วันที่ 19 เมษายน 2024

เหล่ากูรูตัวจริง! ชี้ EEC เป็นทั้งโอกาสและความท้าทายยกระดับรายได้คนไทย

เหล่ากูรูตัวจริง! ชี้ EEC เป็นทั้งโอกาสและความท้าทาย ในการพัฒนาประเทศและยกระดับรายได้คนไทย แนะไทยเร่งปรับตัว รองรับโลกเปลี่ยน ก่อนตามไม่ทัน!

เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 25 ตุลาคม 2562 ที่ผ่านมา ทีมเศรษฐกิจพรรคประชธิปัตย์ ร่วมกับคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ได้จัดงานสัมมนาและระดมสมองโดยเหล่าวิทยากรตัวจริงที่รู้จริงและเข้าใจจริงเรื่อง EEC ในหัวข้อ “แปลง EEC ให้เป็นโอกาส เข้าใจศักยภาพ EEC ในการพัฒนาประเทศและยกระดับรายได้คนไทย” โดยมีคุณปริญญ์ พานิชภักดิ์ รองหัวหน้าพรรคและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจพรรคประชาธิปัตย์ ดร.คณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก คุณวิกรม กรมดิษฐ์ ผู้ก่อตั้งและ CEO บมจ. อมตะ คอร์ปอเรชัน รวมถึงบรรดาแขกผู้มีเกียรติที่มาในงานที่ได้ร่วมแบ่งปันองค์ความรู้และประสบการณ์อีกเป็นจำนวนมาก

โดย ดร.คณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ได้กล่าวว่าทุกวันนี้เมืองหลวงอย่างกรุงเทพฯ แน่นมาก สนามบินสุวรรณภูมิก็โอเวอร์โหลดเพราะความแออัดมากเกินไป จึงจำเป็นต้องขยายเมืองออกไป ปัจจุบันกำลังจะมีฮับแห่งใหม่คือสนามบินอู่ตะเภาซึ่งมีขนาดใหญ่พอ ๆ กับสนามบินสุวรรณภูมิที่กำลังก่อสร้างถือเป็นการพัฒนามหานครการบินของภาคตะวันออก และหากสร้างเสร็จจะช่วยให้การเดินทางจากสถานีมักกะสัน (กรุงเทพฯ) ไปยังสถานีอู่ตะเภา (ระยอง) ใช้เวลาเดินทางเพียง 45 นาที นอกจากนี้รัฐบาลยังได้วางนโยบายการลงทุนใน 12 อุตสาหกรรมเป้าหมายในพื้นที่ EEC ซึ่งปัจจุบันได้ผลดีกว่าเป้าหมายที่วางไว้ โดยในช่วงเริ่มต้นมีนักลงทุนสนใจเข้าร่วมลงทุนรวมกันประมาณ 300,000 ล้านบาท โดยในปีที่ผ่านมามีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นถึง 600,000 ล้านบาท

“ผมเชื่อว่าในอนาคตข้างหน้าถ้ากระบวนการวางแผนในพื้นที่นี้สามารถทำได้ในพื้นที่เป้าหมายอื่น ๆ ก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน อย่างเช่น ภูเก็ต พังงา โดยการลงทุนในเขตพื้นที่ EEC มีเม็ดเงินประมาณ 1.7 ล้านล้านบาท ซึ่งบอกเลยว่าเป็นการใช้เงินลงทุนจากภาครัฐไม่ถึง 20% เพราะส่วนที่เหลือเป็นเม็ดเงินที่มาจากนักลงทุน”

ด้านคุณวิกรม กรมดิษฐ์ ผู้ก่อตั้งและ CEO บมจ.อมตะ คอร์เปอเรชัน ได้บรรยายให้หัวข้อ “EEC โอกาสและความท้าทาย วิสัยทัศน์เรื่อง EEC ไทยและจีน” โดยได้กล่าวว่า วันนี้ทวีปเอเชียมีบทบาทการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจในเวทีโลกเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะประเทศจีนที่ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำทางเศรษฐกิจแซงหน้าสหรัฐอเมริกาเพียงช่วงระยะเวลาไม่กี่ปี ความน่าสนใจของจีนคือการมีเงินคงคลังภายในประเทศมหาศาล ซึ่งเราจะทำอย่างไรเพื่อให้เม็ดเงินเหล่านี้หันกลับมาลงทุนในประเทศไทย ยกตัวอย่างประเทศเพื่อนบ้านอย่างสิงคโปร์ ที่วันนี้ต้องยอมรับว่าสิงคโปร์เป็นประเทศที่น่าลงทุนที่สุด มั่นคงที่สุด เพราะสิงคโปร์ขายนโยบายเพื่อเชิญชวนให้นักลงทุนหันมาทุนในประเทศของเขา

“สิ่งที่ผมมองว่าจะขับเคลื่อนประเทศไทยเป็นอย่างมากก็คือนโยบาย “Belt & Road Initiative (BRI)” ของประเทศจีน เพราะมันสามารถเชื่อมโยงการคมนาคม การสื่อสาร และการค้าขายได้ถึงกันหมด ดังนั้น Belt & Road Initiative จึงไม่ใช่ความฝัน ทรัพย์สินของเราคือภูมิศาสตร์ ส่วนจีนก็พร้อมที่จะเอาเงินมาลงทุนถ้านโยบายด้านการลงทุนของเรามีความน่าสนใจ สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นวันนี้คือ “รถไฟ” ที่สามารถเชื่อมโยงภูมิภาคอาเซียนได้ถึงกัน ซึ่งในอนาคตภูมิภาคแห่งนี้จะมีอิทธิพลทางเศรษฐกิจในเวทีโลกเป็นอย่างมาก เพราะเรามีทั้งทรัพยากร และแรงงานการผลิตที่ได้เปรียบ น่าเสียดายว่าที่ผ่านมาประเทศเรามีความขัดแย้ง “กีฬาสี” ทำให้ส่งผลกระทบถึงการพัฒนาทางเศรษฐกิจของประเทศอย่างต่อเนื่อง”

ขณะที่ คุณปริญญ์ พานิชภักดิ์ รองหัวหน้าพรรคและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การพัฒนาประเทศจำเป็นจะต้องพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ความต่อเนื่องถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจระดับมหภาค การขับเคลื่อนนโยบายบางเรื่องไม่จำเป็นจะต้องเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว หรือต้องใช้สิ่งใหม่เสมอไป หัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจวันนี้คือ ก. หรือ กฎหมายที่ชัดเจน และ ข. คือการแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“ผมมองว่าการก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำทางเศรษฐกิจของจีน ณ เวลานี้ไม่ได้มาแบบธรรมดา เขาพร้อมที่จะขนเม็ดเงินมหาศาลเพื่อกระจายการลงทุนไปยังภูมิภาคที่สำคัญ ๆ ของโลก ดังนั้น ประเทศไทยจะต้องมีการเตรียมความพร้อมและปรับตัวเข้าสู่การแข่งขันทางเศรษฐกิจในเวทีโลกอย่างเต็มตัว เราจะต้องเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ศึกษาองค์ความรู้มาอย่างดีและมีความมั่นใจในการลงสนามอย่างเต็มที่”

ในช่วงท้ายของการสัมมนาได้รับเกียรติจาก ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และอดีตรองผู้ว่าฯ กทม. ขึ้นมาร่วมแชร์ประสบการณ์และความรู้ร่วมกับเหล่าวิทยากรบนเวที โดยได้กล่าวถึงประเด็นการก่อสร้างสนามบินอู่ตะเภาว่าส่วนตัวเห็นด้วยและสนับสนุน และอยากให้คณะทำงานขับเคลื่อนเรื่องรถไฟความเร็วสูงที่เชื่อมต่อระหว่างสนามบินอย่างเต็มที่ เพราะรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน มีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC โดยไม่ได้ทำให้เกิดประโยน์เฉพาะต่อประชาชนในพื้นที่ EEC เท่านั้น แต่ยังก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนตลอดเส้นทาง ซึ่งสามารถสร้างประโยชน์มากมายมหาศาลให้เกิดขึ้นกับประเทศชาติได้อีกด้วย

ทั้งนี้ วิทยากรทุกคนยังเชื่อว่าวันนี้คนไทยกำลังเฝ้ารอโอกาสอย่างมีความหวังเพื่อที่จะให้การขับเคลื่อนเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เติบโตขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมด้วยนโยบายการบริหารและจัดการของภาครัฐที่ชัดเจน โดยใช้องค์ความรู้ของผู้เชี่ยวชาญในหลาย ๆ ด้านมาร่วมกันทำงานอย่างบูรณาการ เพื่อให้พื้นที่ยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจจุดนี้เกิดเป็น “แหล่งเงินแหล่งทอง” ในการยกระดับอาชีพและรายได้ของคนไทย นำประเทศไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน รวมถึงเรียนรู้จากการพัฒนาในเฟสแรก โดยเฉพาะการจัดการเรื่องผลกระทบสิ่งแวดล้อม และการจัดการเรื่องสาธารณูปโภค เพื่อนำมาแก้ไขให้ดียิ่งขึ้น โดยนายปริญญ์ได้สรุปปิดท้ายว่า EEC จะไม่ใช่เป็นแค่การสร้างรถไฟความเร็วสูง สร้างสมาร์ตซิตี้ สร้างสนามบินหรือท่าเรือใหม่เพียงอย่างเดียว แต่จะเป็นมิติใหม่ของการสร้างคน ยกระดับแรงงานฝีมือ ซึ่งจะเป็นทรัพยากรสำคัญให้กับประเทศได้ในอนาคต

“อนาคตใหม่”มั่นใจชนะเลือกตั้งซ่อม”ส.ส.นครปฐม”

People Unity : “อนาคตใหม่”มั่นใจชนะเลือกตั้งซ่อม”ส.ส.นครปฐม” ไม่ประมาทส่ง อาสาสมัคร- ส.ส.ส่องทุกหน่วย “ธนาธร – ปิยบุตร” ร่วมสังเกตุการณ์ด้วย

วันที่ 21 ต.ค.2562 ที่พรรคอนาคตใหม่ นายชัยธวัช ตุลาธน รองเลขาธิการพรรค ในฐานะผู้อำนวยการเลือกตั้งพรรค กล่าวถึงกรณีการเลือกตั้งซ่อม ในเขต 5 จังหวัดนครปฐม ซึ่งจะมีขึ้นในวันพุธที่ 23 ตุลาคมนี้ว่า พรรคอนาคตใหม่มีความมั่นใจอย่างยิ่งกับการเลือกตั้งครั้งนี้ เราจะเป็นผู้ชนะ หากไม่มีอะไรผิดปกติในการจัดการเลือกตั้ง เพราะตลอดการหาเสียงที่ผ่านมา ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจากพี่น้องชาวสามพราน ทุกคนพร้อมที่จะสนับสนุนเรา พร้อมจะออกไปเลือกตั้งเพื่อเปลี่ยน จ.นครปฐม และพิพากษารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผ่านคูหาเลือกตั้ง ด้วยการเลือกพรรคอนาคตใหม่ให้ถล่มทลาย อย่างไรก็ตาม เมื่อวันก่อนเราจัดปราศรัยใหญ่ที่ตลาดธันยา ก็พบว่ามีผู้มาร่วมฟังปราศรัยที่เวทีเนืองแน่น มากกว่า 2,000 คน ขณะเดียวกันพรรคการเมืองคู่แข่งขันในครั้งนี้อย่างพรรคประชาธิปัตย์ก็จัดเวทีปราศรัยด้วยเช่นกัน พรรคชาติไทยพัฒนา ตอนแรกได้ข่าวว่าจะมีการจัดเวทีปราศัยที่ตลาดพันล้าน แต่ไม่รู้ว่าเหตุผลที่สุดท้ายก็ยกเลิกไป

“ผมเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า ที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎรจากเขต 5 จ.นครปฐม จะเป็นของพรรคอนาคตใหม่ และในวันที่ 23 ตุลาคมนี้ อาสาสมัครสังเกตการณ์เลือกตั้งของเรา 200-300 คน จะลงพื้นที่ไปยังทุกหน่วยเลือกตั้ง ซึ่งล่าสุดเราได้จัดอบรม ติวเข้มไปแล้วว่าต้องทำอะไรบ้าง เก็บข้อมูลแบบไหน ถ่ายรูปถ่ายคลิปวีดีโออะไร อย่างไร และถ้ามีเหตุผิดปกติดต้องทำอย่างไร ทั้งนี้ ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ทั้งหมด เราจะไปอยู่กันที่ จ.นครปฐม กระจายไปยังหน่วยเลือกตั้งทุกหน่วย เพื่อร่วมทำหน้าที่สังเกตการณ์การเลือกตั้งด้วย รวมถึง นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค ก็จะไปประจำยังหน่วยเลือกตั้งครั้งนี้

“ธรรมนัส”เป็นปธ.ทอดกฐินพะเยาสามัคคี บอกรอขายข้าวหอมมะลิ 18,000 บาทต่อตัน

People Unity : “ธรรมนัส”เป็นปธ.ทอดกฐินพะเยาสามัคคี ขอรอฟังเสียงนกหวีดขายข้าวหอมมะลิ 18,000 บาทต่อตัน ตามโครงการพะเยาโมเดล

วันที่ 27 ต.ค.2562 ที่ผ่านมา ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานพิธีทอดกฐินสามัคคี ที่วัดปัวใหม่ ต. ฝายกวาง อ.เชียงคำ จ.พะเยา โดยมีอธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน กรมฝนหลวง สำนักงานปฎิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม(ส.ป.ก.) และ องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อตก.) ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา พร้อมด้วยตัวแทนราชการส่วนท้องถิ่น ร่วมในพิธีอย่างพร้อมเพรียง โดยมีประชาชนในพื้นที่มาร่วมในงานทอดกฐินสามัคคีเป็นจำนวนมาก โดยยอดทำบุญกฐินมีจำนวนทั้งสิ้น 4, 200, 870 บาท( สี่ล้านสองแสนแปดร้อยเจ็ดสิบบาทถ้วน )

ร.อ.ธรรมนัส ยังได้ร่วมในประเพณีทำบุญสลากภัตที่วัดทุ่งกิ่ว อ.เมือง จ.พะเยา และได้กล่าวกับประชาชนที่มาร่วมงานว่า ช่วงที่ยังไม่ได้เป็น ส.ส. ตนได้หาเสียงกับพี่น้องชาวพะเยาว่า ในฐานะที่ตนเป็นลูกชาวนา มีเป้าหมายพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ให้ชาวนาพะเยามีรายได้มากขึ้น ล่าสุดเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ที่ผ่านมา ตนในฐานะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้แถลงข่าวโครงการพะเยาโมเดล โดยเบื้องต้นได้มีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงการซื้อขายข้าวหอมมะลิ ระหว่างสหกรณ์การเกษตรในพื้นที่จังหวัดพะเยา กับ บริษัท ข้าว ซี.พี. จำกัด ภายใต้พะเยาโมเดล โดยให้ ซีพี รับซื้อข้าวหอมมะลิ ความชื้น 15 % ได้ในราคาที่ 18,000 บาทต่อตัน จำนวน 40,000 ตัน จากชาวนาในจังหวัดพะเยา ซึ่งสูงกว่าราคาประกันข้าวหอมมะลิของรัฐบาล 3,000 บาทต่อตัน หรือราคาสูงกว่าต้นทุนการผลิต 5,000-6,000 บาทต่อตัน

นอกจากนี้ ในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2562 บริษัท ข้าว ซี.พี. จำกัด มีกำหนดจัดงาน “วันเก็บเกี่ยวข้าวหอมมะลิโลก” ณ อำเภอดอกคำใต้ จังหวัดพะเยา และในเร็ว ๆ นี้ จังหวัดพะเยาเตรียมจัดงานเจรจาซื้อขายข้าวหอมมะลิระหว่างคู่ค้าเอกชนรายอื่น ๆ ดังนั้น ตนขอให้พี่น้องชาวพะเยา รอฟังเสียงนกหวีดเพื่อประกาศวันรับซื้อข้าวหอมมะลิ ในราคาดังกล่าว ระหว่างนี้ขอให้รอหลังเก็บเกี่ยวอย่าเพิ่งนำไปขาย อย่าให้พ่อค้าคนกลางเอาเปรียบอีก

ร.อ.ธรรมนัส ยังกล่าวว่า พะเยาโมเดล ยังจะขยายโครงการไปยังพืชอื่น อาทิ ยางพารา ลำใย ลิ้นจี่ ข้าวโพด มันสำปะหลัง เลี้ยงสัตว์ ไข่ไก่ เป็นต้น โดยเฉพาะราคายางพาราจะมีเป้าหมายร่วมเอกชนรับซื้อที่ราคา 65 บาทต่อกิโลกรัมด้วย เมื่อทำสำเร็จจะนำเป็นตัวอย่างขยายไปจังหวัดอื่นต่อไป

“ชวลิต”แนะผู้ว่าฯกลุ่มจังหวัดภาคกลางมีวิสัยทัศน์ผลิตผักปลอดภัยแทนนำเข้าจีน

People Unity : “ชวลิต”เสนอผู้ว่าฯกลุ่มจังหวัดภาคกลางแสดงวิสัยทัศน์ผลิตผักปลอดภัยทดแทนการนำเข้าจากจีน

วันที่ 27 ต.ค.2562 นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส. นครพนม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางควบคุมการใช้สารเคมีในภาคเกษตรกรรม สภาผู้แทนราษฎร ให้ความเห็นหลังจากเรียกร้องให้รัฐบาลติดตั้งห้องแล็บสำหรับสุ่มตรวจผัก ผลไม้ ที่นำเข้าจากจีนผ่านด่านเชียงของ จ.เชียงราย โดยไทยนำเข้าผักจากจีนผ่านด่านเชียงของ มีมูลค่าถึงปีละกว่า 3,000 ล้านบาทนั้น ตนเห็นว่า ไทยเป็นประเทศเกษตรกรรมแท้ ๆ แต่กลับนำเข้าผักจากจีน ส่งผลให้เงินตราออกนอกประเทศไปอย่างไม่ควรจะเป็น

ช่วงนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของ กมธ.วิสามัญงบประมาณ 25863 จึงขอฝากข้อสังเกตไปยังอนุกรรมาธิการจังหวัดและท้องถิ่นที่กำลังจะตั้งขึ้น ควรเชิญผู้ว่าราชการจังหวัดกลุ่มจังหวัดภาคกลางและเกษตรจังหวัด มาแสดงวิสัยทัศน์ในการผลิตผักปลอดภัยป้อนตลาดสี่มุมเมืองเพื่อขอรับงบประมาณจังหวัดและกลุ่มจังหวัด สนับสนุนเกษตรกรต่อไป

ผู้ว่าราชการจังหวัดควรได้มีโอกาสแสดงวิสัยทัศน์วางแผนหารายได้เข้าจังหวัดของตนเองผ่านการพิจารณาของ กมธ.วิ.งบประมาณ ซึ่งผมมั่นใจว่าผู้ว่าราชการจังหวัดสามารถทำได้แม้ว่าในชั้นนี้ อาจจะปรับงบประมาณไม่ทันในปีนี้ แต่ปีหน้าน่าจะวางแผนได้ทัน ซึ่งก็เหลือเวลาอีกไม่กี่เดือนก็จะพิจารณางบประมาณ ปี 2564 แล้ว

“ผมเสียดายเงินปีละกว่า3,000 ล้านบาท ที่จะออกไปยังต่างประเทศ ทั้ง ๆ ที่เราเป็นประเทศเกษตรกรรมแท้ ๆ น่าจะวางแผนผลิตผักปลอดภัยป้อนผู้บริโภคภายในประเทศเองได้ และถ้าสามารถควบคุมการผลิตให้ถึงขั้นตรวจสอบย้อนกลับไปยังแปลงผักได้ ก็จะยิ่งเพิ่มความมั่นใจแก่ผู้บริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศ ที่ใคร ๆ ก็ต้องการบริโภคผักปลอดภัย ส่วนคำถามที่ว่า เมื่อคณะกรรมการวัตถุอันตรายแบนสารพิษอันตราย 3 ตัวไปแล้ว ควรจะมีทางเลือกอะไรทดแทนหรือเยียวยาเกษตรกรอย่างไร นั้น กมธ.ติดตามความเห็นของรัฐบาลอยู่ ขณะเดียวกัน กมธ.ก็ทำงานคู่ขนาน ทั้งไปศึกษา ดูงานยังพื้นที่ที่ทำโครงการเกษตรอินทรีย์แปลงใหญ่ประสบความสำเร็จ ทั้งเชิญอาจารย์ นักวิชาการหลายมหาวิทยาลัยที่มีองค์ความรู้เกษตรอินทรีย์ เครื่องจักรกลการเกษตร มาให้ความรู้แก่ กมธ.ที่สภา ฯ

นอกจากนี้ กมธ.ยินดีรับข้อมูลจากทุกภาคส่วนที่มีความเห็นร่วมกันในการพัฒนาด้านการเกษตรให้ปลอดภัยทั้งเกษตรกรและผู้บริโภค ทั้งหมดทั้งมวลนั้น กมธ. กำลังรวบรวมจัดทำเป็นรายงานของ กมธ.เพื่อรายงานต่อสภา ฯ เป็นข้อเสนอแนะ ข้อสังเกตของสภา ฯ แจ้งไปยังรัฐบาลต่อไป ทั้งนี้ กมธ.มีเวลาทำงานถึงวันที่ 12 พ.ย.62 นี้ ครบเวลา 60 วัน ตามที่สภา ฯ มอบหมาย ซึ่งคาดว่างานจะสำเร็จตามภารกิจที่ได้รับมาอย่างทันการณ์

“สนธิรัตน์” มอง “กวินนาถ” โหวตหนุนงบฯปี63 ไม่น่าถึงขั้นถูกขับ

People Unity : “สนธิรัตน์” มอง “กวินนาถ” โหวตหนุนงบฯปี63 ไม่น่าถึงขั้นถูกขับ ย้ายซบ”พปชร.” คงแค่พูดเล่นกลุ่ม ส.ส.

วันที่ 22 ต.ค. 2562 นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่ นางสาวกวินนาถ ตาคีย์ ส.ส.ชลบุรี เขต 7 พรรคอนาคตใหม่ ยกมือโหวตให้กับฝ่ายรัฐบาลในการลงมติร่าง พ.ร.บ.งบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ว่า ไม่ทราบเหตุผลในการลงมติเห็นด้วย เพราะเป็นสิทธิ์ของผู้แทนราษฎร ส่วนหาก นางสาวกวินนาถ ทำผิดวินัยจนถูกขับออกจากพรรคอนาคตใหม่ พรรคพลังประชารัฐ พร้อมที่จะรับเข้าเป็นสมาชิกพรรคหรือไม่นั้น มองว่าคงไม่ถึงขนาดถูกขับออกจากพรรค

ส่วนที่นางสาวกวินนาถระบุว่า มีหลายพรรคการเมืองและพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้ามติดต่อทาบทามนั้น ส่วนตัวไม่ทราบเรื่องนี้ อาจจะมี ส.ส.ที่มีการพูดคุยเล่นกันบ้าง แต่หากจะย้ายมาสังกัดพรรคพลังประชารัฐจะส่งผลให้คะแนนของฝั่งรัฐบาลดีขึ้น หรือพรรคจะพร้อมอ้าแขนรับหรือไม่ นายสนธิรัตน์ ระบุว่า ยังไม่มีการพูดเรื่องนี้และเป็นเรื่องของแต่ละพรรคจะบริหารจัดการ

“เพื่อไทย”ชี้ค่าปรับเหมืองทอง คสช.ต้องรับผิดชอบ

People Unity : “เพื่อไทย”ชี้ค่าปรับเหมืองทอง คสช.ต้องรับผิดชอบ ย้ำตรวจเข้มทุกคำขอเชื่อปรับลดไม่ต่ำกว่า 50,000 ล้าน

วันที่ 26 ตุลาคม 2562 นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการงบประมาณ 2563 เปิดเผยว่า การพิจารณางบประมาณในปีนี้ทางคณะกรรมาธิการจะมีการพิจารณาคำขอการใช้งบประมาณอย่างเข้มงวด ในทุกๆหน่วยงานที่มีคำขอมาว่ามีการใช้งบประมาณ คุ้มค่าหรือไม่ เพราะด้วยงบประมาณ 3.2 ล้านล้านบาท ถือเป็นจำนวนเงินที่สูงมาก ดังนั้นในฐานะผู้แทนปวงชนชาวไทย และเงินที่นำมาจัดทำงบประมาณเป็นภาษีพี่น้องประชาชน จึงต้องพิจารณาอย่างละเอียดทุกขั้นตอนทุกโครงการ

นอกจากนี้ในส่วนของการประชุมรัฐบาลให้เวลาในการพิจารณาเพียง 226 ชั่วโมงเท่านั้น ถือว่าน้อยมากหากเทียบกับปีที่ผ่านมา รัฐบาลอ้างว่าเวลามีจำกัดต้องเร่งพิจารณา ทั้งนี้ทางกรรมาธิการซีกพรรคร่วมฝ่ายค้านเตรียมขอขยายเวลาในการพิจารณางบประมาณ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับความร่วมจากฝ่ายรัฐบาลในการพิจารณางบประมาณ

นายแพทย์ชลน่าน กล่าวด้วยว่า ในส่วนของการพิจารณาจะให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับงบประมาณของฝ่ายความมั่นคง กลาโหม และงบกลาง หากผู้ชี้แจงไม่สามารถชี้แจงได้ว่าของบไปทำอะไรหรือทำไมต้องเร่งดำเนินการ ไม่ว่าจะเป็นงบก่อสร้าง งบซื้ออาวุธ หรืองบก่อหนี้ผูกพันทางคณะกรรมาธิการคงไม่ยอม คาดว่าในการพิจารณาของคณะกรรมาธิการจะมีการปรับลดงบประมาณลงไม่ต่ำกว่า 50,000 ล้านบาทอย่างแน่นอน

สำหรับงบกลางที่มีการกันงบประมาณไว้กว่า 96,000 ล้านบาท เป็นอำนาจนายกรัฐมนตรีในการอนุมัติงบ หากมีการกันงบประมาณไว้จ่ายค่าเสียหาย กรณีที่ พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีคำสั่งใช้มาตรา 44 ประกาศคำสั่ง คสช. ระงับการสำรวจและประกอบกิจการทำเหมืองแร่ทองคำชาตรี ของบริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ทั้งนี้ บริษัท คิงส์เกต คอนโซลิเดทเต็ด ลิมิเต็ด ในประเทศออสเตรเลีย ยื่นฟ้องรัฐบาลไทยเข้าสู่กระบวนการระงับข้อพิพาทตามกระบวนการอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ ภายใต้ข้อตกลงการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย (TAFTA)

หากไทยแพ้ต้องจ่ายค่าปรับไม่น้อยกว่า 36,000 ล้านบาท ทางคณะกรรมาธิการคงไม่ยอมให้เอาเงินภาษีประชาชนไปจ่ายค่าปรับ ถือเป็นการใช้งบประมาณที่ไม่เหมาะสม เพราะเมื่อหัวหน้าคสช.สั่งปิดหัวหน้าคสช.จะต้องรับผิดชอบจะให้ประชาชนมาร่วมรับผิดชอบไม่ได้ ดังนั้นจะมีการพิจารณาเรื่องนี้ให้ชัดเจนว่าจะไม่มีการนำเงินประชาชนไปใช้จ่ายโดยไม่เหมาะอย่างแน่นอน

“จุรินทร์”ยกจีนเป็นต้นแบบแก้จน บุกตลาดขายสินค้าเกษตร

People Unity :  “จุรินทร์”เชื่อมจีนบุกตลาดขายสินค้าเกษตร ทำความสัมพันธ์ให้ความสำคัญ เป็นต้นแบบแก้ความยากจนในไทย

วันที่ 28 ต.ค.2562 เวลา 09.10-9.40 น. ณ ห้องบอลรูม 1 โรงแรมดิเอมเมอรัล-รัชดา นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานเปิดงานสัมมนา “7 ทศวรรษจีนใหม่  ก้าวต่อไปที่โลกเฝ้ามอง” โดยใช้เวลาร่วมชั่วโมงปาฐกถาพิเศษการพัฒนาจีน แบบอย่างที่โลกเรียนรู้ โดยมีผู้เข้าร่วมฟังจากทั้งสมาคม สมาคมผู้สื่อข่าวไทย-จีน ร่วมกับ อสมท. สถานทูตจีน และผู้สนใจเกี่ยวข้อง

นายจุรินทร์ กล่าวว่า นับเป็นเรื่องน่ายินดีอย่างยิ่งกับการที่สื่อมวลชนไทยและจีนได้ร่วมกันจัดการสัมมนานี้ขึ้นมาในวันนี้  เมื่อพูดถึงความเจริญก้าวหน้า 70 ปีที่ผ่านมา ประเทศจีนมีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดในทุกๆด้าน ในระดับที่สามารถเรียกได้ว่าเป็นความมหัศจรรย์ โดยความมหัศจรรย์ที่ผมอยากจะพูดถึงในวันนี้คือความมหัศจรรย์ทางเศรษฐกิจ ที่จีนได้แสดงให้ชาวโลกเห็น ในห้วง 70 ปีที่ผ่านมา พัฒนาการทางเศรษฐกิจที่มั่นคงของจีนส่งผลให้ชาวจีนมีรายได้เฉลี่ยสูงขึ้นราว 60 เท่า โดยเมื่อ 70 ปีที่แล้ว รายได้เฉลี่ยต่อหัวของชาวจีนอยู่ที่เพียง 49.7 หยวน หรือราว 250 บาท ในขณะที่เมื่อปี 2561 มีจำนวน 28,200 หยวน หรือราว 1.41 แสนบาท และการเติบโตอย่างมั่นคงของรายได้ส่งผลให้อัตราการใช้จ่ายเติบโตขึ้นตามไปด้วย ซึ่งนั่นหมายถึงกำลังซื้ออันมหาศาล และความต้องการวัตถุดิบ ทรัพยากรธรรมชาติ พลังงาน การค้า และการลงทุนอันมหาศาล ที่ช่วยสร้างการขยายตัวทางเศรษฐกิจไปทั่วโลก

และที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง คือการลดความยากจน ซึ่งตอนนี้ จีนมีคนจนประมาณต่ำกว่าร้อยละ 1 ของประชากรทั้งหมด นั่นหมายถึงประชากรประมาณ 700 ล้านคนของจีนได้ถูกยกออกจากความยากจน ตลอดสี่ทศวรรษที่ผ่านมา ในวันนี้ประเทศจีนคือขุมพลังทางอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดของโลก ซึ่งผลิตสินค้าอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าเกือบครึ่งหนึ่งของมูลค่าสินค้าอุตสาหกรรมทั่วโลก ซึ่งรวมถึงสินค้าอุตสาหกรรมสำคัญ ได้แก่ เหล็ก ปูนซีเมนต์ ถ่านหิน ยานยนต์ เรือ รถไฟความเร็วสูง หุ่นยนต์ สะพาน อุโมงค์ ถนน เครื่องจักร คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ และที่สำคัญคือจีนมีสถิติการสมัครเพื่อจดทะเบียนสิทธิบัตรมากที่สุดในโลก ซึ่งมากกว่าสหรัฐอเมริกาถึง 1.5 เท่า และปัจจุบันนี้ จีนได้กลายเป็นผู้นำทางเทคโนโลยีสมัยใหม่ของโลก ทั้งด้านพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ การชำระเงินออนไลน์ อินเตอร์เน็ตของสรรพสิ่ง (Internet of things) ปัญญาประดิษฐ์ และบล็อกเชน ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่ทำให้จีนจะยังคงรักษาบทบาทการเป็นผู้นำทางเศรษฐกิจของโลกต่อไปในอนาคต

ประเด็นสำคัญที่ต้องติดตามใกล้ชิด คือประเทศจีนทำอย่างไรในการเปลี่ยนแปลงประเทศ จากประเทศยากจนที่มีรายได้เฉลี่ยต่อหัวเพียงหนึ่งในสามของรายได้เฉลี่ยต่อหัวของประเทศในแถบทวีปแอฟริกา ให้กลายเป็นขุมพลังทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมของโลก และที่สำคัญคือประเทศนี้มีประชากรถึง 1.4 พันล้านคน

1.จีนให้ความสำคัญกับการรักษาเสถียรภาพทางการเมือง 2.การส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก 3.เน้นการปฏิรูปจากล่างสู่บน 4.ส่งเสริมอุตสาหกรรม โครงสร้างต่างๆ ในท้องถิ่น การส่งเสริมให้แรงงานมีทักษะอยู่อาศัยและทำงานในท้องถิ่น การลงทุนด้วยเม็ดเงินมหาศาลในด้านโครงสร้างพื้นฐาน 5.ความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างรัฐบาลกับเอกชน 6.ในด้านความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ นักลงทุนจีนได้ก้าวออกไปลงทุนทั่วโลก ทั้งนี้ เห็นว่าจีนเน้นเพื่อส่งเสริมการพึ่งพาเศรษฐกิจภายในประเทศ รับมือกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และพัฒนาเศรษฐกิจอย่างมีคุณภาพ ที่เน้นการรักษาสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งเดินหน้าเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ หวังยุติความขัดแย้งสงครามการค้า

สำหรับไทยพวกเราย่อมให้ความสำคัญเรียนรู้จากประสบการณ์ในการพัฒนาประเทศของจีน และสามารถก้าวและเติบโตไปพร้อมกับจีนได้ เราเป็นเอเชียด้วยกัน กระทรวงพาณิชย์ได้ให้ความสำคัญกับตลาดจีนเป็นอย่างมาก เพราะจีนเองก็เป็นประเทศคู่ค้าลำดับ 1 ของไทย โดยในช่วงสิบปีที่ผ่านมา ระหว่างปี 2552 – 2561 มูลค่าการค้าระหว่างไทยและจีนขยายตัวสูงมาก ถึงร้อยละ 10.3 โดยเฉลี่ยต่อปี โดยจีนเป็นคู่ค้าอันดับที่ 1 ของไทย ครองสัดส่วนการค้าร้อยละ 16 ของการค้าระหว่างประเทศทั้งหมดของไทย และไทยเป็นคู่ค้าอันดับที่ 14 ของจีน ครองสัดส่วนการค้าราวร้อยละ 2.1

ความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างไทยกับจีน มี 2-3 รูปแบบกลไกแรกคือ JC คณะกรรมการร่วมว่าด้วยการค้า การลงทุน และความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างไทย-จีน (JC เศรษฐกิจไทย-จีน, กรอบความร่วมมือแม่โขง – ล้านช้าง (Mekong – Lancang Cooperation – MLC) , ยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ อิรวดี – เจ้าพระยา – แม่โขง (Ayeyawady – Chao Phraya – Mekong Economic Cooperation Strategy: ACMECS) ใน 3 กรอบความร่วมมือสำคัญเราทำงานร่วมกัน และอีกอันคือ กรอบ FTA อาเซียน-จีน ระหว่างประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจนี้ตนก็เป็นประธานรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน ในระหว่างนี้ ก็ได้มีแนวทางและดำเนินการประชุมจะได้จาต่อเนื่อง

ตนได้จัดคณะเดินทางไปเยือนนครหนานหนิง ระหว่างวันที่ 20-21 กันยายน 2562 และได้พบหารือกับรองนายกรัฐมนตรี หาน เจิ้ง และเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ ประจำเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง (นายลู่ ซิน เซ่อ) ในประเด็นความร่วมมือรอบด้าน โดยเน้นสินค้าเกษตร และมีการลงนาม MOU สินค้ามันสำปะหลังด้วย รวมถึงได้พบหารือกับผู้แทนภาครัฐ/เอกชนไทย-จีน ในกลุ่มยางพารา มันสำปะหลัง และผลไม้ และเร็วๆนี้ ผมจะพาคณะเดินทางไปยังนครเซี่ยงไฮ้ เพื่อเข้าร่วมงาน China International Import Expo 2019 หรือ CIIE 2019 เพื่อกระชับความสัมพันธ์ที่ดี ประเทศไทยให้ความสำคัญกับจีน และสานต่อความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระหว่างไทยและจีน ตลอดจนขยายความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุนระหว่างสองประเทศ ที่มีมาอย่างยาวนานในอดีตให้พัฒนาต่อไปอย่างต่อเนื่องและมั่นคงในอนาคต

ในช่วงหนึ่งนั้น นายจุรินทร์ กล่าวว่า ในสินค้าเกษตรและสินค้าเกษตรแปรรูปไทยเรามีเอ็มโอยูหรือข้อตกลง อยู่กับจีนในเรื่องของข้าวกับยางพาราซึ่งในเรื่องของข้าวนั้นเราได้ทำเอ็มโออยู่กับจีนที่จะจีนช่วยเราซื้อข้าวเราประมาณ 2,000,000 ตันซึ่งขณะนี้เข้าใจว่ายังขาดอยู่อีก 1,300,000 ตัน รวมทั้งยาพาราเรามีเอ็มโออยู่กับจีนอีก 2 แสนตันจีนซื้อแล้ว 16,800 ตันยังขาดอยู่ส่วนหนึ่ง ทั้งนี้เรื่องนี้ตนก็ได้ประสานงานผ่านท่านทูตจีนไปแล้วรวมทั้งได้ฝากท่านรองฯหานเจิ้งของจีนไปด้วย ตนในฐานะเซลล์แมนประเทศก็จึงขอทำหน้าที่ไปด้วย

และ ในฐานะกำกับกระทรวงพาณิชย์ ไทยเรายังให้ความสำคัญกับการใช้กลไกทูตพาณิชย์ทั่วโลกในการทำหน้าที่เซลล์แมนประเทศ หรือในการเจาะลึกรายบุคคลต้องยอมรับว่าประเทศจีนมีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจกระจายไปทั่วทุกมณฑลมีความต้องการใช้สินค้าเกษตรอาหารอะไรรูปและสินค้าจากประเทศไทย จึงเป็นจุดสำคัญในการที่ทูตพาณิชย์ไทยต้องทำงานหนักในการร่วมมือแต่ละมณฑลเพื่อส่งสินค้าไปจีนมากขึ้นลดการขาดดุลการค้าลงมาให้แคบลงโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผมรับหน้าที่สิ่งที่ผมตั้งเป็นนวัตกรรมใหม่ในทางเศรษฐกิจของกระทรวงก็คือเราจะตั้ง กรอ.พาณิชย์เพื่อเป็นเวทีสำหรับความร่วมมือระหว่างรัฐกับเอกชนระหว่างกระทรวงพาณิชย์กับผู้ส่งออกและพ่อค้าเช่นเดียวกันที่จีนทำอยู่และประสบความสำเร็จคือการให้ความสำคัญทำงานร่วมกันระหว่างรัฐกับเอกชน

อย่างไรก็ตามการทำงานนั้น ตนเพิ่งประกาศไปว่าเราต้องทำงานเชิงรุกไปทุกตลาดทั่วโลก ก็เพิ่งประกาศไป เรากับจีนต่างกันที่รูปแบบการปกครองแต่เงื่อนไขความสำเร็จคือหลักใหญ่ต้องใช้หลักการบริหารรัฐกิจที่ชัดเจนจะทำให้เดินหน้าไปได้ เช่นที่ประธานาธิบดีสีได้ทำก็เป็นแบบอย่างก็เป็นเรื่องดี

นายจุรินทร์ กล่าวด้วยว่า เวลา 70 ปี เป็นเพียงส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์อันยาวนานนับพันปีของอาณาจักรจีนที่มีเรื่องราวมากมาย  แต่ 70 ปีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนก็เป็นกรณีศึกษาของโลกยุคปัจจุบัน  และปฏิเสธไม่ได้ว่ามีอิทธิพลต่อโลกในอนาคต  ดังนั้นการสัมมนาเรื่อง “ 7 ทศวรรษจีนใหม่ ก้าวต่อไปที่โลกเฝ้ามอง” ที่ สมาคมผู้สื่อข่าวไทย-จีน ร่วมกับ อสมท. จัดในวันนี้ผมเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อทุกท่านในการนำไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนาด้านต่างๆในอนาคต

กกต.สรุปผล! “เผดิมชัย”เข้าวินที่ 37,675 คะแนน เลือกตั้งนครปฐม

People Unity : กกต.สรุปผล! “เผดิมชัย”เข้าวินที่ 37,675 คะแนน เลือกตั้งนครปฐม ใช้สิทธิ์กว่า 9 หมื่นราย

วันที่ 24 ต.ค.2562 คณะกรรมการการเลือกตั้ง จังหวัดนครปฐม เปิดเผย ผลคะแนนเลือกตั้งส.ส.เขต 5 นครปฐม อย่างไม่เป็นทางการ โดยการเลือกตั้งครั้งนี้มีผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งจำนวน 143,542 คน มาใช้สิทธิ 91,043 คน บัตรดี 87,424 บัตรเสีย 1,623 บัตรไม่เลือกผู้สมัครผู้ใด 1,996 บัตร โดยผู้สมัครจากพรรคชาติไทยพัฒนา นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ ได้คะแนนมากที่สุด 37,675 คะแนน

อันดับ 2 พรรคอนาคตใหม่ 28,216 คะแนน อันดับ 3 พรรคประชาธิปัตย์ 18,425 คะแนน อันดับ 4 พรรคเสรีรวมไทย 2,261 คะแนน อันดับ 5 พรรคไทยศรีวิไลย์ 467 คะแนน อันดับ 6 พรรคเพื่อชีวิตใหม่ 226 คะแนน อันดับ 7 พรรคพลังสังคม 154 คะแนน

“บิ๊กป้อม”ยันความพร้อมรับมือการประชุมสุดยอดอาเซียน

People Unity : โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรีเปิดเผย “บิ๊กป้อม” เรียกประชุมหน่วยงานความมั่นคง ยืนยันความพร้อมรับมือการประชุมสุดยอดอาเซียน

วันที่ 24 ตุลาคม 2562 พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เวลา 10.00น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีได้เรียกประชุมคณะอนุกรรมการด้านการรักษาความปลอดภัยและการจราจร ที่ศาลาว่าการกลาโหมเพื่อรับทราบการเตรียมการและการซักซ้อมแผนเผชิญเหตุ ในการรักษาความปลอดภัยการประชุมสุดยอดอาเซียน ระหว่าง วันที่ 4 -5 พ.ย.2562 ซึ่งโดยสรุปภาพรวม ทุกหน่วยงานความมั่นคงมีความพร้อม รองรับการประชุมสุดยอดอาเซียนที่จะมีขึ้น

พล.อ.ประวิตร กำชับหน่วยงานด้านการข่าว เกาะติดทุกเป้าหมายที่อาจเป็นปัญหา และให้พิสูจน์ทราบด้วยความรอบคอบรัดกุม ไม่ประมาท เน้นการทำงานร่วมกับเครือข่ายเฝ้าระวัง เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของผู้นำทุกประเทศ พร้อมทั้งย้ำ ขอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นเจ้าภาพหลัก วางแผนจัดการดูแลรักษาความปลอดภัย ร่วมกับหน่วยงานความมั่นคงในทุกพื้นที่ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ทั้งมาตรการเฝ้าระวัง ป้องกันและแก้ปัญหา โดยให้สำรวจความพร้อมของ กำลังพล ยานพาหนะและเครื่องมือทุกชนิด และให้มีการซักซ้อมแผนการปฏิบัติและพร้อมเผชิญเหตุในทุกสถานการณ์ โดยให้พัฒนาแผนอย่างต่อเนื่องให้มีความสมบูรณ์ เน้นประสิทธิภาพและความเข้าใจร่วมกัน ทั้งนี้ ต้องเป็นไปตามกฎหมายและหลักสากล เพื่อภาพลักษณ์ความเชื่อมั่นและการยอมรับร่วมกัน

สำหรับการบริหารจัดการและการอำนวยความสะดวกการจราจร ขอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ ความสำคัญกับการวางแผนการเดินทางของผู้เข้าร่วมประชุมและการดูแลทางการแพทย์ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยให้อำนวยความสะดวกการสัญจรให้กระทบกับประชาชนน้อยที่สุด พร้อมทั้งต้องสร้างการรับรู้และความเข้าใจกับประชาชน ร่วมมือกันเป็นเจ้าภาพที่ดี แม้วันดังกล่าวจะเป็นวันหยุดราชการก็ตาม

กมธ.งบฯ63 เตรียมถกปม”ธนาธร”ไทยโดนตัดสิทธิ์ GSP

People Unity : “วิรัช”เผยกมธ.งบฯ63 เตรียมถกประเด็นสถานะ “ธนาธร” เย็นนี้ เตรียมคุยปัญหาตัดสิทธิ์ GSP กับกระทรวงพาณิชย์

วันที่ 28 ต.ค.2562 นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองประธานกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 กล่าวถึงการประชุมวันนี้ว่า เป็นการพิจารณางบประมาณในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งนอกจากการพิจารณาเกี่ยวกับงบประมาณแล้ว ก็จะมีการสอบถามกรณีประเทศสหรัฐอเมริกาตัดสิทธิพิเศษทางภาษี หรือ GSP ซึ่งเกี่ยวข้องกับกระทรวงพาณิชย์โดยตรง

สำหรับสถานะของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ในฐานะที่ปรึกษากรรมาธิการ ที่ศาลสั่งไม่ให้ปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. นายวิรัชกล่าวว่า ถ้าดูเบื้องต้น นายธนาธรสามารถลงชื่อและร่วมออกความเห็นในที่ประชุมได้ ส่วนบทบาทอื่นๆ ต้องรอความชัดเจน โดยหลังจากการพิจารณางบประมาณกระทรวงพาณิชย์แล้ว ในช่วงเย็น นายอุตตม สาวนายน ประธานกรรมาธิการฯ ก็จะเดินทางมาเป็นประธานที่ประชุมเพื่อหารือเรื่องนี้ร่วมกัน และเป็นหน้าที่ของประธานกรรมาธิการที่จะทำหนังสือหารือต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร หากต้องการให้มีการวินิจฉัยสถานะของนายธนาธร แต่ไม่สามารถตอบแทนนายอุตตมได้ว่าจะตัดสินใจอย่างไร เพราะต้องมีการหารือกันในที่ประชุม

นายวิรัช เปิดเผยด้วยว่า นอกจากการพิจารณาเกี่ยวกับงบประมาณของกระทรวงพาณิชย์แล้ว กรรมาธิการยังต้องมีการหารือกันถึงกรอบเวลาการทำงานของคณะกรรมาธิการฯ เพื่อให้ใช้เวลาอย่างคุ้มค่าที่สุด พิจารณาไม่น้อยกว่า 280 ชั่วโมง โดยสิ้นสุดภายในวันที่ 27 ธันวาคมนี้

Verified by ExactMetrics