00 น. ของวันที่ 1 มกราคม 2566 11. มาตรการให้บริการฟรีเรือไฟฟ้า (EV Boat) ตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม 2565 ถึง 1 มกราคม 2566 12. มาตรการเปิดให้วิ่งฟรีทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง หรือมอเตอร์เวย์ 7 วัน ตั้งแต่เวลา 0.01 น. ของวันที่ 29 ธันวาคม 2565 จนถึงเวลา 24.00 น. ของวันที่ 4 มกราคม 2566

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า 13 .เข้าอุทยานแห่งชาติฟรี ทั้งคนไทยและยานพาหนะ 31 ธันวาคม 2565 ถึง 1 มกราคม 2566 14 .มาตรการช่วยลูกหนี้ สำหรับลูกหนี้ที่เข้าร่วมโครงการปรับโครงสร้างหนี้กับ บสย. ผ่อนน้อย เบาแรง ลดค่างวดผ่อนชำระเหลือ 20% ของค่างวดเดิม ขั้นต่ำ 500 บาทต่องวด สูงสุด 6 งวด ที่ยื่นคำขอระหว่าง 1 มกราคม – 31 มีนาคม 2566 15 .สินเชื่อ 2,000,000 บาทเพื่อที่อยู่อาศัย ผู้ประกันตนระบบประกันสังคมมาตรา 33 ดอกเบี้ยต่ำจำนวน 15,000 คน 26 ธันวาคม 2565 ถึง 5 มกราคม 2566 16. กยศ. ลดหนี้ ลดเบี้ยปรับ ลดเงินต้น ขยายเวลาถึง 30 มิถุนายน 2566 17.ส่วนลดส่ง EMS ในประเทศ 19-48% สำหรับประชาชนที่ใช้บริการแบบ walk in ตั้งแต่วันที่ 26 ธันวาคม 2565 ถึง 5 มกราคม 2566 18.กิจกรรมเรียนรู้วิทยาศาสตร์ฟรี  27 ธันวาคม 2565 ถึง 8 มกราคม 2566 เช่น อวพช. คลองห้าปทุมธานี,เดอะสตรีทรัชดากรุงเทพฯ, เชียงใหม่,โคราช

“ทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นของมาตรการที่ พล.อ.ประยุทธ์ ตั้งใจมอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชน เพื่อที่จะได้แบ่งเบาภาระค่าครองชีพ   อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ มีแรงจูงใจและเกิดความเชื่อมั่นในการจับจ่ายใช้สอยกระจายรายได้ไปยังชุมชน จึงขอแจ้งมายังพี่น้องประชาชนถึงสิทธิที่รัฐบาลมอบให้ในมาตรการของขวัญปีใหม่นี้” รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว

Advertisement

ชาวบ้านพอใจ “พล.อ.ประวิตร” พูดจริงทำจริง

People Unity News : 26 ธันวาคม 2565 “พล.อ.ประวิตร” ช่วย จ.เชียงราย มีน้ำใช้เพียงพอ พัฒนา “แก้มลิงเวียงหนองหล่ม – หนองมโนราห์” สำเร็จ ชาวบ้านพอใจ พูดจริงทำจริง พร้อมหนุนเป็นนายกฯ คนต่อไป

26 ธ.ค.65 เวลา 16.30 น. พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษก รอง นรม. เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม. ในฐานะ ผอ.กอนช. และคณะ ได้เดินทางลงพื้นที่ต่อเนื่อง จากช่วงเช้า โดยในช่วงบ่ายได้ไปประชุมติดตามการบริหารจัดการน้ำภาคเหนือ และความก้าวหน้าการพัฒนาแหล่งน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่ “เวียงหนองหล่ม” ณ หอประชุม เฉลิมพระเกียรติหนองมโนราห์ ต.จันจว้า อ.แม่จัน จ.เชียงราย

พล.อ.ประวิตร ได้รับฟังการบรรยายสรุปการบริหารจัดการน้ำในภาพรวมของภาคเหนือ และ จ.เชียงราย จาก นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผวจ.เชียงราย, สทนช.,กรมชลประทาน ซึ่งภาคเหนือมีพื้นที่ครอบคลุม 17 จังหวัด มีลำน้ำสำคัญได้แก่ ปิง วัง ยม น่าน สาละวิน และโขงเหนือ แหล่งน้ำมีปริมาณน้ำปัจจุบัน 21,908 ล้าน ลบ.ม. สำหรับ จ.เชียงราย มีปริมาณน้ำ 156 ล้าน ลบ.ม. ปัญหาภัยแล้งของจังหวัดมีพื้นที่เสี่ยงภัยแล้ง 2 อำเภอได้แก่ อ.แม่สรวย และ อ.เวียงป่าเป้า การแก้ปัญหาด้านน้ำที่สำคัญจังหวัดได้รับงบกลางปี 65 (127 โครงการ) แผนบูรณาการฯ น้ำปี 65 (42 โครงการ) และโครงการสำคัญปี 66-67 อีก 7 โครงการ และยังมี 10 มาตรการรองรับฤดูแล้งปี 65/66 ควบคู่กับระบบ Thai Water Plan เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำ

สำหรับ แก้มลิง “เวียงหนองหล่ม” พล.อ.ประวิตร ได้เคยสั่งการให้ สทนช. จังหวัดและส่วนราชการที่เกี่ยวข้องให้ขับเคลื่อนการพัฒนาให้ครอบคลุม ทุกมิติ (เมื่อ 23 ธ.ค.63) ซึ่งปัจจุบันมีความคืบหน้าไปมาก โดยมีเป้าหมายเพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ฤดูแล้ง ในการทำน้ำประปา การเกษตร และเป็นแหล่งท่องเที่ยว รวมถึงรับทราบความคืบหน้าการดำเนินงานพัฒนาแหล่งน้ำ ”หนองมโนราห์” และงานซ่อมผิวทางจราจรรอบอ่าง โดยมีหน่วย นพค. 35 ดำเนินการแล้วเสร็จตามแผน ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ได้มอบนโยบายให้ สทนช. จังหวัดและทุกหน่วยงานให้เร่งรัดปฏิบัติตาม 10 มาตรการรองรับฤดูแล้ง และเร่งดำเนินงานที่รับผิดชอบให้แล้วเสร็จโดยเร็วเพื่อประชาชนจะได้ใช้ประโยชน์ ตามวัตถุประสงค์ทั้งเป็นแหล่งผลิตน้ำประปา การเกษตร การประมง และสามารถเป็นแหล่งส่งเสริมอาชีพ เพิ่มรายได้และการท่องเที่ยว ของจังหวัดด้วย

ตัวแทนชาวบ้าน ได้กล่าวขอบคุณ พล.อ.ประวิตร ที่ช่วยให้ชาวบ้านมีน้ำใช้อย่างเพียงพอและตรงกับความต้องการของประชาชนในพื้นที่ได้อย่างแท้จริง พร้อมสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรี คนต่อไป

Advertisement

นายกฯ กำชับติดตามราคาพลังงาน-เงินเฟ้อใกล้ชิด

People Unity News : 24 ธันวาคม 2565 “ธนกร” เผยนายกฯ กำชับหน่วยงานเกี่ยวข้อง ติดตามราคาพลังงาน-เงินเฟ้ออย่างใกล้ชิด ย้ำต้องไม่กระทบค่าครองชีพ ประชาชนเดือดร้อนน้อยที่สุด เล็งปั้นไทยเป็นฐานผลิตอุตสาหกรรมยานยนต์ของภูมิภาค รองรับตลาดยานยนต์ไฟฟ้าโลก

นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยังคงติดตามสถานการณ์พลังงานไทยและโลกอย่างต่อเนื่อง แม้ที่ผ่านมาราคาน้ำมันโลกเริ่มปรับตัวลดลง แต่ยังคงมีความผันผวนสูง ทั้งจากการสู้รบระหว่างรัสเซีย-ยูเครนที่ยังคงยืดเยื้อ รวมทั้งการคาดการณ์ประเทศเศรษฐกิจชั้นนำของโลกที่มีแนวโน้มถดถอย ขณะที่ไทยยังสามารถเติบโตต่อเนื่อง ท่านนายกฯจึงกำชับกระทรวงพลังงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องวางแผนบริหารจัดการพลังงานภายในประเทศอย่างสมดุล ต้องไม่ให้เกิดการขาดแคลนพลังงาน รวมทั้งราคาน้ำมัน ก๊าซ ไฟฟ้าในประเทศต้องไม่กระทบต่อต้นทุนภาคการผลิตและการบริการ ที่สำคัญต้องไม่เป็นภาระค่าครองชีพ ประชาชนต้องเดือดร้อนน้อยที่สุด ขณะเดียวกัน รัฐบาลเดินหน้าส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตอุตสาหกรรมยานยนต์ของภูมิภาค

รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า นายกรัฐมนตรียังวางอนาคตให้ไทยก้าวสู่การเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนที่สำคัญของโลก เพื่อให้เกิดการใช้พลังงานอย่างยั่งยืน โดยคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ ออกแนวทางการส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้า ตามนโยบาย 30@30 คือ การตั้งเป้าผลิตรถ ZEV (Zero Emission Vehicle) หรือรถยนต์ที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ ให้ได้อย่างน้อย 30% ของการผลิตยานยนต์ทั้งหมดในปี 2573 รวมถึงการส่งเสริมการผลิตรถสามล้อ เรือโดยสาร และรถไฟระบบรางอีกด้วย ทั้งนี้ รัฐบาลยังมุ่งเพิ่มอุปทานและอุปสงค์การใช้รถยนต์ไฟฟ้า โดยส่งเสริมให้ประชาชนหันมาใช้ยานยนต์ไฟฟ้าและเชื้อเพลิงชีวภาพ ผ่านมาตรการจูงใจด้านภาษีและนโยบายต่างๆที่เกี่ยวข้อง ให้มีการใช้ยานยนต์มลพิษต่ำในประเทศ รวมถึงส่งเสริมการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อพัฒนาขีดความสามารถของผู้ผลิตในประเทศ และสร้างความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานในอนาคต โดยให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี ลดภาษีประจำปีสำหรับรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า (BEV) ลง 80% เป็นระยะเวลา 1 ปี นับตั้งแต่จดทะเบียน มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 9 พฤศจิกายน 2565 เป็นต้นไป และลดภาษีประจำปีสำหรับรถยนต์รับจ้าง (แท็กซี่) รถยนต์สามล้อรับจ้าง รถยนต์สี่ล้อเล็กรับจ้าง และรถจักรยานยนต์สาธารณะ ที่ครบกำหนดเสียภาษีประจำปี ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2565 – 30 กันยายน 2566 ให้ปรับลดภาษีลง 90% มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 9 พฤศจิกายน 2565 เป็นต้นไป

“ครม. เห็นชอบการใช้มาตรการภาษี และมาตรการที่ไม่ใช่ภาษี เพื่อสร้างแรงจูงใจและดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ทั้งผู้ประกอบการไทยและต่างประเทศ กระตุ้นให้เกิดการเร่งผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศ โดย 2 ปีแรก (ปี 65 – 66) เน้นสร้างแรงจูงใจให้เกิดการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศอย่างกว้างขวางโดยเร็ว ครอบคลุมทั้งการนำเข้ารถยนต์ รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าสำเร็จรูปทั้งคัน (CBU) และกรณีรถยนต์ รถยนต์กระบะ รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตในประเทศ (CKD) ด้วยการยกเว้นหรือลดอากรนำเข้า ลดอัตราภาษีสรรพสามิต หรือให้เงินอุดหนุนตามเงื่อนไขที่กำหนด และช่วง 2 ปีถัดไป (ปี 67 – 68) ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตในประเทศเป็นหลัก ยกเลิกการยกเว้น ลดอากรนำเข้ารถยนต์สำเร็จรูปทั้งคัน (CBU) แต่ยังคงมาตรการลดอัตราภาษีสรรพสามิต หรือให้เงินอุดหนุนตามเงื่อนไขที่กำหนด ทั้งนี้ รัฐบาลมั่นใจว่า มาตรการต่างๆ จะช่วยส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในภาพรวม ปรับเปลี่ยนอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ทำให้ยังสามารถเป็นฐานการผลิตของภูมิภาครองรับความต้องการยานยนต์ไฟฟ้าที่มีแนวโน้มเติบโตทั่วโลกด้วย” นายธนกร กล่าว

Advertisement

“ประยุทธ์” บินเบลเยียม วอนอยู่กันดีๆ ลดขัดแย้ง

People Unity News : 12 ธันวาคม 2565 “พล.อ.ประยุทธ์” เผยไปราชการต่างประเทศ ขอสื่อลดเสนอข่าวสร้างความขัดแย้ง ไม่สนผลโพลความนิยมนายกฯ ร่วงไปอันดับ 6 ไม่มีผลต่อการตัดสินใจทางการเมือง ชี้ไม่รู้ใครทำ-ใครตอบ

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะเดินทางเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน – สหภาพยุโรป สมัยพิเศษ เพื่อฉลองวาระครบรอบ 45 ปี ความสัมพันธ์อาเซียน – สหภาพยุโรป (ASEAN – EU Commemorative Summit) ณ กรุงบรัสเซลส์ ราชอาณาจักรเบลเยียม ระหว่างวันที่ 12 – 15 ธันวาคม 2565

โดยก่อนเดินทางไปประชุม พลเอกประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว ว่า ตนเองไปฏิบัติภารกิจหลายวันขอให้อยู่กันดีๆ ส่วนเรื่องงานได้มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีได้ปฏิบัติหน้าที่แทน ซึ่งแต่ละหน่วยงานก็ทำงานกันอยู่ทุกวัน เพราะนายกฯได้สั่งการแต่ละนโยบายไปหมดแล้ว กรรมการแต่ละระดับก็ทำงานกันไป ผลสำเร็จก็จะตามมา แต่เรื่องเดียวที่นายกรัฐมนตรีเป็นห่วงคือความขัดแย้งก็ขอให้ลดลงบ้าง ในการนำเสนอข่าวให้เบาๆ กันหน่อย รู้ว่าเป็นสิทธิที่พูดได้แต่ต้องพูดให้อยู่ในขอบเขตไม่เช่นนั้นจะมีผลต่อการทำงาน เพราะในเวลานี้หลายอย่างต้องดำเนินต่อไปตามขั้นตอน ถ้าพูดกันแล้วก็จะขัดแย้งกันไปทุกเรื่องจะไปได้อย่างไร

พลเอกประยุทธ์ ยังกล่าวอีกว่า เวลาทำงานของรัฐบาลมีเหลืออยู่ไม่มากแล้ว ทุกอย่างก็ว่าไปตามรัฐธรรมนูญ ส่วนผลสำรวจความคิดเห็นของสำนักโพลที่ความนิยมของ พลเอกประยุทธ์ ลดลงอยู่อันดับ 6 นั้น พลเอกประยุทธ์ได้ย้อนถามผู้สื่อข่าวว่า “โพลของใครทำอยู่ก็ไม่รู้กัน ใครตอบก็ไม่รู้เหมือนกัน” ยืนยันว่าผลสำรวจที่ออกมานั้นไม่ได้กระทบกับความรู้สึก โดยระหว่างตอบคำถาม พลเอกประยุทธ์ ได้ทำท่าแบมือทั้งสองข้างพร้อมยักไหล่ ผู้สื่อข่าวจึงถามต่อว่าหลังจากเสร็จภารกิจต่างประเทศจะตัดสินใจเปิดตัวทางการเมืองหรือไม่นั้น พลเอกประยุทธ์ ตอบสั้นๆ ว่า “รอกลับมาก่อน”

Advertisement

โฆษกรัฐบาลชี้คนภายนอกมักเข้าใจผิด นายกฯเป็นคนไม่ฟังใคร

People Unity News : 6 ธันวาคม 2565 โฆษกรัฐบาลยืนยันนายกรัฐมนตรีรับฟังทุกเหตุผล ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ พิจารณาข้อมูลอย่างรอบด้านและรอบคอบทุกครั้งก่อนสั่งการ

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงข้อวิจารณ์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่าเป็นคนไม่ฟังใครนั้น เป็นสิ่งที่คนภายนอกมักเข้าใจผิด

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นคนละเอียดรอบคอบ คำนึงถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นตลอดเวลา ทุกครั้งที่ปฏิบัติหน้าที่ นายกรัฐมนตรีจะเริ่มต้นด้วยการเชิญประชุมเพื่อรับฟังความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญ ผู้ทรงคุณวุฒิ และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเสียก่อน เพื่อรวบรวมข้อมูลอย่างรอบด้าน รวมถึงตรวจสอบความถูกต้องทางกฎหมาย และพิจารณาถึงผลดีและผลเสียที่จะตามมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับ และเป็นผลดีต่อประเทศชาติโดยรวม ทั้งในปัจจุบันและอนาคต นำมาพิจารณาเพื่อหาข้อสรุปที่เป็นมติจากที่ประชุมเห็นชอบร่วมกัน แล้วจึงออกเป็นข้อสั่งการก่อนนำไปใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติต่อไป

นายอนุชา กล่าวอีกว่า นายกรัฐมนตรีทำงานละเอียดรอบคอบและคำนึงถึงทุกกลุ่มเช่นนี้ บางครั้งจึงอาจดูเหมือนว่านายกรัฐมนตรีต้องอธิบายเหตุผลของข้อสั่งการต่างๆอยู่เสมอ นั่นเพราะต้องการทำความเข้าใจกับผู้ปฏิบัติที่ต้องนำนโยบายไปดำเนินการ ให้ทราบหลักคิดและที่มาของนโยบายต่างๆ อีกทั้งต้องการให้ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายได้เข้าใจและสนับสนุนการดำเนินงานตามมาตรการที่ออกมาในการปฏิบัติจริง เพื่อให้เกิดผลสำเร็จ และพยายามหลีกเลี่ยงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นให้มากที่สุดเท่านั้นเอง

“นายกรัฐมนตรีเป็นผู้ที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจทำงานอย่างจริงจัง การจะสั่งการใดๆ มักจะเชิญผู้มีประสบการณ์ ผู้มีความรู้ความสามารถ รวมถึงผู้ปฏิบัติงาน และรับฟังทุกหน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยต้องการให้เกิดผลสำเร็จเป็นรูปธรรมและเห็นผลโดยเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นที่เกี่ยวข้องและมีผลกระทบกับประชาชน ซึ่งเมื่อมีแต่เรื่องงานอยู่ในใจ บางครั้งอาจดูเหมือนท่านเป็นคนใจร้อน หรือพูดอธิบายเยอะ แต่จริงๆแล้วท่านมีหัวใจที่คำนึงถึงแต่ประเทศชาติและประชาชน ต้องการให้งานสำเร็จ ช่วยพี่น้องประชาชนได้เร็วที่สุดและมากที่สุด เพื่อขับเคลื่อนประเทศชาติตามแผนที่ได้วางไว้” นายอนุชา กล่าว

Advertisement

นายกฯ ไม่ตอบ นั่งหัวหน้ารวมไทยสร้างชาติ หรือไม่

People Unity News : 1 ธันวาคม 2565 นายกฯ ไม่ตอบเตรียมนั่งหัวหน้ารวมไทยสร้างชาติ หลังศาล รธน.วินิจฉัยร่าง พ.ร.ป.เลือกตั้ง ส.ส. ไม่ขัด รธน.-ปรับ ครม.เรียบร้อย

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ปฏิเสธตอบถึงความชัดเจนจะไปนั่งเป็นหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติเลยหรือไม่ หลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยร่าง พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ไม่ขัดกับรัฐธรรมนูญ รวมไปถึงวานนี้มีราชกิจจานุเบกษาประกาศเผยแพร่การปรับคณะรัฐมนตรี ก่อนที่จะเดินเข้าตึกสันติไมตรี เพื่อเป็นประธานมอบรางวัลองค์กรที่มีความเป็นเลิศในการบริหารจัดการด้านการเงินการคลัง ครั้งที่ 8 ประจำปีงบประมาณ 2564

Advertisement

นายกฯกำชับทุกหน่วยบูรณาการแก้ปัญหายาเสพติดทุกมิติ

People Unity News : 23 พฤศจิกายน 2565 นายกฯ ย้ำทุกหน่วยงานบูรณาการป้องกัน ปราบปราม บำบัดรักษายาเสพติด สั่งคุมเข้มสารตั้งต้นส่วนผสมยาเสพติด หวังบ้านเมืองสงบเรียบร้อยสวยงามเหมือนช่วงประชุมเอเปค

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีเปิดปฏิบัติการป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติดตามนโยบายของรัฐบาล ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ระยะเร่งด่วน 3 เดือน โดยมีนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม รวมถึงผู้แทนสำนักงานยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิก และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม ที่สโมสรทหารบก

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาที่มีความซับซ้อน ยิ่งปรับวิธีการและปรับการทำงาน แต่อีกฝ่ายก็ปรับเช่นกัน ดังนั้น ต้องทำอย่างไรที่จะแก้ปัญหาที่มีความซับซ้อนให้ได้ เพราะส่งผลกระทบต่อความมั่นคง สังคมและเศรษฐกิจของประเทศ โดยจะต้องแก้ให้ลดลง สิ่งสำคัญคือความเข้าใจ และต้องมีการบูรณาการการทำงานของหน่วยงานต่างๆ และในหลายระดับ

“สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องดูว่าจะแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างไร เน้นการป้องกันปราบปราม และการบำบัดรักษา รวมถึงดีมานด์และซัพพลาย ลดผู้เสพรายใหม่ แก้ไขผู้เสพรายเก่า ทุกวันนี้สังคมเปลี่ยนแปลงไปมาก จำเป็นต้องบูรณาการกันอย่างใกล้ชิดและร่วมกับประเทศเพื่อนบ้าน” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลกำหนดให้ปัญหายาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติ และเป็น 1 ใน 12 นโยบายสำคัญของรัฐบาล ที่ผ่านมาได้ปฏิบัติและพัฒนาการมาอย่างต่อเนื่อง สิ่งที่ทำในวันนี้จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในระดับนโยบาย คือ การปรับปรุงกฎหมายกฎระเบียบต่างๆ ที่อาจจะมีความเกี่ยวข้องในหลายกฎหมายด้วยกัน พร้อมกับต้องเร่งปราบปราม จับกุม และขยายผลไปสู่นายทุนและผู้ที่เกี่ยวข้อง จนสามารถยึดอายัดทรัพย์สินได้ถึง 11,000 ล้านบาท

“ขอเน้นย้ำให้ทุกคน ทุกหน่วยงานปฏิบัติการตามแผนการป้องกันและปรับปรามยาเสพติด ภายในระยะเวลา 3 เดือน ตามที่กำหนดไว้แล้ว ให้เกิดผลเป็นรูปธรรม ขณะที่การป้องกันคือทำอย่างไรให้คนไม่อยากเสพยาเสพติด เพราะจะทำให้การขายลดลงได้ ซึ่งการศึกษาเป็นส่วนสำคัญที่ต้องสร้างความรู้และหลักการที่ถูกต้องให้กับเยาวชน มีกลไกป้องกันยาเสพติด กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ สร้างความเข้มแข็งของครอบครัวและชุมชน” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กองทัพต้องเพิ่มความเข้มงวดในการป้องกันสกัดกั้นยาเสพติดทางชายแดน ทั้งทางบกและทางน้ำ และให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปราบปรามผู้ค้ายาและจับกุม ยึดทรัพย์ ทำลายเครือข่าย โดยเจ้าหน้าที่ที่ไปเกี่ยวข้องจะต้องถูกลงโทษ ซึ่งถ้าทุกคนทำงานร่วมกันได้ ทุกอย่างจะต้องเบาบางลง เพื่อคืนอนาคตให้กับลูกหลาน ยกตัวอย่างกรณีที่จังหวัดหนองบัวลำภู ถือเป็นบทเรียน แต่ไม่ใช่การทำงานแบบวัวหายล้อมคอก แต่ต้องนำบทเรียนทุกอย่างมาดำเนินการ คิดวิเคราะห์ และหาวิธีการแก้ไขปัญหา ซึ่งพบว่าสถานการณ์ในขณะนี้ไม่ใช่เพียงผู้เสพ ผู้ซื้อและผู้ขาย แต่มีพฤติกรรมเปลี่ยนไป จึงต้องให้ความสำคัญกับการบำบัดรักษาฟื้นฟู

“ขอให้กระทรวงสาธารณสุข เร่งรัดทำกฎหมายมารองรับสำหรับการปฏิบัติ ดูแลรักษาคัดกรองผู้ติดยาเสพติด เพื่อนำเข้าสู่กระบวนการอย่างเหมาะสม จัดตั้งสถานที่รักษา โดยมีแนวคิดที่จะให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วม เพื่อให้การบำบัดรักษามีมาตรฐาน ให้กระทรวงแรงงานส่งเสริมให้ผู้บำบัดมีทักษะในด้านอาชีพ ขณะเดียวกัน ต้องทำให้ประชาชนมีความมั่นใจและความเชื่อใจในการแจ้งเบาะแส และสิ่งสำคัญคือการสร้างความรับรู้ให้กับประชาชน” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องสร้างความเชื่อมั่น เพราะคือความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เห็นจากการประชุมเอเปคที่มีความร่วมมือที่กว้างมากขึ้น ไม่มีใครที่จะแก้ปัญหาได้เพียงหน่วยงานเดียว ดังนั้น ต้องให้ความสำคัญกับหมู่บ้านและชุมชน ผู้ว่าราชการจังหวัดต้องบูรณาการทรัพยากรทุกอย่าง ทั้งแผนงาน การปฎิบัติงานร่วมมือกับทุกหน่วยงานให้เป็นหนึ่งเดียว ให้การแก้ไขปัญหายาเสพติดเป็นหนึ่งเดียว ซึ่งรัฐบาลพร้อมสนับสนุนเพื่อขจัดยาเสพติดให้หมดสิ้นไปจากสังคมไทย

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะเดียวกันต้องระดมสรรพกำลังในการร่วมมือกันปราบปรามยาเสพติด และจะต้องมีบทบาทในการคืนคนดีสู่สังคม เพื่อให้ทุกคนได้กลับสู่อ้อมกอดของครอบครัว และทำให้สังคมไทยปลอดยาเสพติด ส่วนการดูแลควบคุมสารตั้งต้น ที่ใช้ไม่ถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนด เพราะเป็นอันตรายและเป็นต้นตอ การนำไปสู่การผลิตยาเสพติด จึงขอให้มีการติดตามดำเนินคดีในเรื่องนี้ ซึ่งตนรอผลงานตรงนี้ด้วย อยากให้บ้านเมืองของเรามีความเจริญเติบโต อยากให้บ้านเมืองมีรายได้ที่ดี มีการค้าขายที่ดี ทุกคนมีความสุข สิ่งสำคัญที่สุดคือพื้นฐานด้านความมั่นคงทั้งสิ้น

“อยากให้ทุกคนได้ทราบว่า ความมั่นคงเป็นพื้นฐานของเศรษฐกิจ สังคม และทุกอย่าง ขณะนี้บ้านเมืองเราอยู่ในสถานการณ์สงบเรียบร้อย และในช่วงการประชุมเอเปคที่ผ่านมา ได้เห็นบ้านเมืองที่สวยงาม มีความสะอาด นี่คือประเทศไทย ทุกคนยิ้มแย้มมีความสุข ต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่จะหาได้ง่าย ๆ เพราะได้เห็นคนไทยมีรอยยิ้ม เป็นเจ้าบ้านที่ดี ดังนั้น หลังการประชุมเอเปค ก็หวังว่าทุกอย่างจะสงบเรียบร้อยไปได้ด้วยดี เพื่อให้ทุกอย่างดีกว่าเดิมในทุกมิติ สิ่งไหนที่เป็นปัญหาก็แก้ไข หากติดขัดก็ติดตามขับเคลื่อน หากทุกคนพร้อมที่จะให้ความร่วมมือในทุกประชาคมโลกและทุกภูมิภาค ดังนั้น ขอบคุณข้าราชการ ทหาร ตำรวจ และประชาชน หากทุกคนร่วมมือกันแก้ไขปัญหาด้วยความเข้าใจ ทุกอย่างจะสำเร็จแน่นอนและนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนตลอดไป” นายกรัฐมนตรี กล่าว

Advertisement

ด่วน!! ศาล รธน.ชี้ขาด กม.ลูกพรรคการเมืองพรุ่งนี้

People Unity News : 22 พฤศจิกายน 2565 ศาลรัฐธรรมนูญ นัดลงมติร่างกฎหมายลูกพรรคการเมืองขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่พรุ่งนี้ ชี้เป็นปัญหาทางข้อกฎหมาย มีพยานหลักฐานเพียงพอวินิจฉัยได้ ยุติไต่สวน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญวันพรุ่งนี้ (23 พ.ย.) เวลา 09.30 น. องค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญกำหนดนัดแถลงด้วยวาจา ปรึกษาหารือ และลงมติกรณีที่ประธานรัฐสภาส่งความเห็นของสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) จำนวน 77 คน ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 148 วรรคหนึ่ง (1) ประกอบมาตรา 132 ว่าร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง (ฉบับที่.. ) พ.ศ. … มาตรา 3 มาตรา 4 มาตรา 5 มาตรา 6 มาตรา 7 มาตรา 9  และมาตรา 10 มีข้อความขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 45 มาตรา 83 มาตรา 86 มาตรา 90 มาตรา 91 และมาตรา 258 ก.ด้านการเมือง (2) หรือไม่ หรือตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือไม่

ทั้งนี้ คำร้องดังกล่าว ประธานรัฐสภาส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเมื่อวันที่  29 สิงหาคมที่ผ่านมา และศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งรับคำร้องเมื่อวันที่ 21 กันยายนที่ผ่านมา พร้อมมีคำสั่งแจ้งผู้ร้อง และให้ผู้เกี่ยวข้องจัดทำความเห็นเป็นหนังสือ พร้อมส่งเอกสารที่เกี่ยวข้องยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือ เมื่อศาลรัฐธรรมนูญได้อภิปรายเพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยแล้วเห็นว่า คดีเป็นปัญหาทางข้อกฎหมายและมีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะวินิจฉัยได้ จึงยุติการไต่สวนตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 58 วรรคหนึ่ง และกำหนดนัดแถลงด้วยวาจา ปรึกษาหารือ และลงมติพรุ่งนี้

Advertisement

Verified by ExactMetrics