วันที่ 6 สิงหาคม 2025

“แพทองธาร” รับสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ​เป็นนายกฯ ​คนที่ 31 ลั่น ทำให้ทุกตารางนิ้วบนแผ่นดินไทย เป็นพื้นที่ให้คนไทยได้กล้าฝัน กล้าสร้างสรรค์ และกล้ากำหนดอนาคตของตัวเอง

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 18 สิงหาคม 2567 “แพทองธาร” รับสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ​เป็นนายกฯ ​คนที่ 31

“แพทองธาร ชินวัตร” เข้าพิธีรับสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 31 ของประเทศไทย ยืนยันนำพาประเทศไทยเดินหน้าฝ่าฟันทุกอุปสรรค แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ลั่นจะรับผิดชอบหน้าที่ให้ดีที่สุด ขณะที่ครอบครัวชินวัตรร่ำไห้ด้วยความตื้นตัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 09.29 น. ณ ห้องโถงกลาง อาคารวอยซ์ สเปส ที่ทำการพรรคเพื่อไทย ว่าที่ ร.ต.ต.อาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร อัญเชิญพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม แต่งตั้ง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 31 และอ่านพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี คนที่ 31

โดยมีนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ

จากนั้น นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวหลังรับสนองพระบรมราชโองการ ว่า เนื่องในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าโปรดกระหม่อม แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นับเป็นเกียรติยศและเป็นความภาคภูมิใจสูงสุดแก่ชีวิต

ตนและครอบครัว และพรรคเพื่อไทย สํานึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นล้นพ้น ทั้งจะมุ่งมั่นปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังด้วยความจงรักภักดี ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศชาติ และประชาชน สนองพระราชปณิธานตามพระปฐมบรมราชโองการและตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญทุกประการ

นางสาวแพรทองธาร กล่าวขอบคุณสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ผู้มาจากการเลือกตั้งของประชาชนที่ได้มอบความเชื่อมั่นและความไว้วางใจ ให้ได้มีโอกาสทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ของประเทศไทย ซึ่งตำแหน่งนายกรัฐมนตรี มีความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่ ที่จะนำพาประเทศไทยเดินหน้า ฝ่าฟันทุกอุปสรรค แก้ไขปัญหาความเดือดร้อน แก้ไขปัญหาปากท้องเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชน ดังนั้น 3 ปีที่เหลือตามวาระของรัฐสภา ในฐานะหัวหน้าฝ่ายบริหาร จะขอทำหน้าที่ร่วมกับฝ่ายนิติบัญญัติ ด้วยหัวใจที่เปิดกว้าง เปิดพื้นที่ในการรับฟังทุกความเห็น เพื่อร่วมกันพัฒนาประเทศให้ก้าวไปข้างหน้าด้วยกันอย่างมั่นคง

อย่างไรก็ตาม ภารกิจที่ยิ่งใหญ่นี้ ไม่อาจสำเร็จได้ด้วยการทำงานของนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว ตนมีความมุ่งหวังที่จะประสานพลังของคนทุกรุ่น ประสานพลังของบุคคลที่มีความสามารถในประเทศไทยจากทุกภาคส่วน ทั้งคณะรัฐมนตรี พรรคร่วมรัฐบาล ข้าราชการ เอกชน และพี่น้องประชาชน โดยตนจะส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพและทักษะของคนไทยทุกคน และทำให้ทุกตารางนิ้วบนแผ่นดินไทย เป็นพื้นที่ให้คนไทยได้กล้าฝัน กล้าสร้างสรรค์ และกล้ากำหนดอนาคตของตัวเอง

“ดิฉัน แพทองธาร ชินวัตร ในฐานะนายกรัฐมนตรี จะรับผิดชอบหน้าที่นี้ให้ดีที่สุด ทำให้ประเทศไทย เป็นประเทศแห่งโอกาส เป็นประเทศแห่งความหวัง เป็นประเทศแห่งความสุข ของคนไทยทุกคนอย่างเท่าเทียม” นางสาวแพทองธาร กล่าว

จากนั้นนางสาวแพทองธารได้เข้าไปไหว้ขอบคุณบรรดารัฐมนตรี รวมถึงนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี และ สส. จากนั้นได้เข้าไปสวมกอดคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ มารดาและนายทักษิณ ชินวัตร บิดา โดยคุณหญิงพจมานถึงกับหลั่งน้ำตาร้องไห้ด้วยความยินดี ก่อนที่จะไปกอดพี่ชายพี่สาว แล้วมาสวมกอดกับนายปิฎก สุขสวัสดิ์ สามี ซึ่งทุกคนในครอบครัวพร้อมทั้งนางสาวแพทองธารเองถึงกับหลั่งน้ำตาด้วยความตื้นตันและยินดี

Advertisement

“แพทองธาร” เผยพร้อมทำงานและแบ่งเวลาให้ดี

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 16 สิงหาคม 2567 อาคารวอยซ์สเปซ – “แพทองธาร” เผยพร้อมทำงานและแบ่งเวลาให้ดี เตรียมพาลูกเที่ยววันหยุด ขณะที่ “ทวี” ส่งตัวแทนมอบดอกไม้แสดงความยินดี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลา 17.15 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ว่าที่นายกรัฐมนตรี คนที่ 31 ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนายปิฎก สุขสวัสดิ์ สามี และนางสาวพินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ หรือ เอม พี่สาว เดินทางออกจากอาคารวอยซ์ สเปซ

โดยทันทีที่เดินลงมาจากอาคารมีตัวแทนของ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นำแจกันดอกไม้มาแสดงความยินดีด้วย

โดยระหว่างเดินไปขึ้นรถ นางสาวแพทองธาร ได้กล่าวกับสื่อมวลชนสั้นๆ ว่า ตอนนี้หายตื่นเต้นแล้ว แต่ยอมรับว่าในช่วงแถลงข่าวตัวเองตื่นเต้นจริงๆ หลังจากนี้ขออนุญาตกลับไปหาลูก ส่วนวันพรุ่งนี้ (17 ส.ค.) ไม่ได้เดินทางเข้าที่ทำการพรรค ขอหยุดหนึ่งวัน

ผู้สื่อข่าวถามว่า หลังจากนี้จะมีการวางแผนชีวิตอย่างไร นางสาวแพทองธาร ระบุว่า ก็ทำงานและจะแบ่งเวลาให้ดี ซึ่งถ้าพรุ่งนี้มีเวลาก็จะพาลูกไปเที่ยว ก่อนจะขึ้นรถเดินทางกลับทันที

Advertisement

“วิษณุ” แจงข้อปฏิบัติ การปฏิบัติหน้าที่ของคณะรัฐมนตรี

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 15 สิงหาคม 2567 “วิษณุ” แจงข้อปฏิบัติการปฏิบัติหน้าที่ของคณะรัฐมนตรี

วันนี้ (15 สิงหาคม 2567) เวลา 15.20 น.  ณ บริเวณโถงกลาง ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการชกระทรวงพาณิชย์ ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรีมอบหมายให้ นายวิษณุ เครืองาม เป็นผู้ชี้แจงข้อปฏิบัติการปฏิบัติหน้าที่ของคณะรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญได้ดังนี้

เรื่องที่ 1 คณะรัฐมนตรีมีมติมอบหมายรองนายกรัฐมนตรีภูมิธรรม เวชยชัย ให้ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี ซึ่งไม่ใช่เป็นกรณีที่อดีตนายกรัฐมนตรีนายเศรษฐา ทวีสิน  เคยมอบไว้ว่าให้รักษาการ เพราะการรักษาการเป็นกรณีที่อดีตนายกรัฐมนตรีนายเศรษฐา ทวีสิน  ไปต่างประเทศ แล้วให้นายภูมิธรรม ฯ รักษาการแทน แต่กรณีนี้ เป็นกรณีที่ไม่มีนายกรัฐมนตรี หรือนายกรัฐมนตรีขาดคุณสมบัติพ้นจากตำแหน่ง จึงต้องใช้อีกมาตราในการพิจารณา ซึ่งจำเป็นต้องประชุมคณะรัฐมนตรี และได้มีมติใหม่ คือมอบรองนายกรัฐมนตรีภูมิธรรมให้ปฏิบัติหน้าที่แทน

เรื่องที่ 2 คณะรัฐมนตรีได้ประชุมกันคือ เรื่องเกี่ยวกับตำแหน่งหน้าที่ต่าง ๆ ที่เกี่ยวพันกับคณะรัฐมนตรี แบ่งเป็น 2 ระดับ ระดับนายกรัฐมนตรี กับระดับรัฐมนตรี ทั้งนี้ ตำแหน่งใดก็ตามที่อดีตนายกรัฐมนตรีนายเศรษฐา ทวีสิน  ได้แต่งตั้งไว้เป็นข้าราชการการเมือง เช่น เลขาธิการนายกรัฐมนตรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ซึ่งตำแหน่งการเมืองทั้งหลายนั้น เป็นตำแหน่งตามกฎหมาย เป็นอันพ้นจากตำแหน่งไปทั้งหมด และจะจ่ายเงินเดือนจนถึงวันที่ 13 สิงหาคม

กรณีของรัฐมนตรี ไม่ว่าจะเป็นรัฐมนตรีตามกระทรวงใดก็ตาม ยกเว้นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่อดีตนายกรัฐมนตรีนายเศรษฐา ทวีสิน   แต่งตั้งก็พ้นจากตำแหน่ง แต่รัฐมนตรีประจำกระทรวงต่าง ๆ ที่รัฐมนตรีเป็นคนตั้งเอง ยังคงอยู่ ไม่ได้พ้นจากตำแหน่งไป ส่วนตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ถือว่าเป็นโควต้าของนายกรัฐมนตรี และรวมถึงผู้ช่วยรัฐมนตรีทั้งหมด ผู้แทนทางการค้าก็จากพ้นจากตำแหน่งด้วย และมีปัญหาอยู่ คือ กรรมการที่อดีตนายกรัฐมนตรีนายเศรษฐา ทวีสิน   ได้แต่งตั้งเอาไว้ ซึ่งเป็นการแต่งตั้งตามกฎหมายระเบียบบริหารราชการแผ่นดินที่ระบุว่า นายกรัฐมนตรีสามารถตั้งผู้ทรงคุณวุฒิ เป็นกรรมการต่าง ๆ ได้ อาทิ กรรมการที่ปรึกษา กรรมการวิปรัฐบาล เป็นต้น ตำแหน่งดังกล่าวนี้ก็พ้นจากตำแหน่งด้วย แต่ในการประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ ได้มีมติว่า เนื่องจากมีความจำเป็นต้องมีวิปรัฐบาล ก็มีมติให้แต่งตั้งใหม่เป็นการต่อเนื่องกันไป ไม่ใช่ไปต่ออายุให้กับคนเก่า เพราะพ้นตำแหน่งไปแล้ว แต่เป็นการแต่งตั้งใหม่ และใช้คนเก่าให้ดำรงตำแหน่งเดิม

นายวิษณุ ฯ กล่าวว่า เรื่องสำคัญ คือการทำงานของคณะรัฐมนตรีในระหว่างเวลานี้ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติว่า เนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่หรือรักษาการในขณะนี้ แตกต่างจากสมัยยุบสภา เพราะตอนนั้นรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ว่า ในระหว่างรักษาการจะแต่งตั้งข้าราชการไม่ได้ต้องขอความเห็นชอบจาก กกต. จะใช้งบประมาณผูกพันไม่ได้ จะกำหนดเรื่องที่เป็นนโยบายไม่ได้ แต่สำหรับกรณีคณะรัฐมนตรีสิ้นสุดเพราะ นายกรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่งนั้น ไม่มีข้อห้ามเหล่านี้อยู่จึงสามารถทำได้หมดทุกประการ และหากเป็นเรื่องสำคัญ ก็ต้องรอมติคณะรัฐมนตรี หรือนโยบายที่รัฐบาลใหม่จะแถลง เช่น นโยบายดิจิตอลวอลเล็ต นโยบายปกติธรรมดา อย่างปัญหาเรื่องปลาหมอคางดำ ได้มีการพูดในการประชุมคณะรัฐมนตรีมาหลายนัด เหลืออีกนิดเดียวก็จะจบเรื่องแล้วว่าจะต้องอนุมัติงบประมาณ ก็มีการหารือว่าเป็นเรื่องนโยบาย เป็นเรื่องเร่งด่วนจำเป็นก็ให้สามารถทำได้ หรือว่าการอนุมัติจ่ายเงินสงเคราะห์เด็กช่วยเหลือเด็ก ซึ่งก็เป็นการใช้งบประมาณก็สามารถดำเนินการต่อไปได้ตามปกติ

ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีที่สิ้นสุดลง แล้วก็ปฏิบัติหน้าที่ ยังไม่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. จะยื่นก็ต่อเมื่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่เข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณแล้ว แม้จะเปลี่ยนตำแหน่งก็ไม่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินเหมือนตอน รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ครั้งที่ 1 มาเป็นรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ครั้งที่ 2 รัฐมนตรีซ้ำกันหลายคน อาทิ นายวิษณุ เครืองาม ไม่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินตอนรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ครั้งที่ 2 แต่ได้ทำบัญชีแล้วยื่นเองด้วยความสมัครใจอยู่ดี คณะรัฐมนตรีชุดปัจจุบันก็สามารถทำอย่างเดียวกันได้ ยืดด้วยความสบายใจ แต่ไม่เปิดเผย นายวิษณุ ยังชี้แจงถึงการประชุม ครม. สัญจรในวันที่ 20 สิงหาคม 2567 ที่ จ. อยุธยาต้องเลื่อนไปหรือยกเลิกไปก่อน

Advertisement

รัฐบาลเชิญชวนเที่ยวงานมหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ 2567

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 14 สิงหาคม 2567 รัฐบาลเชิญชวนเที่ยวงานมหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ 2567 ภายใต้แนวคิด “Future Science Community for All” ระหว่างวันที่ 16 – 25 สิงหาคม ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี พบกิจกรรมที่ให้ความรู้และความสนุกมากมาย

วันที่ 14 สิงหาคม 2567 นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาล โดยกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เชิญชวนเยาวชน และประชาชนเยี่ยมชมและร่วมงานมหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ 2567 ภายใต้แนวคิด “Future Science Community for All” ระหว่างวันที่ 16 – 25 สิงหาคม 2567 ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี

นายคารม กล่าวว่า การจัดงานมหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ประจำปี 2567 ในปีนี้ นับเป็นการเฉลิมฉลองวันวิทยาศาสตร์แห่งชาติและเป็นปีมีความหมายอย่างยิ่ง เพราะนอกจากจะเป็นการเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในประเทศไทยแล้ว ยังเป็นการตอกย้ำถึงความสำคัญของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในการขับเคลื่อนประเทศไทยให้ก้าวไปข้างหน้าสู่การเป็นพลเมืองที่มีความรู้ ความสามารถและพร้อมที่จะสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อประเทศชาติ ภายใต้แนวคิด “Future Science Community for All” คือส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการสร้างสังคมวิทยาศาสตร์เพื่อพัฒนาศักยภาพของประเทศเตรียมความพร้อมให้กับเยาวชนและประชาชนสู่การเปลี่ยนแปลงของโลกอนาคต สำหรับรูปแบบการจัดงานเปรียบเสมือนห้องเรียนขนาดใหญ่ที่เปิดโอกาสให้ทุกคนได้เรียนรู้และพัฒนาตนเอง เราได้สร้างสรรค์กิจกรรม และนิทรรศการที่หลากหลายทั้งในและต่างประเทศ โดยออกแบบมาเพื่อกระตุ้นให้เยาวชนและประชาชนทั่วไปได้เรียนรู้และสัมผัสกับวิทยาศาสตร์อย่างใกล้ชิด

ภายในงานมหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ประจำปี 2567 มีหน่วยงานร่วมจัดกว่า 100 หน่วยงานแบ่งเป็นหน่วยงานทั้งของกระทรวง อว. ภาครัฐ ภาคเอกชน สมาคม พิพิธภัณฑ์ฯลฯ จำนวน 69 หน่วยงานและหน่วยงานต่างประเทศ 35 หน่วยงานจาก 9 ประเทศทั้งฝรังเศส ญี่ปุ่น จีน สวีเดน สาธารณรัฐเกาหลี เป็นต้น มีการจัดนิทรรศการหลัก ประกอบด้วยนิทรรศการเทิดพระเกียรติสถาบันพระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์ที่ทรงมีคุณูปการต่องาน ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและการศึกษาของประเทศไทย นิทรรศการเทิดพระเกียรติ “พระราชบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย”พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดี ศรีสินทรมหามงกุฎ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระสยามเทวมหามกุฎวิทยมหาราช นิทรรศการเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราวุธ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวและพระราชกรณียกิจ ด้านการพัฒนาการศึกษาไทยตั้งแต่ระดับประถมจนอุดมศึกษา การสถาปนาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของประเทศไทย นิทรรศการเทิดพระเกียรติสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ในพระมหากรุณาธิคุณ ด้านการอุดมศึกษาไทย ดังพระราชสมัญญานาม “พระบิดาแห่งการอุดมศึกษาไทย” นิทรรศการเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตร “พระบิดาแห่งเทคโนโลยีของไทย” และ “พระบิดาแห่งนวัตกรรมไทย” นิทรรศการเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นิทรรศการเทิดพระเกียรติสมเด็จพระบรมชนนีพันปีหลวง นิทรรศการเทิดพระเกียรติสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี นิทรรศการเทิดพระเกียรติสมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี

นอกจากนั้น จะมีนิทรรศการเรื่องของ AI ที่มนุษย์แท้ห้ามพลาด อาทิ นิทรรศการ The Multiverse of Al: Trick or Truth ในยุคที่ AI ฉลาดเหนือมนุษย์ เราจะอยู่กันอย่างไร เตรียมตัวให้พร้อมเพื่อร่วมออกเดินทางสำรวจ จักรวาลแห่ง AI ที่จะพาทุกคนไปสัมผัสประสบการณ์เบื้องหลังนวัตกรรมแห่งอนาคต ทึ่งในความมหัศจรรย์ของ AI ที่พร้อมเสริมสร้างทักษะพลเมืองดิจิตัล นิทรรศการอาชีพ STEM สร้างอนาคต เปิดโลกอาชีพวิทย์แสนสนุกของเด็กและเยาวชนให้รู้ทักษะเด่นของตัวเอง เติบโตอย่างมีเป้าหมายและได้ทำงานในสิ่งที่รักอย่างสนุกสนาน นิทรรศการเคมีปั้นแต่งโลก เรียนรู้ความความสำคัญของผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีที่มีต่อความสะดวกสบายในการดำรงชีวิตประจำวัน เป็นต้น ที่สำคัญจะมีนิทรรศการใหม่ที่จัดแสดงเป็นครั้งแรกคือ “ต้องรอด! ในดินแดนสุดขั้ว” ร่วมสำรวจมหานครทะเลทราย ดินแดน ลีกลับที่ใกล้ตัวเรามากกว่าที่คิด พาทุกคนเดินทางเข้าสู่ดินแดนแห้งแล้งสุดขั้ว สัมผัสประสบการณ์ในดินแดนทะเล 4 แบบ ร่วมค้นหาพืชและสัตว์แปลกตาที่อยู่รอดในดินแดนแห้งแล้งพร้อมผจญภัยเรียนรู้วิถีชีวิตชาวเบดูอิน สนุกกับการทดลองขี่อูฐและร่วมเฉลิมฉลองให้กับปีสากลแห่งอูฐ และกิจกรรมที่ให้ความรู้ และความสนุกอีกมากมายภายในงาน

Advertisement

เปิดไทม์ไลน์ ! นายกฯลงพื้นที่เหนือ-กลาง-อีสาน ตั้งแต่ 15 – 31 ส.ค. นี้

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 8 สิงหาคม 2567 เปิดไทม์ไลน์ ! ภารกิจนายกรัฐมนตรี เตรียมลงพื้นที่เหนือ-กลาง-อีสาน ติดตามงานตามนโยบายรัฐบาลและร่วมประชุม ครม. สัญจร ตั้งแต่ 15 – 31 ส.ค. นี้

วันนี้ (8 ส.ค. 67) นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มีกำหนดการตรวจราชการเหนือ-กลาง-อีสาน ระหว่างวันที่ 15 – 19 สิงหาคม 2567 และประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่อย่างเป็นทางการ ในวันที่ 20 สิงหาคม 2567 จากนั้นลงพื้นที่ต่อเนื่องตั้งแต่ 21- 31 สิงหาคม เพื่อติดตามงานตามนโยบายรัฐบาล

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า วันที่ 15 – 16 สิงหาคม นายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปร่วมประชุมแม่โขงลานช้าง ณ จังหวัดเชียงใหม่ จากนั้น วันที่ 17 สิงหาคม นายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปจังหวัดปทุมธานี นครนายก และสระบุรี เพื่อติดตามเรื่องการท่องเที่ยว สำหรับวันที่ 18 สิงหาคม นายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปจังหวัดชัยนาท สิงห์บุรี และอ่างทอง เพื่อติดตามแผนการระบายน้ำรับมือกับฤดูน้ำหลากที่กำลังจะมาถึง

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไปว่า วันที่ 19 สิงหาคม นายกจะเดินทางไปอำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี เพื่อดูพนังกั้นน้ำและคลองแม่น้ำ บางไทร-บางบาล ในการผันน้ำออกสู่ทะเล รวมทั้งดูแก้มลิงในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา บริเวณสี่แยกมิยาซาวา และดูนิคมอุตสาหกรรมที่เคยได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมเมื่อ ปี 2554 และ ปี 2565 ต่อจากนั้น วันที่ 20 สิงหาคม นายกรัฐมนตรีประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) ณ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา สำหรับวันที่ 21 สิงหาคม นายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก เพื่อติดตามการแก้ไขปัญหาแนวชายแดน แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ยาเสพติดและปัญหาความมั่นคง

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่า วันที่ 22 สิงหาคม นายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปจังหวัดเชียงราย เพื่อติดตามปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ปัญหายาเสพติดตามแนวชายแดน และการค้าระหว่างประเทศ จากนั้น วันที่ 23 สิงหาคม นายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปยังจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อติดตามแก้ไขปัญหา PM2.5 และเร่งรัดการรับมือการท่องเที่ยวในช่วง High Season ที่กำลังจะมาถึง สุดท้ายนี้ วันที่ 31 สิงหาคมนายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปจังหวัดนครพนม และบึงกาฬ เพื่อติดตามการค้าชายแดน ปัญหายาเสพติดปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนในพื้นที่อีสานตอนบน

“นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับผลสัมฤทธิ์ของการดำเนินงานต่าง ๆ ตามนโยบายรัฐบาล และที่ได้สั่งการและมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการขับเคลื่อนงานต่าง ๆ รวมทั้งยังเป็นการติดตามงานด้วยตนเอง ในทุกประเด็น การท่องเที่ยว การบริหารจัดการน้ำ แก้ไขปัญหาPM 2.5 รวมทั้งการปราบปรามคอลเซ็นเตอร์ ปัญหายาเสพติดและการค้าระหว่างประเทศ และปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนในแต่ละพื้นที่ด้วย” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ย้ำ

Advertisement

โฆษกรัฐบาล ขอบคุณประชาชนเชื่อมั่นโครงการ Digital Wallet

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 7 สิงหาคม 2567 โฆษกรัฐบาล ขอบคุณความเชื่อมั่นประชาชนจากผลสำรวจกลุ่มตัวอย่างมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ที่กว่า 80% จะลงทะเบียนรับเงิน Digital Wallet และที่ประชุมวุฒิสภาผ่านร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่าย 1.22 แสนล้านบาท ย้ำความเชื่อมั่นนี้ เป็นกำลังใจให้รัฐบาลยืนหยัดต่อ

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า 6 สิงหาคม 2567 ที่ประชุมวุฒิสภา ให้ความเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ. 2567 พ.ศ. … วงเงิน 1.22 แสนล้านบาทเพื่อใช้ในโครงการเติมเงิน Digital Wallet ซึ่งรัฐบาลยืนยันเสมอมาที่จะใช้งบประมาณนี้ตามวัตถุประสงค์โปร่งใสตรวจสอบได้เป็นไปตามเป้าหมายเพื่อประชาชน และการกระตุ้นพัฒนาเศรษฐกิจ

ในโอกาสนี้ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีระบุถึง ผลสำรวจกลุ่มตัวอย่างของศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ  มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ซึ่งได้สอบถาม เกี่ยวกับการใช้เงิน Digital Wallet ซึ่งพบว่าประชาชนที่ผ่านเงื่อนไขรับ Digital Wallet ส่วนใหญ่ลงทะเบียน มีจำนวนถึง 82.6% ไม่ลงทะเบียน 17.4%

โดยประชาชนกลุ่มตัวอย่างมีลักษณะการใช้เงิน 10,000 บาท ภายในครั้งเดียวที่ 64.1% แบ่งใช้หลายครั้ง 14.7% ไม่แน่ใจ 21.2% และสำหรับประเภทของสินค้าที่จะใช้ ได้แก่ สินค้าอุปโภคบริโภค เช่น อาหาร เสื้อผ้า 32.7% สินค้าเพื่อการศึกษา 17.7% เครื่องดื่ม (ไม่มีแอลกอฮอล์) ของใช้ส่วนตัว 16.9% สินค้าวัตถุดิบเพื่อการเกษตร 11.5% ยารักษาโรค 8.4% ธูปเทียนและเครื่องสักการะ ชุดถวายสังฆทาน 6.5% สินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์ชุมชน 6.2%

“โฆษกรัฐบาลเปิดเผยว่า ทั้งยอดการลงทะเบียน และความคิดเห็นของประชาชน ทำให้รัฐบาลมีกำลังใจที่จะยืนหยัดต่อสู้ตามนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ Digital Wallet รัฐบาลรู้ดีว่าเงินเหล่านี้มีความหมายกับประชาชนที่เฝ้ารอ และเป็นไปตามความตั้งใจของรัฐบาลตั้งแต่ต้น ที่จะดำเนินนโยบายอย่างถูกต้องโปร่งใส ตรวจสอบได้ และเป็นไปตามวินัยการเงินการคลัง ทั้งนี้ รัฐบาลขอบคุณทุกเสียงสนับสนุน และขอให้มั่นใจว่า จากยอดลงทะเบียนที่เกิดขึ้นรัฐบาลจะทำให้เกิดพายุหมุนทางเศรษฐกิจเพื่อเป็นแรงกระตุกฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย“ นายชัย กล่าว

Advertisement

นายกฯ ยันจุดยืนไทย ไม่ยอมให้ใครมาก้าวก่ายระบบตุลาการ

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 6 สิงหาคม 2567 นายกฯ ย้ำ ระบบยุติธรรมไทยมีความเป็นกลางและสากล เป็นที่ยอมรับจากทุกฝ่าย เชื่อคดียุบพรรคทุกฝ่ายยอมรับคำตัดสินของศาล ไม่กังวลจะมีเหตุการณ์ใด ๆ เกิดขึ้น หลังศาลตัดสิน

วันนี้ (6 สิงหาคม 2567) เวลา 11.45 น. ณ บริเวณโถงกลาง  ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส. บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ในฐานะประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค ได้เชิญทูต 18 ประเทศมาร่วมสังเกตการณ์คดียุบพรรคก้าวไกล หลายฝ่ายกังวลว่าจะเป็นการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมของไทยหรือไม่ ว่า ตนเองไม่ทราบว่ามีการพูดคุยกันหรือไม่ และไม่ทราบเนื้อหาในการพูดคุยกัน แต่เรื่องกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย ใน 18 ประเทศ เรื่องระบบยุติธรรมและฝ่ายบริหารแยกกันชัดเจน ฝ่ายบริหารก็ไม่มีสิทธิ์ไปก้าวก่ายกระบวนการยุติธรรมอยู่แล้ว และกระบวนการยุติธรรมประเทศไทยมีความเป็นกลางและสากล ได้รับการยอมรับจากทุกฝ่าย

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนเองพูดแทนคนอื่นไม่ได้ แต่ส่วนตัวเคารพในกระบวนการยุติธรรม ซึ่งกรณีของตนเองที่เป็นนายกรัฐมนตรี เข้ามาบริหารราชการแผ่นดิน แต่เมื่อมีประเด็น เรื่องร้องเรียนก็เป็นหน้าที่ที่ต้องแจ้งไปที่ระบบยุติธรรมและคอยการตัดสิน “ของผมเอง อย่างที่บอกยื่นไปเรียบร้อยแล้ว คอยวันตัดสินวันที่ 14 ส.ค. ผมก็ไม่ได้มีการไปคุยกับใครทั้งสิ้น ประเทศเราก็เป็นเอกราช แต่ก็ต้องให้เกียรติเหมือนกัน เพราะไม่ทราบรายละเอียดสนทนาพูดคุยมีอะไรบ้าง” นายกฯ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถาม มีความกังวลในเนื้อหาจากกระทรวงต่างประเทศส่งไปยังสหประชาชาติ เรื่องคดียุบพรรค พอแปลเป็นเนื้อความภาษาไทยมีข้อความค่อนข้างรุนแรงนั้น  นายกฯ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่เกี่ยวโยงกัน ในเรื่องที่กระทรวงการต่างประเทศมีการชี้แจงไปยังสหประชาชาติ ส่วนการแปลให้กระทรวงการต่างประเทศชี้แจงดีกว่าว่าแปลอะไร แต่จุดยืนจริง ๆ ของเรา ไม่ยอมให้ก้าวก่ายในระบบตุลาการ และไม่ยอมให้ใครมาก้าวก่าย ซึ่งกระทรวงต่างประเทศจะมีการแถลงบ่ายนี้

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า การตัดสินคดียุบพรรคก้าวไกล มีการพูดคุยกับฝ่ายความมั่นคงหรือไม่ เกี่ยวกับเหตุการณ์วันพรุ่งนี้ นายกฯ กล่าวว่า ส่วนตัวไม่ได้รู้สึกกังวลกับเหตุการณ์พรุ่งนี้ และมั่นใจว่าทุกคนตั้งอยู่ในความสงบและยอมรับคำตัดสินของกระบวนการยุติธรรมอยู่แล้ว

Advertisement

นายกฯ เผย “พล.อ.ประยุทธ์” ร่วมงานศพมารดาในนามส่วนตัว ย้ำ พร้อมรับฟังคำแนะนำจากนายกฯ รองนายกฯ ทุกคน

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 6 สิงหาคม 2567 นายกฯ เผย “พล.อ.ประยุทธ์” ร่วมงานศพมารดาในนามส่วนตัว มาแสดงความเสียใจ ย้ำ พร้อมรับฟังคำแนะนำจากนายกฯ รองนายกฯ ทุกคน

วันนี้ (6 สิงหาคม 2567) เวลา 11.45 น. ณ บริเวณโถงกลาง  ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีที่นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้าออกมาวิพากษ์วิจารณ์ถึงการที่ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา องคมนตรี ไปเป็นประธานในพิธีสวดพระอภิธรรมศพมารดาของนายกรัฐมนตรีว่าเหมาะสมหรือไม่เนื่องจากสถานะไม่เหมือนเดิมว่า ท่านไปในฐานะส่วนตัวและตนก็ได้พบปะกับท่านในหลายโอกาส ซึ่งตนได้สูญเสียมารดา ท่านก็มาให้กำลังใจ และในวันนั้นท่านได้เจอกับคนที่คุ้นเคยในสมัยที่ท่านเป็นนายกรัฐมนตรีมา 8 ปี ซึ่งเรื่องนี้ คิดว่าทุกคนมีข้อคิดเห็นของแต่ละคน คงคิดได้เองอยู่แล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่า แม้เป็นการส่วนตัว แต่ดูเหมือนนายกฯ จะฟังคำแนะนำจากแค่ พลเอก ประยุทธ์ และนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ แค่ 2 คนนี้ จะมีการบาลานซ์อย่างไร นายกฯ กล่าวว่า  ไม่จริง ตนเองเจอท่านอานันต์ ปัญญารชุน อดีตนายกรัฐมนตรีก็รับฟัง และไม่ได้รับฟังแค่ระดับนายกฯ อย่างเดียว รองนายกฯ หรืออดีตรัฐมนตรีต่าง ๆ ก็เจอ เช่น นายกรณ์ จาติกวณิช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ตนเองก็เจอ ซึ่งมองว่าแล้วแต่โอกาสมากกว่า

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า มีการมองท่าทีของนายกฯ ในระยะหลังๆ มีการตีตัวออกห่างจากนายทักษิณ หรือไม่นั้น นายกฯ กล่าวว่า ตนเองไม่ได้ตีตัวออกห่างใครทั้งนั้น เพราะทำงานอย่างเดียว แต่ถ้าการทำงานและไม่สามารถไปพบบางท่านได้ ก็เชื่อว่าทุกท่านคงเข้าใจว่าผมมีหน้าที่นายกฯ ที่ต้องทำงานอยู่แล้วและลงพื้นที่ตลอด ทุกคนก็เห็นวันเสาร์ก็ยังทำงานอยู่

ส่วนในเดือนสิงหาคม มีคดีต่าง ๆ ทางการเมืองมีการเช็คกระแสหรือไม่ว่า จะส่งผลกระทบนักลงทุนเรื่องความเชื่อมั่นหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่ได้มีการเช็คกระแสใด ๆ ทั้งสิ้น เพราะว่าเรื่องปัญหาของประชาชนเป็นเรื่องใหญ่และตนเองใช้เวลาส่วนมากเกือบทั้งหมดเลยก็ว่าได้ ในการแก้ปัญหาอยู่ ส่วนกระแสจะออกมาอย่างไรก็แล้วแต่ ซึ่งในเดือนสิงหาคมมีอีเว้นท์หลายเรื่อง ทั้งวันที่ 7 สิงหาคมและ 14 สิงหาคมนี้ แน่นอนก็เป็นธรรมดาที่นักลงทุนก็ต้องกังวล

นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อไปว่า เมื่อช่วงเช้าก็ได้มีการดูและเช็คตลาดหุ้นพบว่าขยับขึ้นมา เชื่อว่าน่าจะควบคุมได้ ตลาดหุ้นญี่ปุ่นก็ตกลงมามากเป็นประวัติศาสตร์ วันนี้ก็ขยับขึ้นมาแล้ว โดยเข้าใจว่าขยับขึ้นมาถึง 10% แล้ว และเข้าใจว่าเรื่องดังกล่าวเป็นแพนิคเซลล์  โดยเชื่อว่าทางด้านประเทศสหรัฐอเมริกาก็มีมาตรการในการกระตุ้นเศรษฐกิจอยู่แล้ว ทั้งนี้ ในเรื่องของแอปพลิเคชันจีนที่เข้ามาได้มีการสั่งการกระทรวงพาณิชย์ และกรมสรรพากรในด้านการจดทะเบียนต่าง ๆ ให้เรียบร้อย

Advertisement

รัฐบาลแจง ข่าว ธปท. เตือน แอปฯ ทางรัฐ ไร้ความปลอดภัย เป็นข่าวปลอม

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 5 สิงหาคม 2567 “รัดเกล้า” วอนอย่าเชื่อข่าวปลอม อย่าแชร์! เนื้อหา ธปท. เตือน แอปฯ ทางรัฐ ไร้ความปลอดภัยในการเก็บข้อมูลส่วนบุคคล ย้ำ DGA คอนเฟิร์ม แอปฯ เน้นความมั่นคงและความปลอดภัยของข้อมูล ระบบเป็นไปตามหลักมาตรฐานสากลโลก

วันนี้ (5 สิงหาคม 2567) นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า แอปฯ ทางรัฐ มีความปลอดภัย มีมาตรฐานการป้องกันและการรักษาความปลอดภัยระดับโลก ตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบ เน้นเรื่องความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลและระบบเป็นหลัก มีการตรวจสอบและทดสอบระบบอย่างต่อเนื่อง

ตามที่มีกระแสข่าวในโลกออนไลน์ว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เตือนแอปฯ ทางรัฐ ไร้ความปลอดภัยนั้น รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีย้ำเตือนว่าเป็นข่าวปลอม !! ภายหลังตรวจสอบข้อมูล ธปท. ชี้แจงว่า ไม่ได้ระบุตามที่เป็นข่าว แต่เคยมีหนังสือให้ความเห็นเกี่ยวกับการดำเนินการพัฒนาระบบสำหรับโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ว่าอยากให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล ทั้งด้านความมั่นคงปลอดภัย (confidentiality & security) ความถูกต้องน่าเชื่อถือ (integrity) และความมีเสถียรภาพพร้อมใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง (availability) รวมทั้งมีการบริหารจัดการด้าน IT Governance โดยระบบลงทะเบียนต้องได้มาตรฐานเทียบเคียงกับบริการภาคการเงินสามารถป้องกันความเสี่ยงของการถูกสวมรอย หรือใช้เป็นช่องทางการทำทุจริต หรือการทำธุรกรรมที่ผิดกฎหมายได้ รวมถึงมีศักยภาพรองรับผู้ใช้จำนวนมากได้  ซึ่งทางรัฐบาลเองได้รับทราบความเห็นทุกข้อ และได้ดำเนินการอย่างรอบคอบเพื่อปิดข้อกังวลเหล่านี้

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า แอปฯ ทางรัฐ ซึ่งพัฒนาโดยสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) (DGA) ทำหน้าที่เพียงเชื่อมโยงข้อมูลและบริการจากหน่วยงานต้นทาง โดยไม่ได้เก็บข้อมูลประชาชนแต่อย่างใด และข้อมูลส่วนบุคคลที่แสดงในแอปฯ ทางรัฐสามารถเข้าถึงได้เฉพาะเจ้าของข้อมูล และผู้มีอำนาจตามกฎหมายในการเข้าถึงข้อมูลเท่านั้น อีกทั้ง แอปฯ ทางรัฐในปัจจุบัน ยังไม่มีการเชื่อมกับบัญชีธนาคารและไม่มีการเก็บข้อมูลบัญชีธนาคารของประชาชนแต่อย่างใด ฉะนั้นข่าวลือว่าข้อมูลส่วนตัวโดนดูดออกไปหลังจากลงทะเบียน หรือความกังวลใจว่าบัญชีธนาคารจะโดนแฮ็คหลังจากลงทะเบียนนั้น เป็นเฟคนิวส์ ขอวอนประชาชนอย่าเชื่อและไม่ส่งข้อมูลต่อ เพื่อระงับการสร้างความกังวลใจที่ผิด ๆ ในสังคม

รองโฆษกฯ เสริมว่าแอปฯ ทางรัฐ อนุญาตให้หน่วยงานของรัฐเชื่อมโยงข้อมูลและบริการของตนเข้าสู่แอปพลิเคชันทางรัฐเท่านั้น ภายใต้วิธีการเชื่อมต่อที่มีการควบคุมกำกับดูแล และมีความมั่นคงปลอดภัยสูง โดยไม่ได้เปิดให้บุคคลทั่วไป หรือภาคเอกชน หรือธนาคารเชื่อมโยงข้อมูลบัญชีและระบบบริการกับแอปฯ ทางรัฐแต่อย่างใด ขอประชาชนมีความสบายใจ

Advertisement

นายกฯ มั่นใจ ก.เกษตรฯ คุมปลาหมอคางดำได้

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 5 สิงหาคม 2567 นายกฯ มั่นใจ ก.เกษตรฯ คุมปลาหมอคางดำได้ หลังหลายฝ่ายกังวล อาจแพร่กระจายไปพื้นที่อื่น

วันนี้ (5 สิงหาคม 2567) เวลา 10.00 น. ณ อาคาร 99 ปี หม่อมหลวงชูชาติ กำภู กรมชลประทาน ถนนสามเสน เขตดุสิต กรุงเทพฯ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมการบริหารจัดการน้ำถึงการแพร่ขยายพันธุ์ของปลาหมอคางดำหากเกิดน้ำท่วมและน้ำหลากไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ว่า ทางกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มีการเสนอมาตรการไปเรียบร้อยแล้วทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว  และเชื่อว่าทุกปัญหาที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเรื่องน้ำ หรือปลาหมอคางดำ ได้มีการพัฒนาร่วมกัน ไม่ใช่แก้อย่างหนึ่งแล้วเกิดปัญหาอีกอย่างหนึ่ง มั่นใจว่ากระทรวงเกษตรฯ ดูแลดีอยู่แล้ว และมั่นใจว่า เรื่องปลาหมอคางดำจะบริหารจัดการได้

Advertisement

Verified by ExactMetrics