วันที่ 25 เมษายน 2024

รมว.พลังงาน ให้ความมั่นใจค่าไฟจะไม่แพง ลั่นเอาจริงแน่นอนปฏิรูปโครงสร้างพลังงาน ไม่ได้พูดเอาเท่

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 2 ธันวาคม 2566 “พีระพันธุ์” รมว.พลังงาน ให้ความมั่นใจค่าไฟ จะไม่แพงตามที่ กกพ. มีมติ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก โดยมีใจความว่า ขอให้มั่นใจค่าไฟจะไม่สูงอย่างที่เป็นข่าวครับ ผมเข้าใจถึงความกังวลใจของพี่น้องประชาชนที่ถามกันมามากเรื่องราคาค่าไฟฟ้าภายหลังจากสิ้นสุดระยะเวลามาตรการลดค่าไฟฟ้าในเดือนธันวาคมที่จะถึงนี้ว่าราคาอาจกระโดดสูงขึ้นถึงหน่วยละ 4.68 บาท หรือ 17% จากราคาปัจจุบันหน่วยละ 3.99 บาทตามที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ได้เปิดให้มีการสอบถามและมีมติไป

ผมเองก็รับไม่ได้ ถ้าราคาค่าไฟจะเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดอย่างนั้น เพราะถึง กกพ.จะมีมติแบบนั้น แต่เราก็ต้องบริหารจัดการเอาราคาค่าไฟลงมาให้ได้ ซึ่งผมได้สั่งการให้หน่วยงานต่างๆ เร่งประสานทุกจุดล่วงหน้าด้วยวิธีการใหม่ๆหลายรูปแบบแล้ว เพื่อไม่ให้ประชาชนไม่แบกรับค่าไฟฟ้าที่มากเกินไป จะพยายามทำให้ใกล้เคียงกับที่จ่ายอยู่ในปัจจุบันให้มากที่สุด

ผมขอให้ความมั่นใจว่ากระทรวงพลังงานยุคนี้ ไม่ได้นิ่งนอนใจและทำงานล่วงหน้ามาระยะหนึ่งแล้วเพื่อให้ราคาค่าไฟอยู่ในระดับที่ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดิมมากนัก ซึ่งต้องใช้หลายกลไกพร้อมๆกันภายใต้โครงสร้างในปัจจุบันที่ไม่ได้ให้อำนาจกับฝ่ายนโยบายมากนัก แต่จะพยายามทำอย่างเต็มที่เพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชน

ทั้งนี้การที่ กกพ.ประกาศให้ประชาชนเห็นชอบแนวทางในการปรับอัตราค่าไฟฟ้าก่อนหน้านี้ เป็นเงื่อนไขตามกฎหมายที่จะต้องมีการประกาศเพื่อให้ประชาชนแสดงความคิดก่อนที่จะมีมติ แต่ทั้งนี้ไม่ได้เป็นที่สุด จะต้องมีการบริหารจัดการเพื่อให้ประชาชนได้ประโยชน์สูงสุดต่อไป ทั้งหมดนี้จะเตรียมการให้เสร็จสิ้นและประกาศโดยเร็วที่สุด

ผมพูดเสมอว่านี่คือการแก้ไขปัญหาระยะสั้นเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนภายใต้โครงสร้างแบบปัจจุบัน แต่ที่กำลังดำเนินการแบบเข้มข้นที่สุด และทำงานกันไม่หยุดหย่อนทุกวัน คือการเร่งรวบรวมข้อมูลทุกด้านเกี่ยวกับพลังงาน ไม่ว่าจะเป็นน้ำมัน ก๊าซ ไฟฟ้า พลังงานทดแทน และพลังงานสะอาด ให้ครบทุกมิติ เพื่อนำไปสู่การ รื้อ ลด ปลด สร้าง พลังงานให้มั่นคง เป็นธรรม และยั่งยืนทั้งระบบ ไม่ยากครับ ถ้าแค่พูดเอาเท่ ฟังดูดีทรงภูมิ

คนทำแบบนั้นมีเยอะแล้ว แต่ไม่เคยเห็นรูปธรรม พูดไปเรื่อยๆ ใช่ครับ อะไรๆก็แก้โครงสร้าง แต่จะแก้อะไร แก้อย่างไรครับ ส่งผลกระทบแบบไหน จะทดแทนด้วยอะไร ทั้งระบบต้องสอดคล้องและไม่ก่อภาระเพิ่มให้กับประชาชน ย้อนกลับไปดูกันนะครับ กฎหมายแต่ละฉบับ รูปแบบที่ใช้กันอยู่ ใช้มานานเท่าไร ปล่อยกันมาสี่สิบปีแล้วนะครับ

ผมเองหลังแถลงนโยบายมาสองเดือนเศษ ผมไม่พูดมาก แต่ลงมือทำ อย่างน้อยผมก็พยายามลดภาระให้ประชาชน ไม่ว่าจะตามโครงสร้างแบบไหน ทั้งน้ำมันดีเซล เบนซิน ค่าไฟฟ้า ตรึงราคาค่าแก๊ส ผมดีใจที่พี่น้องประชาชนได้ประโยชน์อย่างเต็มที่ เวลาเดียวกันก็เร่งดำเนินการรวบรวมข้อมูลชนิดลงลึกทุกขั้นทุกตอน ทำงานกันหลายคณะ ทำมากกว่าพูดลอยๆ ว่า “ปรับโครงสร้างๆๆ”

เมื่อข้อมูลครบถ้วนแล้ว ไม่นานครับ เพราะผมและคณะจะร่างกฎหมายเอง เป็นชุดและครอบคลุมทั้งหมด ตอบได้ทุกคำถาม เพราะยึดเอาประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง ผมศึกษา หาข้อมูล ถกเถียง คิดวิเคราะห์ คืบหน้าไปมากแล้ว แต่ยังไม่สมบูรณ์ เพราะนี่คือการลงมือทำจริง ไม่ใช่เพียงแค่พูดแล้วเสกออกมา ขอให้มั่นใจ ผมเอาจริงแน่นอน

Advertisement

“เศรษฐา” รอยินดี “พล.อ.ประยุทธ์” เป็นองคมนตรี

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 30 พฤศจิกายน 2566 “เศรษฐา” รอเจอ “พล.อ.ประยุทธ์” ตามงาน แสดงความยินดีได้เป็นองคมนตรี เพราะไม่มีเบอร์ส่วนตัว

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนต่ว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงประกาศราชกิจจานุเบกษาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี เป็น องคมนตรี ว่า “ยังไม่ได้แสดงความยินดี หากเจอตามงานก็จะแสดงความยินดีด้วย ผมไม่ได้มีเบอร์โทรศัพท์ท่าน”

Advertisement

“พิธา” ประกาศยุทธศาสตร์ “ก้าวไกล” ชนะทั้งกว้าง-ชนะทั้งลึก เตรียมยึด อบจ.

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 24 พฤศจิกายน 2566 “พิธา” ประกาศ “ก้าวไกล” พร้อมชนะกว้าง-ชนะลึก เตรียมสู้ศึก อบจ. ชู 3ข “ขยับ-ขยาย-แข่ง” ภูมิใจคะแนนเลือกตั้งอุดรธานี เพิ่มขึ้นมีนัยสำคัญ หวังเก็บชัยเลือกตั้ง อบจ.อุดรฯ รอบนี้ ชี้ประเทศไทยต้องกระจายอำนาจ งบประมาณ-บุคลากร-ภารกิจ เพื่อการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล เดินทางเยือนจังหวัดอุดรธานี ร่วมเวทีบรรยาย “ก้าวต่อไป อุดรท้องถิ่น” จัดขึ้น ณ โรงแรมสยามแกรนด์ โดยมีนายณัฐพงษ์ พิพัฒน์ไชยศิริ ส.ส.อุดรธานี เขต 1 พร้อมด้วยสมาชิกพรรคก้าวไกล จังหวัดอุดรธานี และมีประชาชนให้ความสนใจเข้าร่วมรับฟังการบรรยายกว่า 400 คน

ช่วงต้นของการบรรยาย นายพิธา กล่าวว่า พรรคก้าวไกลไม่เสียกำลังใจและมีสมาธิพร้อมทำงานเพื่อพี่น้องประชาชน คะแนนเลือกตั้งที่พี่น้องชาวอุดรธานีมอบให้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ตั้งแต่สมัยพรรคอนาคตใหม่ เริ่มต้นที่ 140,000 คะแนน จนมาถึงพรรคก้าวไกล ช่วงเลือกตั้งนายก อบจ. เมื่อปี 2563 เพิ่มเป็น 180,000 คะแนน และ 220,000 คะแนน จากการเลือกตั้งครั้งล่าสุด เชื่อว่าเลือกตั้ง อบจ. รอบนี้จะเก็บคะแนนเพิ่มและคว้าชัยชนะแน่นอน

ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ยังกล่าวถึง “3ข” ได้แก่ “ขยับ” เนื่องจากพรรคก้าวไกลมี ส.ส.เขต และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ประธานกรรมาธิการที่ดินฯ ก็เป็นของก้าวไกล จึงพร้อมเดินหน้าผลักดันและขยับเพื่อชาวอุดรธานี ต่อมาคือ “ขยาย” พรรคต้องขยายฐานสมาชิกให้มากขึ้น ขยายอาสาสมัครและแนวร่วมให้มากขึ้น เมื่อขยายแล้วจึงพร้อม “แข่ง” โดยไม่ต้องรอถึง 4 ปี ในการเลือกตั้งใหญ่ เพราะยังมีการเลือกตั้ง อบจ. ที่ต้องแข่งขันในระดับท้องถิ่น

นายพิธา กล่าวถึงการเลือกตั้ง อบจ. ที่จะมาถึงว่า พรรคก้าวไกลต้องการชนะในหลายจังหวัด เพื่อขยายผลจากการเลือกตั้งใหญ่ที่ผ่านมา จากข้อมูลจะพบว่ามีประมาณ 40 จังหวัดทั่วประเทศ ที่คะแนนของพรรคก้าวไกลมาเป็นอันดับ 1 แต่ยังเหลืออีก 20-30 จังหวัด ที่คะแนนพรรคมาเป็นอันดับ 2 ดังนั้น ต้องเดินหน้ารณรงค์เต็มที่ โดยในการเลือกตั้งที่จะถึงนี้ พรรคก้าวไกลไม่ได้ส่งตัวแทนผู้สมัครลงเลือกตั้งครบทุกจังหวัด แต่อุดรธานีเป็นหนึ่งในจังหวัดที่เราส่ง และตนจะเดินทางมาหาเสียงที่อุดรธานีด้วยตัวเองอย่างแน่นอน มั่นใจว่าจะปักธงที่อุดรธานีได้ เนื่องจากมีคนทำงานท้องถิ่นอยู่แล้ว มี ส.ส.พรรคก้าวไกล ที่ทำงานอย่างแข็งขัน และคะแนนของพรรคก็โตขึ้นโดยตลอด ภายในระยะเวลา 1 ปี ตนมั่นใจว่าจะสามารถชนะได้

นายพิธา ยังได้ยกตัวอย่างการเมืองแนวกว้างที่พรรคก้าวไกลได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งทั่วประเทศครั้งที่ผ่านมา ที่ชนะทั้งในกลุ่มวัยรุ่นและผู้สูงอายุ ชนะในทุกจังหวัด สิ่งเหล่านี้คือชัยชนะในแนวกว้าง แต่ขณะเดียวกันต้องชนะในแนวลึกต่อไป นั่นคือสนามท้องถิ่น เพราะปัญหาของคนอุดรฯ ต้องแก้ไขด้วยคนอุดรฯ ปัญหาของคนท้องถิ่นต้องแก้ไขด้วยท้องถิ่นเอง ขณะที่หน้าที่ของผู้แทนฯ คือพูดแทนประชาชนในสภาฯ และผ่านกฎหมาย แต่หน้าที่ของนักการเมืองท้องถิ่น คือแก้ไขปัญหาให้ท้องถิ่น

ประเทศไทยต้องมีการกระจายอำนาจ และให้ท้องถิ่นแก้ไขปัญหาในพื้นที่ ยกตัวอย่างปัญหาของคนอุดรธานี เช่น ปัญหาขยะ 1,400 ตันต่อวัน แต่กลับมีงบประมาณในการจัดการ 10 ล้านบาทต่อปี เพราะวิธีคิดคือเก็บภาษีและส่งไปยังส่วนกลางแล้วคิดตัวเลขกลับมา หรือปัญหาภัยแล้งและอุทกภัย แต่กลับมีงบประมาณในการแก้ไขเพียง 50 ล้านบาทเท่านั้น สะท้อนว่าปัญหาของพี่น้องประชาชนในท้องถิ่นได้รับงบประมาณน้อย เราไม่สามารถปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปได้

ใน 4 ปีข้างหน้า หากก้าวไกลเป็นรัฐบาล และทำเรื่องการกระจายอำนาจแบบค่อยเป็นค่อยไป เพิ่มงบปีละ 2 แสนล้านบาททั่วประเทศ และได้นายก อบจ. เป็นของก้าวไกล รวมถึงมี ส.ส. ของก้าวไกลในสภาฯ เป็นแบบนี้ประเทศต้องเปลี่ยนแปลงแน่นอน ดังนั้น หากพี่น้องประชาชนไม่อยากให้เก็บภาษีแล้วส่งเข้ากรุงเทพฯ หากอยากให้ผู้ว่าฯ มาจากการเลือกตั้ง และทำงานเพื่อพี่น้องชาวอุดรธานี ขอให้ยึดแนวทางแบบพรรคก้าวไกล ประเทศไทยต้องมีการกระจาย 4 ด้าน ได้แก่ กระจายอำนาจ กระจายงบประมาณ กระจายบุคลากร และกระจายภารกิจ เพื่อแก้ไขปัญหาของคนท้องถิ่นอย่างยั่งยืน

Advertisement

“ธรรมนัส” ตั้งชุดเฉพาะกิจ “พญานาคราช” ปราบสินค้าเกษตรเถื่อนทุกชนิด

People Unity News : 21 พฤศจิกายน 2566 รมว.เกษตรฯ ตั้งชุดเฉพาะกิจ “พญานาคราช” ปราบสินค้าเกษตรเถื่อนทุกชนิด เผยรู้ตัวการใหญ่ขบวนการนำเข้าและค้า “หมูเถื่อน” แม้เหตุเกิดปี 64-65 ลักลอบจำหน่าย แต่หลักฐานที่สำแดงตามพิธีการศุลกากรบ่งชัด ดำเนินการเด็ดขาดตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องทุกฉบับ รวมถึงกฎหมายยึดทรัพย์

ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กล่าวว่า ได้ลงนามแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจปราบปรามสินค้าเกษตรผิดกฎหมายทุกชนิด ทั้งด้านพืช ปศุสัตว์ และประมง ใช้ชื่อว่า “ชุดพญานาคราช” ประกอบด้วย สารวัตรเกษตร สารวัตรปศุสัตว์ และสารวัตรประมง ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานอัยการสูงสุด และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.)

ทั้งนี้การดำเนินการทางกฎหมายต่อผู้กระทำผิด จะดำเนินการทั้ง พ.ร.บ. โรคระบาดพืช ปศุสัตว์ และสัตว์น้ำของหน่วยงานสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พ.ร.บ. ศุลกากร และ พ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน โดยยึดทรัพย์ที่มาจากการกระทำผิดด้วย

ชุดเฉพาะกิจพญานาคราชประชุมนัดแรกในวันนี้ เพื่อรับนโยบายและสามารถปฏิบัติงานได้ทันที เรื่องเร่งด่วนที่สุดคือ การตรวจห้องเย็นทั่วประเทศ โดยได้รับรายงานจากนายสัตวแพทย์สมชวน รัตนมังคลานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ว่า เข้าตรวจแล้ว 2,149 แห่ง แต่มีห้องเย็นบางส่วนไม่ได้ขึ้นทะเบียนกับหน่วยงานใดเลย ดังนั้นจึงจะปูพรมตรวจในวันที่ 30 พฤศจิกายนนี้ รวมทั้งให้ห้องเย็นที่ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียน ดำเนินการขึ้นทะเบียนให้ถูกต้อง นับเป็นก้าวแรกที่จะ Set Zero ระบบการตรวจสอบขบวนการลักลอบนำเข้าสินค้าเกษตรผิดกฎหมายตั้งแต่ต้นทาง หากตรวจพบว่า รายใดไม่ได้ขึ้นทะเบียน จะดำเนินคดีอย่างแน่นอน ผลการปฏิบัติงานจะรายงานทุก 15 วัน

สำหรับการปราบปราม “หมูเถื่อน” นั้น ได้รับรายงานว่า จากการสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ร่วมกับ ป.ป.ง. ทราบตัวการใหญ่ซึ่งอยู่เบื้องหลังแล้ว จะสาวถึงในเร็ววันนี้

ร้อยเอกธรรมนัสกล่าวย้ำว่า การลักลอบนำเข้า “หมูเถื่อน” เกิดขึ้นในปี 2564-2565 ตนกำลังเร่งสะสางปัญหาที่เกิดขึ้นก่อนรัฐบาลชุดนี้มาบริหาร โดยสินค้าผิดกฎหมายที่นำเข้ามา แม้จะลักลอบจำหน่ายหมดไปแล้ว แต่จะตรวจสอบหลักฐานการสำแดงตามพิธีการศุลกากร จากที่มีรายงานว่า มีการสำแดงเท็จเป็นสินค้าสัตว์น้ำแช่แข็งจึงได้ให้รองอธิบดีกรมประมงมาอยู่ในคณะทำงานเพื่อร่วมตรวจสอบด้วย โดยขอให้รอดูปฏิบัติการของชุดเฉพาะกิจพญานาคราชที่จะเกิดขึ้นในไม่กี่วันนี้

ด้าน พลตำรวจตรี เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รองเลขาธิการสำนักงาน ป.ป.ง. กล่าวว่า การรวบรวมพยานหลักฐานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อสาวถึงผู้อยู่เบื้องหลังขบวนการ “หมูเถื่อน” คืบหน้าไปมาก ก่อนหน้านี้ต้องใช้ระยะเวลาในการรวบรวมหลักฐานต่างๆ เนื่องจากเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปี 2564-2565 โดยหลักฐานสำคัญคือ เอกสารตามพิธีการศุลกากรและเส้นทางการเงิน อีกไม่กี่วันนับจากนี้จะมีความชัดเจน แต่ไม่สามารถบอกรายละเอียด ขอให้ติดตามปฏิบัติการสำคัญ

Advertisement

“อนุทิน” เตรียมสั่งการผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ รับมือ PM 2.5 และไฟป่า

People Unity News : 21 พฤศจิกายน 2566 “อนุทิน” ประกาศเอาจริง จ่อออกหนังสือสั่งการผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ รับมือ PM 2.5 และไฟป่า

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึง สถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 หลายจังหวัด มีค่าฝุ่นเพิ่มขึ้น กระทบต่อสุขภาพประชาชน ว่า จำเป็นต้องมีการเตรียมพร้อมรับมือ  ปัญหาฝุ่น ต้นตอมาจากทั้งเรื่องสภาพอากาศที่เย็นลง ความกดอากาศสูงจากทางตอนเหนือของไทย ส่งผลให้อากาศปิด อีกทางหนึ่งเมื่ออากาศแห้ง ก็ทำให้เกิดไฟไหม้ป่าขึ้นได้ และหลายครั้งก็เกิดจากการกระทำของมนุษย์นี่เอง ทั้งในและต่างประเทศ โดยในประเทศต้องจัดการ เพราะการเผาป่า คือ การกระทำที่ผิด ฝ่าฝืนมีโทษ และเราเอาจริง เพื่อปกป้องสุขภาพของประชาชน

“เพื่อแก้ปัญหา ผมจะเร่งออกหนังสือเวียนถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด ให้เตรียมแผนรับมือกับสถานการณ์ บรรเทาปัญหาฝุ่น ป้องกันไฟป่า”

Advertisement

“เศรษฐา” แถลงแก้หนี้นอกระบบ 28 พ.ย. – หนี้ในระบบแถลง 12 ธ.ค. ย้ำเศรษฐกิจวิกฤติ จำเป็นต้องทำดิจิทัล วอลเล็ต

People Unity News : 20 พฤศจิกายน 2566 ก.คลัง – นายกฯ เตรียมแถลงแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ 28 พ.ย.นี้ ส่วนหนี้ในระบบแถลง 12 ธ.ค. เมิน “นิด้าโพล” พบประชาชนค้านกู้เงินทำโครงการดิจิทัล วอลเล็ต ย้ำเศรษฐกิจวิกฤติ จำเป็นต้องทำ

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมร่วมกับหน่วยงานด้านเศรษฐกิจ ว่า วันนี้ไม่ได้กำชับอะไรเป็นพิเศษ แต่ได้พูดคุยกับนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ประธานกรรมการธนาคารทหารไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งธนาคารกรุงไทย ปลัดกระทรวงการคลัง และกรมสรรพากรเรื่องสภาพเศรษฐกิจโดยรวม มาตรการต่าง ๆ ทั้งการสนับสนุนการท่องเที่ยว เป็นแพคเกจใหญ่ที่จะนำเข้าสู่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เร็ว ๆ นี้ และมาตรการภาษีระยะยาว รวมถึงเรื่องใหญ่คือการแก้ไขปัญหาหนี้สินโดยรวมทั้งหมด ที่แบ่งเป็น 2 ส่วน คือหนี้นอกระบบและหนี้ในระบบ ซึ่งการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบจะแถลงในวันที่ 28 พ.ย.นี้ ส่วนการแก้ไขปัญหาหนี้ในระบบจะแถลงในวันที่ 12 ธ.ค. นี้ เวลา 14:00 น. พร้อมกับมีการบ้านแบ่งไปให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำ ถือว่าเป็นงานที่เยอะอยู่

ส่วนกรณีที่นิด้าโพลสำรวจว่ามีประชาชนส่วนหนึ่งไม่เห็นด้วยกับการแจกเงินดิจิทัล วอลเล็ต และเรื่องการออก พ.ร.บ.กู้เงิน จะต้องชี้แจงหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เท่าที่ดูคร่าว ๆ ไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่ขนาดนั้น เพราะคนที่เห็นด้วยก็มี ถือเป็นการสะท้อนความคิดเห็น และเรื่องอยู่ในการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว อีกทั้งตัวเลขทางเศรษฐกิจสะท้อนออกมาว่า GDP ไตรมาส 3 ขยายตัวเพียง 1.5% คู่แข่งประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซียต่ำสุด 3.3% บางประเทศมากกว่าเรา 2-3 เท่า เป็นเรื่องของการตีความว่าวิกฤติจำเป็นหรือไม่ ซึ่งตนย้ำว่าวิกฤติและจำเป็น

เมื่อถามว่าหลังนายกฯ แถลงรายละเอียดโครงการดิจิทัล วอลเล็ตได้รวบรวมเสียงสะท้อนบ้างหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนรวบรวมข้อมูลต่อ แม้จะแถลงไปแล้วก็ต้องทำงานต่อ ก็รับฟังเพราะยังมีรายละเอียดเล็กน้อย

เมื่อถามว่ามีความเป็นห่วงหรือไม่ว่า กว่า พ.ร.บ.กู้เงินจะออก จะทำให้นายกฯรัฐมนตรีเสียสมาธิเดินหน้าทำโครงการ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตำแหน่งผู้นำประเทศ เป็นตำแหน่งที่อยู่ในความรับผิดชอบสูง มีหลายภาคส่วนที่ต้องดูแลแก้ปัญหา เสียสมาธิ เสียกำลังใจคงไม่มี ไม่มีสิทธิ์ที่จะเสียสมาธิ คงมีข้ออ้างไม่ได้ที่จะไม่ทำงาน ไม่ต้องเป็นห่วง ไม่เสียกำลังใจ ไม่เสียสมาธิ

ส่วนที่นายกรัฐมนตรีระบุว่าเห็นตัวเลข GDP 1.5% แล้วตกใจ จะมีเทคนิคทางเศรษฐกิจอย่างไร ระหว่างรอโครงการเงินดิจิทัล วอลเล็ต นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ดิจิทัล วอลเล็ต เป็นนโยบายใหญ่นโยบายหนึ่งเช่นเดียวกับนโยบายการท่องเที่ยว รวมถึงซอฟต์พาวเวอร์ และการแก้ไขปัญหาหนี้สินทั้งระบบ ซึ่งบางอย่างทำได้ทันที และมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง

“เรายังทำงานอย่างเต็มที่ ภาคส่วนไหนที่ต้องการความช่วยเหลือ เราก็เข้าใจความลำบากของประชาชน การประชุม ครม. ทุกนัด ก็มีมาตรการต่าง ๆ ออกมา พยายามอยู่ ตนตกใจ และเลขาสภาพัฒน์ฯ ก็ตกใจ เพราะตัวเลข GDP น้อยกว่าที่คาด หายไป 0.5% ถือว่าสูงมาก เป็นสัญญาณบ่งบอกถึงความเร่งด่วนจำเป็น” นายกรัฐมนตรี กล่าว

เมื่อถามถึงโครงการ E-Refund จะใช้ได้ต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งกับโครงการดิจิทัล วอลเล็ต ใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า “เปล่าครับ ไม่ใช่จะใช้ทั้ง 2 อย่างก็ได้ สำหรับคนที่ได้ดิจิทัล วอลเล็ต ก็สามารถใช้ E-Refund ได้

นายกรัฐมนตรี ปฏิเสธที่จะตอบคำถามถึงมาตรการภาษีระยะยาว โดยกล่าวว่าขอยังไม่พูดเพราะถ้าพูดออกไปแล้วยังไม่มีอะไรที่ชัดเจน เดี๋ยวจะไปพูดกันไปกันมา แต่ยืนยันว่าจะมีมาตรการทางภาษีระยะยาวออกมา

ส่วนที่นายกรัฐมนตรีระบุว่าตอนนี้เศรษฐกิจมันเลวร้ายกว่าที่คิด และวิกฤติอยู่แล้ว แต่ตอนนี้หนักกว่าเดิมหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นการยืนยันมากกว่า ว่าสิ่งที่เราคิดมันเป็นอย่างไร และเมื่อสื่อถามว่าไม่เกินความสามารถนายกรัฐมนตรีใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรีไม่ได้ตอบคำถาม เพียงแต่ยิ้ม พร้อมกล่าวว่า สวัสดีครับ ขอบคุณครับ จากนั้นขึ้นรถเบนซ์ หมายเลขทะเบียน 4กค 29 กรุงเทพมหานคร ออกจากกระทรวงการคลังทันที

Advertisement

นายกฯ เลือกอีก 4 มูลนิธิ ส่งต่อเงินเดือน-เงินประจำตำแหน่งให้

People Unity News : 17 พฤศจิกายน 2566 ทำเนียบ – โฆษกรัฐบาล เผย นายกฯ คัดเลือกมูลนิธิเพิ่มเติมอีก 4 แห่ง ส่งต่อเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่ง ต่อยอดโอกาส เพื่อกลุ่มเปราะบาง

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า สืบเนื่องจากที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประกาศส่งต่อเงินเดือน และเบี้ยประชุมของทุกเดือน ให้มูลนิธิต่างๆ ตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง นั้น สำหรับเงินเดือนประจำตำแหน่ง และเบี้ยประชุมในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ได้คัดเลือกมูลนิธิเพิ่มเติมอีกจำนวน 4 แห่ง โดยมูลนิธิที่นายกรัฐมนตรีส่งต่อ คือ

1.มูลนิธิคนพิการไทย จำนวน 50,000 บาท เพื่อสมทบทุนในโครงการ “เป็นแขน-ขาให้ตากะยาย” โดยผลิตวีลแชร์ เพื่อส่งเสริมกิจกรรมต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อเด็กพิการ คนพิการ และผู้สูงอายุทั่วประเทศ

2.มูลนิธิอิสรชน จำนวน 50,000 บาท ซึ่งเป็นองค์กรพัฒนาเอกชนที่ดำเนินกิจกรรมกับผู้ใช้ชีวิตในที่สาธารณะในประเทศไทย เพื่อดำเนินกิจกรรมช่วยเหลือ การแบ่งปันอาหาร หรือมอบถุงปันสุขให้แก่คนด้อยโอกาส และผู้ยากไร้ในช่วงภาวะวิกฤตเศรษฐกิจ

3.มูลนิธิสายธารสุขใจ จำนวน 50,000 บาท เพื่อสมทบทุนในการซื้อข้าวสาร อาหารแห้ง และจัดหาสิ่งของที่จำเป็นในการดำรงชีวิตให้กับผู้ชรา และคนยากไร้

4.มูลนิธิบ้านพระพร จำนวน 50,000 บาท เพื่อให้การช่วยเหลือ และเป็นทุนการศึกษาให้แก่เยาวชนผู้พ้นโทษ และเด็กที่พ่อแม่อยู่ในเรือนจำ เพื่อให้ได้รับโอกาสทางการศึกษา และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

“นอกจากการช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง นายกรัฐมนตรีและคณะของรัฐบาล ยังมีการลงพื้นที่เพิ่มเติมในหลายๆ พื้นที่ เช่น จังหวัดยโสธร จังหวัดอุดรธานี จังหวัดชลบุรี จังหวัดระยอง จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดพิษณุโลก เป็นต้น โดยเข้าไปพบปะ พูดคุยกับประชาชนและองค์กรต่าง ๆ รับฟังปัญหาและความต้องการ เพื่อจะหาแนวทางแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืนต่อไป” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว

Advertisement

“อนุทิน” ชี้ ดิจิทัลวอลเล็ต เป็นผลงานรัฐบาล เพราะใช้เสียงพรรคร่วมเกือบ 320 เสียง

People Unity News : 14 พฤศจิกายน 2566 ทำเนียบ – “อนุทิน” ยัน หากดิจิทัลวอลเล็ตชอบด้วย กม. พรรคร่วมรัฐบาลมีหน้าที่สนับสนุน บอก คิดแบบพรรคปัจเจกไม่ได้ เป็นผลงานของทุกพรรค เลี่ยงตอบจะโหวตให้ในสภาหรือไม่

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกระแสข่าวว่าถูกมัดมือชก ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ว่า ตนเคยบอกไปแล้ว หากโครงการเป็นประโยชน์ต่อประชาชน และเป็นโครงการตามนโยบาย รวมถึงเป็นโครงการที่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่ขัดกับรัฐธรรมนูญและกฎระเบียบ ดังนั้น พรรคร่วมรัฐบาลมีหน้าที่สนับสนุน

ส่วนในมุมมองทางการเมืองพรรคเพื่อไทยจะได้คะแนนนิยมฝ่ายเดียว ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ขณะนี้เป็นพรรคร่วมรัฐบาล คิดแบบพรรคปัจเจกไม่ได้ ทำงานต้องถือเป็นผลงานของรัฐบาล เพราะอย่างไรก็ตามต้องใช้เสียงสนับสนุนจากพรรคร่วมรัฐบาลทั้งเกือบ 320 เสียง ดังนั้น จึงเป็นผลงานของทุกพรรค ส่วนจะให้ทีมกฎหมายของพรรคดูเรื่องนี้ควบคู่ไปกับฝ่ายกฎหมายของรัฐบาลหรือไม่นั้น ยังมีขั้นตอนในที่ประชุมก็จะต้องดูว่า คณะกรรมการกฤษฎีกาจะมีความเห็นอย่างไร ทุกอย่างต้องเป็นไปตามขั้นตอน หากไม่ถูกต้องก็จะต้องหาวิธีแก้ แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงจุดนั้น

หาก พ.ร.บ.เงินกู้ สำหรับโครงการดิจิทัลวอลเล็ตผ่านเข้าไปถึงสภาผู้แทนราษฎรทางพรรคภูมิใจไทย พร้อมยกมือให้หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า หากผ่านมาได้ โดยพื้นฐานต้องมีความถูกต้องแล้ว เนื่องจากผ่าน ครม.พิจารณาทางด้านการเงิน รวมถึงความเห็นจากราชการส่วนต่างๆ ทั้งคณะกรรมการกฤษฎีกา ธนาคารแห่งประเทศไทย กระทรวงการคลัง และกระทรวงมหาดไทยด้วย

Advertisement

“อนุทิน” จัดให้ผู้ปกครอง-นักเรียน!! ปี 67 สมัครแอดมิชชั่น 1-10 อันดับฟรี

People Unity News : 13 พฤศจิกายน 2566 กระทรวงอุดมศึกษาฯ – “อนุทิน” ประกาศสมัคร TCAS 67 รอบแอดมิชชั่น 1-10 อันดับฟรี หวังช่วยลดค่าใช้จ่ายให้นักศึกษา หนุน “ศุภมาศ” ดัน อว. สู่กระทรวงเศรษฐกิจ

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ตรวจเยี่ยม และมอบนโยบายกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดยมี น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการฯ พร้อมผู้บริหารให้การต้อนรับ โดยนายอนุทิน ได้ถวายสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) จากนั้นขึ้นรถตุ๊กตุ๊ก ไฟฟ้า EV (MuvMi) ที่ผลิตโดยคนไทยเพื่อแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 และลดการใช้พลังงานน้ำมันที่กระทรวง อว.ให้การสนับสนุนภาคเอกชนเพื่อมาชมนิทรรศการการจัดแสดงผลงานเด่นของหน่วยงานต่างๆ ของกระทรวง อว. ก่อนมอบนโยบายให้กับผู้บริหารกระทรวง

นายอนุทิน กล่าวว่า เน้นย้ำให้กระทรวง อว. ให้ความสำคัญการตอบโจทย์ ความต้องการของประเทศ และของโลก ให้ความสำคัญกับการพัฒนาที่ยั่งยืน  ส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ และเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ โดยดําเนินการภายใต้หลักการ “เอกชนนํา รัฐสนับสนุน” ซึ่งวาระสำคัญเร่งด่วนที่กระทรวง อว. ต้องดำเนินการทันที คือ การลดความเหลื่อมล้ำ กระจายโอกาสการเข้าถึงการศึกษาในระดับอุดมศึกษา โดยให้กระทรวง อว.และที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) ช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย ให้กับผู้ปกครองและนักเรียน ในการสมัครคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัยผ่านระบบการรับสมัครสอบกลาง ประจําปี 2567 หรือ “TCAS 67” ในรอบแอดมิชชั่น ซึ่งเป็นรอบที่มีนักเรียนจํานวนมากที่สุดกว่า 125,000 คนต่อปี เข้ามาสมัคร

“ผมขอประกาศข่าวดีว่ากระทรวง อว. และ ทปอ. จะนํางบประมาณมาอุดหนุนการสมัครในรอบแอดมิชชั่น โดยจะเริ่มตั้งแต่ “TCAS 67” ในเดือนพฤษภาคม ที่จะถึงนี้ เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย โดยให้นักเรียน แต่ละคน สามารถสมัครเลือกคณะ 1 – 10 อันดับได้ฟรี เป็นการช่วยแบ่งเบาภาระได้สูงสุดคนละ 900 บาท ถือเป็นหนึ่งในความพยายามระยะสั้นในการลดค่าใช้จ่ายในการเข้าถึงการศึกษา ขณะที่รัฐบาลกําลังพลิกฟื้นเศรษฐกิจให้กลับมาเติบโตอย่างแข็งแรง ซึ่งจะเป็นการเพิ่มโอกาสให้กับเยาวชนไทย ได้มีทางเลือกในการศึกษา ในระดับอุดมศึกษามากขึ้น” รองนายกรัฐมนตรี กล่าว

นายอนุทิน กล่าวว่า ในฐานะกำกับดูแลกระทรวงมหาดไทย กระทรวง อว. กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงแรงงาน ให้ความสำคัญการสร้างสังคมไทยให้เป็นสังคมวิทยาศาสตร์ สังคมแห่งการเรียนรู้ สังคมแห่งเหตุผล และสังคมแห่งปัญญา ซึ่งกระทรวง อว. มีองค์ความรู้มากมายที่พร้อมจะถ่ายทอดให้ประชาชนทุกสาขาอาชีพ แต่การถ่ายทอดยังเป็นไปอย่างจำกัด องค์ความรู้เหล่านั้นจึงอยู่ในกระทรวง แต่ไม่ได้รับการนำเสนอ และถ่ายทอดไปถึงประชาชนกลุ่มเป้าหมายอย่างทั่วถึง ดังนั้น กระทรวง อว. ต้องรับเป็นนโยบายให้ความสำคัญกับการเผยแพร่องค์ความรู้ ในรูปแบบ และช่องทางที่เหมาะสม เพื่อให้เกิดสังคมแห่งการเรียนรู้ เพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของประเทศในภาพรวม

“เมื่อครั้งที่ผมเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ปรับเปลี่ยนมุมมองในการทำงานของกระทรวงให้เป็นหนึ่งในกระทรวงเศรษฐกิจเพราะความมั่นคงทางสุขภาพของประชาชนคือรากฐานที่สำคัญทางเศรษฐกิจของประเทศ กระทรวง อว. ก็เช่นกัน ภายใต้การนำของ รมว.ศุภมาส อิศรภักดี กระทรวง อว. จะก้าวสู่ความเป็นกระทรวงเศรษฐกิจที่จะเป็นเสาหลักทางปัญญา และนำพาโอกาสทางเศรษฐกิจสู่ประชาชนต่อไป” รองนายกรัฐมนตรี กล่าว

Advertisement

ธนาคารโลกพร้อมช่วยไทยแก้ปัญหาน้ำ

People Unity News : 2 พฤศจิกายน 2566 ทำเนียบรัฐบาล – “สมศักดิ์” หารือ ผอ.ใหญ่ด้านทรัพยากรน้ำ ธนาคารโลก พร้อมช่วยศึกษาแก้ปัญหาแบบยั่งยืน หลังมีข้อมูลว่าแก้ต้นน้ำได้ผลมากสุด ช่วยทั้งน้ำท่วม-แล้ง พร้อมขอช่วยสนับสนุนข้อมูล แก้ปมน้ำทะเลกัดเซาะชายฝั่ง

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยผลการหารือกับนายสาโรจ คุมาร์ จาร์ ผู้อำนวยการใหญ่ด้านภารกิจทรัพยากรน้ำ ธนาคารโลก และนายฟาบริซิโอ ซาโคเน ผู้จัดการธนาคารโลก ประจำประเทศไทย ในเรื่องความร่วมมือด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ โดยทางธนาคารโลก มีความยินดีที่จะเข้ามาช่วยประเทศไทย เพื่อแก้ปัญหาเรื่องน้ำ เพราะประเด็นความมั่นคงด้านทรัพยากรน้ำ เขามองว่า เป็นสิ่งที่สำคัญมาก จึงพร้อมเข้ามาทำงานร่วมกัน และสนับสนุนองค์ความรู้จากการศึกษาและแก้ปัญหาเรื่องน้ำมาทั่วโลกแล้ว

“เป็นสิ่งที่ดี ที่ธนาคารโลก จะเข้ามาช่วยบริหารจัดการน้ำ ผมได้เสนอให้ช่วยศึกษาการแก้ปัญหาตั้งแต่ต้นน้ำว่า จะทำอย่างไรได้บ้าง เพื่อช่วยลดผลกระทบเวลามีฝนตกหนักและน้ำเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนเสียหาย รวมถึงเวลาหน้าแล้ง ก็ไม่มีน้ำเพียงพอต่อการทำเกษตร ซึ่งผมอยากให้ธนาคารโลก ช่วยศึกษาอย่างละเอียด พร้อมแนะนำว่า ควรทำโครงการอย่างไร เพราะต้องยอมรับว่า เมื่อเกิดเหตุน้ำท่วมใหญ่แต่ละครั้ง ได้สร้างความเสียหายจำนวนมาก อย่างผลการศึกษาน้ำท่วม ปี 2554 มีความเสียหายกว่า 1.4 ล้านล้านบาท โดยถ้าธนาคารโลก เข้ามาช่วยศึกษา จะเป็นผลดีกับประเทศไทยมาก เนื่องจากมีข้อมูลสถิติในการแก้ปัญหาของหลายประเทศมาแล้ว ก็จะทำให้การศึกษาวิเคราะห์มีความแม่นยำ และแก้ปัญหาได้ตรงจุดอย่างแน่นอน” นายสมศักดิ์ กล่าว

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เรื่องการแก้ปัญหาตั้งแต่ต้นน้ำ ทางธนาคารโลกยืนยันว่า เป็นการแก้ปัญหาที่ได้ผลมากที่สุด เพราะจะช่วยตั้งแต่เรื่องน้ำท่วม และการเก็บน้ำไว้ใช้หน้าแล้งได้ ซึ่งจะเป็นการแก้ปัญหาแบบถาวร จึงจะช่วยศึกษาเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน รวมถึงจะช่วยสนับสนุนข้อมูลเรื่องน้ำทะเลกัดเซาะชายฝั่ง เพราะมีหลายพื้นที่ได้รับผลกระทบในเรื่องนี้ เช่น บางขุนเทียน ที่พบชายฝั่งถูกกัดเซาะเข้ามากว่า 1 กิโลเมตร จึงพร้อมที่จะนำผลการศึกษาของต่างประเทศมาช่วยแก้ปัญหา โดยตนได้ขอบคุณธนาคารโลก ที่ให้การสนับสนุนประเทศไทยมาโดยตลอด ซึ่งมีบทบาทสำคัญกับเราเป็นอย่างมาก เพราะได้ช่วยพัฒนาในหลายด้าน ทั้ง บริหารจัดการน้ำ และการก่อสร้างถนน โดยถือว่าเป็นความร่วมมือที่เกิดประโยชน์กับประชาชนอย่างแท้จริง

Advertisement

Verified by ExactMetrics