วันที่ 20 เมษายน 2024

สธ.ส่งแพทย์จบใหม่เกือบ 1,000 คน กระจายทำงานในชนบทห่างไกล ดูแลสุขภาพประชาชน

People Unity : กระทรวงสาธารณสุขส่งแพทย์จบใหม่ เกือบ 1,000 คน กระจายทำงานในพื้นที่ชนบทห่างไกลทั่วประเทศตามภูมิลำเนา ดูแลสุขภาพประชาชน แก้ปัญหาการขาดแคลนแพทย์ รองรับการขยายบริการทางด้านการแพทย์และสาธารณสุข

เมื่อวานนี้ (14 พฤษภาคม 2562) ที่โรงแรมเซ็นทรา ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ กรุงเทพมหานคร นายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข มอบสัมฤทธิบัตรบัณฑิตแพทย์โครงการผลิตแพทย์เพื่อชาวชนบท ประจำปีการศึกษา 2561 โดยมีบัณฑิตแพทย์ที่สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยคู่ความร่วมมือ จำนวน 14 แห่ง และศูนย์แพทยศาสตรศึกษาชั้นคลินิก จำนวน 37 แห่ง เข้ารับสัมฤทธิบัตร จำนวนทั้งสิ้น 961 คน

 

นายแพทย์สุขุม กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขได้ร่วมมือกับกระทรวงศึกษาธิการดำเนินโครงการผลิตแพทย์แพทย์เพื่อชาวชนบท แก้ไขปัญหาการขาดแคลนแพทย์ของประเทศใน 10 ปีข้างหน้า (พ.ศ.2561 – 2570) และการกระจายแพทย์ที่ไม่เหมาะสมในพื้นที่ชนบทที่ยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เพื่อเติมเต็มในระบบบริการสุขภาพของไทย นำไปสู่ความเสมอภาคการบริการทางสังคม รองรับการขยายการให้บริการทางด้านการแพทย์และการสาธารณสุขของประเทศไทยโดยได้รับความร่วมมือจากคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยต่างๆ คัดเลือกเด็กนักเรียนในเขตพื้นที่ชนบท รับทุนกระทรวงสาธารณสุข ศึกษาหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิตระยะเวลา 6 ปี  เป้าหมายการรับนักศึกษา แบ่งเป็น 2 ระยะ ได้แก่ ระยะที่ 1 (พ.ศ.2561-2564) จำนวน 4,784 คน และระยะที่ 2 (พ.ศ.2565 – 2570) จำนวน 7,798 คน รวม 12,582 คน

โดยนักศึกษาแพทย์ในโครงการฯนี้ ชั้นคลินิกปีที่ 1-3 เรียนที่คณะแพทยศาสตร์คู่ความร่วมมือ ส่วนชั้นคลินิกปีที่ 4-6 เรียนที่ศูนย์แพทยศาสตรศึกษาชั้นคลินิก ซึ่งอยู่ในโรงพยาบาลศูนย์และโรงพยาบาลทั่วไปสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ภายหลังสำเร็จการศึกษา บัณฑิตแพทย์ทุกคนมีพันธะสัญญาผูกพันทุนรัฐบาลต้องกลับไปปฏิบัติงานชดใช้ทุนในพื้นที่ภูมิลำเนา ในโรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุขส่วนภูมิภาค ตามเขตบริการสุขภาพ 12 แห่ง โครงการผลิตแพทย์เพื่อชาวชนบท ระยะเวลาการใช้ทุน 3 ปี ปัจจุบันมีแพทย์ในโครงการฯนี้อยู่ในระบบร้อยละ 77 ในขณะที่แพทย์ทั่วไปยังคงอยู่ในระบบร้อยละ 26 (ข้อมูลจากโครงการผลิตแพทย์เพื่อชาวชนบทปี 2560)

สำหรับในปี 2561 นี้ มีผู้สำเร็จการศึกษาจากโครงการผลิตแพทย์เพื่อชาวชนบท จำนวนทั้งสิ้น 961 คน จะต้องกลับไปปฏิบัติงานในภูมิภาคต่างๆ ได้แก่ ภาคเหนือ จำนวน 111 คน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 333 คน ภาคกลาง 197 คน ภาคตะวันออก 73 ภาคตะวันตกจำนวน 39 คน และภาคใต้จำนวน 208 คน ทั้งนี้ ตั้งแต่เริ่มโครงการฯในช่วง 25 ปีที่ผ่านมา มีบัณฑิตที่สำเร็จการศึกษาทั้งสิ้น 18 รุ่น จำนวน 8,923 คน และปัจจุบันกำลังศึกษาอยู่ 6 รุ่น

สังคม : สธ.ส่งแพทย์จบใหม่เกือบ 1,000 คน กระจายทำงานในชนบทห่างไกล ดูแลสุขภาพประชาชน

People Unity : post 15 พฤษภาคม 2562 เวลา 10.30 น.

เขตบางรัก ชวนคู่รักจดทะเบียนสมรส ลุ้นทะเบียนสมรสทองคำ วันวาเลนไทน์

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 5 กุมภาพันธ์ 2567 วาเลนไทน์ปีนี้ “พรหมลิขิตผูกพัน รักนิรันดร์ ณ บางรัก (Love Infinity)” ลุ้นทะเบียนสมรสทองคำ 12 ฉบับ

นายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าฯ กทม. เป็นประธานแถลงข่าวจัดงาน “พรหมลิขิตผูกพัน รักนิรันดร์ ณ บางรัก (Love Infinity)” ซึ่งกำหนดจัดขึ้นในวันพุธที่ 14 กุมภาพันธ์ 2567 ณ Event Hall ชั้น B1 ศูนย์การค้าจิวเวลรี่เทรดเซ็นเตอร์ (ซอยสีลม 19) เพื่อให้บริการจดทะเบียนสมรสนอกสถานที่ในวันแห่งความรัก (วันวาเลนไทน์) และอำนวยความสะดวกแก่คู่รักที่มีความประสงค์จดทะเบียนสมรสที่สำนักงานเขตบางรัก เนื่องจากมีชื่ออันเป็นมงคล อีกทั้งเพื่อกระตุ้นให้เห็นความสำคัญของการจดทะเบียนสมรส ซึ่งก่อให้เกิดสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมายอันเป็นการส่งเสริมให้สถาบันครอบครัวมีความมั่นคง โดยมีสำนักงานเขตบางรัก สภาวัฒนธรรมเขตบางรัก ศูนย์การค้า จิวเวลรี่ เทรด เซ็นเตอร์ ในเครือกลุ่มเซ็นทรัล บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) สมาคมผู้ค้าอัญมณีไทยและเครื่องประดับ ตลอดจนผู้สนับสนุนทั้งภาครัฐและเอกชน ร่วมแถลง

นายจักกพันธุ์ กล่าวว่า การจัดงานสำหรับการจดทะเบียนสมรสในวันวาเลนไทน์สํานักงานเขตบางรักได้จัดมาหลายปีแล้ว แต่ในแง่ของหลักการวัตถุประสงค์หลักของกรุงเทพมหานครคือต้องการให้คนในกรุงเทพฯ ทุกคนที่มารับบริการของกรุงเทพมหานครได้รับความสะดวกสบายเกี่ยวกับการจดทะเบียนสมรส แต่อย่างไรก็ดีเราก็มองว่าความจริงแล้ว ครอบครัวของเรา สังคมของเราสําคัญ ขณะเดียวกันถ้าเรามีครอบครัวที่มีความเข้มแข็ง เป็นครอบครัวที่สามารถจะพัฒนากรุงเทพมหานครของเราได้ด้วยก็จะเป็นเรื่องที่สําคัญ ดังนั้นถ้าเรามีลักษณะของกิจกรรมที่ส่งเสริมความเข้มแข็งได้ให้ครอบครัวของเรา เป็นครอบครัวที่มีความมั่นคงก็จะทําให้สังคมกรุงเทพมหานครมีการพัฒนา ถ้าความรักในครอบครัว มีความเจริญ มีความมั่นคง ก็มั่นใจว่าสังคมของเราก็จะมีความเข้มแข็ง เพราะฉะนั้นความรักในวันวาเลนไทน์ก็คงจะไม่เป็นความรักเดียวแต่จะเป็นความรักทั้งหมดที่เกิดขึ้น ในพื้นที่ของเราไม่ว่าจะเป็นระหว่างชุมชน องค์กรต่างๆ จะเป็นตัวสําคัญที่ทําให้การพัฒนาของเราให้กรุงเทพมหานครมีความยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันนี้ก็จะเป็นการสื่อความหมายของความรักในสังคมของเรา เราคงจะไม่ได้พูดถึงเฉพาะเรื่องของความรักระหว่างผู้หญิงกับผู้ชาย ถึงแม้ว่าจะเป็นเพศเดียวกัน มั่นใจว่าในปัจจุบันก็พยายามที่จะมีการพิจารณากฎหมาย ซึ่งตอนนี้สภาผู้แทนราษฎรก็พยายามเร่งรัดกฎหมายดังกล่าว หลังจากนั้นกรุงเทพมหานครก็คงจะมีแนวทางในการปฏิบัติเพื่อให้บุคคลในสังคมของเราได้มีความรักที่เท่าเทียมกันต่อไป

สำหรับการจดทะเบียนสมรสในวันวาเลนไทน์ ในทุกปีการจดทะเบียนสมรสที่เขตบางรัก ยังคงได้รับความนิยม และถูกเลือกเป็นสถานที่จดทะเบียนสมรสของคู่รักเป็นจำนวนมาก เมื่อปี 2566 มีคู่รักมาจดทะเบียนสมรสที่เขตบางรัก ทั้งหมด 3,441 คู่ เฉพาะในวันวาเลนไทน์ จำนวน 640 คู่ ซึ่งเป็น อันดับที่ 1 ของทั้ง 50 เขต เขตบางรักเป็นสำนักทะเบียนที่คู่รักนิยมมาจดทะเบียนสมรส มากที่สุดในประเทศไทย การค้นหาอัตลักษณ์ และนำมาส่งเสริมเป็นเทศกาลเฉพาะถิ่น ถือเป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญภายใต้นโยบายบริหารกรุงเทพมหานคร เป็นรากฐานในการช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจ และความคิดสร้างสรรค์เฉพาะย่าน ซึ่งได้กำหนดไว้ในนโยบาย 9 ดี 9 ด้าน และขอเชิญชวนประชาชนผู้มีความรัก ที่ต้องการจดทะเบียนสมรสในวันแห่งความรัก เข้าร่วมกิจกรรมตามที่สำนักงานเขตจัดขึ้น และขออวยพรให้คู่รักทุกคู่มีความสุข ความเจริญ และมีความมั่นคงในชีวิต สืบไป

ด้าน นางธราพร อำนวยสาร ผู้อำนวยการเขตบางรัก กล่าวว่า “สำนักงานเขตบางรัก ได้ร่วมกับสภาวัฒนธรรมเขตบางรัก ศูนย์การค้าจิวเวลรี่เทรดเซ็นเตอร์ และผู้สนับสนุนทั้งภาครัฐและเอกชน กำหนดจัดงาน “พรหมลิขิตผูกพัน รักนิรันดร์ ณ บางรัก (Love Infinity)” จึงขอเชิญชวนคู่รักที่วางแผน จะจดทะเบียนสมรสหรือคู่บ่าวสาวที่ต้องการจดทะเบียนในวันดังกล่าว โดยวัตถุประสงค์ของการจัดงานในครั้งนี้ เพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชนในการมาจดทะเบียนสมรสที่สำนักงานเขตบางรัก และเป็นการกระตุ้น ให้เห็นความสำคัญของการจดทะเบียนสมรส ซึ่งก่อให้เกิดสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมาย อันเป็นการสงเสริมให้สถาบันครอบครัวมีความมั่นคง และยังเป็นการอำนวยความสะดวกแกประชาชน เนื่องจากสำนักงานเขตบางรักมีพื้นที่คับแคบ ไม่สามารถรองรับประชาชนที่มาขอรับบริการได้เพียงพอ และไม่สะดวกในการให้บริการ”

ด้านคุณชมพล พรจินดารักษ์ อุปนายก 1 สมาคมผู้ค้าอัญมณีไทยและเครื่องประดับ กล่าวว่า สำหรับในปีนี้ยังได้สมาพันธ์สมาคมอัญมณี เครื่องประดับ และโลหะมีค่า (ประเทศไทย) มาเป็นผู้สนับสนุนร่วมอีกด้วย ซึ่งทะเบียนสมรสสลักชื่อคู่สมรสลงบนแผ่นทองคำแท้ จำนวน 12 คู่ ถือเป็นของขวัญล้ำค่า ที่ไม่สามารถเทียบมูลค่าได้ แทนคำอวยพรจากสมาคมผู้ค้าอัญมณีไทยฯ และเป็นเครื่องหมายแห่งความรักของสามีภรรยา ที่พร้อมจะใช้ชีวิตร่วมกันเพื่อสร้างครอบครัว

สำหรับปีนี้คู่รักที่ประสงค์จดทะเบียนสมรสในวันแห่งความรัก สำนักงานเขตบางรักได้เปิดให้ลงทะเบียนล่วงหน้า ด้วยการสแกน QR Code ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 15 มกราคม ที่ผ่านมา ถึงวันจันทร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ 2567 โดยเปิดรับจำนวน 789 คู่ เพื่อให้คู่รักได้รับความสะดวกเพิ่มขึ้น อีกทั้งไม่เกิดความผิดพลาดในเรื่องของเอกสารหลักฐานต่างๆ ที่จะใช้ประกอบการจดทะเบียนสมรส เฉพาะกรณี จดทะเบียนสมรสกับชาวต่างชาติ จะต้องเดินทางมายื่นเอกสารด้วยตนเองที่สำนักงานเขตบางรักล่วงหน้าเท่านั้น ในวันและเวลาราชการ (วันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 08.00-16.00 น) เพื่อเจ้าหน้าที่จะได้ดำเนินการตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารกับทางสถานทูต และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อน สอบถามเพิ่มเติม โทร. 02 236 1395 ต่อ 6231 หรือ 6233 ในวันและเวลาราชการ ดูรายละเอียดทางเว็บไซต์ www.bangkok.go.th/bangrak หรือทางเฟซบุ๊ก ฝ่ายทะเบียน สำนักงานเขตบางรัก

ทั้งนี้ ในวันที่ 14 กุมภาพันธ 2567 สำนักงานเขตบางรักได้จัดเจ้าหน้าที่ เตรียมพร้อมบริการจดทะเบียนสมรส โดยจะเริ่มเปิดตรวจสอบคำร้องตั้งแต่เวลา 07.00-16.00 น. สำหรับช่วงเช้าเวลา 08.30 น. จะจัดพิธีแหขบวนขันหมากจำลอง ตามรูปแบบของวัฒนธรรมไทย และมีพิธีเปิดงานในเวลา 09.00 น. โดยเริ่มจดทะเบียนสมรสจริงให้กับคู่สมรสตัวอย่าง และมอบรางวัลทะเบียนสมรสทองคำ จากนั้นเริ่มจดทะเบียนสมรสคูแรก ในเวลา 08.00 น. ซึ่งคู่รักที่มาร่วมงานจะได้รับของที่ระลึกทุกคู่ และมีสิทธิ์ลุ้นรับทะเบียนสมรสทองคำ รวมทั้งหมดจำนวน 12 ฉบับ เริ่มตั้งแต่เวลา 08.00 น. นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมให้คู่สมรสได้ร่วมสนุกภายในงาน เพื่อลุ้นรับของรางวัลจากผู้สนับสนุนอีกมากมาย สำหรับคู่รักที่มีความประสงค์จะร่วมงาน “พรหมลิขิตผูกพัน รักนิรันดร์ ณ บางรัก (Love Infinity)’” ในวันวันพุธที่ 14 กุมภาพันธ์ 2567 สามารถเดินทางมายังศูนย์การค้าจิวเวลรี่เทรดเซ็นเตอร์ ด้วยรถยนต์ส่วนตัวโดยจอดรถในตัวอาคารได้ หรือเดินทางด้วยรถไฟฟ้า ห่างจากรถไฟฟ้า BTS สถานีสุรศักดิ์ ประมาณ 500 เมตร รถประจำทางสาย 15, 76, 77, 115, 163, 504, 514, 4-68 โดยสามารถเข้าร่วมจดทะเบียนสมรสได้ตั้งแต่เวลา 08.00-16.00 น.

Advertisement

ตรวจสอบสิทธิรักษาพยาบาลเท่าเทียม 7 ขั้นตอน

People Unity News : 19 เมษายน 2566 รัฐบาลมุ่งแก้ไขปัญหาระบบหลักประกันสุขภาพ ผลักดันเข้าถึงสิทธิการรักษาพยาบาล แนะคนไทยที่ยังไร้สิทธิ ตรวจสอบสิทธิอย่างเท่าเทียม ด้วย 7 ขั้นตอน

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ปัญหา “คนไทยไร้สิทธิ” เป็นความเลื่อมล้ำที่มีอยู่ในสังคมไทยมาช้านาน ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตเป็นอย่างมาก  เพราะการไม่มีสิทธิสถานะทางทะเบียนทำให้ไม่ได้รับสิทธิขั้นพื้นฐานและสิทธิพลเมืองที่บุคคลคนหนึ่งๆ ควรจะได้รับ โดยเฉพาะระบบหลักประกันสุขภาพ เนื่องจากไม่มีชื่ออยู่ในระบบทะเบียนราษฎรอย่างถูกต้อง เวลาเจ็บป่วยก็ไม่สามารถเข้าสู่ระบบรักษาได้ รัฐบาลมุ่งแก้ไขให้ปัญหา ให้ความสำคัญต่อระบบหลักประกันสุขภาพ ผลักดันการเข้าถึงสิทธิการรักษาพยาบาลของคนไทยทุกคนจะต้องได้รับการรักษาพยาบาลตามสิทธิ

น.ส.รัชดา กล่าวว่า สำหรับคนไทยที่ยังไร้สิทธิ์สามารถตรวจสอบสิทธิ์ เพื่อให้ได้สิทธิอย่างเท่าเทียม ด้วย 7 ขั้นตอน ดังนี้ 1. ตรวจสอบสถานะทางทะเบียน  2. รวบรวมเอกสารทางทะเบียน ได้แก่ บัตรประจำตัวประชาชนของผู้แจ้งบัตรประจำตัวประชาชนของบิดามารดา  สูติบัตร  ทะเบียนบ้านที่เคยมีชื่อ  ใบแจ้งการย้ายที่อยู่  เอกสารอื่นๆ ที่ราชการออกให้  กรณีที่ไม่มีเอกสารใด ๆ ที่ใช้อ้างอิงก็สามารถยื่นคำร้องได้ 3. ยื่นคำร้องต่อเจ้าหน้าที่ฯ สำนักทะเบียนอำเภอ หรือ สำนักทะเบียนท้องถิ่น (ที่มีภูมิลำเนาอาศัยอยู่ปัจจุบัน) 4. ตรวจสอบเอกสารส่งให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเอกสารเบื้องต้น  5.เจ้าหน้าที่พิจารณาตรวจสอบหลักฐาน  สอบสวนพยานบุคคล

6.แจ้งผลฯให้ผู้ร้องทราบ และ 7. ถ้าไม่อาจพิสูจน์สถานะการเกิดและสัญชาติได้จะได้รับการจัดทำทะเบียนประวัติเป็นบุคคลประเภท 0 (มาตรา 19/2)

“สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม สำนักทะเบียนกลาง กรมการปกครอง 0-2791-7312-6 กรณีที่มีหมายเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก แต่ติดทะเบียนบ้านกลางหรือถูกจำหน่ายรายการต้องการใช้สิทธิ์ในการรักษาพยาบาล โทร.สายด่วน สปสช. 1330 สำหรับบุคคลทะเบียนประวัติประเภท 0 มาตรา (19/2) สอบถามสิทธิรักษาพยาบาล ติดต่อ กองเศรษฐกิจสุขภาพและหลักประกันสุขภาพ เบอร์ 02-590-1577 ในวันและเวลาราชการ” นางสาวรัชดา กล่าว

Advertisement

สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลแถลงโครงการสลากสรรค์สร้างเพื่อชุมชนปี 62

People Unity : สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล จัดแถลงข่าวโครงการสลากสรรค์สร้างเพื่อชุมชน ปี 2562

เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2562 ณ ศาลาสายลมจอย ตลาดคลองลัดมะยม เขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร นายธนวรรธน์ พลวิชัย ในฐานะโฆษกคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล กล่าวถึงโครงการสลากสรรค์สร้างเพื่อชุมชน ปี 2562 ว่า วัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจ สร้างงานสร้างอาชีพให้กับสมาชิกในชุมชนที่มีสมาชิกหลากหลายทั้งผู้พิการ ผู้สูงอายุ เด็กและเยาวชน โดยสำนักงานสลากฯทำหน้าที่เป็นส่วนหนึ่งของสังคม ด้วยการนำความรู้ด้านการตลาด และวิชาการต่างๆที่เหมาะสมกับแต่ละชุมชน

สำหรับการดำเนินการนั้น ได้มีการเปิดรับสมัครชุมชนที่มีเอกลักษณ์ของภูมิปัญญาท้องถิ่น มีศักยภาพการบริหารจัดการชุมชน การผลิตสินค้าและบริการของชุมชน และมีสภาพแวดล้อม วิถีชีวิตที่เอื้อต่อการส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่ชุมชนใกล้เคียงสำนักงานฯ (สนามบินน้ำ) ชุมชนใกล้เคียงสำนักงาน (สำนักการพิมพ์ เอกมัย) และชุมชนในพื้นที่ภาคกลาง ซึ่งมีชุมชนที่สนใจส่งใบสมัครเข้าร่วมโครงการทั้งหมด 31 ชุมชน ได้ทำการคัดเลือกชุมชนที่มีความพร้อมในการเข้าร่วมโครงการ 7 ชุมชน ได้แก่

⁃ ชุมชนใกล้เคียงสำนักงานฯ (สนามบินน้ำ) ได้แก่ ชุมชนคนบางกรวย (ปลายบาง) จังหวัดนนทบุรี

⁃ ชุมชนใกล้เคียงสำนักงาน (สำนักการพิมพ์ เอกมัย) ได้แก่ ชุมชนชุมกลุ่มคลองพระโขนง กรุงเทพมหานคร

⁃ ชุมชนตลาดบางหลวง ร.ศ. 122 จังหวัดนครปฐม

⁃ ชุมชนย่านเก่าวังกรด จังหวัดพิจิตร

⁃ ชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี ตลาดริมน้ำเมืองแพรก จังหวัดชัยนาท

⁃ ชุมชนพิกุลทองสามัคคี จังหวัดสิงห์บุรี

⁃ ชุมชนพุน้ำร้อน จังหวัดสุพรรณบุรี

หลังจากนี้ จะส่งทีมผู้เชี่ยวชาญลงไปในพื้นที่เพื่อวิเคราะห์จัดทำแผนการพัฒนาชุมชน ทั้ง 7 ชุมชน และดำเนินการตามแผนที่วางไว้ โดยจะจัดทำโลโก้รวมถึงสโลแกนของชุมชน จัดทำป้ายบอกทาง จัดทำป้ายบอกเส้นทางท่องเที่ยวในชุมชน จัดทำแผ่นผับประชาสัมพันธ์ การท่องเที่ยวชุมชน ฝึกการประชาสัมพันธ์ข่าวสารของชุมชนผ่านสื่อออนไลน์ อาทิ FACEBOOK และพัฒนาผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ของสินค้าชุมชน รวมถึงการพัฒนาทักษะคนในชุมชนให้สามารถผลิตผลิตภัณฑ์ และบรรจุภัณฑ์ที่พัฒนาขึ้นได้ด้วยตนเอง พร้อมทั้ง  นำเรื่องราวการพัฒนาชุมชนของทั้ง 7 ชุมชน มาผลิตเป็นรายการโทรทัศน์ชื่อ “รายการสลากสรรค์สร้างเพื่อชุมชน” และเผยแพร่ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ช่องอมรินทร์ทีวี ช่อง 34 ทุกวันอาทิตย์ เวลา 14.00 -14.30 น เริ่มออกอากาศตอนแรกวันอาทิตย์ที่ 29 กันยายน 2562 นี้ และสามารถติดตามความคืบหน้าในการดำเนินโครงการสลากสรรค์สร้างเพื่อชุมชน ได้ที่ facebook สลากสรรค์สร้างเพื่อชุมชน

โฆษกคณะกรรมการสลากฯ กล่าวในตอนท้ายว่า โครงการสลากสรรค์สร้างเพื่อสังคมนี้ จะสามารถเติมเต็มความรู้ด้านวิชาการระหว่างหน่วยงานของรัฐและชุมชนซึ่งมีทรัพยากร และความมุ่งมั่น ตลอดจนสร้างการรับรู้ในศักยภาพของแต่ละชุมชน และต่อยอดให้ชุมชนเข้มแข็งอย่างยั่งยืน ซึ่งจะส่งผลให้สมาชิกมีการงานอาชีพ มีรายได้ มีความสุข จากความภาคภูมิใจในอัตลักษณ์ของชุมชน สามารถแก้ไขปัญหาสังคม ไม่ว่าจะเป็นปัญหายาเสพติดหรือการเล่นพนันออนไลน์ในเด็กและเยาวชน รวมถึงการพนันอื่นๆ  ซึ่งสำนักงานสลากฯ มีความแน่วแน่ในการไม่สนับสนุนให้เล่นการพนันทุกประเภทอยู่แล้ว

สังคม : สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลแถลงโครงการสลากสรรค์สร้างเพื่อชุมชนปี 62

People unity : post 9 กรกฎาคม 2562 เวลา 21.00 น.

นายกฯ ชูพลังสตรีขับเคลื่อนประเทศ พร้อมส่งเสริมความเท่าเทียมระหว่างเพศและศักยภาพผู้หญิง

People Unity News : 23 มิถุนายน 65 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวปาฐกถาพิเศษในพิธีเปิดการประชุมสุดยอดผู้นำสตรีโลก ประจำปี 2565 ซึ่งมีผู้ร่วมงานจาก 52 ประเทศ ณ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ เซ็นทรัลเวิลด์

นายกฯ กล่าวว่า วันนี้ถือเป็นโอกาสอันดีของไทยที่จะได้รับประสบการณ์ดีๆ จากสุดยอดผู้นำสตรีทั่วโลก และชื่นชมการจัดงานแบบรักษ์โลก (ประเมินปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกิจกรรมในการประชุม) สอดคล้องกับหลักการของไทย ที่พร้อมรับผิดชอบต่อโลกใบนี้ไปพร้อมกับทุกคน

ไทยริเริ่มเดินหน้าพัฒนาประเทศในทุกมิติ รวมถึงการส่งเสริมความเท่าเทียมระหว่างเพศ โดยการสนับสนุนการสร้างพื้นที่ให้ผู้หญิงได้แสดงศักยภาพของตนเอง และผู้หญิงคือพลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคม

เช่น การส่งเสริมบทบาทผู้หญิงในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และยังนำไปสู่สันติสุขในจังหวัดชายแดนใต้ รวมถึง อสม. กว่าล้านคน ที่กว่า 90% เป็นผู้หญิง ที่คอยดูแลสุขภาพ กระตุ้นให้คนออกมาฉีดวัคซีนในช่วงโควิดที่ผ่านมา

นอกจากนี้ รัฐบาลได้เปิดโอกาสในการเข้าถึงการเรียนรู้และพัฒนาทักษะในยุคดิจิทัล โดยร่วมมือกับองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) ดำเนินโครงการพัฒนาศักยภาพแรงงานสตรีในสถานประกอบกิจการ/ ร่วมรับรองเอกสารวาระการดำเนินงานในการสร้างความตระหนักในเรื่องการส่งเสริมขีดความสามารถทางเศรษฐกิจของสตรีในอาเซียน/ เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปคด้านสตรีและเศรษฐกิจ ในเดือน ก.ย. 65 ฯลฯ

การประชุมครั้งนี้ถือเป็นเวทีสำคัญในการสร้างเครือข่ายความร่วมมือ เพื่อขยายโอกาสทางธุรกิจและส่งเสริมบทบาทสตรีในการพัฒนาเศรษฐกิจโลกอย่างยั่งยืน

Advertisement

รัฐบาลยันเตียงผู้ป่วยโควิด19 เพียงพอ เผยใน กทม. มี 20,652 เตียง ยังว่างอยู่ 7,905 เตียง

People Unity News : รัฐบาลยืนยันเตียงผู้ป่วยโควิด19 เพียงพอ ขยายเพิ่ม 1 พัน รองรับผู้ป่วยมีอาการ คุมเข้มการระบาดแคมป์คนงาน

วันนี้ (22 พ.ค.64) นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด19 รายใหม่ ที่พบว่ามีเพิ่มขึ้นมากในพื้น กทม.และปริมณฑล นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในที่ประชุม ศบค. วันนี้ (22 พ.ค.) ได้ติดตามความพร้อมของจำนวนเตียงผู้ป่วยกลุ่มสีแดง (อาการหนัก) และเหลือง (มีอาการ) เพื่อให้มั่นใจว่ามีเพียงพอต่อการรองรับแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของผู้ป่วยมีอาการ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขรายงานว่า จากข้อมูลระบบ Co-ward ณ วันที่ 20 พ.ค. มีจำนวนเตียงทั้งหมดในโรงพยาบาล โรงพยาบาลสนาม และ Hospitel ในพื้นที่ กทม. จำนวน 20,652 เตียง ผู้ป่วยครองเตียง  61% ยังว่างอยู่ 7,905 เตียง ในพื้นที่เขตสุขภาพ 1-12 จำนวน 40,648 เตียง ผู้ป่วยครองเตียง 39% ว่างอยู่ 24,786 เตียง และหากแบ่งตามอาการความรุนแรง จากข้อมูลทั่วประเทศ มีผู้ป่วยครองเตียง ระดับสีแดง 69% ระดับสีเหลือง 54% และระดับสีเขียว 44%

ส่วนพื้นที่ กทม.และปริมณฑลซึ่งมีผู้ติดเชื้อโควิด19 เกินกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนผู้ติดเชื้อทั้งหมดทั่วประเทศ ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขได้มีแผนขยายจำนวนเตียงโรงพยาบาลบุษราคัมอีก 1 พันเตียง เพื่อรองรับผู้ป่วยมีอาการที่มีจำนวนเพิ่มขึ้น ในภาพรวมมีการบริหารจัดการที่ดี มีบุคลากรทางการแพทย์สลับเข้ามาดูแล  ใช้กล้องซีซีทีวีเพื่อติดตามดูแลผู้ป่วยด้วย และกระทรวงฯยังได้ประสานโรงพยาบาลเอกชนเพื่อเพิ่มจำนวนเตียงรองรับผู้ป่วยอาการหนักด้วย ซึ่งแนวทางการจัดการเตียงในทุกโรงพยาบาล หากผู้ป่วยอาการหนักมีอาการดีขึ้น ก็จะได้รับการส่งต่อไปรับการดูแลโรงพยาบาลกลุ่มสีเหลืองที่ดูแลผู้ป่วยอาการไม่มากต่อไป

สำหรับผู้ติดเชื้อโควิด19 ที่พบในกลุ่มแรงงานต่างด้าวเป็นคลัสเตอร์ กระจายอยู่ในแคมป์ก่อสร้างในหลายเขตของ กทม.นั้น คณะกรรมการโรคติดต่อ กทม. เห็นชอบแนวทางการควบคุมพื้นที่แคมป์คนงานก่อสร้าง เขตหลักสี่ โดย 1)ไม่ให้มีการเคลื่อนย้ายแรงงาน 2)จัดการดูแลสุขอนามัยของผู้ที่อยู่ในแคมป์ 3)ส่งมอบอาหาร 4)จัดทีมแพทย์ดูแลรักษาเบื้องต้นแก่ผู้ติดเชื้อที่อยู่ภายใน และ 5)หากพบผู้มีอาการป่วยจะนำส่งโรงพยาบาลต่อไป ส่วนการดูแลแคมป์คนงานก่อสร้างอื่นๆ จะแบ่งเป็น 2 ลักษณะคือ 1) แคมป์คนงานก่อสร้างที่อยู่ในพื้นที่เดียวกับสถานที่ก่อสร้าง หากพบผู้ติดเชื้อให้ดำเนินการควบคุมพื้นที่เช่นเดียวกับแคมป์คนงานเขตหลักสี่ โดยผู้ที่อยู่ภายในยังสามารถทำงานได้ตามปกติ และ 2) แคมป์คนงานก่อสร้างที่ไม่ได้อยู่พื้นที่เดียวกับสถานที่ก่อสร้าง ให้กักตัวผู้ที่ติดเชื้อในพื้นที่แคมป์ซึ่งเจ้าของต้องจัดให้เหมาะสม ภายใต้การดูแลของสำนักงานเขตและสำนักอนามัย และผู้ที่ไม่ติดเชื้อที่ต้องเดินทางไปทำงานจะต้องแจ้งเส้นทางการเดินทางต่อเขตต้นทางและปลายทาง โดยจะต้องไม่จอดหรือหยุดพักระหว่างทาง และปฏิบัติตามมาตรการอื่นๆที่กำหนดอย่างเคร่งครัด พร้อมกันนี้ สำนักอนามัยจะจัดทีมลงพื้นที่เสี่ยงเพื่อตรวจค้นหาผู้ป่วยเชิงรุก ต่อเนื่องจนถึงวันที่ 30 ก.ย. หมุนเวียน 6 กลุ่มเขต เพื่อลดการเดินทางของประชาชนให้ได้มากที่สุดด้วย

“นายกรัฐมนตรีห่วงใยและติดตามการดำเนินการในพื้นที่ กทม.และจังหวัดโดยรอบอย่างใกล้ชิด ยืนยันดูแลทุกชีวิตให้ดีที่สุด ไม่อยากให้เกิดความสูญเสีย มั่นใจแนวทางที่สาธารณสุข กทม.และหน่วยงานต่างๆที่ร่วมกันดำเนินการอยู่นี้ครอบคลุมการเร่งค้นหาผู้ป่วยเชิงรุก การดำเนินการฉีดวัคซีน จะสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้”  นางสาวรัชดากล่าว

Advertising

นายกฯ พบกลุ่มสตรี ย้ำ ขับเคลื่อนเสมอภาคคู่กระตุ้นเศรษฐกิจ

People Unity News : 7 กันยายน 2566 ที่พรรคเพื่อไทย – นายกฯ พบกลุ่มสตรี ย้ำ เป็นรัฐบาลของประชาชน ให้ความสำคัญกับความเสมอภาคเท่าเทียม พร้อมกับการกระตุ้นเศรษฐกิจ

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้การต้อนรับคณะนักธุรกิจและสมาคมสตรีจากภาคส่วนต่างๆ เข้ามาร่วมแสดงความยินดีกับนายกรัฐมนตรี พร้อมเสนอให้นายกรัฐมนตรีส่งเสริมบทบาทสตรี  และหาทางออกปัญหาที่เกิดจากสถาบันครอบครัวที่ไม่ได้รับการแก้ไข  รวมทั้งขอให้ฟื้นกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ซึ่งเป็นกองทุนส่งเสริมอาชีพของสตรีที่เกิดขึ้นช่วงรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี  ซึ่งการส่งเสริมบทบาทสตรีอย่างเท่าเทียม จะส่งผลดีในภาพรวมของประเทศต่อไป  พร้อมแสดงความเชื่อมั่นในความรู้ ความสามารถของนายกรัฐมนตรี จะนำพาความแข็งแกร่งทุกด้าน นำพาประเทศไทยผ่านพ้นวิกฤต  ขอให้กำลังใจนายกรัฐมนตรีในการทำงานเพื่อประเทศชาติให้สำเร็จลุล่วงต่อไป

“ขอกราบขอบพระคุณสำหรับคำอวยพรที่ยิ่งใหญ่  สำหรับภารกิจที่หนักหนาขนาดนี้  ดีใจที่ในภาคของสตรีเข้าใจว่ารัฐบาลของประชาชนที่เข้ามาบริหารจัดการในขณะนี้ เราพิจารณาเรื่องความเท่าเทียมและสิทธิของสตรีด้วย ขณะนี้เราไม่ได้ดูเพียงเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว แต่เรายังมีปัญหาเรื่องความเท่าเทียม มีเรื่องสิทธิของสตรี ขณะนี้ประเทศประสบปัญหาเยอะ ไม่ใช่เพียงเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว เรื่องความเหลื่อมล้ำ ความไม่เสมอภาค ความเท่าเทียม  ถือว่าเราต้องเยียวยาจิตใจของประชาชนทุกภาคส่วน  รัฐบาลของเรา รัฐบาลของประชาชน มีความตั้งใจจริงที่จะนำมาซึ่งความเสมอภาคและความเท่าเทียม ซึ่งภาคของสตรีเป็นภาคหนึ่งที่รัฐบาลให้ความสำคัญ” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การที่ภาคสตรีมาพบวันนี้ จะช่วยลดการมองว่ารัฐบาลมุ่งเพียงเรื่องเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว เรื่องของสังคมและความเท่าเทียมถือเป็นเรื่องที่สำคัญ  ดีใจที่สตรีหลายภาคส่วนมาพบวันนี้  โดยเฉพาะมีกงสุลกิตติมศักดิ์สหรัฐเม็กซิโก ประจำจังหวัดภูเก็ตมาด้วย ซึ่งรัฐบาลมีแผนงานส่งเสริมการท่องเที่ยวในจังหวัดนั้น จึงขอความร่วมมือให้ท่านตอบสนองแนวนโยบายที่เราจะส่งเสริมการท่องเที่ยวด้วย เนื่องจากการท่องเที่ยวเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นที่สำคัญที่สุด

สำหรับผู้เข้าพบนายกรัฐมนตรีในวันนี้ 1.สมาคมสตรีไทยดีเด่นแห่งชาติ 2.สมาคมชาวเหนือแห่งประเทศไทย 3.สมาคมนักธุรกิจและวิชาชีพแห่งประเทศไทย-นครปฐม 4.สมาคมนักธุรกิจและวิชาชีพแห่งประเทศไทย-เพชรบุรี 5.สมาคมไหหลำ 6.มูลนิธิกฤตานุสรณ์ในพระบรมราชูปถัมภ์ 7.มูลนิธิพัฒนาวิชาชีพสตรี 8.กลุ่มแอมเฟรม 9.ศาลแรงงานภาค 3 10.กงสุลกิตติมศักดิ์ สหรัฐเม็กซิโก ประจำจังหวัดภูเก็ต เขตกงสุล ภูเก็ต พังงา กระบี่ 11.ซอนต้า 8 12.บริษัท สมพลเบดดิ้ง แอนด์ แมทเทรส อินดัสตรี จำกัด 13.ชมรมเพลินไทย สมัยนิยม 14.นางเยาวเรศ ชินวัตร

Advertisement

ลอยกระทงปีนี้!สุรินทร์ดึงคนพื้นที่เป็นนางแบบโชว์ศักยภาพเมืองผ้าไหม กระตุ้นท่องเที่ยวดันยอด OTOP

People Unity : สุรินทร์โชว์ศักยภาพเมืองผ้าไหม ใช้คนพื้นที่เป็นนางแบบจิตอาสาร่วมรณรงค์แต่งกายผ้าไทยหวังกระตุ้นท่องเที่ยวและเพิ่มยอดจำหน่าย OTOP ผ้าไหม

วันที่ 28 ต.ค.2562 สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดสุรินทร์ ร่วมกับชมรมถ่ายภาพสมัครเล่นเมืองช้าง จัดกิจกรรมถ่ายแบบเพื่อประชาสัมพันธ์รณรงค์นุ่งผ้าไหม โดยเชิญชวนชายหนุ่มหญิงสาวจากภาคส่วนต่างๆ มาเป็นนายแบบนางแบบจิตอาสา เช่น นางสาวสุรินทร์ ปี 2562 ลูกหลานกรรมกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี เครือข่าย OTOP และบุคลากรของาำนักงารพัฒนาชุมชน ร่วมเป็นแบบในการถ่ายทำภาพกิจกรรม

นายสรสาสน์ สีเพ็ง พัฒนาการจังหวัดสุรินทร์ เปิดเผยว่า จากนโยบายรัฐบาลที่มุ่งสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจฐานรากโดยใช้ศักยภาพของพื้นที่ในการสร้างรายได้ ซึ่งนายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน ได้ให้แนวทางทุกจังหวัดแต่งกายด้วยผ้าไทยทุกวัน เพื่อกระตุ้นยอดจำหน่าย OTOP ของแต่ละจังหวัด ประกอบกับแนวทางของนายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ที่ให้มีกิจกรรม “ถือตะกร้า นุ่งผ้าซิ่น หิ้วปิ่นโต” ทุกวันศุกร์ ดังนั้น สำนักงานพัฒนาชุมชนซึงรับผิดชอบในการส่งการผลิตการแปรรูปและการตลาด OTOP ผ้าไหม จึงได้จัดกิจกรรมผลิตสื่อเพื่อการประชาสัมพันธ์และรณรงค์ให้ชาวสุรินทร์และประชาชนทั่วไปได้หันมาสนใจสวมใส่ผ้าไหมหรือผ้าพื้นเมืองในโอกาสต่างๆ

“จังหวัดสุรินทร์มีศักยภาพสูงในการผลิตผ้าไหมคุณภาพเยี่ยม โดยประชาชนมีการทอผ้าไหมและผ้าพื้นเมืองอื่นๆ กระจายอยู่ในแทบทุกหมู่บ้าน แต่การตลาดยังมีข้อจำกัดอยู่ หากมีการประชาสัมพันธ์ให้เห็นถคงเสน่ห์ของการสวมใส่ผ้าไหม และรณรงค์ให้มีการสวมใส่อย่างกว้างขวางทั้งหน่วยงานภาครัฐ หรือทุกภาคส่วน ก็จะช่วยกระตุ้นการตลาดเพิ่มยอดจำหน่าย OTOP ผ้าไหมได้มากขึ้น” พัฒนาการจังหวัดสุรินทร์กล่าว

สำหรับกิจกรรมถ่ายภาพรณรงค์นุ่งผ้าไหมสุรินทร์ ครั้งนี้ใช้แนวคิดนุ่งผ้าไหมไปลอยกระทง สถานที่ถ่ายทำ ณ วัดบ้านระเภาว์ ตำบลท่าสว่าง อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ ส่วนนายแบบนางแบบใช้คนในพื้นที่ ประกอบด้วย พัฒนากร เจ้าหน้าที่กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี เจ้าหน้าที่ธุรการ ทายาทเครือข่ายกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี เครือข่าย OTOP Trader และนางสาวสุรินทร์ ปี 2562

มวยไทยซอฟต์พาวเวอร์ที่คนไทยภูมิใจ

People Unity News : 4 กรกฎาคม 2566 วอชิงตัน ดี.ซี. – “บัวขาว” ซอฟต์เพาเวอร์มวยไทย ร่วมงานสวัสดี ดี.ซี. ไทยเฟสติวัล ที่สหรัฐ ย้ำเพราะมวยไทยทำให้คนรู้จัก ต่างชาติสนใจเรียนมวย เป็นความภูมิใจของคนไทย

“บัวขาว บัญชาเมฆ” นักมวยขวัญใจชาวไทยและแฟนมวยไทยทั่วโลก ร่วมงานสวัสดี ดี.ซี. ไทยเฟสติวัล บริเวณลานหน้าอาคารรัฐสภาสหรัฐ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. วันนี้ (3 ก.ค.) ตามเวลาสหรัฐอเมริกา ซึ่งช้ากว่าประเทศไทย 11 ชั่วโมง เปิดเผยว่า รู้สึกดีใจที่มาร่วมงาน ทั้งนี้ เตรียมศิลปะแม่ไม้มวยไทยมาโชว์ในงานนี้ เช่น การไหว้ครู โชว์เตะเป้า และเชิญแฟนคลับร่วมซ้อม ทั้งนี้ เห็นว่าเป็นเรื่องที่ดีที่ทุกหน่วยงานร่วมผลักดันมวยไทยศิลปะประจำชาติเป็น soft power ให้กระจายโด่งดังไปทั่วโลก และต่อยอดไปยังธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องได้

“ความจริงแล้วศิลปะแม่ไม้มวยไทยกระจายโด่งดังไปทั่วโลก ไปไหนก็มีค่ายมวยไทย มีชาวต่างชาติไปเรียนมวย พอขึ้นชื่อว่ามวยไทยเราก็มีความภาคภูมิใจ จะไปไหนก็มีแต่คนรู้จักมวยไทยไหม ยืดอกได้ เป็นความภาคภูมิใจของคนคนนั้นเลย” บัวขาว กล่าว

บัวขาว ยกตัวอย่างผลที่เกิดจาก soft powers แบบง่ายๆ ว่า ตัวของบัวขาวเองไม่มีคนรู้จัก แต่เพราะมวยไทยยกระดับทำให้มีชื่อเสียง หรือคนหันมาใส่กางเกงมวยในชีวิตประจำวันมากขึ้น พร้อมฝากถึงผู้ที่อยากเรียนมวยไทยว่าไม่จำกัดอายุ ขอเพียงกายพร้อมใจพร้อมเท่านั้น

“จริงๆ เขาไม่รู้จักตน แต่เพราะมวยไทย และการเป็นบัวขาวคือมวยไทย ศิลปะการต่อสู้ ยกระดับให้ตนมีชื่อเสียง คุณรู้จักตน” บัวขาว กล่าว

ด้านนายธนัท ยิ่งวิทยาคุณ เจ้าของค่ายมวยที่มาร่วมกิจกรรม กล่าวถึงความนิยมมวยไทยส่งผลให้คนหันมาสนใจเรียนมวยไทยจากทั่วโลก เพื่อซ้อมไว้ต่อสู้ ออกกำลังกาย และลดความอ้วน โดยเฉพาะคนทำงานไปจนถึงเด็ก

“แต่วัยทำงานเยอะมาก หลังเลิกงาน เขาจะเอาใจใส่สุขภาพ เพื่อออกกำลังกายด้วยมวยไทย เป็นแนวทางที่ดีที่จะผลักดันมวยไทยเป็น soft power จะทำให้คนจะมีงานเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะนักมวยเก่าๆ และส่งเสริมศิลปะแม่ไม้มวยไทย” นายธนัท กล่าว

Advertisement

วันลอยกระทง!กรมควบคุมโรคแนะนำวัยรุ่นคู่รักให้รู้จักป้องกันการมีเพศสัมพันธ์

People Unity News : กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เตือนประชาชนในช่วงเทศกาลวันลอยกระทงปีนี้ให้ระมัดระวังอุบัติเหตุจากการจมน้ำ ผู้ปกครองควรดูแลเด็กอย่างใกล้ชิด ไม่ปล่อยให้เด็กลงไปเก็บกระทงหรือปล่อยเด็กเล็กอยู่ตามลำพัง เพราะอาจเสี่ยงจมน้ำเสียชีวิตได้แม้ระดับน้ำลึกเพียง 2-3 นิ้ว และอุบัติเหตุจากการจุดประทัด ดอกไม้ไฟ พลุ พร้อมแนะวัยรุ่นคู่รักให้รู้จักป้องกันการมีเพศสัมพันธ์ในค่ำคืนวันลอยกระทง

วันที่ 8 พฤศจิกายน 2562 นายแพทย์อัษฎางค์ รวยอาจิณ รองอธิบดีและโฆษกกรมควบคุมโรค กล่าวว่า วันลอยกระทงปีนี้ตรงกับวันที่ 11 พฤศจิกายน 2562 ซึ่งในแต่ละพื้นที่จะมีการจัดกิจกรรมตามประเพณี และจะมีประชาชนจำนวนมากเข้าร่วมงาน โดยทุกปีจะพบผู้เสียชีวิตจากการจมน้ำในค่ำคืนวันลอยกระทง จากข้อมูลของกองยุทธศาสตร์และแผนงาน สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข เฉพาะช่วงลอยกระทง 3 วัน (ก่อนวันลอยกระทง วันลอยกระทง และหลังวันลอยกระทง) ในช่วง 5 ปี ที่ผ่านมา (ปี 2557-2561) พบผู้เสียชีวิตจากการจมน้ำรวม 166 ราย (เป็นเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี จำนวน 29 ราย) โดยในปี 2561 เพียงปีเดียว พบผู้เสียชีวิตจากการจมน้ำ 26 ราย (เป็นเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี จำนวน 5 ราย) และบางรายอาจได้รับอุบัติเหตุจากการจุดประทัด ดอกไม้ไฟ พลุ ทำให้ได้รับบาดเจ็บตามอวัยวะต่างๆของร่างกาย ดังนั้น กรมควบคุมโรค จึงขอเตือนประชาชนในช่วงเทศกาลวันลอยกระทงปีนี้ ขอให้ระมัดระวังอุบัติเหตุดังกล่าว นอกจากนี้ ขอแนะนำวัยรุ่นคู่รักที่มักควงคู่กันออกมาลอยกระทงให้รู้จักป้องกันการมีเพศสัมพันธ์

คำแนะนำในการป้องกันการจมน้ำ ให้ยึดหลัก 3 อย่า คือ 1.อย่าใกล้: อย่ายืนใกล้ขอบบ่อ 2.อย่าเก็บ: อย่าลงน้ำไปเก็บเงินในกระทง 3.อย่าก้ม: อย่าก้มไปลอยกระทง โดยผู้ปกครองควรดูแลเด็กอย่างใกล้ชิดไม่ให้คลาดสายตา และเพิ่มความระมัดระวังเมื่อนำเด็กเข้าใกล้แหล่งน้ำ โดยเฉพาะเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ต้องอยู่ในระยะที่แขนเอื้อมถึง ไม่ปล่อยให้เด็กไปลอยกระทงกันเองตามลำพังแม้จะอยู่บนฝั่งเพราะอาจพลัดตกหรือลื่นได้ รวมถึงในกะละมังหรือถังน้ำด้วย และไม่ควรให้เด็กลงเก็บกระทงหรือเก็บเงินในกระทงเด็ดขาด เพราะเด็กอาจเสี่ยงจมน้ำและเสียชีวิตได้ ส่วนในกลุ่มผู้ใหญ่ควรหลีกเลี่ยงการดื่มสุรา และลงน้ำ หากมีการโดยสารเรือให้สวมเสื้อชูชีพทุกครั้งทั้งผู้ใหญ่และเด็ก

นายแพทย์อัษฎางค์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับคำแนะนำในการจุดประทัด ดอกไม้ไฟ และพลุ เพื่อความปลอดภัย ควรปฏิบัติดังนี้ 1.ไม่จุดประทัด พลุ ดอกไม้ไฟ ใกล้วัตถุไวไฟหรืออาคารบ้านเรือน ไม่เล่นผาดโผน อาจเสี่ยงเกิดการระเบิดได้ 2.ผู้ปกครองไม่ควรให้เด็กนำประทัด ดอกไม้ไฟมาจุด 3.หากจำเป็นต้องใช้ในงานพิธี ควรอ่านคำแนะนำก่อน และควรจุดให้ห่างจากตัวประมาณ 1 ช่วงแขน 4.ห้ามพยายามจุดประทัด ดอกไม้ไฟ และพลุที่จุดแล้วไม่ติดอย่างเด็ดขาด 5.ไม่เก็บประทัด ดอกไม้ไฟ และพลุไว้ในกระเป๋าเสื้อ กางเกง หรือที่มีอากาศร้อน แดดส่องถึง เพราะอาจเกิดการเสียดสีและระเบิดได้ 6.ควรเตรียมภาชนะบรรจุน้ำไว้ใกล้ๆ ไว้ใช้กรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉิน 7.ห้ามประกอบหรือดัดแปลงประทัด ดอกไม้ไฟ และพลุไว้จุดเองเด็ดขาด 8.ให้ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 อย่างเคร่งครัด และ 9.หากเกิดอุบัติเหตุ การปฐมพยาบาลเบื้องต้นเมื่อนิ้วหรืออวัยวะใดอวัยวะหนึ่งขาดจากแรงระเบิด ให้รีบห้ามเลือดบริเวณที่อวัยวะขาด โดยใช้ผ้าสะอาดปิดบาดแผล และพันบาดแผลให้แน่นเพื่อป้องกันเลือดออก ไม่ควรใช้เชือกหรือสายรัดเหนือแผลเพราะจะทำให้เส้นประสาทหรือหลอดเลือดเสียหายได้ และรีบโทรแจ้งขอความช่วยเหลือจากทีมแพทย์กู้ชีพ โทร. 1669

นอกจากนี้ ขอแนะนำกลุ่มวัยรุ่นให้มีสติ รู้จักป้องกันการมีเพศสัมพันธ์อย่างถูกวิธี ดังนี้ 1.ควรหาวิธีปฏิเสธหรือต่อรอง เมื่ออยู่ในสภาวะที่ไม่พร้อมจะมีเพศสัมพันธ์หรือเสี่ยงต่อการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย 2.หากหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ไม่ได้ควรใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้ง เพื่อป้องกันการเกิดโรค หรือการตั้งครรภ์ที่ยังไม่พร้อม 3.ระมัดระวังและไม่ควรไว้ใจผู้อื่นง่ายๆ ควรไปลอยกระทงเป็นกลุ่มไม่ไปในพื้นที่ล่อแหลมสุ่มเสี่ยง อย่าเปิดโอกาสที่จะอยู่ด้วยกันสองต่อสอง 4.ไม่ควรพิสูจน์ความรักด้วยการมีเพศสัมพันธ์ เพราะการมีเพศสัมพันธ์ดังกล่าวนี้ อาจก่อให้เกิดปัญหาตามมาอีกมากมาย เช่น โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และการติดเชื้อเอชไอวี การตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์อันจะนำไปสู่ปัญหาการทำแท้ง ก่อให้เกิดปัญหาอาชญากรรมและสังคมตามมา

Verified by ExactMetrics