วันที่ 13 พฤษภาคม 2025

นายกฯ ร่วมงาน Amazing Muaythai Festival 2023 ณ อุทยานราชภักดิ์

People Unity News : 6 กุมภาพันธ์ 2566 นายกรัฐมนตรี พร้อมรัฐมนตรีท่องเที่ยว ร่วมงาน Amazing Muaythai Festival 2023 ณ พื้นที่อุทยานราชภักดิ์

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางมาถึงอุทยานราชภักดิ์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยได้เดินทักทายผู้ที่มาต้อนรับ โดยสวมเสื้อสีเหลืองคัสตาร์ด มาพร้อมกับ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, พลเอก ชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม, นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดยมี พลเอก สนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม, พลเอก เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด, พลตรี ทวีศักดิ์ จันทราสินธุ์ รองนายสนามมวยลุมพินี และพลเอก ณรงค์พันธุ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก มารอต้อนรับ โดยพลเอกประยุทธ์ ได้กล่าวทักทาย นาย Mauricio Sulaiman WBC ประธานสภามวยโลก โดยประธานสภามวยโลกกล่าวกับนายกฯ ว่า จะพยายามทำงานร่วมกัน เพื่อให้มวยไทยเป็นของแท้ดั้งเดิมตรงกับที่สภามวยโลกทำอยู่

ทั้งนี้ การร่วมงาน Amazing Muaythai Festival 2023 เพื่อส่งเสริมศิลปะการป้องกันตัวหรือ “แม่ไม้มวยไทย” เป็นหนึ่งใน Soft Power ราชอาณาจักรไทย ที่สะท้อนถึงอัตลักษณ์ความเป็นไทยที่เผยแพร่ไปทั่วโลก โดยกิจกรรมในวันนี้ คือ การรำมวยไทยโบราณสืบสานสู่สากล, การแสดงมวยไทยโบราณผสานทหารไทย, รวมพลังแปรขบวนธงชาติไทยน้อมรำลึกเทิดไท้พระเจ้าเสือ และการแสดงศิลปะไหว้ครูมวยไทยของกำลังพลกองทัพบก จำนวน 3,650 นาย ร่วมแสดงและถ่ายทอดความภาคภูมิใจในศิลปะของชาติ เบื้องหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์บูรพกษัตริย์ และทำการบันทึกสถิติโลก (Guinness world records) ด้วย

Advertisement

“พล.อ.ประวิตร” สั่งสแกนหาคนจนเพิ่ม เพื่อเข้าถึงสิทธิบัตรสวัสดิการฯครบถ้วน ทั่วถึง

People Unity News : 3 กุมภาพันธ์ 2566 “พล.อ.ประวิตร” นั่งหัวโต๊ะถกแก้ปัญหาความยากจน อนุมัติแผนปี 66 ผ่านระบบ TPMAP เน้นช่วยกลุ่มเป้าหมายเร่งด่วน-เปราะบาง ให้ได้สิทธิบัตรสวัสดิการฯ ทั่วถึง

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ครั้งที่ 1/2566 ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ที่ห้องประชุมมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด โดยที่ประชุมได้รับทราบผลการดำเนินงานในภาพรวม ทั้ง 76 จังหวัด จากเป้าหมายครัวเรือนยากจนในระบบ TPMAP (Thai People Map and Analytics Platform) ปี 2565 พบว่า ศูนย์อำนวยการฯ จังหวัด และศูนย์อำนวยการฯ อำเภอ พร้อมทีมปฏิบัติการฯ ที่เกี่ยวข้องได้ร่วมบูรณาการให้ความช่วยเหลือ แก้ไขปัญหาครัวเรือนเป้าหมาย จำนวน 653,524 ครัวเรือน คิดเป็น 100%

พบปัญหาในแต่ละมิติ ดังนี้ 1. มิติสุขภาพ ส่วนใหญ่ประสบปัญหาคนอายุ 6 ปีขึ้นไป ไม่ออกกำลังกาย เนื่องจากไม่เห็นความสำคัญของการมีสุขภาพดี 2. มิติความเป็นอยู่ ส่วนใหญ่ประสบปัญหาครัวเรือนไม่มีความมั่นคงในที่อยู่อาศัยและบ้านมีสภาพไม่คงทนถาวร 3. มิติการศึกษา ส่วนใหญ่ประสบปัญหาคนอายุ 15-59 ปี อ่านเขียนภาษาไทยและคิดเลขอย่างง่ายไม่ได้ รวมทั้งเด็กอายุ 6-14 ปี ไม่ได้รับการศึกษาภาคบังคับ หรือออกจากการเรียนกลางคัน เนื่องจากสถานะทางเศรษฐกิจ และ 4. มิติรายได้ ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพด้านการเกษตร ประสบปัญหาการปลูกพืชได้เพียงปีละครั้ง ไม่มีปัจจัยการผลิต ขาดเงินทุน และขาดความรู้ด้านทักษะอาชีพ 5. มิติการเข้าถึงบริการภาครัฐ ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ และผู้พิการ ไม่ได้รับการบริการจากภาครัฐ เนื่องจากเข้าไม่ถึง หรือได้รับแต่ไม่เพียงพอ

จากนั้น ที่ประชุมได้พิจารณาเห็นชอบแนวทางการขับเคลื่อนการขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัย บนฐานข้อมูลเชิงประจักษ์ ในปีงบประมาณ 2566 ประกอบด้วย 4 แนวทางที่สำคัญ ได้แก่ แนวทางที่ 1 การเติมเต็มข้อมูลในระบบ TPMAP แนวทางที่ 2 ร่วมแก้ไขปัญหาในระดับบุคคล/ครอบครัว แนวทางที่ 3 ร่วมแก้ไขและพัฒนาเพื่อความยั่งยืน และแนวทางที่ 4 ร่วมติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผล

พล.อ.ประวิตร ได้มอบหมายให้สภาพัฒน์ฯ ประกาศตัวเลขกลุ่มคนเป้าหมายเร่งด่วน และมอบให้ศูนย์อำนวยการขจัดความยากจนฯ ทุกระดับและทีมปฏิบัติการ ร่วมกับหน่วยงานของรัฐ ดำเนินการช่วยเหลือและพัฒนากลุ่มเป้าหมาย โดยใช้ข้อมูลจากระบบ TPMAP เป็นเครื่องมือหลักในการดำเนินงาน เน้นการช่วยเหลือกลุ่มเป้าหมายเร่งด่วน กลุ่มเปราะบาง และกลุ่มที่ต้องดูแลใกล้ชิด เพื่อได้รับสิทธิบัตรสวัสดิการแห่งรัฐให้ครบถ้วน ทั่วถึง ต่อไป

Advertisement

“หมอสุภัทร” ร้อง โดนสั่งโยกย้ายไม่เป็นธรรม

People Unity News : 2 กุมภาพันธ์ 2566 “หมอสุภัทร” ร้อง กมธ.ป.ป.ช. โดนสั่งโยกย้ายไม่เป็นธรรม ด้าน “เสรีพิศุทธ์” ชี้ โจรย่อมทิ้งร่องรอย

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (กมธ.ป.ป.ช.) รับหนังสือจาก นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ประธานชมรมแพทย์ชนบทและผู้อำนวยการโรงพยาบาลจะนะ อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา เรื่องการโยกย้ายตนเองที่ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาลจะนะ ย้ายไปเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลสะบ้าย้อย ซึ่งถือว่าไม่เป็นธรรม ไม่มีธรรมาภิบาลในกระทรวงสาธารณสุข

นพ.สุภัทร กล่าวว่า กรณีดังกล่าวพบข้อพิรุธชัดเจน คือ มีการสั่งย้ายผู้ตรวจราชการ ทั้งที่แต่งตั้งได้เพียงเดือนเดียว เนื่องจากผู้ตรวจราชการคนดังกล่าวไม่ลงนามสั่งย้ายตนเอง อีกทั้งการโยกย้ายของกระทรวงสาธารณสุขโดยปกตินั้น เป็นอำนาจของปลัด แต่ครั้งนี้ ปลัดไม่ลงนาม แต่ทำหนังสือระเบียบการย้ายขึ้นมาใหม่ และให้อำนาจผู้ตรวจราชการย้ายผู้อำนวยการโรงพยาบาลชุมชนได้ ชัดเจนว่าการโยกย้ายครั้งนี้ส่อถึงความไม่มีธรรมาภิบาลในกระทรวงสาธารณสุข

นพ.สุภัทร ตั้งข้อสังเกตว่า นอกจากนี้ ยังมีป้ายนโยบายของกระทรวงสาธารณสุขที่มีรูปของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยเด่นชัด จึงมองว่าอาจมีการหาเสียงแอบแฝงหรือไม่ จึงนำเรื่องนี้มาให้กรรมาธิการ ป.ป.ช.ตรวจสอบด้วยว่าผิดกฎหมายของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) หรือไม่

ด้าน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า โจรย่อมทิ้งร่องรอย และสิ่งที่ยื่นหลักฐานมา ถือเป็นข้อผิดสังเกตในเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ จึงจะนำเรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณาในชั้น กมธ.ป.ป.ช.ต่อไป

Advertisement

กกต.เห็นชอบกำหนด ส.ส. 400 เขต ภาคอีสานมี ส.ส. 132 คน ภาคกลาง มี ส.ส. 122 คน

People Unity News : 30 มกราคม 66 กกต. เห็นชอบประกาศกำหนด ส.ส. 400 เขต-กฎหมายแบ่งเขตเลือกตั้ง เสนอรัฐบาลประกาศในราชกิจจานุเบกษาโดยเร็ว

วันนี้ (30 ม.ค.) สำนักงาน กกต. แจ้งว่าที่ประชุม กกต. มีมติเห็นชอบตามที่สำนักงาน กกต. เสนอให้กำหนดจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและจำนวนเขตเลือกตั้งของแต่ละจังหวัด โดยพิจารณาจากจำนวนราษฎรทั่วราชอาณาจักร วันที่ 31 ธันวาคม 2565 ซึ่งมีจำนวน 66,090,475 คน จึงมีจำนวนราษฎรโดยเฉลี่ยประมาณ 165,226 คนต่อจำนวน ส.ส. 1 คน และร่างประกาศ กกต.ว่าด้วยการแบ่งเขตเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. … และแนวทางการแบ่งเขตเลือกตั้ง

นอกจากนี้สำนักงาน กกต. จะได้ส่งเรื่องดังกล่าวไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาโดยเร็ว

สำหรับ ส.ส.แบ่งเขตเลือกตั้งทั้ง 400 เขต ประกอบด้วย จังหวัดที่มี ส.ส. 1 คน 4 จังหวัด ประกอบด้วย สมุทรสงคราม ระนอง ตราด สิงห์บุรี, จังหวัดที่มี ส.ส. 2 คน 10 จังหวัด ประกอบด้วย สตูล พังงา แม่ฮ่องสอน ลำพูน ชัยนาท อุทัยธานี อ่างทอง นครนายก อำนาจเจริญ มุกดาหาร

จังหวัดที่มี ส.ส. 3 คน 19 จังหวัด ประกอบด้วย เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ยะลา กระบี่ ภูเก็ต พัทลุง พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ พิจิตร ปราจีนบุรี สระแก้ว จันทบุรี ยโสธร หนองบัวลำภู หนองคาย บึงกาฬ

จังหวัดที่มี ส.ส. 4 คน 12 จังหวัด ประกอบด้วย สมุทรสาคร ปัตตานี ตรัง ลำปาง สุโขทัย ตาก กำแพงเพชร ลพบุรี สระบุรี ฉะเชิงเทรา เลย นครพนม

จังหวัดที่มี ส.ส. 5 คน 7 จังหวัด ประกอบด้วย นราธิวาส พิษณุโลก สุพรรณบุรี กาญจนบุรี ราชบุรี พระนครศรีอยุธยา ระยอง

จังหวัดที่มี ส.ส. 6 คน 5 จังหวัด ประกอบด้วย นครปฐม นครสวรรค์ เพชรบูรณ์ มหาสารคาม กาฬสินธุ์

จังหวัดที่มี ส.ส. 7 คน 4 จังหวัด ประกอบด้วย ปทุมธานี สุราษฎร์ธานี ชัยภูมิ สกลนคร

จังหวัดที่มี ส.ส. 8 คน 5 จังหวัด ประกอบด้วย สมุทรปราการ นนทบุรี เชียงราย ร้อยเอ็ด สุรินทร์

จังหวัดที่มี ส.ส. 9 คน 4 จังหวัด ประกอบด้วย นครศรีธรรมราช สงขลา ศรีสะเกษ อุดรธานี

จังหวัดที่มี ส.ส. 10 คน 2 จังหวัด ประกอบด้วย ชลบุรี บุรีรัมย์

จังหวัดที่มี ส.ส. 11 คน 3 จังหวัด ประกอบด้วย เชียงใหม่ อุบลราชธานี ขอนแก่น

จังหวัดที่มี ส.ส. 16 คน 1 จังหวัด คือ นครราชสีมา

และจังหวัดที่มี ส.ส. 33 คน 1 จังหวัด คือ กรุงเทพมหานคร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากจำนวน ส.ส.ดังกล่าว ส่งผลให้ภาคกลาง มี ส.ส. รวม 122 คน ภาคเหนือ มี ส.ส. 39 คน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มี ส.ส. 132 คน ภาคตะวันออก มี ส.ส. 29 คน ภาคตะวันตก มี ส.ส. 20 คน และภาคใต้ มี ส.ส. 58 คน

ทั้งนี้ หลัง กกต. ประกาศจำนวน ส.ส.แต่ละจังหวัดแล้ว ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดจะมีการนำข้อมูลจำนวนประชากรแต่ละจังหวัดไปพิจารณาและปรับปรุงรูปแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง 3 รูปแบบที่มีการดำเนินการไว้ล่วงหน้าก่อนหน้านี้ให้มีความสมบูรณ์ ก่อนที่จะมีการเปิดรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้เสียในพื้นที่ และรวบรวมข้อมูลเสนอให้ กกต. พิจารณาตัดสิน

Advertisement

สื่อตามหา “ส.ว.อุปกิต” หลังมีชื่อเอี่ยวยาเสพติด-พนันออนไลน์

People Unity News : 26 มกราคม 66 “ส.ว.อุปกิต” เงียบหาย หลัง “อัจฉริยะ” เปิดเส้นทางเงินเอี่ยวขบวนการยาเสพติด-พนันออนไลน์ เชื่อมโยง “นอท กองสลากพลัส”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ยื่นหลักฐานเส้นทางการเงินของ นายอุปกิต ปาจรียางกูร สมาชิกวุฒิสภา ให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ ป.ป.ส. ตรวจสอบโดยอ้างพบข้อมูลเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด พนันออนไลน์ ของ นายเอ็ดดี้ พันณรงค์ ขุนพิทักษ์ นอกจากนี้ ยังพบข้อมูลคดีสมคบกันฟอกเงิน อีกทั้ง นายอัจฉริยะ ยังเปิดเผยว่า นายเอ็ดดี้ ได้นำเงินที่นายอุปกิตฝากไว้ ไปฟอกกับ นายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ หรือ นอท กองสลากพลัส

โดยผู้สื่อข่าวพยายามโทรศัพท์ไปยังเบอร์โทรศัพท์ของนายอุปกิต แต่ปรากฎว่า มีผู้ชายคนหนึ่งรับสาย แล้วได้บอกกับผู้สื่อข่าวที่ถามถึงนายอุปกิตว่า “ไม่อยู่นะครับ ท่านประชุมอยู่ครับ หากประชุมเสร็จแล้ว จะให้นายอุปกิตติดต่อกลับไป”

ผู้สื่อข่าวจึงพยายามถามอีกว่า ขณะนี้ นายอุปกิตประชุมอยู่ที่รัฐสภาหรือไม่ ผู้ชายคนดังกล่าวตอบกลับมาว่า ไม่ได้อยู่ที่สภา และเมื่อพยายามสอบถามว่า ประชุมอยู่ที่ไหน ปลายสายก็ได้ตัดสายทิ้ง ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวตั้งข้อสังเกตว่า เสียงผู้ชายคนดังกล่าวที่รับสาย คล้ายกับเสียงของนายอุปกิต จึงนำเสียงที่นายอุปกิตเคยให้สัมภาษณ์มาเปรียบเทียบกัน ซึ่งพบว่า คล้ายคลึงกันมาก จากนั้น ผู้สื่อข่าวจากหลายสำนัก พยายามที่จะโทรติดต่อนายอุปกิต เพื่อสอบถามเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ก็ไม่มีการรับสาย ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวยังได้ติดต่อนายอุปกิตทางแอพพลิเคชั่นไลน์ ก็ไม่มีการตอบกลับเช่นเดียวกัน

Advertisement

รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาหนี้ครู

People Unity News : 26 มกราคม 66 นายกฯ เร่งแก้ปัญหาหนี้ครู ชู ศธ. ขับเคลื่อนแก้หนี้เป็นรูปธรรม บูรณาการ 13 หน่วยงาน มุ่งแก้เหลื่อมล้ำ-ความยากจนทุกมิติ

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีความห่วงใยการแก้ไขปัญหาหนี้สินภาคครัวเรือนเป็นวาระสำคัญ และพอใจกระทรวงศึกษาธิการ ที่ได้เร่งขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม โดยล่าสุดนางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้เป็นประธานพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ “การดำเนินการโครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา” ระหว่างกระทรวงศึกษาธิการ กับหน่วยงานและสถาบันการเงิน 12 แห่ง เพื่อต่อยอด “โครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินครู สร้างโอกาสใหม่ให้ครูไทย” และ “มหกรรมการเงินเพื่อครูไทย” ที่มีการช่วยเหลือและปรับโครงสร้างหนี้ให้ครูที่เข้าร่วมโครงการไปแล้วกว่า 10,300 ล้านบาท รวมไปถึงการเจรจาลดดอกเบี้ยกับสหกรณ์ออมทรัพย์ครูทั่วประเทศ

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า ความร่วมมือของ 13 หน่วยงานในครั้งนี้ เป็นการดึงจุดแข็งของแต่ละหน่วยงานเข้าช่วยเหลือจัดการแก้ไขหนี้และการอบรมความรู้ปลูกฝังวินัยการเงิน พร้อมทั้งให้สิทธิพิเศษต่างๆ สำหรับการชำระหนี้ การกู้ยืม การออม และการลงทุน เพื่อช่วยเหลือให้ครูและบุคลากรทางการศึกษามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

โดยปัจจุบันครูทั่วประเทศ เป็นหนี้อยู่ในทุกสถาบันการเงินจำนวนกว่า 900,000 ราย วงเงินรวม 1.4 ล้านล้านบาท ซึ่งในปีที่ผ่านมามีครูลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการปรับโครงสร้างหนี้แล้วกว่า 40,000 ราย วงเงิน 10,000 ล้านบาท โดยในปีนี้กระทรวงศึกษาธิการตั้งเป้าปรับโครงสร้างหนี้ให้ครูที่เข้าร่วมโครงการอีกกว่าร้อยละ 90

“รัฐบาลขอเชิญชวนครูและบุคลากรทางการศึกษาเข้าร่วมโครงการ เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาหนี้ที่เหมาะสม โดยเมื่อปัญหาหนี้สินครูได้รับการแก้ไขอย่างมีประสิทธิภาพ และทั่วถึง จะลดความกังวลเรื่องความเป็นอยู่ ยกระดับคุณภาพชีวิตของครูให้ดีขึ้นและมีศักดิ์ศรี ซึ่งจะส่งผลต่อคุณภาพทางการศึกษา โดยการแก้ไขปัญหาหนี้สินครู ควบคู่ไปกับการแก้ไขปัญหาหนี้สินของประชาชนกลุ่มอื่นๆ ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์มุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำและความยากจนในทุกมิติ” น.ส.ทิพานัน กล่าว

Advertisement

นายกฯ ย้ำ ตร.ดีต้องให้กำลังใจ คนไม่ดีต้องออกไป

People Unity News : 25 มกราคม 66 นายกฯ ประชุม ก.ตร. ย้ำผู้บังคับบัญชาดูแลการทำงานผู้ใต้บังคับบัญชาใกล้ชิด ย้ำคนดีต้องให้กำลังใจ คนไม่ดีเอาออกไป บอกสื่อไร้สาระ ถามคดีตู้ห่าวเกี่ยวข้องคนชอบนาฬิกา รู้อยู่แล้วว่าดิสเครดิต

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชตำรวจแห่งชาติ (ก.ตร.) ว่า ที่ประชุมพูดคุยกันหลายเรื่องเพื่อให้สอดรับกับการใช้ พ.ร.บ.ฉบับใหม่ให้ถูกต้อง และพิจารณาเรื่องการอุทธรณ์ลงโทษต่างๆ ซึ่งมีสถิติการลงโทษจำนวนมากพอสมควร ในฐานะเป็นประธาน ก.ตร. สั่งย้ำให้ตำรวจทุกนายประพฤติปฏิบัติตนให้อยู่ในกรอบวินัยอันดีงาม ปฏิบัติตามกฏหมาย ให้ความเป็นธรรมกับทุกคน เพราะตำรวจถือกฎหมายอยู่หลายฉบับ ขณะที่ผู้บังคับบัญชาต้องเอาใจใส่ผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างใกล้ชิดในการทำงาน คนดีต้องให้กำลังใจ คนไม่ดีให้เอาออกไป ซึ่งเป็นกติกาในระเบียบการปกครอง ของทุกหน่วยงานอยู่แล้ว ทหารกับตำรวจมีประมวลวินัย

เมื่อถามถึงความคืบหน้าคดีตู้ห่าว นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตำรวจแถลงไปแล้ว ขอให้ฟังตำรวจ คดีนี้มีหลายหน่วยงานที่ทำคดีนี้ ทั้งสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ปปท.) เพราะมีการฟอกเงินต่างๆ ขอให้สื่อฟังเวลาที่แถลงรวมทุกหน่วยงานด้วย การทำงานต้องบูรณาการกับภาคส่วน แสดงให้เห็นว่านายกรัฐมนตรีและรัฐบาลให้ความสำคัญในเรื่องนี้

“แต่ต้องให้ความเป็นธรรมกับเขา ในการต่อสู้คดีเช่นเดียวกับคดีอื่นในทุกคดี การทำคดีต้องรอบคอบ เพื่อให้เวลาทำสำนวนให้อัยการส่งฟ้องจะได้ไม่มีปัญหา ซึ่งกระบวนการยุติธรรมมีขั้นตอน หลายอย่างอาจไม่ทันใจ ต้องเห็นใจ การทำงานต้องมีหลักฐานประกอบ ผมย้ำเตือนว่าใครเกี่ยวข้องต้องถูกลงโทษ ถ้าตรวจสอบแล้วมีความผิดจริง ไม่มีละเว้น” นายกรัฐมนตรี กล่าว

ส่วนที่โยงว่ามีนักการเมืองเกี่ยวข้อง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า บอกแล้วไง ถ้าสอบแล้วเจอเกี่ยวข้องมีความผิดจริง ทั้งพยานบุคคล พยานวัตถุหรือหลักฐานอื่น ๆ ทั้งหมด ก็ต้องถูกสอบสวน

เมื่อถามย้ำว่ามีคนที่ชอบนาฬิกาเกี่ยวข้องด้วย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไร้สาระ และว่า “ถามคำถามไร้สาระแบบนี้ ธรรมดาที่ผมต้องหงุดหงิดบ้างล่ะ ไร้สาระ คดีนี้ก็คดีนี้ จะไปยึดโยงอะไรกับใคร”

เมื่อถามว่าเป็นการดิสเครดิต นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “คุณรู้อยู่แล้วว่า เป็นการดิสเครดิตทางการเมือง แล้วคุณจะพูดทำไม การเมืองก็เรื่องของการเมือง”

Advertisement

“ตรีนุช” ยกเลิกระเบียบทรงผม นร. สั้น-ยาวก็ได้ ให้โรงเรียนกำหนด

People Unity News : 24 มกราคม 66 รมว.ศึกษาฯ สั่งยกเลิกระเบียบ ศธ.ว่าด้วยการไว้ทรงผมของนักเรียน ไว้ผมสั้นหรือผมยาวก็ได้ และให้สถานศึกษาอาจกำหนดลักษณะทรงผมได้ โดยจัดรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ก่อนประกาศใช้

นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่า ตามที่มีเสียงเรียกร้องให้มีการแก้ไขปรับปรุงระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ว่าด้วยการไว้ทรงผมของนักเรียน พ.ศ.2563 มาอย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญการลงโทษเรื่องทรงผมได้ส่งผลถึงร่างกายและจิตใจของนักเรียน ศธ.จึงมีหนังสือหารือไปยังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา กรณีแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการไว้ทรงผมของนักเรียน ซึ่งคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 8) ได้ให้ความเห็นว่า รมว.ศึกษาฯ ในฐานะผู้บังคับบัญชาสูงสุดอาจอาศัยอำนาจตามมาตรา 12 ประกอบกับมาตรา 39 (1) แห่ง พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ.2546 กำหนดเป็นนโยบายให้หน่วยงานในสังกัดนำไปปฏิบัติได้ ดังนั้น เมื่อวันที่ 16 มกราคมที่ผ่านมา ได้ลงนามในระเบียบ ศธ.ว่าด้วยการยกเลิกระเบียบ ศธ.ว่าด้วยการไว้ทรงผมของนักเรียน พ.ศ.2563 และเสนอสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วออกเป็นหนังสือสั่งการหรือหนังสือเวียน กำหนดแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการไว้ทรงผมของนักเรียนหรือนักศึกษาไว้อย่างกว้างๆ เพื่อให้หน่วยงานในสังกัดที่เป็นผู้กำกับดูแลสถานศึกษา กำหนดให้สถานศึกษาแต่ละแห่งนำหลักเกณฑ์ในเรื่องดังกล่าวไปกำหนดเป็นระเบียบหรือข้อบังคับของสถานศึกษาแต่ละแห่งเอง ดังนี้

1.การไว้ทรงผมของนักเรียนของสถานศึกษาในสังกัด ศธ. และสถานศึกษาในกำกับดูแลของ ศธ. จะไว้ผมสั้นหรือผมยาวก็ได้ โดยสถานศึกษาอาจกำหนดลักษณะทรงผมได้ตามพันธกิจ บริบท และความเหมาะสมของแต่ละสถานศึกษา และ 2.สถานศึกษาในสังกัด ศธ.และสถานศึกษาในกำกับดูแลของ ศธ.อาจดำเนินการกำหนดแนวปฏิบัติเกี่ยวกับไว้ทรงผมของนักเรียนได้ โดยการวางระเบียบหรือข้อบังคับของสถานศึกษาและควรระบุบทอาศัยอำนาจของกฎหมายเฉพาะมาตรา 39 (1) แห่ง พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ.2546, จัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้เสียหรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องตามหลักการมีส่วนร่วม เช่น นักเรียน คณะกรรมการสภานักเรียน คณะกรรมการเครือข่ายผู้ปกครอง หรือผู้แทนผู้ปกครอง ชุมชนท้องถิ่น บุคคลหรือกลุ่มบุคคลอื่นใดที่หัวหน้าสถานศึกษาเห็นสมควร เป็นต้น และเสนอขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการสถานศึกษา หรือ คณะกรรมการบริหารโรงเรียนแล้วแต่กรณี ก่อนการประกาศใช้ และควรเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ระเบียบหรือข้อบังคับเกี่ยวกับการไว้ทรงผมของนักเรียนไว้ในระบบสารสนเทศ หรือบริเวณของสถานศึกษา และดำเนินการแจ้งให้นักเรียน ครูและบุคลากรทางการศึกษาในสังกัดสถานศึกษาทราบเป็นการทั่วไป เพื่อให้การปฏิบัติตนของนักเรียนมีความถูกต้องเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และเกิดความชัดเจนในการดำเนินการของสถานศึกษา

ทั้งนี้ ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการไว้ทรงผมของนักเรียน พ.ศ.2563 ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน มีข้อต้องปฏิบัติตนเกี่ยวกับการไว้ทรงผมว่า นักเรียนชายจะไว้ผมสั้นหรือผมยาวก็ได้ กรณีไว้ผมยาวด้านข้าง ด้านหลังต้องยาว ไม่เลยตีนผม ด้านหน้าและกลางศีรษะให้เป็นไปตามความเหมาะสมและมีความเรียบร้อย นักเรียนหญิงจะไว้ผมสั้นหรือผมยาวก็ได้ กรณีไว้ผมยาวให้เป็นไปตามความเหมาะสมและรวบให้เรียบร้อย และมีข้อต้องห้ามปฏิบัติตน ดังนี้ ดัดผม ย้อมสีผมให้ผิดไปจากเดิม ไว้หนวดหรือเครา การกระทำอื่นใดซึ่งไม่เหมาะสมกับสภาพการเป็นนักเรียน เช่น การตัดแต่งทรงผมเป็นรูปทรงสัญลักษณ์หรือเป็นลวดลาย แต่ต่อไปหลังจากมีการประกาศยกเลิกในราชกิจจานุเบกษาแล้ว เรื่องการไว้ทรงผมของนักเรียนทั้งหมดจะอยู่ที่สถานศึกษา ซึ่งเป็นแนวปฏิบัติที่ได้มาจากการมีส่วนร่วมของทุกฝ่าย

Advertisement

“พล.อ.ประวิตร”เผย ไปเยาวราช ไหว้พระขอพรให้…

People Unity News : 23 มกราคม 66 “พล.อ.ประวิตร” เผย ไปเยาวราชไหว้พระ ขอพรให้สุขภาพแข็งแรง ไม่มีอะไร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.00 น. ที่สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ถนนศรีสมาน อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมมอบนโยบายการกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาค ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566

โดยก่อนการประชุม พล.อ. ประวิตร พูดถึงการลงพื้นที่เยาวราชเมื่อวันที่ 22 ม.ค.ว่า ไปคนเดียว ไปไหว้พระ ไม่มีอะไรหรอก

เมื่อถามว่า ได้ขอพรอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “โอ๊ย จะขอพรอะไรล่ะ ก็ขอให้เราสุขภาพแข็งแรง”

เมื่อถามว่า ได้เสียงตอบรับ มีกำลังใจขึ้นหรือไม่ พล.อ. ประวิตร ไม่ได้ตอบคำถามแต่อย่างใด

Advertisement

นายกฯสั่งทุกหน่วยงานเร่งปราบอาชญากรรมออนไลน์เด็ดขาด จริงจัง

People Unity News : 20 มกราคม 66 ทำเนียบรัฐบาล – โฆษกรัฐบาลเผย นายกฯ ห่วง ปชช.ถูกหลอกในโลกออนไลน์ สั่งทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการงานเร่งปราบเด็ดขาด จริงจัง

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยความคืบหน้าการดำเนินการเพื่อปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ ตามข้อสั่งการของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ด้วยความห่วงใยพี่น้องประชาชนซึ่งได้รับความเดือดร้อนจากอาชญากรรมรูปแบบดังกล่าว โดยนายกรัฐมนตรีกำชับให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการความร่วมมือเพื่อปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์อย่างจริงจัง เด็ดขาด

“หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้บูรณาการการดำเนินงาน เดินหน้าปราบปรามการลักลอบใช้อินเทอร์เน็ตข้ามประเทศผิดกฎหมาย แก้ปัญหาซิมผี และบัญชีม้า โดยกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เดินหน้าปราบปราม โดยมีความคืบหน้า ดังนี้ 1. การแก้ปัญหาการลักลอบใช้อินเทอร์เน็ตข้ามประเทศผิดกฎหมาย กสทช. ได้กำชับผู้ให้บริการโทรคมนาคมเข้าตรวจสอบการใช้บริการอินเทอร์เน็ตข้ามประเทศ และได้ดำเนินการเข้าตรวจสอบหาบริเวณที่มีการกระทำความผิด รวมถึงตัวผู้กระทำผิด” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว

นายอนุชา กล่าวว่า 2. การแก้ปัญหาซิมผี กสทช.ให้ผู้ให้บริการโทรคมนาคมแจ้งเจ้าของซิมโทรศัพท์มายืนยันตัวตนให้ถูกต้องตามแผนงาน ดังนี้ กรณีผู้มี 100 ซิมขึ้นไป ประมาณ 8,000 รายให้ยืนยันตัวตนภายในเดือนมกราคม 2566 กรณีผู้มี 30 ซิมขึ้นไป ประมาณ 22,000 ราย ให้ยืนยันตัวตนภายในเดือนมีนาคม 2566 และกรณีผู้มี 5 ซิม ขึ้นไป ประมาณ 380,000 ราย ให้ยืนยันตัวตนภายในเดือนมิถุนายน 2566 3. การแก้ปัญหาบัญชีม้าและบัญชีต้องสงสัยนำไปใช้กระทำผิดกฎหมาย สำนักงาน ปปง.ประกาศหลักเกณฑ์การพิจารณากำหนดหรือทบทวนรายชื่อบุคคลที่มีความเสี่ยงสูง ซึ่งควรเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดตามกฎกระทรวงการตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้า พ.ศ. 2563 และได้แจ้งรายชื่อผู้กระทำผิดกฎหมาย ให้สถาบันการเงินดำเนินมาตรการที่เกี่ยวข้องต่อไป นอกจากนี้ ดีอีเอสอยู่ระหว่างเสนอ (ร่าง) พระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. …. ต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อเร่งแก้ปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ให้เป็นรูปธรรม

“นายกรัฐมนตรีห่วงใยพี่น้องประชาชน ไม่ต้องการให้ตกเป็นเหยื่อการฉ้อโกงและหลอกลวงผ่านสื่อสังคมออนไลน์ทุกรูปแบบ ซึ่งส่งผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนจำนวนมาก จึงสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการอย่างเร่งด่วนและจริงจัง เพื่อปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ในทุกรูปแบบ สอบสวนให้ถึงต้นตอการกระทำผิด ควบคู่ไปกับการให้ความรู้ที่ถูกต้อง และแจ้งเตือนประชาชน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันไม่ให้ตกเป็นเหยื่ออาชญากรรมออนไลน์” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว

Advertisement

Verified by ExactMetrics