วันที่ 18 เมษายน 2024

เผยกำหนดการประชุมร่วมนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีไทย-ลาว ครั้งที่ 3 13-14 ธ.ค.

People unity news online : นายกรัฐมนตรีมีกำหนดการประชุมร่วมนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการไทย – ลาว ครั้งที่ 3

พลโท วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีกำหนดการเข้าประชุมร่วมนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการ (Joint Cabinet Retreat : JCR) ไทย – ลาว ครั้งที่ 3 ณ นครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ระหว่างวันที่ 13-14 ธันวาคม 2561

โดยรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีที่เข้าร่วมการประชุมฯอาทิ พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และ พลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน

การประชุม JCR ไทย-ลาว เป็นกลไกการหารือทวิภาคีระหว่างนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีสองฝ่าย มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้นำร่วมกันกำหนดวิสัยทัศน์ในการพัฒนาประเทศและแสวงหาแนวทางความร่วมมือในการรับมือกับความท้าทายในอนุภูมิภาค/ภูมิภาคร่วมกัน โดยประเด็นสำคัญที่นายกรัฐมนตรีจะหยิบยกในการประชุมฯ ได้แก่ ย้ำการยกระดับความสัมพันธ์เป็น “หุ้นส่วนเพื่อความเจริญและการพัฒนาอย่างยั่งยืน” เน้นการร่วมส่งเสริมพลวัตการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของสองประเทศ การเชื่อมโยงอย่างไร้รอยต่อ ประกอบด้วย 3 เสาความร่วมมือ ได้แก่

1.ความร่วมมือด้านการเมืองและความมั่นคง ไม่ให้ผู้ไม่หวังดีใช้ไทยและลาวเป็นฐานบ่อนทำลายความสงบเรียบร้อยของอีกประเทศ การป้องกันและปราบปรามยาเสพติด และการยกระดับจุดผ่านแดนระหว่างสองฝ่ายให้เท่าเทียมกัน

2.ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ เสริมสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจร่วมกันผ่านการเชื่อมโยงอย่างไร้รอยต่อตามแผนแม่บท ACMECS ส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจร่วมกันเพื่อรับมือความท้าทายในภูมิภาค เสริมสร้างความเชื่อมโยงทางกายภาพ (ถนน/ สะพาน) ควบคู่กับความเชื่อมโยงทางกฎระเบียบ สนับสนุนนักลงทุนไทยไปลงทุนในลาว โดยตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าการค้าเป็น 2 เท่า (11,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในปี 2564

3.ความร่วมมือด้านสังคมและการพัฒนา สนับสนุนให้ลาวหลุดพ้นจากการเป็นประเทศพัฒนาน้อยที่สุด ให้ลาวใช้ประโยชน์จากโครงการเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนในลาวมากขึ้น จัดทำแผนแม่บทการพัฒนาการเชื่อมโยงด้านการท่องเที่ยวข้ามแดนไทย – ลาว ยืนยันการดูแลแรงงานลาวอย่างเต็มที่ตามกฎหมายไทย

โอกาสนี้นายกรัฐมนตรีจะได้พบหารือกับนายบุนยัง วอละจิด ประธานประเทศของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว  โดยจะได้หารือเกี่ยวกับการฉลองครบรอบ 70 ปี ความสัมพันธ์ไทย – ลาว ในปี 2563 การส่งเสริมความเชื่อมโยงอย่างไร้รอยต่อไทย – ลาว (เปลี่ยนลาวจาก Land-locked เป็น Land-linked) และการร่วมจัดทำแผนแม่บทการพัฒนาการเชื่อมโยงด้านการท่องเที่ยวข้ามแดนไทย – ลาว (ไม่ให้เขตแดนเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนา

กำหนดการที่สำคัญของนายกรัฐมนตรีมีดังนี้

วันพฤหัสบดีที่ 13 ธันวาคม 2561

16.25 น. –  นายกรัฐมนตรีและภริยา พร้อมด้วยคณะ เดินทางออกจากท่าอากาศยานนานาชาติอุดรธานี  จังหวัด อุดรธานี โดยเครื่องบินของกองทัพอากาศ ไปยังนครเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว

จากนั้นนายกรัฐมนตรีจะเข้าเยี่ยมคารวะนายบุนยัง วอละจิด (H.E. Mr. Bounnhang Vorachit) ประธานประเทศแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว โดยในช่วงค่ำนายทองลุน สีสุลิด (H.E. Mr. Thongloun Sisoulith) นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนลาว และภริยา เป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงอาหารค่ำ เพื่อเป็นเกียรติแก่นายกรัฐมนตรีและภริยา พร้อมด้วยคณะ

วันศุกร์ที่ 14 ธันวาคม 2561

09.00 น. – การหารือทวิภาคีกลุ่มเล็กระหว่างนายกรัฐมนตรีกับนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว

09.45 น. – การประชุมร่วมนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการ (Joint Cabinet Retreat – JCR) ไทย – ลาว ครั้งที่ 3

ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมฯนายกรัฐมนตรีกับนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เป็นสักขีพยานการลงนามความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว

-พิธีมอบความช่วยเหลือเหตุอุทกภัยในแขวงอัตตะปือเพิ่มเติมในระยะฟื้นฟู

-พิธีมอบโครงการพัฒนาวิทยาลัยพลศึกษานครหลวงเวียงจันทน์

11.00 น. – นายกรัฐมนตรีกับนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวแถลงข่าวร่วม

11.45 น. – นายกรัฐมนตรีกับนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว พร้อมด้วยคณะรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวรับฟังการบรรยายสรุปและเยี่ยมชมห้องแสดงผลงานความร่วมมือด้านพลังงานไฟฟ้าครบรอบ 50 ปี

15.00 น. – นายกรัฐมนตรีและภริยา พร้อมด้วยคณะ เดินทางออกจากท่าอากาศยานนานาชาติวัดไต กลับประเทศไทย โดยจะเดินทางถึงท่าอากาศยานทหาร 2 (กองบิน 6) เวลา 16.05 น.

People unity news online : post 13 ธันวาคม 2561 เวลา 08.24 น.

ออสเตรเลียปรับท่าที ส่ง รมว.กลาโหมจูบปากไทย

People unity news online : 23 สิงหาคม 2560 พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษก กห. เปิดเผยว่า วันนี้ 23 ส.ค.60 เวลา 10.00 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม. และ รมว.กห. ให้การต้อนรับ นางสาว Marise Payne รมว.กห.เครือรัฐออสเตรเลีย และคณะ ณ ศาลาว่าการกลาโหม ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ในฐานะแขกของ กห. ระหว่าง 22 – 24 ส.ค.60

นางสาว Marise ได้กล่าวแสดงความอาลัยอย่างสุดซึ้ง ต่อการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พร้อมทั้งได้แสดงความยินดีกับประชาชนไทย ในการเสด็จขึ้นครองราชย์ของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร และกล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างออสเตรเลียและไทย ที่มีพัฒนาการอย่างแน่นแฟ้น โดยเฉพาะ กห.ของทั้งสองประเทศ ที่คงความต่อเนื่องในการสานต่อความสัมพันธ์และแลกเปลี่ยนความร่วมมือทางทหารระหว่างกันอย่างใกล้ชิด ทั้งด้านการฝึก ศึกษา การรักษาสันติภาพ การลาดตระเวนทางทะเล และการแลกเปลี่ยนข่าวสาร พร้อมทั้งเสนอให้มีการฝึกการลาดตระเวนทางทะเลร่วมกันในต้นปี 61 เพื่อพัฒนาศักยภาพความร่วมมือทางทะเล  ขณะเดียวกัน ก็ขอขอบคุณไทยที่ให้การสนับสนุนออสเตรเลียในเวทีการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนกับประเทศคู่เจรจา ( ADMM Plus )  เพื่อร่วมกันรักษาความมั่นคงของภูมิภาค

พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวขอบคุณ นางสาว Marise ที่แสดงความอาลัยต่อการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในรัชกาลที่ 9 พร้อมทั้งขอบคุณออสเตรเลียที่ให้การสนับสนุนความร่วมมือทางทหารกับไทยมาโดยตลอด โดยเฉพาะได้ส่งเรือรบเข้าร่วมพิธีสวนสนามทางเรือที่ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นในโอกาสครบรอบ 50 ปีอาเซียนในเดือน พ.ย.60  และกล่าวว่า การเดินทางเยือนไทยของ รมว.กระทรวงต่างประเทศ และ รมว.กระทรวงกลาโหมออสเตรเลีย ในระยะเวลาที่ใกล้กันที่ผ่านมา สะท้อนถึงความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศที่แน่นแฟ้นมาโดยตลอด ทั้งนี้ ความร่วมมือทางทหารที่ใกล้ชิดและแน่นแฟ้นระหว่างกัน จะเป็นส่วนสำคัญให้เราสามารถรับมือกับความท้าทายของภูมิภาคและของโลกร่วมกัน

People unity news online : post 23 สิงหาคม 2560 เวลา 21.20 น.

สรุปผลการเยือนราชอาณาจักรภูฏานอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี

People unity news online : วันที่ 20 กรกฎาคม 2561 สรุปผลการเยือนราชอาณาจักรภูฏานอย่างเป็นทางการของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะ ระหว่างวันที่ 19 – 20 กรกฎาคม 2561 สรุปผลสำเร็จในการปฏิบัติภารกิจ ดังนี้

1.ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น และสมเกียรติ โดยร่วมพิธีต้อนรับอย่างเป็นทางการ ณ ป้อมปราการทาชิโช ซึ่งภูฏานจัดขบวนเกียรติยศแบบพื้นเมือง เดินนำหน้าขบวนรถยนต์ และตรวจแถวกองทหารเกียรติยศ

2.ทั้งสองประเทศมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน และการเดินทางเยือนครั้งนี้เป็นโอกาสดีที่ทั้งสองประเทศสามารถกระชับความสัมพันธ์และความร่วมมือที่มีอยู่ให้ใกล้ชิดยิ่งกว่าเดิม

3.การเดินทางเยือนภูฏานในครั้งนี้ถือว่าได้รับเกียรติอย่างสูงสุด เนื่องจากมีโอกาสได้เข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระราชาธิบดีและสมเด็จพระราชินีแห่งราชอาณาจักรภูฏาน แสดงถึงความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศที่มีความใกล้ชิดทางพระพุทธศาสนา สังคม วัฒนธรรม และความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งประชาชนชาวไทยต่างมีความเคารพและชื่นชมในสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งภูฏานอย่างมาก

4.การพบปะกับนายกรัฐมนตรีภูฏานนั้น ทั้งสองฝ่ายต่างพอใจกับการหารือครั้งนี้ เนื่องจากไทยมีส่วนช่วยส่งเสริมการพัฒนาประเทศของภูฏาน โดยเฉพาะความร่วมมือทางวิชาการด้านการพัฒนา สาธารณสุข และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังเห็นว่าความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวเป็นสาขาที่ทั้งสองประเทศมีศักยภาพและเอื้อประโยชน์แก่กันได้ จึงเห็นควรผลักดันความร่วมมือดังกล่าวให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม ไทยและภูฏานยังมุ่งมั่นที่จะเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกันผ่านการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้าไทย – ภูฏาน (JTC) ซึ่งเป็นกลไกสำคัญที่จะผลักดันให้ประเด็นดังกล่าวประสบความสำเร็จได้ นอกจากนี้ ในโอกาสครบรอบความสัมพันธ์ทางการทูต 30ปี ในปี 2562 รัฐบาลไทยยินดีสนับสนุนโครงการบริการทางการแพทย์เพื่อรักษา หู ตา จมูก และคอ รวมทั้งจัดตั้งศูนย์ หู จมูก และคอ ในราชอาณาจักรภูฏาน เพื่อให้บริการรักษา การถ่ายทอดความรู้ เทคนิคและวิชาการ เพื่อพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์เฉพาะทาง รวมถึงความร่วมมือของคณะแพทย์ ไทย-ภูฏาน ในการรักษาผู้ป่วยด้วย

5.การประกอบพิธีจุดตะเกียงเนยที่เจดีย์อนุสรณ์สถานแห่งชาติ ซึ่งเป็นประเพณีพื้นเมืองของภูฏานที่สืบทอดมาอย่างยาวนาน โดยมีความเชื่อว่า การจุดตะเกียงน้ำมันเนยเป็นการจุดประกายปัญญาด้วย เพราะแสงสว่างที่จุดจากตะเกียง เปรียบเสมือนดวงไฟแห่งปัญญาที่ส่องสว่าง จึงหวังว่าการจุดตะเกียงเนยนี้จะเป็นแสงนำทางให้ประเทศไทยพบเจอแต่สิ่งดีๆ และไม่พบเจอกับเหตุการณ์ร้ายๆ อีกต่อไป

6.เยี่ยมชมร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (One Gewog One Product : OGOP) ที่ไทยมีส่วนร่วมในการริเริ่มโครงการดังกล่าว การไปเยี่ยมชมครั้งนี้ ได้เล็งเห็นถึงศักยภาพของผลิตภัณฑ์ OGOP ที่สามารถส่งออกไปยังประเทศต่างๆ รวมถึงประเทศไทยด้วยได้

นายกรัฐมนตรียืนยันด้วยว่า ไทยจะสานต่อความร่วมมือนี้อย่างใกล้ชิดกับภูฏานต่อไป เนื่องจากเป็นโครงการที่สอดคล้องกับนโยบาย SEP for SDGs Partnership ในภูมิภาค อีกทั้งเป็นการส่งเสริมความสัมพันธ์อันดี ทั้งในระดับรัฐบาลและประชาชนของทั้งสองประเทศด้วย

People unity news online : post 20 กรกฎาคม 2561 เวลา 11.50 น.

ไทยริเริ่มจัดการประชุมลดขยะในทะเลกลุ่มประเทศอาเซียน

People unity news online : เมื่อวันที่ 22-23 พฤศจิกายน 2560 ที่ผ่านมา กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระดับอาเซียน เรื่องการลดปริมาณขยะทะเลในกลุ่มประเทศอาเซียน “ASEAN Conference on Reducing Marine Debris in ASEAN Region” เพื่อหาแนวทางและมาตรการร่วมกันในการลดปริมาณขยะลงทะเลในกลุ่มประเทศอาเซียน และเกิดการขับเคลื่อนร่วมกันในกลุ่มประเทศอาเซียน

พลเอก สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า ขยะทะเลกลายเป็นประเด็นสำคัญระดับโลกที่องค์การสหประชาชาติกำลังให้ความสำคัญ เพราะได้กำหนดให้การจัดการทรัพยากรทางทะเลเป็น 1 ใน 17 เป้าหมายของวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน ทั้งนี้ เนื่องจากทะเลทั่วโลกที่เปรียบเสมือนขุมทรัพย์ ที่ต่างคนต่างตักตวงใช้โดยไม่คำนึงผลที่เกิดขึ้นในระยะยาว กำลังเผชิญกับขยะที่ล่องลอยจากแผ่นดินออกสู่ทะเล และจากฝั่งออกสู่ท้องทะเล โดยเฉพาะขยะพลาสติกได้สร้างปัญหามากมาย ขยะพลาสติกขนาดใหญ่ เช่น แห อวน หรือซากสิ่งของ เป็นสาเหตุที่ทำให้สัตว์ทะเลหายากและใกล้สูญพันธุ์ บาดเจ็บหรือเสียชีวิต สร้างความเสียหายต่อระบบนิเวศโดยทำให้แนวปะการังและพื้นท้องทะเลเสื่อมโทรม ทำลายทัศนียภาพของชายหาดส่งผลต่อการประมง และการท่องเที่ยวของหลายประเทศ

พลเอก สุรศักดิ์ กล่าวว่า การที่ประเทศไทยริเริ่มจัดการประชุมเรื่องการลดปริมาณขยะทะเลในกลุ่มประเทศอาเซียน ก็เพื่อให้ประเทศอาเซียนได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์และร่วมกันกำหนดแนวทางในการจัดการปัญหาขยะทะเล เพื่อเป็นกรอบในการจัดการแก้ไขปัญหาร่วมกันในภูมิภาคอาเซียน  เพราะขณะนี้หลายๆประเทศได้ให้ความสำคัญกับการจัดการปัญหาขยะทะเล อาทิ จีน เพิ่งจัดการประชุมการจัดการขยะทะเลในเขตเมืองชายฝั่งในภูมิภาคเอเชีย – แปซิฟิก ไปเมื่อช่วงต้นเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา ขณะที่อินโดนีเชีย กำลังจัดการประชุมเกี่ยวกับเรื่องขยะทะเล สำหรับประเทศไทย จากการศึกษาเกี่ยวกับปัญหาขยะทะเลพบว่า ร้อยละ 80 ของขยะทะเลมาจากบนบก ส่วนขยะจากกิจกรรมทางทะเล มีเพียงร้อยละ 20 เท่านั้น ดังนั้น การจัดการขยะตั้งแต่ต้นทางจึงเป็นเรื่องที่มีความสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่ง

ไทยริเริ่มจัดการประชุมลดขยะในทะเลกลุ่มประเทศอาเซียน

People unity news online : post 27 พฤศจิกายน 2560 เวลา 11.20 น.

พรุ่งนี้ “บิ๊กตู่” ไปประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือแม่โขง – ล้านช้าง ครั้งที่ 2 ที่กัมพูชา

People unity news online : นายกรัฐมนตรีมีกำหนดการเข้าร่วมการประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือแม่โขง – ล้านช้าง ครั้งที่ 2

วันนี้ (9 มกราคม 2561) พลโท วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เปิดเผยภารกิจด้านต่างประเทศของนายกรัฐมนตรีว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีกำหนดเข้าร่วมการประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือแม่โขง – ล้านช้าง ครั้งที่ 2 (2nd Mekong-Lancang Leaders’ Meeting) ในวันที่ 10 มกราคม 2561 ณ กรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือแม่โขง – ล้านช้าง ครั้งที่ 2 (2nd Mekong-Lancang Leaders’ Meeting) จะจัดขึ้นในวันที่ 10 มกราคม 2561 ณ กรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา โดยฝ่ายกัมพูชาจะเป็นประธานร่วมกับจีน ภายใต้หัวข้อ แม่น้ำแห่งสันติภาพและการพัฒนาที่ยั่งยืนของเรา (Our River of Peace and Sustainable Development) ซึ่งการประชุมครั้งนี้จะทบทวนการดำเนินงานของประเทศสมาชิกจากการประชุมผู้นำฯ ครั้งที่ 1 เมื่อเดือนมีนาคม 2559 พร้อมทั้งจะกำหนดทิศทางและกิจกรรมของกรอบความร่วมมือแม่โขง – ล้านช้าง ในอนาคต โดยสมาชิกทั้งหมด 6 ประเทศ ประกอบด้วย จีน กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา ไทย และเวียดนาม จะหารือร่วมกันเพื่อมุ่งสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงบนพื้นฐานของความเท่าเทียม ภายใต้หลักการการมีส่วนร่วม ความสมัครใจ และหลักฉันทามติ

ในการประชุมครั้งนี้ ไทยมุ่งมั่นที่จะ (1) พัฒนากรอบความร่วมมือดังกล่าวให้ทันสมัยมากขึ้น (2) ส่งเสริมความเชื่อมโยงระหว่างกรอบแม่โขง – ล้านช้างกับแนวคิดหนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง (Belt Road Initiative – BRI) เพื่อประโยชน์ทางเศรษฐกิจและการพัฒนาของอนุภูมิภาค (3) ไทยยังสนับสนุนให้กรอบความร่วมมือแม่โขง – ล้านช้าง เป็นกลไกสำคัญในการผลักดันให้อนุภูมิภาคเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและการพัฒนาแบบยั่งยืนผ่านการใช้เครื่องมือที่ทันสมัย ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายและโครงการสำคัญของประเทศไทย อาทิ นโยบายประเทศไทย 4.0 ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และนโยบายประเทศไทย+1 (4) การยกระดับความร่วมมือด้านน้ำระหว่างประเทศสมาชิก ให้ได้รับประโยชน์ร่วมกัน บนพื้นฐานของความรับผิดชอบร่วมกัน ซึ่งจะช่วยให้ภาคการเกษตรของแต่ละประเทศมีความเข้มแข็งอย่างยั่งยืนต่อไป

เอกสารผลลัพธ์การประชุม 2 ฉบับ ได้แก่ (1) แผนปฏิบัติการระยะ 5 ปี แม่โขง – ล้านช้าง พ.ศ. 2561 – 2565  (5 – Year Plan of Action 2018 – 2022) เป็นเอกสารที่จะกำหนดแนวทางการดำเนินงานของกรอบความร่วมมือแม่โขง – ล้านช้าง ในระยะ 5 ปีข้างหน้า และ (2) ปฏิญญาพนมเปญ (Phnom Penh Declaration) เป็นการแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองของผู้นำจะมุ่งสนับสนุนกรอบความร่วมมือดังกล่าวให้บรรลุเป้าประสงค์ของการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจของประชาชนในประเทศลุ่มน้ำโขงขอเพิ่มค่า โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีมีกำหนดจะพบหารือทวิภาคีกับสมเด็จอัคคมหาเสนาบดีเดโชฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา และนายหลี่ เค่อ เฉียง นายกรัฐมนตรีจีนด้วย

People unity news online : post 9 มกราคม 2561 เวลา 13.50 น.

“หวัง อี้” รมว.ต่างประเทศจีนเข้าพบ “ประยุทธ์” หารือความร่วมมือทุกด้าน

People Unity : ไทย–จีนกระชับความร่วมมืออย่างรอบด้าน พร้อมผลักดันความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ระหว่างกัน

วันนี้ (1 สิงหาคม 2562) เวลา 14.30 น. ณ ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายหวัง อี้ มนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน เข้าเยี่ยมคารวะ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในโอกาสเดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการ เพื่อเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ครั้งที่ 52 สรุปสาระสำคัญการหารือ ดังนี้

นายกรัฐมนตรีกล่าวต้อนรับนายหวัง อี้ ในโอกาสเดินทางเยือนไทย พร้อมแสดงความยินดีในโอกาสครบรอบ 70 ปี แห่งการก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีนในปีนี้ ซึ่งจีนมีพัฒนาการที่ก้าวหน้าขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะภายใต้การนำของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ที่ประสบความสำเร็จด้านการขจัดความยากจน และการพัฒนาประเทศ ซึ่งไทยหวังที่จะเรียนรู้จากประสบการณ์และความเชี่ยวชาญจากจีน โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวในนามของรัฐบาลและประชาชนชาวไทย แสดงความเสียใจต่อการถึงแก่อสัญกรรมของอดีตนายกรัฐมนตรี หลี่ เผิง ที่มีบทบาทสำคัญต่อความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศอย่างมาก

นายหวัง อี้ ประทับใจที่ไทยให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ทวิภาคี และความร่วมมือระหว่างไทย-จีน เสมอมา ยืนยันว่าจีนพร้อมสานต่อความร่วมมือและความสัมพันธ์อันดีอย่างนี้ไปโดยตลอด เพื่อขับเคลื่อนความร่วมมือให้พัฒนาก้าวหน้าต่อไป โดยเชื่อมั่นว่า ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีไทยจะพัฒนาประเทศให้มีบทบาทสำคัญในภูมิภาคและในโลก นอกจากนี้ จีนยังยินดีที่จะพัฒนาความร่วมมือในด้านใหม่ๆ อาทิ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และเทคโนโลยี 5G เป็นต้น พร้อมหวังว่าทั้งสองประเทศจะสามารถสร้างเส้นทางสายไหมดิจิทัลระหว่างกันได้โดยเร็ว

นายกรัฐมนตรี และนายหวัง อี้ เห็นพ้องที่จะพัฒนาความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจให้มีความคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น ผ่านการผลักดันโครงการและแนวคิดสำคัญต่างๆ อาทิ โครงการรถไฟไทย-จีน การเชื่อมโยงเขตอ่าวกวางตุ้ง-ฮ่องกง-มาเก๊า (Greater Bay Area: GBA) กับโครงการ EEC ของไทย เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในอนาคต นายหวัง อี้ เน้นย้ำว่า จีนพร้อมมีส่วนร่วมและสนับสนุนให้ภาคเอกชนจีนเข้ามาลงทุนใน EEC โดยเห็นว่าโครงการนี้จะเป็นประโยชน์ต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย-จีน และภูมิภาค พร้อมกระชับความร่วมมืออย่างรอบด้าน

ทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ในแม่น้ำโขง ถือเป็นแม่น้ำสายสำคัญสำหรับการดำรงชีวิตของประชาชนในบริเวณนั้นอย่างมาก โดยไทยหวังที่จะเรียนรู้จากประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการน้ำจากจีน

ประเด็นความขัดแย้งทางการค้าจีน – สหรัฐฯ ไทยยินดีที่ผู้นำทั้งสองประเทศได้หารือเพื่อหาทางออกในเรื่องนี้ และหวังว่าทั้งสองฝ่ายจะยังคงรักษาช่องทางการหารือและร่วมมือกันเดินหน้าเพื่อให้สถานการณ์ดังกล่าวคลี่คลายเพื่อประโยชน์ของทุกฝ่าย

นอกจากนี้ จีนยังยินดีที่จะนำเข้าสินค้าเกษตรจากไทยมากขึ้น และหวังว่ามูลค่าการค้าระหว่างกันจะเพิ่มขึ้นในอนาคต นายกรัฐมนตรียินดีกับความสำเร็จในการจัดงานแสดงสินค้านำเข้านานาชาติ (China International Import Expo: CIIE) เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งสะท้อนความตั้งใจจริงของจีนที่จะส่งเสริมการเปิดกว้างและการค้าเสรี พร้อมกล่าวขอบคุณสำหรับคำเชิญของรัฐบาลจีนให้ไทยเข้าร่วมการจัดงานครั้งที่ 2 ในปลายปีนี้ ในฐานะประเทศเกียรติยศ

ทั้งนี้ จีนสนับสนุนการมีบทบาทที่สร้างสรรค์ของไทยในเวทีต่างๆ รวมถึงบทบาทการเป็นประธานอาเซียน ในปี 2562 หวังว่า จีนจะสานต่อความสัมพันธ์และความร่วมมือที่ดีกับไทยและในภูมิภาคนี้ต่อไป

ความสัมพันธ์ต่างประเทศ : “หวัง อี้” รมว.ต่างประเทศจีนเข้าพบ “ประยุทธ์” หารือความร่วมมือทุกด้าน

People Unity : post 1 สิงหาคม 2562 เวลา 22.30 น.

นายกฯระบุรัฐบาลนี้แก้ปัญหาค้ามนุษย์จริงจัง อันดับไทยจึงดีขึ้น

People unity news online : นายกฯระบุรัฐบาลแก้ไขปัญหาค้ามนุษย์จริงจัง ดึงอันดับไทยดีขึ้นเมื่อเทียบกับ 10 ปีก่อน ยืนยันเดินหน้าทำงานต่อเนื่อง คุ้มครองความเป็นมนุษย์ให้เสมอภาคเท่าเทียมกัน

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกาได้เผยแพร่รายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ ประจำปี 2561 (TIP Report 2018) โดยประเทศไทยได้รับการจัดอันดับดีขึ้นอยู่ที่ Tier 2 จากเดิมอยู่ที่ Tier 2 Watch List เมื่อปีที่แล้ว ว่า

“ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาสถานการณ์การค้ามนุษย์ของไทยมีแนวโน้มแย่ลงและถูกละเลย โดยในปี 2551 อันดับของไทยอยู่ที่ Tier 2 และตกลงมาอยู่ที่ Tier 2 Watch List ในปี 2553 จนถึงปี 2556 และตกลงอีกไปอยู่ที่ Tier 3 ในปี 2557 เมื่อรัฐบาลนี้เข้ามาจึงได้แก้ไขปัญหาอย่างจริงจังและต่อเนื่อง โดยประกาศให้ปัญหาการค้ามนุษย์เป็นวาระแห่งชาติที่ต้องเร่งแก้ไข ทำให้อันดับของไทยดีขึ้นเป็นลำดับ”

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐบาลและทุกภาคส่วนทำงานกันอย่างหนักแม้จะเป็นเรื่องที่ยาก เพราะมีหลายปัจจัยเข้ามาเกี่ยวข้อง จนทำให้สหรัฐฯเห็นถึงความจริงจัง ความพยายาม และความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหา ทั้งในด้านการบังคับใช้กฎหมายและการดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด การคุ้มครองดูแลผู้เสียหาย และการป้องกันการตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ พร้อมทั้งยืนยันว่าไทยพร้อมประสานความร่วมมือทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างใกล้ชิดต่อไป เพื่อผลักดันให้การแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์เกิดผลสำเร็จที่เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้นในอนาคต

“แม้ไทยมีอันดับดีขึ้นแต่รัฐบาลจะยังคงมุ่งมั่นทำงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อปกป้องคุ้มครองคนไทยและชาวต่างชาติในไทย ให้เสมอกันด้วยศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ตามหลักสิทธิมนุษยชนและหลักมนุษยธรรมที่เรายึดถือตลอดมา” นายกรัฐมนตรี กล่าว

People unity news online : post 2 กรกฎาคม 2561 เวลา 12.50 น.

“เตีย บันห์” หวานใส่ “บิ๊กตู่” ระบุสัมพันธ์ไทย-กัมพูชายุคนี้ใกล้ชิดกันมากที่สุด

People unity news online : วันนี้ (21 มีนาคม 2561) เวลา 13.30 น. ณ ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล สมเด็จพิชัยเสนา เตีย บันห์ (Somdech Pichey Sena Tea Banh ) รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชา เข้าเยี่ยมคารวะ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในโอกาสเยือนไทยเพื่อเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee – GBC) ไทย – กัมพูชา ครั้งที่ 13 ระหว่างวันที่ 19 – 21 มีนาคม 2561 โดยสรุปสาระสำคัญดังนี้

นายกรัฐมนตรีกล่าวรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่มีโอกาสได้พบกับรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชาอีกครั้ง หลังจากที่เยือนกัมพูชาอย่างเป็นทางการและเข้าร่วมการประชุมร่วมนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการ (JCR) ไทย – กัมพูชา ครั้งที่ 3 และกล่าวว่ารองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชานับเป็นเพื่อนคนสำคัญและรู้จักกันมาอย่างยาวนาน พร้อมชื่นชมกับบทบาทของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชาที่มีส่วนสำคัญต่อการพัฒนาความสัมพันธ์อันดีระหว่างไทยและกัมพูชา ส่งผลให้ความสัมพันธ์ทวิภาคีและความร่วมมือระหว่างกันมีความใกล้ชิดแน่นแฟ้น

ในโอกาสนี้ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชากล่าวอวยพรวันเกิดนายกรัฐมนตรี ขอให้นายกรัฐมนตรีมีสุขภาพแข็งแรงและประสบความสำเร็จในภารกิจทุกประการ สำหรับการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย – กัมพูชา ครั้งที่ 13 เป็นไปด้วยความราบรื่นและประสบผลสำเร็จ ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศนับว่าเป็นช่วงที่ไทยและกัมพูชาใกล้ชิดกันมากที่สุด ความร่วมมือระหว่างกันมีประสิทธิภาพและสามารถบรรลุวัตถุประสงค์ร่วมกัน

นอกจากนี้ ได้มีการหารือถึงความร่วมมือในการป้องกันและปราบปรามการลักลอบตัดไม้พะยูง ซึ่งปัจจุบันสถิติการลักลอบตัดไม้พะยูงบริเวณชายแดนไทย – กัมพูชาลดน้อยลง แต่ยังคงพบว่ามีการลักลอบตัดไม้พะยูงบริเวณชายแดนไทย – กัมพูชาอยู่ ทั้งสองประเทศจึงควรร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดในการสกัดกั้นการลักลอบกระทำผิด นอกจากนั้น ทั้งสองฝ่ายมีความเห็นร่วมกันที่จะติดตามบุคคลที่กระทำกฎหมายและหลบหนีคดีเข้าไปอยู่ในทั้งสองประเทศ เพื่อไม่ให้กลุ่มบุคคลใดใช้ประเทศไทยและกัมพูชาเป็นฐานในการก่อความไม่สงบและทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างกัน

ทั้งสองฝ่ายยังเห็นพ้องกันว่า แม้ไทยและกัมพูชายังมีพื้นที่บริเวณชายแดนที่ทับซ้อนและยังหาข้อสรุปไม่ได้ ทั้งสองประเทศควรร่วมมือในการพัฒนาพื้นที่ดังกล่าว เพื่อให้ประชาชนมีโอกาสค้าขายระหว่างกันอย่างสะดวก ตลอดจนพัฒนาพื้นที่ชายแดนให้มีความสงบสุขและมั่นคง นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายหวังว่าความเชื่อมโยงด้วยเส้นทางรถไฟในอนาคต จะทำให้ทั้งสองประเทศมีการติดต่ออย่างสะดวกและเพิ่มมูลค่าการค้าขายระหว่างกันให้มากยิ่งขึ้น

ทั้งสองฝ่ายยังแสดงความพร้อมที่จะสนับสนุนความร่วมมือระหว่างกันในทุกมิติ ทั้งทางด้านความมั่นคง การค้าและการลงทุน รวมถึงยินดีแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในเรื่องสินค้าเกษตรระหว่างกัน ทั้งสองฝ่ายยังเห็นพ้องว่า ไทยและกัมพูชาควรจะดำรงความสัมพันธ์อันดี เพื่อมุ่งสร้างผลประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองประเทศในทุกระดับ ทั้งระดับรัฐบาลและประชาชน

People unity news online : post 21 มีนาคม 2561 เวลา 19.20 น.

รู้หรือไม่? กลาโหมอาเซียน 10 ประเทศ มีฮอตไลน์สายตรง ไว้ติดต่อกันยามฉุกเฉิน

People Unity : รู้หรือไม่? กลาโหมอาเซียน 10 ประเทศ มีฮอตไลน์สายตรง ไว้ติดต่อกันยามฉุกเฉินด้วยนะ

รู้หรือไม่? กลาโหมอาเซียน 10 ประเทศ มีฮอตไลน์สายตรง ไว้ติดต่อกันยามฉุกเฉินด้วยนะ และในการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน 10-12 ก.ค.2562 นี้ ก็จะมีการหารือให้ขยายไปยังประเทศคู่เจรจาอีก 8 ประเทศอีกด้วย

ความสัมพันธ์ต่างประเทศ : รู้หรือไม่? กลาโหมอาเซียน 10 ประเทศ มีฮอตไลน์สายตรง ไว้ติดต่อกันยามฉุกเฉิน

People unity : post 8 กรกฎาคม 2562 เวลา 13.10 น.

รัสเซียยินดีผลักดันการจัดทำ FTA ไทยกับสหภาพเศรษฐกิจยูเรเซีย

People Unity : ไทยและรัสเซียยินดีผลักดันการจัดทำความตกลงการค้าเสรี (FTA) ไทยกับสหภาพเศรษฐกิจยูเรเซีย

เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2562 เวลา 15.00 น. ณ ห้องรับรองรองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) ชั้น 1 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล นายเยฟเกนี โตมีฮิน เอกอัครราชทูตสหพันธรัฐรัสเซียประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ในโอกาสเข้ารับหน้าที่ สรุปสาระสำคัญการหารือ ดังนี้

รองนายกรัฐมนตรียินดีที่ได้พบเอกอัครราชทูตฯ ชื่นชมบทบาทของเอกอัครราชทูตฯตั้งแต่เข้ารับหน้าที่ ซึ่งได้กระชับความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างไทยกับรัสเซียเป็นอย่างดี มีการเยือนระดับสูงอย่างต่อเนื่อง โดยหวังว่าไทยจะได้มีโอกาสต้อนรับผู้แทนระดับสูงของรัสเซียในปีนี้

เอกอัครราชทูตฯชื่นชมรองนายกรัฐมนตรีที่เป็นบุคคลสำคัญในรัฐบาล รับผิดชอบต่อนโยบายของไทยในหลายด้าน และยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ความสัมพันธ์ไทย-รัสเซียมีพลวัตอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ รัสเซียในฐานะที่มีความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยี และมีทรัพยากรด้านพลังงาน เชื่อว่ายังมีช่องทางที่เป็นโอกาสอีกหลากหลายในการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ โดยพร้อมส่งเสริมกลไกที่ให้ผลลัพธ์อย่างเป็นรูปธรรมต่อไป

ทั้งสองฝ่ายยินดีที่มีมูลค่าการค้าระหว่างกันเพิ่มมากขึ้น โดยทั้งสองฝ่ายมุ่งหวังว่าจะร่วมมือผลักดันให้การค้าขยายตัวเพิ่มมากขึ้นตามเป้าหมายที่ได้กำหนดไว้ต่อไป ฝ่ายรัสเซียยืนยันว่าพร้อมผลักดันการจัดทำความตกลงการค้าเสรี (FTA) ไทยกับสหภาพเศรษฐกิจยูเรเซีย โดยฝ่ายไทยขอบคุณที่รัสเซียนำเข้าสินค้าจากไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้ากลุ่มเกษตรกรรม และขอบคุณที่รัสเซียดูแลนักลงทุนไทยเป็นอย่างดี ทั้งนี้ รองนายกรัฐมนตรีขอให้ฝ่ายรัสเซียพิจารณาเพิ่มการลงทุนในไทย โดยเฉพาะในพื้นที่ EEC และสนับสนุนความร่วมมือผ่านอุตสาหกรรม S-Curves ในสาขาต่างๆที่รัสเซียเชี่ยวชาญ ทั้งนี้ ยินดีจัดการหารือระหว่างรัสเซียและฝ่ายไทยที่เกี่ยวข้องเพื่อหาช่องทางลดข้อจำกัด เพื่อเพิ่มการลงทุนระหว่างกัน

ในโอกาสนี้ ฝ่ายรัสเซียได้ชื่นชมไทยด้านการจัดการท่องเที่ยวโดยมีชาวรัสเซียที่เดินทางมาเที่ยวไทยจำนวนมาก จึงขอให้ไทยพิจารณาสนับสนุนการเงินสกุลท้องถิ่นเพื่อเป็นส่วนในการส่งเสริมการท่องเที่ยว และขอให้ไทยพิจารณาความร่วมมือระหว่างระดับจังหวัดของไทยกับภูมิภาคของรัสเซียเป็นอีกช่องทางความร่วมมือด้วย

ความสัมพันธ์ต่างประเทศ : รัสเซียยินดีผลักดันการจัดทำ FTA ไทยกับสหภาพเศรษฐกิจยูเรเซีย

People Unity : post 21 สิงหาคม 2562 เวลา 11.30 น.

Verified by ExactMetrics