วันที่ 29 มีนาคม 2024

“อนาคตใหม่” ตั้ง กก.สอบ “กวินนาถ” สั่งงดร่วมกิจกรรมภายในของพรรค

People Unity :”อนาคตใหม่” ตั้ง กก.สอบ “กวินนาถ” สั่งงดร่วมกิจกรรมภายในของพรรค จนกว่าจะมีมติ พร้อมขอโทษ-รับเรื่อง ปชช.ที่ไม่พอใจ “ปิยบุตร” ยันไม่มีความความขัดแย้ง ส.ส.เขต-ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์

วันที่ 21 ต.ค.2562 ที่พรรคอนาคตใหม่ ตึกไทยซัมมิททาวเวอร์ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค พร้อม ส.ส.อนาคตใหม่ แบบแบ่งเขตจำนวนมากร่วมแถลงข่าวจากกรณีที่กวินนาถ ตาคีย์ ส.ส.ชลบุรี เขต 7 ได้ลงมติสวนมติพรรค 2 ครั้งในรอบ 3 วันในการประชุมสภาเมื่อวันที่ 17-19 ตุลาคม ที่ผ่านมา พร้อมกันนี้ร่วมตอบคำถามจากกรณีที่มีข่าวลือความขัดแย้งระหว่าง ส.ส.แบบแบ่งเขต และส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ในประเด็นที่มีกระแสข่าวว่า ส.ส.แบบเขตน้อยใจ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อนั้น โดย นายปิยบุตร กล่าวว่า พรรคการเมืองโดยหลักแล้ว คือที่รวมตัวของสมาชิกที่มีความเห็น ความคิดและอุดมการณ์ในทิศทางเดียวกัน แล้วรวมตัวกันเข้ามาเพื่อจะต่อสู้ในทางการเมือง เข้าไปมีอำนาจรัฐ เพื่อผลักดันความคิด อุดมการณ์ของพรรคให้สำเร็จ นี่คือการเกิดขึ้นของพรรคการเมือง ดังนั้น แนวทางและอุดมการณ์ของพรรคคือสิ่งที่สำคัญ หากเราปล่อยให้ ส.ส. ลงมติอย่างอิสระ อย่างนี้ก็ไม่รู้จะมีพรรคการเมืองไปเพื่ออะไร และอย่างนี้ ส.ส.จะสังกัดพรรคการเมืองไปเพื่ออะไร

“ถามว่าจะหาจุดสมดุลระหว่างมติของพรรค ซึ่งดำเนินการตามแนวทางอุดมการณ์ของพรรคการเมือง กับ ความเป็นอิสระของ ส.ส. ในการลงมติอย่างไร ในส่วนของพรรคอนาคตใหม่ ใช้ที่ประชุม ส.ส. ทุกๆวันอังคารในช่วงบ่ายเพื่อปรึกษาหารือ หลายเรื่องมีการถกเถียง อภิปรายกันในที่ประชุม เรื่องไหนที่เห็นคล้อยตามกันก็หามติได้โดยง่าย แต่เรื่องไหนที่มีข้อถกเถียงในเรื่องสำคัญๆ ก็เปิดโอกาสให้ ส.ส. ของพรรค ได้อภิปรายอย่างเต็มที่ หลายครั้งที่หัวหน้าพรรค หรือเลขาธิการพรรคกลายเป็นเสียงข้างน้อยในที่ประชุม อย่างไรก็ตามสุดท้ายแล้วก็จะเปิดให้ลงมติต่อเรื่องนั้นๆ ภายในที่ประชุม ซึ่งก็จะถือเอาตามเสียงข้างมาก ขณะเดียวกันเสียงข้างน้อยก็จะปฏิบัติตามเสียงข้างมาก โดยเคารพเสียงข้างน้อยตรงที่ทุกฝ่ายมีโอกาสได้อภิปรายถกเถียงแลกเปลี่ยนกันอย่างเต็มที่” นายปิยบุตร กล่าว

เปิด ส.ส.-สมาชิกวิจารณ์หัวหน้า-กก.บห.พรรคได้

นายปิยบุตร กล่าวด้วยว่า ก่อนมีการเปิดประชุมสภา พรรคอนาคตใหม่ได้จัดสัมมนา เพื่อเปิดโอกาสให้ ส.ส. ของพรรค ได้วิจารณ์หัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรคได้อย่างเต็มที่ เพื่อถอดบทเรียนการทำงานในสภาที่ผ่านมา เราเชื่อว่าพรรคอนาคตใหม่ เป็นหนึ่งในไม่กี่พรรคในประเทศนี้ ที่เปิดโอกาสให้สมาชิกพรรค และ ส.ส.ของพรรค สามารถวิจารณ์หัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค แบบที่เราได้จัดขึ้น ทั้งนี้ ในส่วนของการลงมติที่ประชุม ส.ส.ของพรรคนั้น พรรคอนาคตใหม่เข้าใจดีว่าเรื่องบางเรื่อง ส.ส.บางท่านอาจมีข้อจำกัด ที่ไม่สามารถลงตามมติของพรรคไม่ได้จริงๆ ยกตัวอย่างเช่น ครั้งหนึ่งมีการลงมติว่าจะสนับสนุนให้มีการตั้งคณะกรรมาธิการสามัญว่าด้วยความหลากหลายทางเพศ แต่ก็มี ส.ส.ของพรรค ซึ่งนับถือศาสนาอิสลาม ก็มีข้อจำกัด ลุกขึ้นยืนในที่ประชุม ส.ส. ชี้แจงแสดงเหตุผลของการลงมติงดออกเสียง ซึ่งในกรณีแบบนี้ก็ถือว่าสามารถเป็นข้อยกเว้นได้เช่นเดียวกัน นี่คือกระบวนการในการทำงานเพื่อแสวงหามติที่ประชุมของ ส.ส. จนกลายเป็นมติพรรค เพื่อให้ ส.ส. นำไปลงมติในสภาผู้แทนราษฏรต่อไป

ตั้ง กก.สอบ “กวินนาถ” – สั่งงดร่วมกิจกรรมภายใน

นายปิยบุตร กล่าวว่า กรณีของคุณ กวินนาถ ซึ่งลงมติสวนทางกับพรรค 2 ครั้งติดต่อกันภายใน 3 วัน ตามข้อบังคับพรรคอนาคตใหม่แล้ว ถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดวินัย ดังนั้น คณะกรรมการวินัยและจรรยาบรรณของพรรค จะดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริง หลังจากนั้นจะส่งเรื่องมาให้คณะกรรมการบริหารพรรค มีคำวินิจฉัยหรือลงโทษต่อไป อย่างไรก็ตาม เกิดกระแสจากสมาชิกพรรคและผู้ที่ลงคะแนนให้กับพรรคอนาคตใหม่ ทั้งจังหวัดอื่นๆและเขต 7 ชลบุรี ได้ร้องเรียนและแสดงถึงความไม่พอใจเป็นอย่างมาก อยากจะให้พรรครีบดำเนินการในเรื่องนี้ ดังนั้น ในระหว่างรอการสอบสวนขอเท็จจริงของคุณกวินนาถ พรรคจึงจำเป็นต้องสั่งห้ามให้คุณกวินนาถ ตาคีย์ ดำเนินกิจกรรมใดๆ กับพรรคอนาคตใหม่ จนกว่าจะมีคำวินิจฉัยออกมา จากคณะกรรมการบริหารพรรค

“ในฐานะที่ผมเป็นตัวแทนของพรรคอนาคตใหม่ และเพื่อนส.ส.ของพรรคอนาคตใหม่ทุกคน จำเป็นจะต้องขอโทษไปยังพี่น้องประชาชนในเขต 7 จังหวัดชลบุรี ที่ลงคะแนนเสียงให้คุณกวินนาถ ตาคีย์ ให้เป็น ส.ส. ด้วยความหวังว่าคุณกวินนาถ ตาคีย์ จะเข้ามาเป็นส.ส.ของพรรคอนาคตใหม่ แล้วจะมาร่วมกันผลักดันอุดมการณ์ของพรรค จะมาร่วมการสืบทอดอำนาจของรัฐบาล คสช. จะมาร่วมกันสู้เพื่อให้ได้ประชาธิปไตยอย่างแท้จริงกลับคืนมา ผมต้องขอโทษพี่น้องประชาชนที่ ส.ส.ของเรานั้น ได้ลงมติ สวนมติของพรรคไปถึง 2 ครั้งติดต่อกัน” นายปิยบุตร กล่าว

ยันไม่มีความความขัดแย้ง ส.ส.เขต-ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์

นายปิยบุตร กล่าวอีกว่า จากกรณีข่าวลือความขัดแย้งระหว่าง ส.ส.เขตและส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่เห็นว่าเรื่องนี้เป็นผลโดยตรงจากการออกแบบระบบเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ 2560 ที่มักจะเชื่อกันไปว่า ส.ส.เขต ลงไปเก็บคะแนนให้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ นักวิชาการหลายท่านได้แสดงความคิดเห็นต่อเรื่องนี้ว่า เป็นจุดอ่อนของระบบการเลือกตั้งที่ออกแบบมา ทำให้เกิดความรู้สึกที่ไม่ดีต่อกัน อย่างไรก็ตามในส่วนของพรรคอนาคตใหม่ ยืนยันว่า ทั้ง ส.ส.เขตและส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ทำงานด้วยกันเป็นอย่างดี สมัครสมานสามัคคี เรามีการสร้างกระบวนการภายในพรรค เพื่อแลกเปลี่ยนพูดคุยกระชับความสัมพันธ์ ร่วมกันทำงานให้สอดคล้องตามอุดมการณ์ของพรรค เราเชื่อว่าจากข่าวลือที่ออกไปนั้น มาจากแหล่งข่าวที่ไม่ประสงค์ดี ให้ข่าวออกไปว่าในพรรคอนาคตใหม่นั้นมีรอยร้าวระหว่าง ส.ส.เขตและส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ แต่ในส่วนการหาเสียงเลือกตั้งซ่อมที่นครปฐม เขต 5 อ.สามพราน ถือเป็นตัวอย่างที่ดีที่แสดงให้เห็นถึงการร่วมใจกันของส.ส.พรรคอนาคตใหม่ ทั้งแบบแบ่งเขตและบัญชีรายชื่อ ซึ่งน่าจะเป็นหนึ่งในไม่กี่พรรคการเมือง ที่ ส.ส.ทุกคนพร้อมใจกันไปช่วยกันหาเสียง ในเขตเลือกตั้งเขตเดียว นี่คือบทพิสูจน์ให้เห็นว่าส.ส.ทุกคนทำงานกันอย่างสามัคคี

ระบบของพรรคออกแบบถ่วงดุล ส.ส.-ทีมจว.-สมาชิก

นายปิยบุตร กล่าวว่า อยากเรียนสื่อมวลชนผ่านไปยังพี่น้องประชาชนว่า เวลามองมาที่พรรคอนาคตใหม่ ถ้าท่านมองจากมิติการเมืองแบบเดิม ท่านก็จะได้ผลลัพธ์แบบเดิม แต่ถ้าท่านมองจากมิติการเมืองแบบใหม่ ท่านก็จะได้ผลลัพธ์แบบใหม่ มิติการเมืองแบบใหม่คือ เราฝันกันมานานไม่ใช่หรือ ว่าพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง ควรจะต้องมีลักษณะเป็นพรรคของมวลชน พรรคของสมาชิก พรรคของคนทุกๆคน พรรคการเมืองจะต้องไม่ใช่เป็นเพียงที่สังกัด ของคนที่มาลง ส.ส. แต่ควรจะเป็นพรรคการเมืองของมวลชน ที่เห็นพ้องต้องกันในอุดมการณ์เดียวกัน และต่อสู้ร่วมกันเพื่อให้ดำเนินการผลักดันตามอุดมการณ์นั้น นี่คือสิ่งที่เราฝันว่าอยากมีพรรคการเมืองแบบนี้ แน่นอนว่าเรายังทำได้ไม่เต็มร้อย เพราะทุกๆอย่างมีขั้นตอนของมัน แต่นี่คือจุดประสงค์ จุดหมาย ของเรา ที่เราตั้งใจจะทำพรรคอนาคตใหม่ให้เป็นลักษณะแบบนี้ให้ได้

“ดังนั้น พรรคอนาคตใหม่จึงไม่ได้เป็นบ้านที่คนอยากเป็น ส.ส.มาสังกัดเพื่อลงสมัคร พรรคอนาคตใหม่ไม่ใช่พรรคที่คนเห็นว่ากระแสพรรคกำลังดีเลยของอาศัยชื่อของพรรคเพื่อลงสมัครรับเลือกตั้ง แต่พรรคนี้คือที่รวมตัวกันของคนที่คิดแบบเดียวกัน มีอุดมการณ์ มีแนวทางแบบเดียวกัน และจะต่อสู้ร่วมกัน ผมยืนยันว่า ตั้งแต่เริ่มต้นตั้งพรรคอนาคตใหม่มา หัวหน้าพรรคได้เปิดโอกาสให้สมาชิกและส.ส. พูดคุยแลกเปลี่ยนกันอยู่เสมอ ดังนั้น จากข่าวที่ออกไปว่า หัวหน้าพรรคเป็นเผด็จการรวบอำนาจ ไม่เป็นความจริง ในทางกลับกันถ้าหัวหน้าพรรคเป็นเผด็จการรวบอำนาจจริง จะไม่มีกระแสออกไปแบบนี้ แต่เป็นเพราะเรายอมรับความคิดเห็นที่แตกต่างกันภายในพรรค และมาปรับความเข้าใจกัน ไม่เห็นด้วยเรื่องใดก็มาพูดคุยกัน นี่คือกระบวนการการทำงานขอพรรคอนาคตใหม่” ปิยบุตร กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงาน ทั้งนี้ในตอนท้ายการแถลงข่าว นายฐิตินันท์ แสงนาค ส.ส.เขต 1 จ.ขอนแก่น ซึ่งมีรายชื่อตามข่าวว่าน้อยใจคิดจะออกไปตั้งพรรคใหม่ได้ยืนยันว่าเป็นเพียงข่าวลือ และไม่ได้มีความขัดแย้ง หรือน้อยใจ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อแต่อย่างใด พร้อมที่จะทำงานกับพรรคต่อไปจนกว่าประเทศจะมีประชาธิปไตยอย่างแท้จริง

“ศักดิ์สยาม”สั่งขบ.ใช้ AIทำงาน-สั่งศึกษาติดGPSรถยนต์ส่วนบุคคล

People Unity : “ศักดิ์สยาม” ตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายแก่กรมการขนส่งทางบก สั่งขบ.ใช้ AIทำงาน-สั่งศึกษาติด GPSรถยนต์ส่วนบุคคล

วันที่ 21 ต.ค.2562 นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายแก่กรมการขนส่งทางบก พร้อมด้วย นายวิรัช พิมพะนิตย์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายสุชาติ โชคชัยวัฒนากร กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นางสุขสมรวย วันทนียกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม และนางสาวกอบกุล โมทนา หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม โดยมี นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก และผู้บริหารกรมการขนส่งทางบก ให้การต้อนรับ ที่กรมการขนส่งทางบก

นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า ได้มอบนโยบายการบริหารงาน ให้กับผู้บริหาร ข้าราชการกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) โดยมีนโยบายหลักๆ11 เรื่อง ทั้งนี้ โดยเน้นหนักเรื่องความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน อย่างไรก็ตาม ได้มอบหมายให้กรมการขนส่งทางบกศึกษารายละเอียดเรื่องของการนำเทคโนโลยี (AI) มีปรับใช้เพื่อความสะดวกและแม่นยำมากขึ้น รวมถึงกฎหมายที่มีอยู่แล้ว แต่ยังไม่ได้บังคับใช้อย่างจริงจังหลายเรื่อง ซึ่งทั้งหมดกระทรวงคมนาคมวางเป้าหมายที่จะลดสถิติอุบัติเหตุบนท้องถนนลงให้ได้มากที่สุด

“ประเด็นสำคัญที่ต้องการให้เร่งดำเนินการ คือ การติดตั้งระบบ GPS รถยนต์ส่วนบุคคลและรถจักรยานยนต์จากโรงงาน ซึ่งจะมีการหารือร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรม เนื่องจากเป็นหน่วยงานที่กำกับดูแลภาคการผลิตอุตสาหกรรมรถยนต์ตั้งแต่ต้นทาง ภาคเอกชนค่ายรถต่าง ๆ รวมทั้งเปิดรับฟังความคิดเห็นจากภาคประชาชน เนื่องจากการควบคุมจีพีเอสรถทุกคันจะมีการเข้าถึงสิทธิ์ข้อมูลต่าง ๆ ในการเดินทางต้องได้รับความยินยอมจากผู้ใช้รถ และในอนาคตก็จะมีแหล่งข้อมูลการใช้รถขนาดใหญ่ที่กำกับดูแลด้านความปลอดภัย โดยมีกรมการขนส่งทางบกเป็นหน่วยงานที่ monitor ข้อมูลเหล่านี้ ส่วนการปฏิบัติที่จะขับเคลื่อนแนวทางดังกล่าวไปสู่ผู้กระทำนั้น กรมการขนส่งทางบกจะเริ่มทำการศึกษาและคาดว่าน่าจะใช้ระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี เพื่อให้ได้ข้อสรุปกับการนำนโยบายเหล่านี้มาใช้” นายศักดิ์ กล่าว

นายศักดิ์สยาม ยังกล่าวถึงการกระทำผิดกฎหมายจราจรแล้ว จะต้องมีการถูกตัดแต้มนั้น กรณีดังกล่าวมอบให้กรมการขนส่งทางบกเก็บฐานข้อมูลในกรณีของผู้ใช้รถที่มีใบอนุญาตจะมีคะแนน 100 คะแนนเต็ม แต่หากมีการกระทำผิดกฎหมายจราจรก็จะมีการทยอยหักแต้มไปเรื่อย ๆ และเมื่อมีการหักจนครบเพดานขั้นต่ำที่วางไว้จะถูกยึดใบอนุญาตถาวร เช่นเดียวกับรถแต่ละคันหากมีการบันทึกข้อมูลการกระทำผิดซ้ำจะถูกจำหน่ายทะเบียนรถคันนั้นออกจากระบบ ซึ่งทั้งหมดกระทรวงคมนาคมจะนำมาเป็นแนวทางดูแลงานด้านความปลอดภัยและเพิ่มวินัยจราจรให้แก่ผู้ใช้รถใช้ถนน นอกจากนี้ ยังมีประเด็นกำกับดูแลด้านกฎหมายต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการที่จะนำระบบสินบนนำจับมากำกับดูแลงานความปลอดภัยของรถสาธารณะ โดยประชาชนมีส่วนร่วมในการตรวจสอบ หากพบรถของผู้ประกอบการรายใดไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย หรือเงื่อนไขความปลอดภัย สามารถแจ้งดำเนินคดี เช่น กรณีที่ผู้ประกอบการทำผิดและต้องเสียเบี้ยปรับ 50,000 บาท อาจจะหักเงินดังกล่าวเป็นสินบนนำจับ 10% มอบให้แก่ผู้แจ้งเบาะแส ซึ่งเรื่องเหล่านี้ขอให้กรมการขนส่งทางบกไปลองศึกษาข้อมูล เพื่อให้ได้ข้อสรุปภายใน 1 เดือน

ด้าน นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก(ขบ.) กล่าวว่า กรมการขนส่งทางบกพร้อมรับมอบนโยบายเพื่อนำไปสู่การปฏิบัติโดยกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวบรวมข้อมูลและจัดทำแผนการดำเนินการอย่างรอบด้านและเร่งดำเนินการติดตามประเมินผลการดำเนินการอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การดำเนินการตามนโยบายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล ประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุด ซึ่งปัจจุบันกรมการขนส่งทางบกมีแผนปฏิบัติราชการกรมการขนส่งทางบก ระยะ 3 ปี (พ.ศ. 2563-2565) ซึ่งสอดคล้องกับแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 แผนการปฏิรูปประเทศ นโยบายรัฐบาล และแผนปฏิบัติการด้านคมนาคม (พ.ศ. 2563-2565) โดยดำเนินการภายใต้กรอบแนวคิด 3S ประกอบด้วย S (Safety & Security) คือ ควบคุม กำกับ ดูแลระบบการขนส่งทางถนนทุกรูปแบบให้มีความปลอดภัยและมั่นคง เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้มีความมั่นคงและปลอดภัย S (Sustainability) คือ ควบคุม กำกับ ดูแลระบบการขนส่งทางถนนทุกรูปแบบให้สามารถรองรับผู้ใช้งานได้ทุกกลุ่ม

“ดีอีเอส”ผนึกกำลังมหิดลดันร่างหลักการและแนวทางเชิงจริยธรรม AI

People Unity : “ดีอีเอส” ผนึกกำลังมหิดล ผลักดันร่างหลักการและแนวทางเชิงจริยธรรม หวังพัฒนาคิดค้นนวัตกรรมปัญญาประดิษฐ์(AI)ที่ยั่งยืน เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้เศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างก้าวหน้า

กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DES)จับมือนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยมหิดล ผสานมุมมองและประสบการณ์ระดับโลกจากเอกชน โดยไมโครซอฟท์ ร่วมวางรากฐานเพื่ออนาคตของประเทศไทยในยุคแห่งปัญญาประดิษฐ์ (AI) มุ่งสรรสร้างสังคมไทยและเทคโนโลยีอัจฉริยะ เสริมศักยภาพให้กัน ภายใต้หลักจริยธรรม เป็นก้าวแรกในการสร้างความโปร่งใส น่าเชื่อถือ และมั่นคงปลอดภัยของระบบ AI

วันที่ 21 ต.ค.2562 นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DES) เปิดเผยว่า คณะกรรมการ ยุทธศาสตร์ชาติได้จัดทำแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2561-2580) เพื่อขับเคลื่อนให้ประเทศไทยได้เดินหน้า พัฒนาศักยภาพต่อไปอย่างมั่นคงและยั่งยืน สำหรับด้านยุทธศาสตร์การสร้างความสามารถทางการแข่งขัน คณะกรรมการฯ ได้บรรจุเป้าหมายยุทธศาสตร์ที่ 2 อันว่าด้วยการพัฒนาอุตสาหกรรมและบริการแห่งอนาคต ซึ่งรวมถึงอุตสาหกรรมและบริการดิจิทัล ข้อมูลต่างๆ และปัญญาประดิษฐ์ให้เป็นปัจจัยสาคัญที่ขับเคลื่อนความแข็งแกร่งทาง เศรษฐกิจและสังคม ควบคู่ไปกับการเสริมสร้างศักยภาพและภูมิปัญญาของคนไทยไปพร้อมกัน

กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นำโดยนางวรรณพร เทพหัสดิน ณ อยุธยา รองปลัดกระทรวงดิจิทัล เพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้เล็งเห็นถึงความสาคัญในการปูรากฐานเชิงนโยบายและแนวทางปฏิบัติ เพื่อให้การพัฒนาปัญญาประดิษฐ์เป็นไปในรูปแบบที่คานึงถึงบริบททางสังคมและจริยธรรม รักษาไว้ซึ่งโอกาสในการเติบโตและพัฒนา ของแรงงานคนไทย พร้อมป้องกันไม่ให้เกิดการทำงานของปัญญาประดิษฐ์ในรูปแบบที่เอนเอียง ไม่เป็นธรรม และยับยั้งการนาเทคโนโลยีนี้มาใช้ในทิศทางที่ผิดต่อจริยธรรมเป็นภัยต่อเพื่อนมนุษย์ จึงได้มอบหมายให้มหาวิทยาลัยมหิดลเป็นผู้ร่างเอกสารหลักการและแนวทางจริยธรรมปัญญาประดิษฐ์ “Digital Thailand – AI Ethics Guideline” ขึ้น เพื่อเป็นแนวทางสาหรับทั้งผู้วิจัย ผู้ออกแบบ ผู้พัฒนา และผู้ให้บริการผู้ปัญญาประดิษฐ์ ทั้งยังเป็น การชี้แจงให้ผู้รับบริการได้ทราบถึงสิทธิและความเสี่ยงในการใช้งานเทคโนโลยีดังกล่าว จึงถือเป็นก้าวแรกในการสร้าง ความโปร่งใส น่าเชื่อถือ และมั่นคงปลอดภัยให้ระบบปัญญาประดิษฐ์ได้ ยู่ร่วมกับสังคมไทยอย่างลงตัว

นายพุทธิพงษ์กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับร่างเอกสารหลักการและแนวทางจริยธรรมปัญญาประดิษฐ์ หรือ “Digital Thailand – AI Ethics Guideline” ได้ผ่านการนาเสนอสู่สาธารณชนและสื่อมวลชนเป็นครั้งแรกในวันนี้ (21 ตุลาคม 2562) โดยกระทรวงดิจิทัลฯ ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยมหิดล และภาคเอกชนในการสร้างร่างเอกสาร ดังกล่าวขึ้น เพื่อวางแนวทางในขั้นแรกเริ่มในด้านหลักการทางจริยธรรมสาหรับปัญญาประดิษฐ์ โดยสามารถแยก แนวทางนี้ออกได้เป็น 6 ประการ ได้แก่

1) ความสามารถในการแข่งขันและการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยจะต้องได้รับ การส่งเสริมความการใช้ประโยชน์ในหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน เพื่อสร้างการแข่งขันและ พัฒนานวัตกรรม พร้อมผลักดันประเทศไทยสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน 2) ความสอดคล้องกับกฎหมาย จริยธรรม และ มาตรฐานสากลกาหนดให้มีแนวทางการปฏิบัติในการใช้งานปัญญาประดิษฐ์ ให้มีความสอดคล้องกับกฎหมาย จริยธรรม และมาตรฐานสากล โดยเคารพต่อความเป็นส่วนตัว เกียรติ สิทธิเสรีภาพ และสิทธิมนุษยชน

3) ความ โปร่งใสและภาระความรับผิดชอบ ควรมีความโปร่งใส สามารถตรวจสอบกิจกรรมที่เกิดขึ้นได้ พร้อมทั้งจะต้องมีภาระ ความรับผิดชอบ ต่อผลกระทบที่เกิดขึ้นตามภาระหน้าที่ของตนได้ 4) ความมั่นคงปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว ควรได้รับการออกแบบให้มีความมั่นคงปลอดภัย เพื่อป้องกันการโจมตีจากภัยคุกคาม เพื่อรักษาไว้ซึ่งความมั่นคง ปลอดภัยของข้อมูลและระบบ รวมถึงการคุ้มครองข้อมูล ส่วนบุคคล ตามหลักจริยธรรม 5) ความเท่าเทียม หลากหลาย ครอบคลุม และเป็นธรรม ควรมีการออกแบบและพัฒนาโดยคานึงถึง ความเท่าเทียม หลากหลาย ครอบคลุม และความเป็นธรรม หลีกเลี่ยงการผูกขาด ลดการแบ่งแยกและเอนเอียง เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์ต่อผู้คนจานวนมาก และ 6) ความน่าเชื่อถือ ควรได้รับการสนับสนุนให้มีความน่าเชื่อถือและความมั่นใจในการใช้งานต่อ สาธารณะ โดยมีผลลัพธ์อย่างถูกต้องแม่นยา พร้อมการดาเนินการควบคุมคุณภาพและความครบถ้วนสมบูรณ์ของ ข้อมูลได้

“คณะสื่อกัมพูชา”เข้าพบ”เทวัญ” หารือแนวทางแก้ปัญหา’เฟคนิวส์’

People Unity : “คณะสื่อมวลชนกัมพูชา” เข้าเยี่ยมคารวะ “รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี” ย้ำความสัมพันธ์อันดีของ2ประเทศ พร้อมหารือแนวทางแก้ปัญหา”Fake News”

เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 21 ตุลาคม 2562 ที่ห้องรับรอง 1 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล นายเปญ โบนา (Mr. Pen Bona) นายกสมาคมนักข่าวกัมพูชา (Club Cambodian journalists) นำคณะเข้าเยี่ยมคารวะ นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดยนายกสมาคมนักข่าวกัมพูชา แสดงความขอบคุณรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ให้โอกาสเข้าพบ พร้อมทั้งยืนยันความสัมพันธ์อันดีระหว่างไทยและกัมพูชา

สำหรับด้านสื่อมวลชนนั้นทั้งสองฝ่ายมีการลงนามบันทึกความเข้าใจในการแลกเปลี่ยนการฝึกอบรมระหว่างสมาคมนักข่าวกัมพูชา และสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยซึ่งมีส่วนสำคัญในการเสริมสร้างความร่วมมือและความเข้าใจอันดีในการดำเนินการประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของไทยและกัมพูชาต่อไป ซึ่งทั้งสองฝ่ายแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการบริหารจัดการด้านการประชาสัมพันธ์ในสังคมปัจจุบันที่เป็นยุคสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งสื่ออินเตอร์เน็ต และดิจิทัล เข้ามามีบทบาทเป็นอย่างมาก ทำให้เกิดปัญหาข่าวลวง (Fake News) ในวงกว้าง ซึ่งนายกสมาคมนักข่าวกัมพูชาได้สอบถามแนวทางในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวของรัฐบาล

ส่วน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนได้รับมอบหมายให้กำกับดูแลหน่วยงานด้านการประชาสัมพันธ์ของรัฐ ได้ทำงานร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมในการแก้ไขปัญหา Fake News โดยมีการดำเนินการ 3 วิธี ได้แก่ 1.ปิดเว็บไซต์ที่นำเสนอข่าวที่บิดเบือน 2.ให้ความรู้และประชาสัมพันธ์กับประชาชนให้ระมัดระวังในการส่งต่อข้อมูล 3.ตั้งอาสาสมัครในการให้ความรู้ รวมถึงสร้างความเข้าใจแก่ประชาชนในเรื่อง Fake News นอกจากนี้กรมประชาสัมพันธ์มีการจัดตั้ง “ข่าวจริงประเทศไทย” ทางแอพพลิเคชั่น Line และ Facebook เพื่อให้ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องแก่ประชาชนด้วย

ทั้งนี้ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ย้ำความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างไทยและกัมพูชา พร้อมยืนยันว่า หากมีสิ่งใดที่สามารถให้ความร่วมมือกับสมาคมนักข่าวกัมพูชาได้ รัฐบาลไทยยินดีให้ความร่วมมือต่อไป

“บิ๊กตู่”ตั้ง”พงศ์พร”นั่งที่ปรึกษาดูแลพุทธศาสนาต่อ

People Unity : “บิ๊กตู่”ตั้ง”พงศ์พร”นั่งที่ปรึกษาดูแลพุทธศาสนาต่อ เหตุภารกิจบางอย่างยังไม่เสร็จสิ้น ส่วนผอ.พศ.คนใหม่อยู่ที่”เทวัญ” พร้อมรับโอน “สมเกียรติ ธงศรี”รอง ผอ.พศ.เข้ากรุสำนักนายกฯ

เมื่อเวลา 12.20 น.วันที่ 21 ต.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า สำหรับ พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ที่เพิ่งเกษียณอายุราชการจากตำแหน่ง ผอ.พศ. ได้มีการว่าจ้างต่อให้รับหน้าที่เป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ในกิจการพระพุทธศาสนา ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.62 โดยมอบหมายให้ดูแลเรื่องบางเรื่องที่ค้างอยู่ใน พศ. และเมื่อถึงเวลาได้ ผอ.พศ.คนใหม่แล้วก็จะได้แบ่งหน้าที่กันให้ถูกต้องต่อไปว่า จะให้ พ.ต.ท.พงศ์พรช่วยประสานหรือดูแลเรื่องใดบ้าง การจ้างเช่นนี้ไม่ใช่การต่ออายุ และไม่มีอำนาจทางราชการ แต่มีบทบาท โดยไม่มีกำหนดระยะเวลาการว่าจ้าง ขึ้นอยู่กับภารกิจหรือแล้วแต่นายกฯ

ผู้สื่อข่าวถามว่า การว่าจ้าง พ.ต.ท.พงศ์พรต่อ เพื่อให้มาดูแลคดีเงินทอนวัดหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า มีเรื่องบางเรื่องที่ต้องประสานกับหน่วยงานอื่น ซึ่งยังไม่ทราบว่า ผอ.พศ.คนใหม่เป็นใคร หาก ผอ.พศ.ถนัดในภารกิจเหล่านี้ พ.ต.ท.พงศ์พรก็จะมีบทบาทน้อยลง แต่ถ้าไม่ถนัด พ.ต.ท.พงศ์พรก็อาจจะมีบทบาทมากขึ้น แต่ว่าไม่มีอำนาจในการสั่งการ

นายวิษณุกล่าวถึงการแต่งตั้งผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) คนใหม่ว่า ต้องถามนายเทวัญ ลิปตพัลลภ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแล พศ.ว่าจะเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 22 ต.ค.เลยหรือไม่ ซึ่งตนไม่ทราบ แต่หากจะเสนอเข้า ครม.จะต้องมีการเสนอมายังตนก่อน ส่วนที่ก่อนหน้านี้ ครม.มีมติรับโอนนายสมเกียรติ ธงศรี รอง ผอ.พศ. มาเป็นผู้ตรวจราชการพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรีนั้น เป็นการโอนในระดับที่สูงขึ้นกว่าเดิม และมาช่วยงานได้

“บิ๊กแดง”เมินข่าวนั่ง”นายกฯ”คนต่อไป

People Unity : “บิ๊กแดง”เมินข่าวนั่ง”นายกฯ”คนต่อไป แจงชัด “ผมเป็นเพื่อนกับนักการเมืองดีกว่า ผมไม่เล่นการเมือง”

วันที่ 21 ต.ค.2562 เวลา 12.00 น.ที่รัฐสภา พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีชื่อว่าอาจจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปว่า ตนคิดว่าเราอยู่บนพื้นฐานที่ว่าเป็นไปได้ไม่ได้ ซึ่งด้วยสถานะภาวะต่าง ๆไม่สามารถเป็นไปได้ เพราะตนยังรับราชการ และเป็นสมาชิกวุฒิสภา และตามรัฐธรรมนูญแล้วตนไม่สามารถเป็นไปตามข่าวได้อยู่แล้ว แต่ผู้ใหญ่ที่พูดถึงเพราะมีการป้อนคำถามไปอาจจะเป็นคำตอบต่อเนื่อง อย่าไปซีเรียสเรื่องพวกนี้

เมื่อถามว่าในอนาคตจะเป็นไปได้ไหม ที่จะลงเล่นการเมือง พล.อ.อภิวัชต์ กล่าวว่า “ผมเป็นเพื่อนกับนักการเมืองดีกว่า ผมไม่เล่นการเมือง ผมไม่เล่นกับนักการเมือง”

“วิษณุ”ชี้ทาง”บิ๊กแดง”นั่งนายกฯได้ต้องเกษียณแล้ว 2 ปี

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่าเป็นเรื่องดีถ้าพล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป ว่า ตนไม่ตอบ ใครก็ไม่รู้เป็นคนโผล่มาถามพล.อ.ประวิตร แล้วก็พูดกันออกไป ทั้งนี้ พล.อ.อภิรัชต์ยังเป็นข้าราชการประจำ จึงไม่มีคุณสมบัติที่จะดำรงตำแหน่งนายกฯได้ แต่ถ้าพล.อ.อภิรัชต์เกษียณอายุราชการจากตำแหน่งผบ.ทบ. ก็จะพ้นจากความเป็นสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ซึ่งเป็นโดยตำแหน่งไปด้วย และหากต่อไปจะมามีตำแหน่งในคณะรัฐมนตรี จะต้องเว้นวรรค 2 ปีก่อน ซึ่งเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ

ถกงบฯปี63เสร็จ! ‘ชวน’ป่วยติดเชื้อในกระแสเลือดเข้ารพ.

People Unity : ถกงบฯปี63เสร็จ! ‘ชวน’ป่วยติดเชื้อในกระแสเลือดเข้ารพ. ใจเด็ดถอดสายน้ำเกลือไปงานหมั้นตามที่รับปากไว้

วันที่ 21 ต.ค.2562 นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งมีอาการไข้และเข้าพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลรามาธิบดี ตั้งแต่เมื่อคืนวันที่ 19 ตุลาคม ที่ผ่านมาภายหลังการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ได้เดินทางไปร่วมงานหมั้นบุตรชายของนายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ ส.ส.ตาก พรรคประชาธิปัตย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ที่โรงแรมปาร์คนายเลิศ พร้อมเข็มให้ยาที่ยังติดอยู่ที่แขน

นายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล เลขานุการประธานสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า นายชวนมีอาการไข้และเข้ารักษาตัวตั้งแต่คืนวันที่ 19 ตุลาคม ซึ่งแพทย์วินิจฉัยว่าติดเชื้อในกระแสเลือดและคาดว่าน่าจะติดเชื้อมาจากการเดินทางไปราชการที่ประเทศเซอร์เบีย แพทย์ได้ให้ยาและน้ำเกลือ ขอให้พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล แต่ด้วยมีภารกิจที่รับปากเอาไว้ เมื่อรับยาฆ่าเชื้อเสร็จแล้ว วันนี้จึงเดินทางไปร่วมงานหมั้น และเวลา 14.00 น จะกลับไปให้ยาที่โรงพยาบาลรามาธิบดีอีกครั้ง

“ผมรู้สึกเป็นห่วง เนื่องจากแพทย์ขอให้พักผ่อนและให้เฝ้าระวัง เพราะค่าเลือดยังไม่ค่อยดี ซึ่งแพทย์ย้ำว่าหากมีอาการผิดปกติ ให้รีบพากลับไปโรงพยาบาลทันที” นายสมบูรณ์ กล่าว

“อนุทิน” ย้ำจุดยืน “บัตรทอง” ไม่ต้องร่วมจ่าย

People Unity : “อนุทิน” ย้ำจุดยืน “บัตรทอง” ไม่ต้องร่วมจ่าย พร้อมหนุนขยายสิทธิ์ครอบคลุมรักษา “ทุกโรค”

วันที่ 21 ต.ค.2562 ที่ศูนย์ประชุมวายุภักดิ์ โรงแรมเซ็นทรา บายเซ็นทารา ศูนย์รการ แจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ ในงานประชุมชี้แจงหลักเกณฑ์การเำเนินงานและการบริหารจัดการกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ปี 2563 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้กล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า กับทิศทางในอนาคต ความตอนหนึ่งว่า ระบบสาธารณสุขของประเทศไทย ไม่อายใครในโลก บางที่จัดให้อยู่อันดับ 6 แต่ตนขอจัดให้อยู่อันดับ 1 เพราะบุคลากรในกระทรวงสาธารณสุขมุ่งมั่นตั้งใจทำงานอย่างน่าชื่นชม ส่วนใครจะวิพากษ์วิจารณ์ให้มองว่าเป็นเรื่องธรรมดา ไม่สามารถเอาใจทุกคนได้หมด แต่ถ้าทำเต็มที่แล้ว ก็ขอให้สบายใจ ปัจจุบัน ระบบประกันสุขภาพของไทยมีพัฒนาการไม่หยุดนิ่ง เราพยายามขยายสิทธิ์การรักษาโรคให้มากที่สุด วันนี้ โรคที่พบยาก ก็อยู่ในการครอบคลุมแล้ว เรื่องงบประมาณ ถ้าเป็นไปเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น จะไม่เสียดาย

ในอนาคตอันใกล้ หน้าที่ของกระทรวงสาธารณสุข จะไม่หยุดแค่การรักษา แต่ต้องสร้างชุดความคิด ให้คนไทยดูแลสุขภาพตัวเอง ออกกำลังกาย รับประทานอาหารสะอาด ถูกสุขลักษณะ และไม่พาตัวเองไปอยู่ในภาวะเสี่ยงต่อสุขภาพ วันนี้ เรามีหน่วยงานด้านสุขภาพมากมาย เราให้งบ ขอให้นำไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างเสริมสุขภาพ และป้องกันโรค คนไทยต้องตระหนักรู้ถึงการดูแลตนเอง อาทิ เรื่องการใช้ช้อนกลาง ถ้าทำให้คนไทยทำเป็นเรื่องปกติ จะลดความเจ็บป่วยไปได้มาก

เป็นที่ชัดเจนว่า ประเทศไทย กำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ หน้าที่ของกระทรวงสาธารณสุขคือ ทำให้สังคมผู้สูงอายุของไทยเต็มเปี่ยมไปด้วยคุณภาพ เป็นผู้สูงอายุ ที่มีพลังผลักดันประเทศ

นายอนุทิน กล่าวต่อว่า ภายใต้กองทุนบัตรทอง คนไทยทุกคนต้องได้รับการดูแลสุขภาพอย่างดี รับบริการที่มีคุณภาพและมาตรฐาน ไม่ต้องร่วมจ่าย บนหลักการคือ “ไม่มีใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง” ภายใต้ 5 นโยบายสำคัญ ดังนี้

1. กระตุ้นให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของดูแลสุขภาพตนเอง อาทิ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ สร้างเสริมสุขภาพเพื่อป้องกันไม่ให้เป็นโรคหรือเจ็บป่วย ซึ่งจะเกิดผลดีทั้งกับประชาชนเอง ครอบครัว ชุมชน และประเทศชาติ

2. จัดระบบการคลังด้านสุขภาพที่ยั่งยืน (Sustainability) มี 2 ตัวชี้วัดที่สำคัญ คือ รายจ่ายสุขภาพทั้งหมดต้องไม่เกินร้อยละ 5 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ ปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 4.2 และรายจ่ายรัฐบาลด้านสุขภาพต้องไม่เกินร้อยละ 20 ของรายจ่ายรัฐบาลทั้งหมด ปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 16.7แม้ว่าขณะนี้ตัวชี้วัดของประเทศจะยังไม่เกินเป้าหมาย แต่ควรเร่งรัดหามาตรการรองรับ โดยเฉพาะการทำให้คนไทยมีสุขภาพที่ดี ซึ่งจะเป็นหนทางที่ช่วยทำให้หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้ามีความยั่งยืน

3. การจัดบริการให้เพียงพอด้วยการบริหารจัดการ ไม่ว่าจะเป็นการแสวงหาความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน อาทิ การดำเนินนโยบายลดความแออัดในโรงพยาบาลโดยผู้ป่วยรับยาร้านยาใกล้บ้านที่ช่วยลดการรอคอย เพิ่มการให้คำปรึกษาโดยเภสัชกรเพื่อการใช้ยาอย่างเหมาะสม เป็นต้น การใช้ดิจิตอลเทคโนโลยีเพื่อนัดตรวจ การเชื่อมโยงระบบข้อมูลสุขภาพผู้ป่วย รวมถึงการพัฒนาระบบบริการปฐมภูมิให้เข้มแข็ง

4. การลดความเหลื่อมล้ำในสิทธิประโยชน์และคุณภาพการบริการของ 3 กองทุน เปิดรับฟังความเห็นและข้อเสนอแนะทุกภาคส่วน เพื่อนำไปสู่การแก้ไขในประเด็นที่ยังเป็นปัญหา อาทิ การร่วมจ่าย ณ จุดบริการที่ยังขาดความชัดเจน การกระจายบริการสุขภาพสู่ในพื้นที่ชนบทและเขตเมืองที่เหมาะสม และดูแลกลุ่มเปราะบางให้เข้าถึงสิทธิหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า เป็นต้น

5. เพิ่มประสิทธิภาพบริหารจัดการกองทุนและจัดการทรัพยากรที่จำกัดอย่างคุ้มค่า ไม่ว่าจะเป็นงบประมาณ เครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ กำลังคน พร้อมสร้างความรอบรู้ทางสุขภาพ ให้กับประชาชน เช่น การกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ การออกกำลังกาย และการใช้ยาอย่างสมเหตุผล เป็นต้น

ทั้งนี้ กิจกรรมดังกล่าวมีผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขเช้าร่วม เป็นจำนวนทาก อาทิ นายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข, นายแพทย์ณรงค์ สายวงศ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข, นายแพทย์ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการ สปสช. เป็นต้น

“อนุทิน”แท็กทีม”มนัญญา” นำภาคีแสดงพลัง”แบน 3 สารพิษ”

People Unity : โค้งสุดท้ายก่อนวันชี้ชะตา ! “อนุทิน” แท็กทีม “มนัญญา” นำทีม สธ. เกษตรกร ภาคประชาชน แสดงพลัง “แบนสารพิษ”

วันที่ 21 ต.ค.2562 จากกรณีที่ในวันที่ 22 ตุลาคม คณะกรรมการวัตถุอันตรายจะประชุมร่วมกัน เพื่อกำหนดอนาคตของการใช้ 3 สารพิษทางการเกษตร พาราควอต ไกรโฟเซต คลอร์ไพริฟอสนั้น ที่กระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข, นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่ากากระทรวงเกษตรและสหกรณ์, ผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข อาทิ นายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข, นายแพทย์ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการ อย., นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์, นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์, เกษตรกร

และภาคประชาชน นำโดย นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ รพ. จุฬาลงกรณ์, รศ. ดร. พวงรัตน์ ขจิตวิชยานุกูล มหาวิทยาลัยนเรศวร, ศ.ดร. พรพิมล กองทิพย์ อ. ประจำภาควิชาชีวอนามัยและความปลอดภัย คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล, นางสาวปรกชล อู่ทรัพย์ เครือข่ายเตือนภัยสารเคมีกำจัดศัตรูพืช (Thai-PAN), นายสุนทร รักษ์รงค์ นายกสมาคมเกษตรกรชาวสวนยาง 16 จังหวัดภาคใต้และเลขาธิการสภาเครือข่ายเกษตรกรชาวสวนยางแห่งประเทศไทย (สกยท.) ร่วมกันแสดงจุดยืนแบนสารพิษ มีประชาชน และผู้สื่อข่าวเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก

นายอนุทิน กล่าวว่า กิจกรรมวันนี้ เกิดขึ้นด้วยความสมัครใจเพื่อแสดงจุดยืนเรื่องการไม่เอาสารพิษ ซึ่งไม่ได้เพียงช่วยเกษตรกร แต่ช่วยประชาชนทุกคน ให้มีสุขภาพที่ดีขึ้น และอย่ามาถามว่าจะเอาอะไรมาทดแทน เพราะกระทรวงสาธารณสุข ไม่ได้มีหน้าที่ในการจัดหาสารทดแทน งานของเราคือตรวจสอบว่าอะไรอันตรายกับสุขภาพ และเดินหน้าจัดการทันที อย่าเอาเรื่องกำไร ขาดทุนมาคุย เพราะชีวิตคน ตีเป็นตัวเงินไม่ได้ ถึงจะมีเงินมาก แต่ต้องเก็บไว้รักษาตัวเอง คงไม่คุ้ม

สำหรับตัวแทนของกระทรวง ซึ่งจะเป็นคณะกรรมการในวันพรุ่งนี้ ได้แก่ นายแพทย์ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการ อย., นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์, นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ ทั้งหมดจะโหวตแบน และจะขอให้ที่ประชุมโหวตอย่างเปิดเผย การจัดกิจกรรมก็เพื่อให้กำลังใจท่านทั้ง 3 พร้อมกับให้กำลังใจนางสาวมนัญญา ซึ่งการตัดสินใจของท่าน นับว่ามีความเสี่ยงมาก ในความเป็นจริง ท่านจะนิ่งเฉยเสียก็ได้ แต่ท่านกลับเดินหน้าเพื่อสุขภาพของประชาชน ทั้งที่อาจกระทบกับคะแนนเสียงของท่าน เมื่อท่านกล้า ก็ต้องสนับสนุน

นายอนุทิน กล่าวว่า หน่วยงานในความดูแลของนางสาวมนัญญา น่าจะแบนเหมือนกัน เช่นเดียวกับตัวแทนจากกระทรวงคมนาคม ส่วนจากกระทรวงอื่น ตนตอบแทนไม่ได้ แต่ขอให้ทราบไว้ว่าเรื่องนี้ เป็นเรื่องที่สะท้อนเอกภาพของรัฐบาล สำหรับสารพิษที่เป็นประเด็น มันไม่มีทางที่จะเป็นเรื่องดี เพราะทุกวันนี้ ก็นำเข้าผ่านนอมินี ใช้คนอื่นบังหน้า ถ้าดีจริง เขาเปิดหน้าโชว์ไปแล้ว

“ที่บอกว่าผมโดนหลอก ผมก็คิดว่า ถ้าหลอกแล้ว มันทำให้คนไทยสุขภาพดี ก็ไม่เป็นไร รู้ว่าหลอก แต่เต็มใจให้หลอก”

ด้านนางสาวมนัญญา กล่าวว่า จุดกำเนิดของเรื่องนี้มาจากสมัยทำงานการเมืองท้องถิ่น เห็นมีการใช้สารข้างต้น ฉีดฆ่าหญ้า แล้วมีคนเดินผ่าน ปรากฏว่าเท้าเน่า ทุกข์ทรมาณ เห็นแล้วคิดว่าไม่ดีแน่นอน ต้องหาทางแก้ไข บางครั้งลงพื้นที่ มีคนมาบอกว่า อย่าเดินผ่านตรงนั้น ตรงนี้ เพราะเพิ่งฉีดยา พิษมันแรงขนาด แต่เราฉีดลงไปในพื้นที่ซึ่งปลูกผักผลไม่ให้คนกิน จึงคิดว่าต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว

ที่เห็นคือสารดังกล่าวทำให้เกิดวงจรการเจ็บป่วยและเสียชีวิต แม่เผาลูก ลูกเผาแม่ และด้วยเพราะเราใช้สารเคมีอย่างหนักมาตลอด หากต้องการปลูกพืช ให้ได้ผลผลิตที่สะอาด ต้องขุดหน้าดินประมาณหนึ่งฟุต จากนั้น จึงจะเริ่มปลูกได้ ถ้ายิ่งใช้ต่อไป ต้องขุดหน้าดินเพิ่มเท่าไร ถึงวันนั้น อาจไม่ทันการ อยากฝากถึงคณะกรรมการวัตถุอันตรายที่จะโหวตในวันพรุ่งนี้ ขอให้ตัดสินใจ โดยนึกถึงพี่น้องประชาชน

“บิ๊กป้อม”เร่งขับเคลื่อนแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรมและทางธรรมชาติ

People Unity : พล.อ.ประวิตรสั่งเร่งขับเคลื่อนแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรมและทางธรรมชาติเพื่อเก็บไว้ให้ลูกหลานไทย

วันที่ 21 ต.ค.2562 พล.ต.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผู้ช่วยโฆษกประจำพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันนี้เวลา 10.00 น. พล.อ.ประวิตร เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก ครั้งที่ 3/2562 ณ ห้องประชุมอารีย์สัมพันธ์ กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม โดยที่ประชุมรับทราบผลการประชุมคกก.มรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ 43 เมื่อ 30 มิ.ย.-12 ก.ค.62 ณ กรุงบากู สาธารณรัฐ อาเซอร์ไบจาน โดย พล.อ.ประวิตร ได้มอบหมายให้ นายสีหศักดิ์ พวงเกตแก้ว เป็นหัวหน้าคณะเข้าร่วมประชุม สรุปสาระสำคัญดังนี้

มติคกก.มรดกโลก ให้รับรองแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมและทางธรรมชาติของศูนย์ มรดกโลก ที่จัดทำบัญชีก่อน 15 เม.ย.62 จำนวน 59 แห่ง จากรัฐภาคี37ประเทศ และขอขึ้นทะเบียนแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมและทางธรรมชาติ เป็นแหล่งมรดกโลก จำนวน 29 แห่ง โดยมีแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมในกลุ่มประเทศอาเซียนจำนวน 3 แห่ง ได้แก่ ประเทศอินโดนีเซีย(เหมืองถ่านหินอมบีลิน),สหภาพเมียนมาร์(พุกาม)และลาว (ทุ่งไหหิน)สำหรับการประชุมคกก.มรดกโลกครั้งต่อไป (ครั้งที่44) กำหนดจัดขึ้นที่ประเทศจีนในช่วงเดือน มิ.ย.-ก.ค.2563

มีวาระที่เกี่ยวข้องกับประเทศไทย ได้แก่ การบรรจุเมืองโบราณศรีเทพ และกลุ่มเทวสถานประสาทพนมรุ้ง ประสาทเมืองต่ำ และประสาทปลายบัคในบัญชีรายชื่อเบื้องต้น (Tentative List) ของศูนย์มรดกโลก มีการพิจารณารายงานสถานภาพการอนุรักษ์นครประวัติศาสตร์ พระนครศรีอยุธยา โดยที่ประชุมมีมติให้ดำเนินการในเรื่องต่างๆ และขอให้จัดส่งรายงานต่อศูนย์มรดกโลกภายใน 1 ธ.ค.63 สำหรับการพิจารณาการนำเสนอพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจาน เป็นมรดกโลกที่ประชุมมีมติให้ส่งกลับเอกสาร (Referral) โดยไทยจะต้องดำเนินการตามข้อกำหนดให้แล้วเสร็จภายใน 3 ปี

นอกจากนั้นการประชุมวันนี้ ที่ประชุมได้เห็นชอบรายงานสถานภาพ การอนุรักษ์พื้นที่กลุ่มป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ และความคืบหน้าการดำเนินงานตามแผนป้องกันและปราบปรามการลักลอบตัดและค้าไม้พะยูง พ.ศ.2557-พ.ศ.2562 และเห็นชอบร่างคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อขับเคลื่อนการนำเสนอ แหล่งมรดกทางวัฒนธรรมเพื่อขอขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก

พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวขอบคุณคณะกรรมการ ที่ช่วยกันปฏิบัติหน้าที่ซึ่งมีความสำคัญ และ กำชับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมต้อง ดูแลรักษา อนุรักษ์แหล่งทางวัฒนธรรมและทางธรรมชาติให้มีความสมบูรณ์อย่างดีที่สุดเพื่อเก็บไว้ให้เป็นมรดกสำหรับลูกหลานคนไทย และมีความเป็นสากลเพื่อยกระดับให้เป็นมรดกโลกต่อไป โดยได้มอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติฯ เร่งรัดขับเคลื่อนผลการประชุมที่ผ่านความเห็นชอบแล้วให้เป็นไปตามแผนงานอย่างเป็นรูปธรรมและต้องรายงานความคืบหน้าให้ทราบอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับรู้และเข้าใจควบคู่กันไปด้วย

 

Verified by ExactMetrics