วันที่ 7 พฤษภาคม 2025

“ครม.เศรษฐา 1” แบ่งงานรองนายกฯ กำกับดูแลกระทรวง

People Unity News : 14 กันยายน 2566 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวานนี้ (13 ก.ย.) ได้มีการแบ่งงานให้รองนายกรัฐมนตรีกำกับดูแล โดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กำกับดูแลกระทรวงการคลัง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกระทรวงกลาโหม

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กำกับดูแลกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลกระทรวงคมนาคม กระทรวงยุติธรรม (ยกเว้นกรมสอบสวนคดีพิเศษ) กรมประชาสัมพันธ์ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ สำนักงานราชบัณฑิตยสภา

นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กำกับดูแลกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงวัฒนธรรม สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบข้าราชการ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กำกับดูแลกระทรวงมหาดไทย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงแรงงาน กระทรวงศึกษาธิการ สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ

พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กำกับดูแลกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กำกับดูแลกระทรวงพลังงาน กระทรวงอุตสาหกรรม

นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลกรมประชาสัมพันธ์ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน)

Advertisement

นายกฯให้คำมั่นปราบผู้มีอิทธิพลเด็ดขาด

People Unity News : 12 กันยายน 2566 ที่รัฐสภา – นายกฯ ระบุคดี “กำนันนก” เป็นสิ่งยอมรับไม่ได้ จะไม่ให้เกิดขึ้นอีก ให้คำมั่นปราบผู้มีอิทธิพลเด็ดขาด การบริหารจัดการส่วนไหนมีปัญหาต้องจัดการทันที ยันให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยความคืบหน้าหลังจากที่ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเข้าพบวานนี้ (11 ก.ย.) ว่า เน้นย้ำเรื่องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ซึ่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติรายงานว่า ในวันนี้ (12 ก.ย.) กองพิสูจน์หลักฐานจะมีผลพิสูจน์ต่าง ๆ ออกมา คาดว่าผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะมีการแถลงข่าว ก่อนเที่ยงวันนี้ว่าผลสรุปออกมาเป็นอย่างไร

“ในฐานะที่ผมกำกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดพิเศษก่อนหน้านี้ว่ากลุ่มผู้มีอิทธิพลหรือมาเฟียเป็นเรื่องที่ประชาชนมีความกังวลอย่างมาก และเหตุการณ์กำนันนกถือว่าเหนือความคาดหมายและเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ ต้องเป็นสิ่งที่ไม่ยอมรับต่อไป ผมให้คำมั่นจะจัดการอย่างเต็มที่ ทำทุกอย่างไม่ให้เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นอีก และให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย การบริหารตั้งแต่ส่วนบนลงล่าง ส่วนไหนมีปัญหาก็ต้องบริหารจัดการ หากพบเรื่องทุจริตประพฤติมิชอบจะจัดการทันที” นายกรัฐมนตรี กล่าว

Advertisement

ปลัด มท. แจง คนมหาดไทยต้องทำงานอย่างไร “สั่งงานวันนี้ ต้องเสร็จเมื่อวาน”

People Unity News : 9 กันยายน 2566 ปลัดมหาดไทยเผย คนมหาดไทยต้องทำงานเชิงรุกด้วยความรวดเร็ว พร้อมขับเคลื่อนงานทุกมิติ เพื่อแก้ไขปัญหาในพื้นที่ บำบัดทุกข์ บำรุงสุข ทำให้ประชาชนมีความอุดมสมบูรณ์พูนสุขโดยถ้วนหน้า “ทำงานวันนี้ ต้องเสร็จเมื่อวาน”

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยถึงวิธีการทำงานของคนมหาดไทยตามที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้กล่าวในโอกาสพบปะข้าราชการเมื่อวันที่ 7 กันยายนที่ผ่านมา ความว่า “…ผมเป็นคนทำงานวันนี้ สั่งงานวันนี้ ต้องเสร็จเมื่อวาน เพราะงั้นก็ขอให้ทุกคนได้มีความมั่นใจ..” เป็นเครื่องเตือนใจให้คนมหาดไทยต้องทำงานด้วยความรวดเร็ว และมีความพร้อมอยู่เสมอ ที่สำคัญต้องทำงานเชิงรุก เข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา ถ้า “เข้าใจ เข้าถึง” พี่น้องประชาชนแล้ว ปัญหาต่าง ๆ ตลอดจนความต้องการของพี่น้องประชาชนในทุกเรื่อง ก็จะสามารถพัฒนาและดำเนินการได้ทันที อะไรที่ยังแก้ไขไม่ได้ ก็ต้องมีการสื่อสารสร้างความเข้าใจต่อพี่น้องประชาชน ต่อสาธารณชน สอดคล้องกับหลักปฏิบัติที่คนมหาดไทยได้รับการบ่มเพาะถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นมาโดยตลอดว่า “รอบรู้ รวดเร็ว ริ่เริ่ม และเร่งรัด” ดังที่ท่านวิญญู อังคณารักษ์ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้เคยกล่าวไว้

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เน้นย้ำว่า หลายคนอาจตั้งข้อสงสัยว่า “เมื่อวานนี้งานจะเสร็จได้อย่างไร ในเมื่อสั่งวันนี้” แต่ข้าราชการกระทรวงมหาดไทยทุกคนในฐานะข้าราชการประจำ ผู้มีความมุ่งมั่นตั้งใจสอบคัดเลือกเข้ามารับราชการ ด้วยหัวใจที่มุ่งมั่นทำงานเพื่อประชาชนจนกว่าจะเกษียณอายุราชการ ต่างก็รู้อยู่ก่อนแล้วว่าข้าราชการกระทรวงมหาดไทยนั้นมีภาระหน้าที่อันหนักหน่วง นั่นคือ ทุกปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน คือ หน้าที่ของคนมหาดไทย งานของทุกกระทรวง ทบวง กรมที่ลงสู่พื้นที่ ก็คืองานของคนมหาดไทย ดังนั้น พวกเราในฐานะข้าราชการประจำ จะต้องมุ่งมั่นทุ่มเททำงานแบบรองเท้าสึกก่อนกางเกงขาด มีใจ มี Passion ในการทำงานโดยไม่ยึดถือเรื่องเวลาเป็นข้อจำกัดของการทำงาน เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาที่ดี คือ การคิดริเริ่มสร้างสรรค์นำเสนอสิ่งที่ดีเพื่อให้ผู้บังคับบัญชาได้เห็นชอบตามที่เราได้คิด ได้เสนอ

“นอกจากนี้ คนมหาดไทยโดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ผู้ว่าราชการจังหวัด” ผู้บริหารระดับสูง ต้องเป็น “ผู้นำต้องทำก่อน” ต้องรู้ลึก รู้กว้าง ถึงเรื่องที่จะขับเคลื่อน เพื่อนำไปสื่อสารกับนายอำเภอในฐานะผู้นำของพื้นที่และภาคีเครือข่าย ซึ่งมีนัยยะว่า “ผู้นำทำงานต่าง ๆ ลำพังคนเดียวไม่ได้” ต้องมีทีมงานจาก 7 ภาคีเครือข่าย ทั้งภาคราชการ ภาคผู้นำศาสนา ภาควิชาการ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ภาคประชาชน ภาคสื่อสารมวลชน ช่วยขับเคลื่อนงาน และที่สำคัญ “ต้องเร่งรัด ติดตามการขับเคลื่อนงาน” เพื่อให้มั่นใจว่าทุกภาคส่วนได้ช่วยกันทำหน้าที่ในการบำบัดทุกข์ บำรุงสุขแบบบูรณาการอย่างยั่งยืนได้อย่างถูกต้องตามหลักการทรงงานของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร คือ ร่วมคิด ร่วมพูดคุย ร่วมทำ ร่วมแก้ปัญหา ร่วมรับประโยชน์ ทำให้ประชาชนมีความอุดมสมบูรณ์พูนสุขโดยถ้วนหน้า ซึ่งหากทุกคนสามารถทำได้อย่างนี้แล้ว ก็จะมีคุณสมบัติตามที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้กล่าวไว้นั่นเอง” นายสุทธิพงษ์ กล่าวในช่วงท้าย

Advertisement

“วราวุธ” เปิดใจกับคนสุพรรณฯ ลั่นกระทรวง พม. จะดูแลคนทุกระดับวัยทั้งประเทศ ให้คนสุพรรณฯภูมิใจ

People Unity News : 9 กันยายน 2566 ที่สุพรรณบุรี – “วราวุธ” ให้คำมั่น ชทพ.ทุ่มเททำงาน ลั่น พม. ดูแลคนทุกระดับวัย จ่อ คืนลูกหลานให้ครอบครัว ทำประเทศชาติแข็งแรง

ที่ทำการพรรคชาติไทยพัฒนา สาขาจังหวัดสุพรรณบุรี นายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา รับแจกันดอกไม้แสดงความยินดีในโอกาสรับตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) จากชาวจังหวัดสุพรรณบุรี รวมถึง นายประภัตร โพธสุธน เลขาธิการพรรคชาติไทยพัฒนา อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ได้ร่วมแสดงความยินดีด้วย

นายวราวุธ กล่าวว่า ขอขอบคุณประชาชนชาวจังหวัดสุพรรณบุรี ที่แสดงความยินดีกับตนในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ อย่างไรก็ตาม การจะเดินทางมาถึงในจุดนี้ได้ตนต้องขอขอบคุณทุกๆคะแนนเสียง ที่มอบให้กับพรรคชาติไทยพัฒนา จนสามารถทำให้เรามีโอกาสมาทำงานรับใช้พี่น้องประชาชนในทุกระดับ เพราะกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์นั้น ดูแลตั้งแต่เด็กแรกเกิด แก่ เจ็บ และเสียชีวิต เด็ก สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการ และกลุ่มคนที่แตกต่างกันไป รวมไปถึงกลุ่มชาติพันธุ์ และกลุ่มความหลากหลายทางเพศ ตนเชื่อว่าจะสามารถตอบแทนทุกๆคะแนนเสียงที่ประชาชนได้ให้ความไว้วางใจกับพรรคชาติไทยพัฒนา แม้วันนี้ยังไม่สามารถพูดเรื่องงานได้อย่างเต็มที่ เพราะในวันที่ 11 ก.ย.นี้ นายกรัฐมนตรีจะแถลงนโยบายต่อรัฐสภา เมื่อแถลงเสร็จแล้วเราจะสามารถพูดเรื่องงานได้อย่างเต็มที่

นายวราวุธ กล่าวว่า กรณีปัญหาของประชาชน โดยเฉพาะล่าสุดเมื่อวันที่ 8 ก.ย.ที่ผ่านมาที่มีปัญหาเรื่องเงินสนับสนุนเด็กแรกเกิด 600 บาท ที่ไม่สามารถนำเงินโอนเข้าบัญชีของแต่ละครอบครัวได้นั้น ต้องกราบขออภัย แต่เท่าที่ได้ทราบข้อมูลจากทางกระทรวง พม. ในวันที่ 13 ก.ย.นี้ ซึ่งจะมีการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ทางกระทรวงจะส่งเรื่องเข้าสู่การประชุม ครม. และไม่เกิน 18 ก.ย.66 เงินจำนวนดังกล่าวจะสามารถโอนเข้าบัญชีกรณีเงินสนับสนุนเด็กแรกเกิดได้ทุกๆครอบครัว

นายวราวุธ กล่าวว่า ขอให้คำมั่นว่า เมื่อตนได้มาดูแลกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เราจะทุ่มเททุกๆสรรพกำลังในการดูแลพี่น้องประชาชน ทุกหมู่บ้าน ทุกตำบล เราจะเป็นกำแพงให้กับประชาชนเอาไว้พักพิงยามเหนื่อยล้า ยามท้อแท้ และจะเป็นเกราะกำบัง ป้องกันอันตราย ให้กับประชาชนยามเกิดปัญหา เราจะคืนลูกหลานให้กับครอบครัว และจะคืนครอบครัวให้กับสังคม และเราจะคืนสังคมให้กับประเทศชาติ เพราะประเทศชาติจะแข็งแรงได้จะต้องมาจากรากฐานหน่วยที่เล็กที่สุด คือสถาบันครอบครัว ดังนั้นวันนี้ พวกเราจะทำงานอย่างเต็มที่

นายวราวุธ กล่าวว่า คนชื่อวราวุธ ได้เป็น รมว.พม.ได้เพราะคนชื่อประภัตรและพี่น้องชาวจังหวัดสุพรรณบุรี ตอนแรกที่มีข่าวว่าจะไปอยู่กระทรวงพาณิชย์ตนก็แอบกังวล เพราะด้วยความสามารถยังนึกไม่ออกว่าถ้าอยู่กระทรวงพาณิชย์ จะมาช่วยประชาชนกว่า 800,000 ชีวิตในจังหวัดสุพรรณบุรีอย่างไรแต่เมื่อท้ายที่สุดได้มาอยู่กระทรวง พม. ก็ดีใจหลายเรื่อง เพราะกระทรวงนี้ดูแลประชาชน ตั้งแต่เด็ก เยาวชน สตรี กลุ่มความหลากหลายทางเพศ ผู้สูงอายุ คนพิการ และกลุ่มชาติพันธุ์ จะทำให้ตนจะสามารถดูแลสิ่งมีชีวิตทุกชีวิตบนแผ่นดินไทย ก็จะเป็นโอกาสที่เราชาวพรรคชาติไทยพัฒนา และชาวจังหวัดสุพรรณบุรี ทำให้พี่น้องชาวไทยได้เห็นอีกครั้งหนึ่งว่า การที่มีคนสุพรรณบุรีมาเป็นหัวเรือของกระทรวงที่ดูแลปากท้องของประชาชนนั้นเราจะทำให้กระทรวงนี้มีความแตกต่างอย่างไร

นายวราวุธ กล่าวว่า บางคนบอกว่าจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มากระทรวง พม. เป็นการลดระดับ แต่ตนว่าไม่ใช่ แต่จะเป็นการเพิ่มระดับ เพราะตนจะทำให้กระทรวง พม. ขึ้นมาเป็นกระทรวงเกรดเอ และจะทำให้ไม่เฉพาะคนไทย แต่จะทำให้ต่างประเทศได้รู้จักว่า กระทรวงที่ชื่อกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นั้น คือ หัวใจของคนไทยอย่างไร กระทรวงจะใหญ่หรือจะเล็ก ขึ้นอยู่กับรัฐมนตรีว่าการ ตนมั่นใจว่าจะสามารถดูแลพี่น้องคนไทยทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในจังหวัดสุพรรณบุรีได้อย่างละเอียด ได้อย่างถึงเนื้อถึงตัว ภายใต้การทำงานของพรรคชาติไทยพัฒนา ตนรับประกันว่ากระทรวง พม. จะต้องดูแลคนไทยทั้ง 66 ล้านคน จะยากดีมีจน สถานะใด เพศใด วัยใด เราจะดูแลให้หมด และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า การทำงานในกระทรวง พม.นี้ จะทำให้ความมั่นคงของพรรคชาติไทยพัฒนามั่นคงตามไปด้วย

นายวราวุธ กล่าวว่า การได้อยู่กระทรวง พม.คราวนี้มีความบังเอิญหลายอย่าง สี ประจำกระทรวงคือสีชมพู ซึ่งเป็นสีของพรรคชาติไทยพัฒนา จากห้องทำงาน รมว.พม. ก็มองเห็นที่ตั้งพรรคชาติไทยเดิม ในสมัยที่นายบรรหาร นายประภัตร ทำงานร่วมกัน และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวง พม.คนแรก เมื่อปี 2545 คือ นายอนุรักษ์ จุรีมาศ จากพรรคชาติไทยในขณะนั้น พรรคเราดูแลกระทรวงนี้ตั้งแต่วันแรก และเราจะมาสานงานต่อจากนายบรรหาร เรามั่นใจว่าจะทำให้มีชื่อเสียงเป็นหน้าเป็นตากับคนสุพรรณบุรี ต้องขอขอบคุณการสนับสนุนจากนายประภัตรและชาวสุพรรณด้วย

Advertisement

รมว.ดีอีเอสคนใหม่ เผยนโยบายเร่งด่วน ปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ Fake News เร่งขับเคลื่อน “รัฐบาลดิจิทัล”

People Unity News : 7 กันยายน 2566 รมว.ดีอีเอส เข้า​กระทรวง​วันแรก​ ย้ำเดินหน้า​ปราบปราม​การหลอก​ลวง​ทางเทคโนโลยี​ และขับเคลื่อน​รัฐบาล​ดิจิทัล

นาย​ประเสริฐ​ จันทร​รวง​ทอง​ รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​ดิจิทัลเพื่อ​เศรษฐกิจ​และ​สังคม​ (ดีอีเอส) เข้า​กระทรวง​วันแรก​ ถือฤกษ์​ 09.29​ น.​ สักการะ​พระพรหม​บริเวณ​อาคาร​รัฐประศาสนภักดี (อาคาร B) ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ จากนั้น​ให้​สัมภาษณ์​ผู้สื่อข่าว​​ว่า​ นโยบาย​เร่งด่วน​คือ​ การปราบปราม​การ​หลอกลวงทางเทคโนโลยี​ แก๊ง​คอลเซ็นเตอร์​ และข่าว​ปลอม​ (Fake​ News) ซึ่ง​สร้าง​ความ​เสียหาย​ต่อ​ประชาชน​ โดยจะวางมาตรการ​การ​ตรวจสอบ​อย่างเข้มข้น

นอกจาก​นี้​จะเร่งขับเคลื่อน​ “รัฐบาล​ดิจิทัล” โดยนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาปรับใช้ภายในหน่วยงานต่างๆ​ ของ​รัฐ​ เพื่อ​เพิ่มศักยภาพการทำงานขององค์กรรัฐให้รวดเร็ว ก้าวทันตามเทคโนโลยี รวมถึงยังมีระบบการเชื่อมโยงการเข้าถึงข้อมูล ระหว่างหน่วยงานภาครัฐ เพื่อเพิ่มความสะดวกรวดเร็วให้กับผู้ที่ต้องการติดต่อกับหน่วยงานภาครัฐง่ายยิ่งขึ้นและเพื่อ​ให้การบริการ​ของ​ภาค​รัฐ​เป็น​ไป​อย่าง​มีประสิทธิภาพ

Advertisement

“เศรษฐา” น้อมนำกระแสพระราชดำรัสเป็นแนวทางปฏิบัติ ลั่นจะทำงานแบบลืมความเหน็ดเหนื่อยทุกวัน ทุกนาที

People Unity News : 5 กันยายน 2566 ที่ทำเนียบรัฐบาล – นายกฯ นำ ครม.ถ่ายภาพหมู่หน้าตึกไทยคู่ฟ้า หลังเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณ เผยพร้อมน้อมนำกระแสพระราชดำรัสมาเป็นแนวทางในการปฏิบัติราชการต่อไป ยืนยันจะทำงานแบบลืมความเหน็ดเหนื่อยทุกวัน ทุกนาที

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นำคณะรัฐมนตรีถ่ายภาพหมู่ ที่บริเวณหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณ เป็นธรรมเนียมปฏิบัติของคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ โดยได้รับความสนใจจากบรรดาสื่อมวลชนจำนวนมาก ซึ่งถือว่าเป็นการเปิดตัวครั้งแรก โดยรัฐมนตรีที่มาจากพรรคร่วมฯ มีสีหน้ายิ้มแย้ม

หลังจากนั้น นายเศรษฐา แถลงว่า ได้นำคณะรัฐมนตรีเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ถวายสัตย์ปฏิญาณเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมน้อมนำกระแสพระราชดำรัสมาเป็นแนวทางในการปฏิบัติราชการต่อไป ขอยืนยันว่าเป็นรัฐบาลของประชาชน ที่จะเข้ามาทำงานเพื่อแก้ปัญหาให้กับประชาชน โดยจะทำงานแบบลืมความเหน็ดเหนื่อยทุกวัน ทุกนาที เอาปัญหาของประชาชนเป็นที่ตั้ง โดยจะลงพื้นที่ตั้งแต่วันศุกร์นี้ (8 ก.ย.66) ลงพื้นที่ จ.ขอนแก่น อุดรธานี และหนองคาย เพื่อรับทราบปัญหาของประชาชนในพื้นที่ และในวันจันทร์ (11 ก.ย.) จะแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อที่ประชุมรัฐสภา พร้อมสร้างความชอบธรรมในการบริหารราชการแผ่นดิน ฟื้นฟูหลักนิติธรรม สร้างโอกาสความเท่าเทียม และเน้นการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ

นายเศรษฐา เผยว่า การประชุมคณะรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้ (6 ก.ย.) จะเป็นการพูดคุยกันในพรรคร่วมฯ เพื่อกำหนดนโยบายก่อนที่จะแถลงต่อที่ประชุมรัฐสภา พร้อมขอโอกาสให้รัฐมนตรีได้ทำงาน เชื่อว่ารัฐมนตรีทุกคนเข้าใจนโยบายของตนที่ให้ทำงานโดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย พร้อมผลักดันนโยบายที่จำเป็น เพื่อแก้ปัญหาปากท้องให้กับประชาชน มั่นใจการทำงานของรัฐมนตรีพรรคร่วมรัฐบาลจะไม่มีการแบ่งฝ่าย

Advertisement

วุฒิสภาเห็นชอบ “อำนาจ เจตน์เจริญรักษ์” เป็นอัยการสูงสุด

People Unity News : 5 กันยายน 2566 วุฒิสภามีมติเห็นชอบให้ นายอำนาจ เจตน์เจริญรักษ์ อธิบดีอัยการ รักษาการในตำแหน่งรองอัยการสูงสุด ดำรงตำแหน่งอัยการสูงสุด คนที่ 18

ที่ประชุมวุฒิสภาครั้งที่ 14 ได้มีมติให้ความเห็นชอบบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งอัยการสูงสุด ตามมาตรา 10 แห่งพระราชบัญญัติองค์กรอัยการและพนักงานอัยการ พ.ศ. 2553 โดยมีการเสนอชื่อนายอำนาจ เจตน์เจริญรักษ์ อธิบดีอัยการ สำนักงานวิชาการ รักษาการในตำแหน่ง รองอัยการสูงสุด ให้ดำรงตำแหน่งอัยการสูงสุด โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมจำนวน 201 คน ผลการออกเสียงลงคะแนนให้ความเห็นชอบ 193 เสียง ไม่ให้ความเห็นชอบ 1 เสียง และไม่ออกเสียง 7 เสียง จึงได้รับความเห็นชอบด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของสมาชิกทั้งหมด ที่มีอยู่ของวุฒิสภาให้ดำรงตำแหน่งอัยการสูงสุด

ทั้งนี้ สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาจะได้นำความขึ้นกราบบังคมทูลพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งต่อไป

นายอำนาจ เจตน์เจริญรักษ์ ว่าที่อัยการสูงสุด คนที่ 18 สำเร็จการศึกษานิติศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และเนติบัณฑิต สำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา นิติศาสตรมหาบัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และเข้ารับการฝึกอบรมหลักสูตรระดับสูง ดังนี้

พ.ศ. 2554 หลักสูตรการบริหารงานยุติธรรมชั้นสูง (ยธส.3) สำนักงานกิจการยุติธรรม

พ.ศ. 2562 หลักสูตรผู้บริหารกระบวนการยุติธรรมระดับสูง รุ่นที่ 24 (บ.ย.ส.24) สถาบันพัฒนาข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม

พ.ศ. 2564 หลักสูตรนักบริหารงานยุติธรรมชั้นสูง รุ่นที่ 11 (นบยส.11) สำนักงานอัยการสูงสุด

พ.ศ. 2565 หลักสูตรหลักนิติธรรมเพื่อประชาธิปไตย “นธป.” รุ่นที่ 10 สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ

สำหรับประวัติการทำงานของนายอำนาจ เจตน์เจริญรักษ์

เริ่มรับราชการปี 2528 สำนักงานคดีอาญา สำนักงานคดียาเสพติด สำนักงานคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร สำนักงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน (จังหวัดอำนาจเจริญ) สำนักงานนโยบาย ยุทธศาสตร์ และงบประมาณ

ปี 2561 รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคณะกรรมการอัยการ

ปี 2563 อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอัยการสูงสุด

ปี 2564 อธิบดีอัยการ สำนักงานวิชาการ

ปัจจุบันอธิบดีอัยการ สำนักงานวิชาการ รักษาการในตำแหน่ง รองอัยการสูงสุด

Advertisement

“เศรษฐา” บอกกับ 16 รมต.เพื่อไทย อย่าเรียกรัฐบาลเพื่อไทย ให้เรียกรัฐบาลของประชาชน

People Unity News : 4 กันยายน 2566 ที่เพื่อไทย – “นายกฯ เศรษฐา” ร่วมวงมื้อเที่ยง 16 รัฐมนตรีเพื่อไทย แสดงความยินดี-หารือแนวทางการทำงาน ลั่น เป็นรัฐบาลของประชาชน ขออย่าอ้างข้อจำกัดงบฯ-ระยะเวลาเข้ามาทำงานช้า ชี้ เทหมดหน้าตักเข็นนโยบายที่ทำได้ก่อน ต้องไม่มีคำว่าไม่ได้

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นัดหมาย 16 รัฐมนตรี ของพรรคเพื่อไทย หารือแนวทางการทำงานและรับประทานอาหารกลางวันร่วมกันที่พรรคเพื่อไทยภายหลังมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 2 กันยายน ที่ผ่านมา

นายเศรษฐา กล่าวว่า เป็นครั้งแรกที่พบกันอย่างเป็นทางการ เป็นเรื่องที่น่ายินดี ที่ในวันพรุ่งนี้ ( 5 ก.ย.) คณะรัฐมนตรีทุกคนจะเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณตน ซึ่งหลายคนคงทราบแล้วว่าขั้นตอนเป็นอย่างไร

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนเคยพูดไม่ถูกมาหนนึงว่า เราเป็นรัฐบาลภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทย จากนี้ต่อไปจะระวังคำพูด โดยจะใช้ว่าเป็นรัฐบาลของประชาชนที่มีพรรคร่วม 11 พรรค เพื่อให้เกียรติพรรคร่วม ซึ่งตนคิดว่าเป็นเรื่องที่สำคัญ อยากให้เน้นว่าเป็นรัฐบาลของประชาชน

นายเศรษฐา กล่าวว่า ช่วงที่จะมีการเลือกนายกรัฐมนตรี และแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้พูดเอาไว้ว่า เรามาด้วยต้นทุนที่สูง ตนจึงอยากจะขอเปลี่ยนว่า ที่จริงแล้วไม่ใช่ต้นทุนที่สูง พรรคเพื่อไทยเราเทหมดหน้าตัก การทำงานครั้งนี้เรามีผู้แทนที่ได้รับเกียรติจากประชาชนในการเข้ามาดูแลบ้านเมืองและหลายท่านอยากเข้ามาตรงนี้ แต่ก็ถูกคัดสรรมาอย่างดีแล้ว คำว่าหมดหน้าตัก คือ เรื่องที่เราต้องทุ่มเทการทำงานให้พี่น้องประชาชนเชื่อว่าทุกคนตระหนักดีว่าเป็นเรื่องสำคัญที่สุดในช่วงเวลานี้ เรื่องการทำงาน เรื่องของระยะเวลา เรื่องขีดจำกัดของงบประมาณก็เป็นเรื่องสำคัญ ตนไม่อยากให้เรื่องขีดจำกัดเรื่องงบประมาณ หรือการที่เราได้เข้ามาบริหารช้าไป ซึ่งเรื่องการใช้งบประมาณจะสามารถใช้ได้จริงคือช่วงต้นปีหน้า (2567) แต่ไม่ได้หมายความว่า งบประมาณเป็นขีดจำกัดไม่ให้เราทำงาน พร้อมเชื่อว่าเรามีควิกวิน (แผนปฏิบัติงานเร่งรัด) ที่เราสามารถทำได้เพื่อดูแลทุกข์สุขของประชาชน หรือยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนก็สามารถทำได้ เรื่องอะไรที่สามารถทำได้ก่อนก็ทำ ซึ่งเข้าใจว่าแต่ละกระทรวง ทบวง กรม มีแผนงานมากมาย บางอย่างขึ้นอยู่กับงบประมาณบางอย่างขึ้นอยู่กับขั้นตอนการเปลี่ยนแปลงกฎหมาย แต่ไม่ใช่ทุกอย่างต้องมีขีดจำกัด ระยะเวลา ถ้าอะไรที่ทำได้และทำให้ประชาชนเห็นว่าเราทุ่มเททำงานอย่างเต็มที่ ขอให้เข็นออกมาให้ได้ก่อน

“เวลาที่เราไปพูดคุยกับประชาชนอย่าอธิบายว่าทำไมถึงทำไม่ได้ เราถูกเลือกเข้ามาเพื่อให้ทำให้ได้ เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด รัฐบาลของประชาชนเราต้องลดช่องว่างของฝ่ายบริหารกับประชาชนให้ได้ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญและอยากให้ประชาชนเข้าถึงผู้บริหารได้ จึงอยากให้เป็นมิติใหม่ในการทำงานของรัฐบาลนี้ ทั้งนี้หากตนมีโอกาสได้พูดคุยกับพรรคร่วมรัฐบาลก็จะเน้นย้ำในเรื่องนี้อีกครั้งหนึ่ง” นายกรัฐมนตรี กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับเมนูอาหารกลางวันที่ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยรับประทานในวันนี้ (4 ก.ย.) เป็นอาหารจานเดียว คือเมนูข้าวไข่เจียวปู ปลาทอดราดพริก กะหล่ำผัดน้ำปลา ต้มข่าไก่ และสลัดไก่ทอด

Advertisement

กทม.เก็บภาษีเกินเป้า เตรียมหารือรับมือฤดูฝุ่น PM2.5 ร่วมกับรัฐบาล

People Unity News : 4 กันยายน 2566 ผู้ว่าฯ ชัชชาติ เผย กทม.เก็บภาษีเกินเป้า พร้อมเตรียมหารือปัญหาฝุ่น PM2.5 ร่วมกับรัฐบาล

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 19/2566 พร้อมเปิดเผยหลังการประชุมว่า ปีนี้การจัดเก็บรายได้ที่ค่อนข้างดี ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2566 ภาพรวมกรุงเทพมหานครจัดเก็บได้ 91,319,809,630.11 บาท (คิดเป็น 115.59 %) จากที่ประมาณการไว้ 79,000,000,000 บาท คาดว่าภายในสิ้นปีนี้น่าจะจัดเก็บภาษีได้ถึง 97,000 ล้านบาท หากดูรายละเอียด ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเราจัดเก็บได้ค่อนข้างดี ประมาณ 11,000 ล้านบาท จะเห็นว่าการจัดเก็บมีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าปีที่แล้วเนื่องจากได้เร่งทำฐานข้อมูลมากขึ้นและส่งใบเก็บภาษีได้ถึง 1 ล้านคน ขณะนี้รายได้ที่กรุงเทพมหานครจัดเก็บเองประมาณ 19,000 ล้านบาท รายได้ที่ส่วนราชการอื่นจัดเก็บให้ จัดเก็บได้ประมาณ 72,000 ล้านบาท โดยรายได้ที่ส่วนราชการอื่นจัดเก็บให้ได้มากที่สุด คือ ภาษีมูลค่าเพิ่ม 37,285 ล้านบาท ซึ่งภาษีมูลค่าเพิ่มมี 2 ส่วน คือ แบ่งตามจุดซื้อขายและแบ่งตามจำนวนประชากร ปัจจุบัน จำนวนประชากรที่ลงทะเบียนในกรุงเทพมหานครก็มีจำนวนหนึ่ง แต่จำนวนประชากรแฝงมีเกือบถึง 10 ล้านคน คงต้องหารือกันว่าการให้ทะเบียนประชากรสอดคล้องกับจำนวนประชากรที่อยู่จริง เพื่อจะทำให้ได้งบประมาณที่สอดคล้องกับความเป็นจริงมากขึ้น ด้านภาษีรถยนต์ เก็บได้ถึงประมาณ 17,000 ล้านบาท ยังมีผู้ที่ยังไม่ดำเนินการจ่ายอีกประมาณ 1,000 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ กทม.ได้มี MOU กับขนส่งเพื่อจะเร่งเก็บภาษีในส่วนนี้เพิ่มเติม

ในส่วนการเก็บภาษีในแต่ละเขต มีหน่วยงานที่เก็บภาษีได้เกินเป้า 7 หน่วยงาน ได้แก่ 1. กองรายได้ 2.เขตลาดกระบัง 3. เขตลาดพร้าว 4. เขตสวนหลวง 5. เขตจตุจักร 6. เขตหนองจอก 7. เขตห้วยขวาง แต่มีบางเขตที่เก็บได้น้อย เช่น เขตดอนเมืองเก็บได้เพียง 38% เหตุผลเนื่องจากกระทรวงการคลังเปลี่ยนวิธีคำนวนการประเมินภาษีทำให้ภาษีที่ดินแปลงใหญ่จากแต่ก่อนอาจเก็บได้อัตราหนึ่ง แต่เมื่อมีการปรับวิธีการคำนวนประเมินใหม่การเก็บภาษีจึงเก็บได้ลดลง เพราะฉะนั้นรายละเอียดเหล่านี้เราให้ฝ่ายรายได้ศึกษา 2 ประเด็น คือ 1. การปรับวิธีการคำนวนราคาประเมินทำให้มีการสูญเสียรายได้ที่ควรจะเป็นเท่าใด 2. เกษตรที่ผิดวัตถุประสงค์ คือเกษตรที่ทำเพื่อหวังลดภาษีมีเท่าใด ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นหนึ่งในเรื่องที่ต้องมีการหารือกับรัฐบาลว่ามีข้อแนะนำอย่างไร

ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าวต่อไปว่า  เรื่องที่จะต้องคุยเพิ่มเติมจะเป็นเรื่อง PM2.5 เนื่องจากใกล้ถึงฤดูฝุ่นสูงแล้ว ซึ่งสัปดาห์หน้าจะมีการประชุมหารือร่วมกับกรมควบคุมมลพิษในการรับมือ PM2.5 ปัจจุบันเรามีข้อมูลต่าง ๆ เช่น ฝุ่นมาจากไหน มีมาตรการอย่างไร การพยากรณ์เป็นอย่างไร รวมถึงได้มีการปรับเกณฑ์ใหม่ แถบสีต่าง ๆ ซึ่งจะมีความเข้มข้นมากขึ้น ทั้งนี้ เราได้มีการวางแผนเพื่อหารือกับทางรัฐบาล เนื่องจากหลายส่วนเราควบคุมไม่ได้และเชื่อว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญลำดับต้น ๆ ของทางรัฐบาลอยู่แล้ว

Advertisement

“บิ๊กป้อม” เปิดงานวันน้ำโลก 66 ย้ำใช้น้ำอย่างประหยัด

People Unity News : 1 กันยายน 2566 “บิ๊กป้อม” เปิดงานวันน้ำโลก 66 ย้ำต้องใช้น้ำอย่างประหยัด รัฐบาลพร้อมเดินหน้ากับนานาชาติ เพื่อเป้าหมายเปลี่ยนแปลงการบริหารจัดการน้ำ-สุขาภิบาลอย่างยั่งยืน

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในการจัดกิจกรรมความร่วมมือและการมีส่วนร่วมบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ เนื่องในวันน้ำโลกประจำปี 2566 ที่โรงแรมรามาการ์เด้น เพื่อสื่อสารกับทุกภาคส่วนให้ร่วมกันเร่งสร้างความตระหนักและความร่วมมือเชื่อมโยง แลกเปลี่ยนองค์ความรู้กับทุกภาคส่วนรวมถึงเยาวชน โดยมุ่งพัฒนาน้ำดื่มน้ำใช้ที่ได้มาตรฐานและขับเคลื่อนความร่วมมือการใช้น้ำอย่างประหยัด

พล.อ.ประวิตร กล่าวบนเวทีว่า น้ำเป็นทรัพยากรที่สำคัญและมีความจำเป็นต่อการดำรงชีวิตและการพัฒนาในทุกมิติ องค์การสหประชาชาติจึงกระตุ้นให้ประชาคมโลกได้ร่วมกันรณรงค์ให้เกิดการฟื้นฟูให้เกิดการใช้ประโยชน์ทรัพยากรอย่างยั่งยืน โครงการเร่งรัดการเปลี่ยนแปลงด้วยการลงมือปฏิบัติ เพื่อลดวิกฤติด้านน้ำและด้านสุขาภิบาล

ประเทศไทยให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยขับเคลื่อนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำแบบพลวัต โดยความร่วมมือของคณะกรรมการลุ่มน้ำ ซึ่งเป็นข้อกลางเชื่อมโยงและมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการทุกภาคส่วน

การเสริมความเข้มแข็งและการร่วมการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ตั้งแต่ระดับชุมชนพร้อมกับการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม ผนวกกับภูมิปัญญาท้องถิ่น เพื่อให้ประชาชนทุกกลุ่มได้เข้าถึงการใช้น้ำอย่างมีคุณภาพอย่างเพียงพอและเท่าเทียม ลดความเสียหายจากภัยพิบัติ เกิดความสมดุลและยั่งยืนอย่างเป็นระบบ ในวาระครึ่งทศวรรษ ศตวรรษ ในการร่วมมือปฏิบัติของทุกประเทศ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนด้านน้ำ ในปีนี้ตนขอเน้นย้ำถึงเจตนาของรัฐบาลว่าประเทศไทยพร้อมเดินหน้ากับประเทศสมาชิกในการประกาศคำมั่นโดยสมัครใจ เพื่อยืนหยัด ยืนยันความร่วมมือเร่งการจัดการด้านน้ำ ตามแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยการบริหารทรัพยากรน้ำอย่างมีส่วนร่วมให้ประสบความสำเร็จตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2530

และประเทศไทยพร้อมรับข้อเสนอ และแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับหน่วยงานและองค์กรด้านน้ำของประเทศสมาชิก เพื่อเพิ่มอัตราเร่งของการพัฒนาการบริหารทรัพยากรน้ำของประเทศให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

สุดท้ายนี้ ขอให้การจัดกิจกรรมในวันน้ำโลก ประจำปี 2566 ประสบความสำเร็จในการขยายภาคีเครือข่ายความร่วมมือปฏิบัติที่เข้มแข็ง และเดินหน้าการเปลี่ยนแปลงการบริหารจัดการในเรื่องสุขาภิบาลของประเทศ ตามเป้าหมายในการพัฒนาที่ยั่งยืน

Advertisement

Verified by ExactMetrics