วันที่ 25 เมษายน 2024

รัฐบาลยืนยันใช้บัตรคนจนซื้อสินค้าร้านธงฟ้าประชารัฐ ไม่เอื้อผู้ผลิตรายใหญ่

People unity news online : เมื่อวานนี้ (8 ตุลาคม 2560)  พลโท สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการวิจารณ์กรณีการซื้อสินค้าผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่ร้านธงฟ้าประชารัฐเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับผู้ผลิตสินค้ารายใหญ่ ว่า ประชาชนผู้ถือบัตรสามารถเลือกซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่อการครองชีพได้ทุกชนิดทุกยี่ห้อของผู้ผลิตทุกราย ครอบคลุมทั้งสินค้าอาหารสด ของใช้ในชีวิตประจำวัน อุปกรณ์การเรียน และวัตถุดิบทางการเกษตร

“ที่ผ่านมากระทรวงพาณิชย์ได้เปิดรับสมัครผู้ผลิตสินค้าทุกรายอย่างเท่าเทียมกัน ทั้งผู้ประกอบการ SMEs ผู้ผลิตในชุมชน สหกรณ์วิสาหกิจชุมชน และบริษัทใหญ่ ไม่มีการเอื้อประโยชน์ให้แก่กลุ่มใดเป็นพิเศษ และยังเปิดกว้างให้ผู้ที่สนใจเข้าร่วมโครงการอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างทางเลือกให้กับผู้ใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐได้เลือกซื้อสินค้าที่หลากหลาย โดยปัจจุบันมีผู้ผลิตสินค้าเข้าร่วมโครงการจำนวน 24 ราย 40 สินค้า 318 รายการ แยกเป็นสินค้าอุปโภคบริโภค 31 สินค้า 160 รายการ อุปกรณ์การเรียน 8 สินค้า 72 รายการ และวัตถุดิบเพื่อการเกษตร 1 สินค้า 86 รายการ ซึ่งสินค้าเหล่านี้มีราคาถูกกว่าท้องตลาดร้อยละ 10 – 20”

ทั้งนี้ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ติดตามการดำเนินงานเรื่องนี้มาโดยตลอด โดยเน้นให้เกิดความเป็นธรรมต่อผู้ผลิตและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้มีรายได้น้อย พร้อมทั้งได้กำชับให้กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงการคลังเร่งติดตั้งเครื่องรูดบัตร EDC ตามร้านธงฟ้าประชารัฐและร้านค้าที่เข้าร่วมรายการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และแจ้งรายละเอียดวิธีการใช้งานและเงื่อนไขต่างๆ ให้เจ้าของร้านค้าและผู้ถือบัตรทราบอย่างทั่วถึง เพื่อป้องกันปัญหาความเข้าใจคลาดเคลื่อน ซึ่งเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังเป็นห่วงเรื่องวิธีปฏิบัติที่ไม่ถูกต้องทั้งที่ตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ ซึ่งอาจเข้าข่ายการทุจริตประพฤติมิชอบ เช่น ผู้ถือบัตรนำบัตรไปแลกเป็นเงินสดจากร้านธงฟ้าประชารัฐโดยไม่รับสินค้า หรือร้านค้าบางแห่งที่ยังไม่ได้ติดตั้งเครื่องรูดบัตร EDC แต่ให้ผู้ถือบัตรรับสินค้าออกไปก่อนและยึดบัตรไว้ เป็นต้น จึงได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงไปแก้ปัญหาโดยเร็ว เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของโครงการที่ต้องการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยอย่างแท้จริง โดยหากพบการกระทำผิดในส่วนของร้านค้าอาจถูกถอดออกจากทะเบียนของกระทรวงพาณิชย์และยึดเครื่องรูดบัตรคืน ส่วนผู้ถือบัตรอาจถูกระงับวงเงินในบัตรทันที

สำหรับผู้ที่ต้องการตรวจสอบรายชื่อและพิกัดที่ตั้งของร้านค้าธงฟ้าประชารัฐและร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ สามารถค้นหาข้อมูลได้ที่ http://www.shop.moc.go.th/

People unity news online : post 9 ตุลาคม 2560 เวลา 12.30 น.

คลังมอบของขวัญ”บ้านในฝัน รับปีใหม่”

People Unity News : กระทรวงการคลังลั่น คนไทยทุกคนต้องมีบ้านเป็นของตัวเอง มอบของขวัญปีใหม่สุดอลังการ ผ่านโครงการ “บ้านในฝัน รับปีใหม่” พร้อมผนึกกำลังธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) 3 สมาคมอสังหาฯ และผู้ประกอบการอสังหาฯ ทั่วประเทศ เปิดตัวโครงการ “บ้านในฝัน รับปีใหม่” จัดแคมเปญลดแลกแจกแถมกระหน่ำส่งท้ายปี ดีเดย์ 11.11

วันที่ 8 พฤศจิกายน 2562 นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี (ปฎิบัติงานกระทรวงการคลัง) เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังขอความร่วมมือธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ผู้บริหาร 3 สมาคมอสังหาฯ ประกอบด้วย สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย สมาคมอาคารชุดไทย สมาคมบ้านจัดสรร รวมทั้งผู้ประกอบการอสังหาฯ รายย่อย ร่วมสานฝันของพี่น้องประชาชนคนไทย เพื่อให้พี่น้องประชาชนมีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง โดยได้ผนึกกำลังเพื่อจัดทำโครงการ “บ้านในฝัน รับปีใหม่” ด้วยการออกโปรโมชั่นยิ่งใหญ่สุดอลังการส่งท้ายปี 2562 ชนิดไม่เคยมีมาก่อน โดยใช้สโลแกน “ซื้อปุ๊บ โอนปั๊บ รับทันที 3 สิทธิพิเศษ” สิทธิ์ที่ 1. กู้ ธอส. ดอกเบี้ยคงที่ 2.5% นาน 3 ปี วงเงิน 5 หมื่นล้านบาท หมดแล้วหมดเลย สิทธิ์ที่ 2. ฟรีทันที ค่าโอนและค่าจดจำนอง และสิทธิ์ที่ 3. รับโปรโมขั่น ลดแลกแจกแถม พร้อมส่วนลดพิเศษสุดอลังการจากโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่เข้าร่วม ทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮม อาคารพาณิชย์ และคอนโดมิเนียม ทั้งนี้กำหนดให้เฉพาะที่อยู่อาศัยวงเงินไม่เกิน 3 ล้านบาท

โครงการ “บ้านในฝัน รับปีใหม่” จะเริ่มตั้งแต่วันจันทร์ที่ 11 พฤศจิกายน จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2562 เท่านั้น โดยวัตถุประสงค์หลักของกระทรวงการคลัง เพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับพี่น้องประชาชน ให้มีบ้านเป็นของตัวเอง สร้างความมั่นคงให้ครอบครัว ซึ่งเป็นการส่งเสริมการออมที่มีความสำคัญประการหนึ่ง โดยตั้งเป้าอยู่ที่ 35,000 ยูนิต ซึ่งผู้ประกอบการภาคอสังหาริมทรัพย์ทุกรายสามารถเข้าร่วมโครงการได้พร้อมกันทั่วประเทศ โดยติดต่อลงทะเบียนผ่านธนาคารอาคารสงเคราะห์ที่มีสาขากระจายอยู่ตามพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ พร้อมสามารถขอดาวน์โหลดไฟล์โครงการ “บ้านในฝัน รับปีใหม่” เพื่อทำป้ายประชาสัมพันธ์ติดหน้าโครงการได้ทันที

ทั้งนี้หวังว่าแคมเปญดังกล่าวจะเป็นที่สนใจของพี่น้องประชาชนที่ยังไม่มีและกำลังมองหาที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง สามารถกระตุ้นยอดขายและเร่งให้เกิดการโอนในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ได้เป็นอย่างดี อันจะช่วยกระตุ้นให้ธุรกิจพัฒนาอสังหาฯ ธุรกิจก่อสร้าง และธุรกิจพัฒนาการคมนาคมมีความคึกคักมากขึ้น และช่วยให้เม็ดเงินหมุนเวียนเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจของประเทศได้อีกทางหนึ่ง

“ประยุทธ์” ระบุการก่อสร้างสุวรรณภูมิเฟส 2 ต้องทันเวลาที่กำหนด

People unity news online : นายกรัฐมนตรีระบุการก่อสร้างสุวรรณภูมิเฟส 2 ต้องทันเวลาที่กำหนด เป็นไปตามกฎหมาย โปร่งใส ตรวจสอบได้

เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2561 เวลา 14.40 น. ณ บริเวณห้องโถงชั้น 1 ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีถึงความคืบหน้าการก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2 จะสามารถเปิดใช้ได้ทันตามกำหนดหรือไม่ว่า ความคืบหน้าขณะนี้เป็นการทำงานของกระทรวงคมนาคม และการท่าอากาศยาน โดยดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย เน้นความโปร่งใส ถูกต้อง และเป็นธรรม ให้มีการตรวจสอบ เร่งรัด รายงานผล เพื่อให้ได้ข้อยุติโดยเร็ว เพราะจะเสียเวลามากไม่ได้ ทุกอย่างมีกติกาหมด ถ้าพิสูจน์ได้ว่าไม่ดี ไม่ถูกต้อง ก็มีวิธีการอยู่แล้ว ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีไม่ต้องไปสั่งทุกเรื่องว่าใช่หรือไม่ใช่  ได้หรือไม่ได้ เพราะไม่ใช่อำนาจของนายกรัฐมนตรีทั้งหมด

People unity news online : post 26 ตุลาคม 2561 เวลา 08.10 น.

 

ธ.ก.ส. จับมือไปรษณีย์ไทย ขยายช่องทางการตลาดทั้งออนไลน์ ออฟไลน์ ช่วยเกษตรกร-SMEs

People Unity News : ธ.ก.ส. ร่วมกับไปรษณีย์ไทย ยกระดับการจัดการสินค้าเกษตรไทยแบบครบวงจร ทั้งการผลิต แปรรูป การเพิ่มช่องทางจำหน่ายและตลาดรองรับสินค้าเกษตรส่งตรงสู่ผู้บริโภค ทั้งทางออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ www.thailandpostmart.com และออฟไลน์ ณ ที่ทำการไปรษณีย์ พร้อมรับส่วนลดพิเศษ เมื่อซื้อสินค้าจากลูกค้า ธ.ก.ส. ที่ www.thailandpostmart.com ตลอดทั้งเดือน พ.ย.นี้

20 ต.ค.64 นายสมเกียรติ กิมาวหา รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ธ.ก.ส. มุ่งสนับสนุนช่องทางการตลาดที่หลากหลายให้กับเกษตรกรลูกค้า ผู้ประกอบการ SMEs เกษตร กลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน สหกรณ์การเกษตร และสถาบันเกษตรกร เพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างงาน สร้างรายได้ โดยร่วมมือกับบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ดำเนินโครงการเพิ่มช่องทางการตลาดและระบบโลจิสติกส์สินค้าเกษตรเพื่อยกระดับเศรษฐกิจภาคการเกษตรไทย เพื่อพัฒนาและยกระดับการจัดการผลผลิตทางการเกษตร ตลอดจนสินค้าเกษตรแปรรูปครบวงจร ทั้งในด้านวางแผนการผลิต การเพิ่มประสิทธิภาพและการพัฒนาคุณภาพผลผลิต รวมทั้งการเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่าย โดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง ซึ่งจะช่วยให้เกษตรกรลูกค้าและผู้ประกอบการมีโอกาสในการขายสินค้าและสร้างรายได้เพิ่มมากขึ้นขณะเดียวกันผู้บริโภคก็ได้รับผลผลิตและสินค้าทางการเกษตรที่ดี มีคุณภาพ มีมาตรฐานรับรองจากเกษตรกรและผู้ประกอบการภาคเกษตรโดยตรง

ทั้งนี้ ธ.ก.ส. จะคัดเลือกสินค้าทั้งที่เป็นสินค้าเกษตร สินค้าแปรรูปที่มีคุณภาพดี จากผู้ผลิตโดยตรงกว่า 200 รายการ เช่น กล้วยตาก ตราจิราพร จังหวัดพิษณุโลก  หมอนยางพารา ตรา PARATO จังหวัดอุบลราชธานี  กล้วยหอมทอง บรรจุกล่อง จากสหกรณ์การเกษตรบ้านลาด จังหวัดเพชรบุรี กาแฟคั่วบด ตราถ้ำสิงห์ จากวิสาหกิจชุมชนกลุ่มกาแฟบ้านถ้ำสิงห์ จังหวัดชุมพร เป็นต้น  โดยนำผลผลิตและผลิตภัณฑ์นำมาจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ www.thailandpostmart.com และช่องทางออฟไลน์ ณ ที่ทำการไปรษณีย์ ซึ่งทางบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด จะดำเนินการขนส่งผลผลิตทางการเกษตรหรือสินค้าเกษตรแปรรูปที่มีการสั่งซื้อผ่านเว็บไซต์ข้างต้น ไปยังผู้บริโภคโดยตรง โดยคิดอัตราค่าบริการในราคาพิเศษ และเพื่อเป็นการขอบคุณผู้บริโภคที่ร่วมสนับสนุนการซื้อสินค้าจากเกษตรกร ผู้ประกอบการภาคการเกษตรดังกล่าวผ่านเว็บไซต์ www.thailandpostmart.com เพียงกรอกรหัส “BAAC55” รับส่วนลดทันที 55 บาท จำนวน 1,500 สิทธิ์เท่านั้น ระยะเวลากิจกรรมตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน – 30 พฤศจิกายน 2564

Advertising

ฟรุ้ทบอร์ด เตรียมความพร้อม “ฤดูการผลิตผลไม้ปี 65” หลังจีนเปิดนำเข้าผลไม้ไทย 4 ด่านหลัก

People Unity News : ฟรุ้ทบอร์ด เตรียมความพร้อม “ฤดูการผลิตผลไม้ปี 65” หลังจีนเปิดนำเข้าผลไม้ไทย 4 ด่านหลัก

18 ม.ค. 65 คกก.บริหารการจัดการผลไม้ (ฟรุ้ทบอร์ด) เตรียมความพร้อม “ฤดูการผลิตผลไม้ปี 65” บริหารจัดการผลไม้ของภาคเหนือฤดูการผลิตปี 2565 ซึ่งจะเริ่มต้นในเดือน มี.ค. 65 หลังทางการจีนเปิดนำเข้าผลไม้ไทย 4 ด่านหลัก

เร่งจัดทำแผนการแก้ไขปัญหาผลไม้เศรษฐกิจล่วงหน้าทั้งระบบ และลงพื้นที่ภาคเหนือ 3 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ ลำพูน และเชียงราย พร้อมตรวจเยี่ยมด่านเชียงแสนซึ่งเป็นด่านนำเข้าส่งออกสินค้าเกษตรทางลำน้ำโขง รวมทั้งเพิ่มความเข้มข้นสำหรับมาตรการ SPS และโควิดฟรี (Covid Free) เพื่อรองรับการส่งออกผลไม้ไทย หลังทางการจีนเปิด 4 ด่านหลัก คือ

✅ด่านโม่ฮาน บนเส้นทาง R2A (เชียงของ – บ่อเตน – โมฮ่าน) เปิดให้บริการทุกวัน กำหนดเปิดด่านตั้งแต่เวลา 07.30 – 16.30 น. สำหรับรถขนส่งผลไม้ และ 16.30 – 20.00 น.

✅ด่านโหย่วอี้กวน เปิดให้บริการปกติ แต่ยังจำกัดรถบรรทุกสินค้าเข้าด่านไม่เกิน 100 คัน

✅ด่านรถไฟผิงเสียง เปิดนำเข้าผลิตภัณฑ์อาหารที่ขนส่งผ่านห่วงโซ่ความเย็น (รวมผลไม้ไทย) ระหว่างวันที่ 4 – 17 ม.ค. 65 (ตามมาตรการเปิด 14 วัน ปิด 14 วัน)

✅ด่านตงซิง เปิดให้บริการเมื่อวันที่ 10 ม.ค. 65 โดยสัปดาห์ที่ผ่านมา พบว่าล้งใหญ่ที่เป็นบริษัทไทยกำลังขึ้นตู้คอนเทนเนอร์เป็นทุเรียนทวาย (นอกฤดู) จากชุมพรและภาคใต้ แจ้งว่าส่งออกไปที่ด่านตงซิง

ส่วนการขนส่งผลไม้ทางเรือจากแหลมฉบับมีแนวโน้มดีขึ้น มีสายการเดินเรือเปิดให้บริการเพิ่มขึ้นหลายสาย และจากประกาศค่าระวางเมื่อ 9 ม.ค. ที่ผ่านมา ส่งผลให้ค่าระวางลดลงเหลือ 4,800 เหรียญสหรัฐ จากเดิม 6 พันดอลลาร์สหรัฐต่อตู้ นับเป็นสัญญาณที่ดีตั้งแต่ต้นปี

Advertising

“วีรศักดิ์”ปลุกร้านเสริมสวยรายย่อยคึกคักปลายปี

People Unity News : “วีรศักดิ์”ปลุกร้านเสริมสวยรายย่อยคึกคักปลายปี เปิดตัวโครงการเพิ่มศักยภาพการบริหารธุรกิจเสริมสวยอย่างมืออาชีพ หวังเพิ่มโอกาสให้ผู้ประกอบธุรกิจร้าน เสริมสวยรายย่อย สามารถยืนหยัดในธุรกิจบริการไทยได้อย่างเข้มแข็ง

วันพุธที่ 13 พฤศจิกายน 2562 กระทรวงพาณิชย์ ร่วมกับสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) และสมาคมวิชาชีพช่างผมไทย เปิดอบรมธุรกิจและบุคคลในวิชาชีพเสริมความงาม ดึงกูรูช่างผมชื่อดังของเมืองไทยร่วมถ่ายทอดประสบการณ์ตรงในการสร้างธุรกิจให้เป็นมืออาชีพ พร้อมการันตีเรียนจบกลับไปพัฒนาธุรกิจบิวตี้ในชุมชน ให้แข่งขันกันเติบโตได้แน่ คาดกิจกรรมดังกล่าวจะช่วยกระตุ้นธุรกิจบริการเสริมสวยให้กลับมาคึกคักสร้างเม็ดเงินสะพัดได้ในช่วงปลายปี

นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยหลังเป็นประธานเปิดการอบรมหลักสูตรพิเศษ “การบริหารธุรกิจเสริมสวยอย่างมืออาชีพ” ณ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ว่ากิจกรรมครั้งนี้เกิดขึ้นเพื่อตอบสนองนโยบายการเร่งรัดพัฒนาธุรกิจบริการไทยให้เข้มแข็งเพื่อเป็นกลไกในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก โดยในวันนี้ได้จัดการอบรมร่วมกับสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) และสมาคมวิชาชีพช่างผมไทย สำหรับหลักสูตรนี้ได้แบ่งการอบรมเป็น 2 รุ่น รุ่นที่ 1 เป็นเจ้าของธุรกิจเสริมสวยมาที่เปิดกิจการแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี หรือต้องการขยายสาขา อบรมระหว่างวันที่ 13, 20-21 พฤศจิกายน 2562 และรุ่นที่ 2 สำหรับช่างและนักศึกษาที่กำลังศึกษาหลักสูตรช่างทำผม แต่งหน้า ทำเล็บ และเสริมความงาม อบรมระหว่างวันที่ 13, 27-28 พฤศจิกายน 2562

รมช.พณ. กล่าวเพิ่มเติมว่า กิจกรรมในวันนี้ได้เชิญผู้เชี่ยวชาญด้านความงาม การบริหารธุรกิจร้านเสริมสวย และช่างทำผมมืออาชีพชื่อดังของเมืองไทย อาทิ ดร.สมศักดิ์ ชลาชล นายกสมาคมวิชาชีพช่างทำผมไทย, คุณไกรวิทย์ พุ่มสุโข ผู้บริหาร Sukho Salon, คุณสมเพชร ศรีชัยโย ผู้อำนวยการสถาบัน Anthony Hair, คุณวรชนาธิป จันทนู รองผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ มาร่วมแบ่งปันประสบการณ์ด้วย นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมเสวนาเรื่องเสริมสวยมืออาชีพ บทเรียนสำหรับประกอบการยุคใหม่, เทรนด์ผมสมัยใหม่ มืออาชีพต้องตามทัน, และเทคนิคการบริหารงานให้ประสบความสำเร็จเคล็ด (ไม่) ลับ สำหรับช่างเสริมสวยมืออาชีพ อีกทั้ง กระทรวงฯยังได้ขอความร่วมมือจากผู้ผลิตสินค้าเกี่ยวกับธุรกิจทำผมชั้นนำเพื่อมาจำหน่ายในราคาพิเศษ ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนด้านวัตถุดิบหลักที่ใช้ให้บริการและสร้างรายได้เสริมแก่ธุรกิจที่เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้

“มากไปกว่านั้น ธุรกิจที่ผ่านการอบรมจะสามารถนำความรู้กลับไปปิดจุดอ่อน (Pain Point) ร้านเสริมสวยของตนเอง ด้วยการใช้เทคนิคด้านการตลาดมาช่วยดึงดูดลูกค้าให้เข้าร้าน การเลือกทำเลทอง ในการลงทุน การครองใจลูกค้าให้กลับมาใช้บริการซ้ำและการซื้อใจพนักงานให้เต็มใจในงานบริการ การปักหมุดร้านให้เป็นที่รู้จักในโลกออนไลน์ การบริหารเงินและการเข้าถึงแหล่งเงินทุน และการปรับภาพลักษณ์ร้านเสริมสวยให้น่ามอง”

“ร้านเสริมสวยเป็นธุรกิจที่อยู่คู่กับสังคมไทยมาอย่างยาวนาน มีเสน่ห์ในการเข้าถึงคนในชุมชนได้ทุกเพศทุกวัย หากพิจารณาให้ดีจะถือว่าเป็นธุรกิจสำคัญที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในท้องถิ่น แม้ธุรกิจนี้จะมีจำนวนมากเพราะเป็นธุรกิจที่ไม่ซับซ้อน งบลงทุนไม่มากส่งผลให้เกิดการแข่งขันสูง แต่ถ้าสามารถพัฒนาตนเองเข้าสู่มาตรฐานวิชาชีพได้ก็จะเป็นสิ่งที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถแยกความแตกต่างระหว่างร้านเสริมสวยทั่วไปกับร้านที่มีความเป็นมืออาชีพได้ ซึ่งแน่นอนลูกค้าจะต้องเลือกเข้าร้านที่มีความน่าเชื่อถือมากกว่า อีกทั้งถ้าธุรกิจสามารถรวมกลุ่มกันภายใต้วิชาชีพเดียวกันได้ ก็จะเพิ่มความสามารถในการพัฒนาวิชาชีพและเพิ่มอำนาจการต่อรองทางธุรกิจได้ ช่วยประหยัดต้นทุนในการบริหารธุรกิจได้อีกทาง” รมช.พณ. กล่าวในท้ายที่สุด

จากข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติในปี 2559 พบว่า มีธุรกิจเสริมสวยที่จัดตั้งในอยู่ในประเทศไทย จำนวน 121,296 ราย และมีมูลค่าทางการตลาดรวมกันทั้งประเทศกว่า 6 หมื่นล้านบาทต่อปี นอกจากนี้ ข้อมูลจากของกรมการจัดหางาน ยังพบว่า อัตราการเติบโตของธุรกิจเสริมสวยในประเทศไทยระหว่างปี 2558-2562 อยู่ที่ร้อยละ 3.4

“สุพัฒนพงษ์” เยือนญี่ปุ่นครั้งแรกนับจากโควิดระบาด ดึงการลงทุนอุตสาหกรรมยานยนต์-เทคโนโลยีขั้นสูง

People Unity News : 20 เมษายน 2565 บีโอไอ เผยรองนายกรัฐมนตรี นำคณะหน่วยงานด้านเศรษฐกิจเดินทางไปชักจูงการลงทุน ณ ประเทศญี่ปุ่น พร้อมพบหารือกับบริษัทชั้นนำในกลุ่มอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ สานความร่วมมือในการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม ยกระดับกลุ่มอุตสาหกรรม BCG ย้ำไทยเป็นฐานการผลิตสำคัญในภูมิภาค

นางสาวดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 19 – 23 เมษายน 2565 นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน พร้อมด้วย หม่อมหลวงชโยทิต กฤดากร ผู้แทนการค้าไทย นำคณะหน่วยงานด้านเศรษฐกิจของไทยเดินทางไปชักจูงการลงทุน ณ กรุงโตเกียว และ จังหวัดคานากาวะ ประเทศญี่ปุ่น นับเป็นการเดินทางเยือนญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการครั้งแรกนับตั้งแต่การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด – 19

“สถานการณ์การระบาดของโควิด – 19 ของโลกเริ่มคลี่คลาย ทำให้หลายประเทศรวมทั้งไทยเริ่มเปิดประเทศ และสามารถเดินทางระหว่างประเทศได้ ในช่วงเวลานี้การลงทุนถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ บีโอไอจึงต้องเร่งจัดกิจกรรมชักจูงลงทุน ประชาสัมพันธ์มาตรการส่งเสริมการลงทุน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน” นางสาวดวงใจกล่าว

วัตถุประสงค์ของการเดินทางเยือนญี่ปุ่นในครั้งนี้ เพื่อสานต่อข้อริเริ่มการเป็นหุ้นส่วนการร่วมสร้างสรรค์ (co – creation) ระหว่างไทย – ญี่ปุ่น และนำไปสู่การลงทุนในอนาคต ภายใต้ข้อริเริ่ม “Asia – Japan Investing for the Future Initiative” หรือ AJIF ที่ทั้งสองฝ่ายได้ประกาศเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา

สำหรับการเดินทางเยือนญี่ปุ่นครั้งนี้ รองนายกรัฐมนตรี และคณะฯ มีกำหนดการเข้าพบ นายฮิโรคาสึ มัตสึโนะ หัวหน้าเลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น รวมทั้งหารือกับ นายฮากิอูดะ โคอิจิ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจ การค้าและอุตสาหกรรมญี่ปุ่น สมาพันธ์สมาคมธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น (KEIDANREN) รวมถึงบริษัทเอกชนรายใหญ่ของญี่ปุ่น ทั้งในอุตสาหกรรมยานยนต์ และอิเล็กทรอนิกส์  เพื่อนำเสนอนโยบายเกี่ยวกับอุตสาหกรรมที่ไทยให้ความสำคัญ ทั้งอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ การแพทย์ อุตสาหกรรมกลุ่ม BCG การท่องเที่ยวและบริการ

นางสาวดวงใจกล่าวว่ารัฐบาลไทยได้ออกมาตรการหลายประการเพื่อสนับสนุนและอำนวยความสะดวกนักลงทุนหลายด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งยานยนต์ไฟฟ้าซึ่งเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมเป้าหมาย ได้แก่ มาตรการส่งเสริมการใช้ยานพาหนะไฟฟ้า มาตรการด้านภาษี และการส่งเสริมโครงสร้างพื้นฐานเกี่ยวข้องกับยานพาหนะไฟฟ้า เช่น สถานีชาร์จยานพาหนะไฟฟ้า และการส่งเสริมโรงงานผลิตแบตเตอรี่ เป็นต้น

มาตรการส่งเสริมการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเกี่ยวกับยานพาหนะไฟฟ้า รวมถึงการส่งเสริมโรงงานผลิตแบตเตอรี่ จะส่งผลให้เกิดการลงทุนเพิ่มขึ้นในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะด้วย ถือเป็นโอกาสดีที่บริษัทญี่ปุ่นทั้งในกลุ่มยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทย

นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีมาตรการเชิญชวนให้นักธุรกิจและนักลงทุนญี่ปุ่นเดินทางเข้ามาพำนักในประเทศไทย โดยกำหนดวีซ่าประเภทพิเศษคือวีซ่าสำหรับผู้พำนักระยะยาว (Long – Term Resident Visa: LTR) ซึ่งมีอายุถึง 10 ปี และญี่ปุ่นเป็นกลุ่มเป้าหมายสำหรับวีซ่าประเภทใหม่นี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มบุคลากรทักษะสูง

Advertisement

“ประภัตร”ปลื้มกลุ่มเกษตรกรข้าวอินทรีย์สุพรรณ นำร่องใช้ปุ๋ยธรรมชาติ

People Unity News : “ประภัตร”ปลื้มกลุ่มเกษตรกรข้าวอินทรีย์สุพรรณ นำร่องใช้ปุ๋ยธรรมชาติ ได้ผลตามเป้าคาดขยายวงกว้างได้รวดเร็ว

วันที่ 11 พฤศจิกายน 2562 นายประภัตร โพธสุธน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมคณะ ลงพื้นที่ตรวจราชการ ณ จ.สุพรรณบุรี โดยตรวจเยี่ยมกลุ่มข้าวอินทรีย์ศรีสุพรรณ บ้านวังพลับใต้ ต.มดแดง อ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี ซึ่งมีการผลิตข้าวอินทรีย์ที่ไม่ใช้สารเคมีทางการเกษตรทุกชนิด ซึ่งทำให้ข้าวมีผลผลิตที่มีคุณภาพ ปลอดสารพิษ และอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ เป็นการพัฒนาการเกษตรแบบยั่งยืนโดยมีพื้นที่ 136 ไร่ สมาชิก 14 ราย ปริมาณผลผลิตรวมของกลุ่ม 90,700 กิโลกรัม หรือเฉลี่ยประมาณ 500 กิโลกรัม/ไร่ ข้าวอินทรีย์ที่สมาชิกผลิตได้นำไปสีเพื่อบริโภคเองในครัวเรือน และจำหน่ายเป็นข้าวอินทรีย์แก่ผู้บริโภคในชุมชนและร้านค้าที่รับไปจำหน่าย

จากนี้ไปมีการคาดการณ์ว่า การใช้ปุ๋ยไร้สารเคมี จะนิยมกว้างขึ้นเรื่อยๆในหมู่เกษตรไทยอย่างรวดเร็ว ตามนโยบายของกระทรวงเกษตรฯ

การเคหะแห่งชาติเปิดบ้านให้ กอช.เข้าไปส่งเสริมการออมแก่ชาวชุมชน

People unity news online : กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ร่วมกับการเคหะแห่งชาติ จัดโครงการประชาสัมพันธ์กองทุนการออมแห่งชาติในชุมชนการเคหะแห่งชาติ นำร่อง 4 พื้นที่ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ประกอบด้วย ชุมชนบ้านเอื้ออาทรบึงกุ่ม ชุมชนบ้านเอื้ออาทรสายไหม ชุมชนบ้านเอื้ออาทรพหลโยธิน 44 และชุมชนบ้านเอื้ออาทรเมืองใหม่บางพลี เพื่อประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารและสิทธิประโยชน์ของการเป็นสมาชิก กอช. แก่ประชาชนที่อาศัยอยู่ในชุมชนของการเคหะแห่งชาติ ให้ตระหนักถึงความจำเป็นของการวางแผนการเงิน และผลักดันให้เกิดพฤติกรรมการออมเพื่อสร้างหลักประกันพื้นฐานในการดำรงชีวิตยามชราภาพอย่างจริงจังและต่อเนื่อง โดยได้เปิดตัวโครงการที่ชุมชนบ้านเอื้ออาทรบึงกุ่มและชุมชนบ้านเอื้ออาทรสายไหมเป็นแห่งแรกเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2560 ที่ผ่านมา

นายสมพร จิตเป็นธม เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนการออมแห่งชาติ หรือ กอช. กล่าวว่า การจัดโครงการประชาสัมพันธ์กองทุนการออมแห่งชาติในชุมชนการเคหะฯ เป็นการปูพรมลงพื้นที่เพื่อให้เกิดการสื่อสารแก่คนในชุมชนแบบเข้าถึง โดยอาศัยกลไกความร่วมมือระหว่างประชาชน ชุมชน และภาครัฐผ่านการขยายเครือข่ายความร่วมมือกับการเคหะแห่งชาติ ซึ่งมีวัตถุประสงค์ในการสร้างการรับรู้ถึงบทบาทหน้าที่ของ กอช. รวมถึงสิทธิประโยชน์ของการเป็นสมาชิก กอช. แก่ประชาชนในชุมชนการเคหะแห่งชาติ โดย กอช. จะทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางของข้อมูลข่าวสารในการเผยแพร่และชี้แจงแก่ประชาชน ผ่านช่องทางการสื่อสารภายในชุมชน อาทิ กิจกรรมพิเศษ เสียงตามสาย ไลน์กลุ่ม เฟซบุ๊ค เป็นต้น นอกจากนี้ กอช. ยังมุ่งหวังในการสร้างความรู้ความเข้าใจเพื่อให้ประชาชนในชุมชนการเคหะแห่งชาติตระหนักถึงความจำเป็นของการวางแผนทางการเงินรวมถึงมีการเก็บออมเพื่อสร้างความมั่นคงแก่ตนเอง เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในชุมชน ผู้มีรายได้น้อย ผู้มีรายได้ปานกลางและผู้ด้อยโอกาสทางสังคมให้มีความเป็นอยู่ที่เข้มแข็งและยั่งยืนซึ่งสอดคล้องกับภารกิจของการเคหะแห่งชาติ

“กอช.ยังคงเร่งผลักดันระบบการออมเพื่อการชราภาพให้สะดวกในการเข้าถึงและครอบคลุมในทุกพื้นที่ยิ่งขึ้น จึงจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากหน่วยงานภาคี เพื่อสร้างเครือข่ายการออมที่จะมาช่วยกันสื่อสารประชาสัมพันธ์และสร้างความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชนต่อไป สำหรับโครงการประชาสัมพันธ์กองทุนการออมแห่งชาติในชุมชนการเคหะฯ นับเป็นโครงการที่มีกระแสตอบรับที่ดี ซึ่งในอนาคตอาจมีการขยายผลไปยังพื้นที่ชุมชนอื่นๆต่อไป” นายสมพรกล่าว

People unity news online : post 20 มิถุนายน 2560 เวลา 20.16 น.

ก.พลังงานแจงน้ำมันดิบพบในประเทศกลั่นในประเทศแค่ 13% ชี้ราคาหน้าโรงกลั่นต่างกันจากค่าขนส่ง

People unity news online : กระทรวงพลังงานระบุไทยนำเข้าน้ำมันดิบจากต่างประเทศร้อยละ 87 ขณะที่ราคาหน้าโรงกลั่นแตกต่างกันจากค่าขนส่ง

เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2561 นายสมภพ พัฒนอริยางกูล โฆษกกระทรวงพลังงาน ชี้แจงข้อสงสัยกรณีน้ำมันที่ค้นพบและนำมากลั่นในประเทศไทย อ้างอิงราคาหน้าโรงกลั่นที่ประเทศสิงคโปร์ ว่า ในปี 2560 น้ำมันดิบที่ค้นพบในประเทศแล้วส่งเข้าโรงกลั่นในประเทศมีเพียงร้อยละ 13 ของน้ำมันดิบที่ส่งเข้าโรงกลั่นในประเทศทั้งหมด (ข้อมูล ณ เดือนมีนาคม 2561) อีกร้อยละ 87 ต้องนำเข้าน้ำมันดิบจากต่างประเทศเข้ามากลั่น โดยที่ราคาน้ำมันสำเร็จรูปจะใช้หลักการอ้างอิงกับราคากลางน้ำมันสำเร็จรูปตลาดภูมิภาคเอเชีย คือ ตลาดสิงคโปร์ เนื่องจากประเทศสิงคโปร์เป็นศูนย์กลางการซื้อขาย (ส่งออก/นำเข้า) ของภูมิภาคเอเชียและเป็นตลาดการค้าเสรี

ส่วนราคาหน้าโรงกลั่นในแต่ละประเทศนั้น ไม่จำเป็นต้องเท่ากัน เนื่องจากน้ำมันสำเร็จรูปที่มีคุณภาพเดียวกัน ปัจจัยหลักที่ทำให้ราคาในแต่ละพื้นที่หรือแต่ละประเทศแตกต่างกันมาจากค่าขนส่ง หากส่วนต่างของน้ำมันสำเร็จรูปในสองพื้นที่แตกต่างกันเกินกว่าค่าขนส่ง ก็จะเกิดการขนส่งข้ามพื้นที่เพื่อรับส่วนต่างกำไรที่เกิดขึ้น ส่งผลให้ส่วนต่างราคาเท่ากับค่าขนส่งอยู่เสมอ

ทั้งนี้ อาจมีข้อยกเว้นอยู่บ้างในกรณีในตลาดที่ไม่เกิดการแข่งขันโดยสมบูรณ์ หรือนโยบายเฉพาะของประเทศนั้นๆ เช่น การสร้างกำแพงภาษี หรือการควบคุมการนำเข้า-ส่งออก เป็นต้น

People unity news online : post 1 มิถุนายน 2561 เวลา 10.20 น.

Verified by ExactMetrics