วันที่ 17 เมษายน 2024

“เศรษฐา” รอยินดี “พล.อ.ประยุทธ์” เป็นองคมนตรี

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 30 พฤศจิกายน 2566 “เศรษฐา” รอเจอ “พล.อ.ประยุทธ์” ตามงาน แสดงความยินดีได้เป็นองคมนตรี เพราะไม่มีเบอร์ส่วนตัว

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนต่ว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงประกาศราชกิจจานุเบกษาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี เป็น องคมนตรี ว่า “ยังไม่ได้แสดงความยินดี หากเจอตามงานก็จะแสดงความยินดีด้วย ผมไม่ได้มีเบอร์โทรศัพท์ท่าน”

Advertisement

ภาคประชาชนยื่นร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง

People Unity News : 21 กรกฎาคม 2566 “ปดิพัทธ์”  รับร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง จากภาคประชาชน หวัง ใช้ประโยชน์สูงสุดทางการแพทย์ สร้างฐานรายได้ ให้เกษตรกรอยู่ดี กินดี สังคมสงบสุข สร้างมูลค่า ทางเศรษฐกิจระดับชาติให้สูงขึ้น

นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่หนึ่ง รับยื่นร่างพระราชบัญญัติกัญชา กัญชง แห่งชาติ พ.ศ. จากนายวิเชียร ศรีสุด นายกสมาคมสร้างสรรค์เกษตรกรไทย ในฐานะประธานร่างพระราชบัญญัติ กัญชา กัญชงแห่งชาติ  พ.ศ.  และประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จำนวน  60 คน ใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560

โดยร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวประกอบด้วย 13 หมวด 99 มาตรา มีหลักการว่า ด้วยประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ.2564 บัญญัติให้กัญชา กัญชง  ไม่เป็นยาเสพติดให้โทษอีกต่อไป แต่ยังขาดพระราชบัญญัติว่าด้วยกัญชา กัญชงเพื่อควบคุม จัดระบบระเบียบการปลูก การนําไปใช้ประโยชน์ในรูปแบบต่างๆ   ทั้งเป็นการบัญญัติกฎหมายเพื่อควบคุมป้องกันการใช้กัญชา กัญชง และสารสกัดไปใช้ในทางที่ผิด    จึงมีการตราพระราชบัญญัติฉบับนี้ขึ้น   โดยมีมาตรการส่งเสริม สนับสนุน ให้นำกัญชา กัญชง และสารสกัดไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด  ทางด้านการแพทย์ การพาณิชย์ อุตสาหกรรม แพทย์แผนไทย แพทย์แผนไทยประยุกต์ ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมเภสัชกรรม สัตวแพทย์ การเลี้ยงสัตว์ แพทย์พื้นบ้าน การท่องเที่ยว สถานประกอบการเพื่อสุขภาพ  และการใช้ประโยชน์ในครัวเรือนวิจัยและพัฒนา สร้างนวัตกรรม แปรรูปผลิตภัณฑ์ ตลอดจนการสร้างองค์ความรู้ บูรณาการร่วมกับแพทย์แผนปัจจุบัน ทั้งส่งเสริมสนับสนุน ควบคุม การนำเข้า ส่งออก สกัด จำหน่าย แปรรูป และมีมาตรการทางกฎหมาย ควบคุมการนำกัญชา กัญชง และสารสกัดไปใช้ในทางที่ผิด โดยเฉพาะเด็กและเยาวชน สตรีมีครรภ์ สตรีให้นมบุตร และบุคคลอื่นใดที่อาจก่อให้เกิดอันตราย ทั้งควบคุม ดูแลคุ้มครองสถานที่ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตราย ต่อบุคคลอื่น

อย่างไรก็ตาม เมื่อพระราชบัญญัติฉบับนี้มีผลบังคับใช้แล้ว หน่วยงานภาครัฐ ที่เกี่ยวข้อง ต้องร่วมกันส่งเสริม สนับสนุน สร้างองค์ความรู้ ฝึกอบรม เพื่อนำไปสู่ความสำเร็จ สร้างรายได้ พัฒนาคุณภาพชีวิต ในภาคเกษตรและอุตสาหกรรม สร้างเศรษฐกิจการเกษตรในวงกว้าง สร้างความสมดุล ทางระบบนิเวศน์ มีความยั่งยืนแบบครบวงจร สร้างฐานรายได้ ให้เกษตรกรอยู่ดี กินดี สังคมสงบสุข ทั้งเป็นการสร้างมูลค่า ทางเศรษฐกิจระดับชาติให้สูงขึ้น ด้านรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่หนึ่ง   กล่าวภายหลังการรับยื่นหนังสือว่า ประธานรัฐสภามอบหมายให้ตนเป็นผู้รับร่าง  พ.ร.บ. ดังกล่าว เมื่อรับเรื่องดังกล่าวแล้ว จะทำตามขั้นตอนของทางราชการ และจะรีบนำเรียนประธานรัฐสภาต่อไป รวมทั้ง จะเป็นผู้แทนนำร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวเสนอต่อพรรคการเมืองต่างๆ  สำหรับการเข้าชื่อเสนอกฏหมายของภาคประชาชนนั้น ต่อไปสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรจะเปิดให้ยื่นออนไลน์เพื่อความสะดวกของประชาชน

Advertisement

“แพทองธาร” ทำสารคดีเส้นทางการเมือง ชูมีทีมงาน ‘พ่อ’ และ ‘อา’ ช่วย

People Unity News : 6 พฤษภาคม 2566 “แพทองธาร” ปล่อยสารคดี ‘The Candidate Paetongtarn’ การเดินทางบนเส้นทางการเมืองสู้ศึกเลือกตั้ง 2566

6 พฤษภาคม 2566 นางสาวแพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย โพสต์คลิปสารคดี ‘The Candidate Paetongtarn’ เล่าการเดินทางบนเส้นทางการเมืองตั้งแต่เด็กจนถึงปัจจุบัน ในยูทูบแชนแนลส่วนตัว (https://www.youtube.com/@ingshinawatra)

โดยเนื้อหานั้น ผู้ร่วมเล่าเรื่องราวคือทีมที่ปรึกษาที่เคยทำงานร่วมกับ ดร.ทักษิณ ชินวัตร ในรัฐบาลไทยรักไทย คือ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย, นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช และ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และทีมที่เคยทำงานกับนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในรัฐบาลเพื่อไทย ที่ทั้งหมดนี้สะท้อนว่าทีมงานทั้ง ‘พ่อ’ และ ‘อา’ กลับมาร่วมงานการเมืองกับนางสาวแพทองธารทั้งสิ้น ผนึกกำลังสู้ศึกเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงนี้

โดยเนื้อหาสารคดีกล่าวถึงนางสาวแพทองธารในฐานะลูกสาวอดีตนายกรัฐมนตรี และผู้นำพรรคเพื่อไทยในปัจจุบัน ว่านางสาวแพทองธารไม่ได้เพิ่งเดินบนเส้นทางการเมืองในช่วงเกือบ 2 ปีนี้เท่านั้น แต่อยู่บนเส้นทางการเมืองมาแล้วตั้งแต่สมัยไทยรักไทย ผ่านทั้งวันคืนที่ดีและร้าย

และในตอนสุดท้ายเป็นคำถามสำคัญที่ว่า ‘ถ้าประเทศไทยมีแพทองธาร เป็นนายกรัฐมนตรี จะเป็นอย่างไร’ นางสาวแพทองธารตอบพร้อมรอยยิ้มว่าประเทศไทยจะมีสีสัน ประเทศไทยจะมีนายกรัฐมนตรี ที่จริงใจ รักประชาชน และมีทีมที่ดี เพราะแพทองธารทำคนเดียวไม่ได้ แต่แพทองธารมีทีมมาช่วยทำงานเพื่อประเทศไทย

โดยหลังสารคดีจบ นางสาวแพทองธารได้ไลฟ์พูดคุยสดๆ กับพี่น้องประชาชนผ่านทางไลฟ์อินสตาแกรมและเฟซบุ๊ก

ติดตามสารคดีพร้อมกันได้ที่ : https://www.youtube.com/watch?v=S-zj0yUs3bE

Advertisement

“บิ๊กป้อม”เชื่อศาลรธน.ตัดสินคดี”ธนาธร”ถือหุ้นไร้วุ่น

People Unity News : “บิ๊กป้อม”เชื่อศาลรธน.ตัดสินคดี”ธนาธร”ถือหุ้นไร้วุ่น ขณะที่”กกต.”มีมติเอกฉันท์ให้”อคน.”ส่งเอกสารแจง คดีหัวหน้าปล่อยกู้พรรค

วันที่ 19 พฤศจิกายน 2562 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญจะอ่านคำวินิจฉัย กรณี นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ถือครองหุ้นสื่อ ในวันที่ 20 พฤศจิกายนนี้ ว่า ยังไม่ได้รับรายงานความเคลื่อนไหวของมวลชน และเชื่อว่าไม่มีอะไร เรื่องนี้เป็นกระบวนการของศาลและไม่ต้องมีการดูแลความสงบเรียบร้อยเป็นพิเศษ ส่วนที่ประชาชนไปให้กำลังใจถือเป็นเรื่องธรรมดา พร้อมย้ำว่าฝ่ายความมั่นคงไม่ต้องดูแลอะไรเป็นพิเศษ

“กกต.”มีมติเอกฉันท์ให้”อคน.”ส่งเอกสารแจง คดีหัวหน้าปล่อยกู้พรรค

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ประชุมพิจารณาสำนวนการสืบสวน กรณีมีผู้กล่าวหาว่า นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ได้ให้พรรคอนาคตใหม่กู้ยืมเงินของตนเอง ถือว่าเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งและพรรคการเมือง ตามมาตรา 66 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง โดยได้บริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดให้แก่พรรคการเมืองมีมูลค่าเกินกว่า 10 ล้านบาท ต่อพรรคการเมืองต่อปี โดยคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนของสำนักงาน กกต. และคณะอนุกรรมการวินิจฉัยคำร้องและปัญหาหรือข้อโต้แย้ง ได้ดำเนินการเป็นไปตามกระบวนการ และขั้นตอนที่กฎหมายกำหนดทุกประการแล้ว

ทั้งนี้ มติของ กกต.พิจารณาแล้ว เห็นว่า เพื่อให้การพิจารณาในเรื่องดังกล่าวข้างต้นปรากฏข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายถูกต้อง ครบถ้วนสมบูรณ์ ชัดเจน และเกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย จึงมีมติเป็นเอกฉันท์ให้พรรคอนาคตใหม่ส่งเอกสารหรือหลักฐานที่เกี่ยวข้องมาประกอบการพิจารณาเพิ่มเติม อันจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายต่อไป โดยเอกสารหรือหลักฐานที่เกี่ยวข้องเป็นเอกสารที่คณะอนุกรรมการวินิจฉัยคำร้องและปัญหา หรือข้อโต้แย้งได้เคยเรียกเอกสารดังกล่าวแล้ว แต่พรรคอนาคตใหม่ไม่ได้จัดส่งเอกสารหรือหลักฐานที่เกี่ยวข้อง ให้แก่คณะอนุกรรมการวินิจฉัยคำร้องและปัญหาหรือข้อโต้แย้งแต่อย่างใด

คนไทยเฮ! ปีใหม่ได้หยุดยาว 5 วัน ครม.ไฟเขียว 30 ธ.ค.เป็นหยุด

People Unity News :  คนไทยเฮ! ปีใหม่ได้หยุดยาว 5 วัน ครม.ไฟเขียว 30 ธ.ค.เป็นหยุดราชการเป็นกรณีพิเศษ

เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2562 นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.มีมติให้วันจันทร์ที่ 30 ธันวาคม 2562 เป็นหยุดราชการเป็นกรณีพิเศษ เนื่องจากตรงกับช่วงเทศกาลวันขึ้นปีใหม่จึงทำให้มีวันหยุดยาวเป็น 5 วัน ตั้งแต่วันที่ 28 ธันวาคม 2562 – 1 มกราคม 2563 ทั้งนี้ หากหน่วยงานใดต้องบริการประชาชน มีภารกิจความจำเป็น หากยกเลิกเกิดความเสียหาย ให้พิจารณาตามความเหมาะสม ส่วนรัฐวิสาหกิจ สถาบันการเงิน และบริษัทเอกชน ขอให้ไปพิจารณาตามความเหมาะสมเช่นกัน

ปลัดกระทรวงดิจิทัลฯแจง พ.ร.บ.ไซเบอร์ไม่คุกคามสิทธิประชาชน

People unity : 1 มีนาคม 2562 : นางสาวอัจฉรินทร์ พัฒนพันธ์ชัย ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยว่า ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ได้ลงมติในวาระที่ 3 เห็นสมควรประกาศใช้ร่าง “พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ. ….” และร่าง “พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ….” เป็นกฎหมาย ขั้นตอนต่อจากนี้จะมีการเตรียมนำทูลเกล้าฯ ถวายเพื่อลงพระปรมาภิไธย ก่อนประกาศลงราชกิจจานุเบกษาเพื่อประกาศใช้เป็นกฎหมายต่อไป

ทั้งนี้ ความสำคัญของกฎหมายทั้ง 2 ฉบับดังกล่าว จะช่วยสร้างความพร้อมให้กับประเทศไทยในการรับมือความเสี่ยงและภัยคุกคามทางไซเบอร์ยุคใหม่จากความก้าวหน้าของเทคโนโลยีดิจิทัลที่อาจส่งผลกระทบสร้างความเสียหายต่อความมั่นคงประเทศและเศรษฐกิจโดยรวม ตลอดจนถึงการคุ้มครองข้อมูลประชาชนทั่วไป อีกทั้งจะช่วยสร้างความมั่นใจในการใช้เทคโนโลยีดิทัลหนุนการขับเคลื่อนประเทศไทยเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลอย่างมีเข้มแข็งและยั่งยืน

โดยหลักการสำคัญที่ต้องมี พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ เพราะปัจจุบันการให้บริการสำคัญต่างๆใช้ระบบดิจิทัล ซึ่งมีความเสี่ยงจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ เช่น ไวรัส มัลแวร์ การโจมตีระบบจากอาชญากรคอมพิวเตอร์ ซึ่งอาจกระทบต่อการให้บริการแก่ประชาชน หรือความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ ดังนั้น เพื่อให้สามารถป้องกันหรือรับมือกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ได้อย่างทันท่วงที กฎหมายนี้จึงมีการกําหนดหน่วยโครงสร้างพื้นฐานสําคัญทางสารสนเทศ (Critical Information Infrastructure : CII ) ทั้งหน่วยงานของรัฐและหน่วยงานเอกชน ตลอดจนกําหนดให้มีมาตรฐานและแนวทางการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ เพื่อให้สามารถบริการได้อย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ โครงสร้างพื้นฐานสําคัญทางสารสนเทศ ได้กำหนดไว้ 7 ด้าน ได้แก่ ด้านบริการของรัฐที่สำคัญ เช่น ระบบการเบิกจ่ายเงินของกรมบัญชีกลาง เป็นต้น ด้านการเงิน ด้านการสื่อสารโทรคมนาคม ด้านความมั่นคง ด้านพลังงานและสาธารณูปโภค และด้านสารธารณสุข ทั้งนี้สามารถเพิ่มด้านอื่นๆได้อีกในอนาคต

“กฎหมายนี้จึงมิได้ส่งผลกระทบและมิได้ไปคุกคามสิทธิต่อประชาชนโดยทั่วไปแต่อย่างใด แต่จะสามารถป้องกันและรับมือกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ได้อย่างทันท่วงที เพราะปัจจุบันเกิดปัญหาการโจมตีทางไซเบอร์อยู่เสมอ ซึ่งกฎหมายได้ระบุประเภทภัยคุกคามทางไซเบอร์ไว้ 3 ระดับ (1) ภัยคุกคามทางไซเบอร์ในระดับไม่ร้ายแรง (2) ภัยคุกคามทางไซเบอร์ในระดับร้ายแรง และ (3) ภัยคุกคามทางไซเบอร์ในระดับวิกฤติ”

โดยภัยคุกคามในระดับไม่ร้ายแรง หน่วยงานนั้นๆและหน่วยงานกำกับดูแลต้องดำเนินการตามมาตรฐานที่กำหนดไว้ ส่วนภัยในระดับร้ายแรงซึ่งทำให้บริการที่สำคัญต้องหยุดชะงัก สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงไซเบอร์แห่งชาติจะให้ความช่วยเหลือในการแก้ปัญหา โดยในการเข้าไปในสถานที่หรือเข้าไปตรวจค้น เจ้าหน้าที่จะต้องขอหมายศาล ขณะที่ภัยระดับวิกฤติต้องเป็นสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่บริการที่สำคัญถูกโจมตีจนล่มไม่สามารถให้บริการได้เป็นวงกว้าง หรือมีประชาชนเสียชีวิตและมีผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ จึงให้ใช้อำนาจตามกฎหมายด้านความมั่นคง อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่อาจต้องดำเนินการแก้ไขอย่างเร่งด่วนพร้อมกับแจ้งศาลโดยเร็ว

สำหรับความจำเป็นของร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. …. เนื่องจากปัจจุบันมีการล่วงละเมิดสิทธิและข้อมูลส่วนบุคคลเป็นจำนวนมาก จนสร้างความเดือดร้อนรำคาญหรือความเสียหายให้แก่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งประเทศต่างๆได้มีการออกกฎหมายเพื่อคุ้มครองสิทธิและข้อมูลส่วนบุคคลแล้ว และบังคับใช้แก่ผู้เก็บรวบรวมข้อมูลที่อยู่ในไทยซึ่งมีการเก็บข้อมูลของคนประเทศนั้นๆด้วย จึงต้องกำหนดให้มีกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์และมาตรการกำกับดูแลในการเก็บรวบรวม การใช้และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้เป็นมาตรฐานสากล

นางสาวอัจฉรินทร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้มี พ.ร.บ.สำคัญเพื่อการขับเคลื่อนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลของประเทศไทยอีก 4 ฉบับ ซึ่งนำเสนอโดยกระทรวงดิจิทัลฯ ได้ผ่านการพิจารณารับร่างในวาระ 3 เรียบร้อยแล้ว และอยู่ระหว่างเตรียมนำทูลเกล้าฯถวายเพื่อลงพระปรมาภิไธย ประกอบด้วย 1. ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ฉบับที่..) พ.ศ. …. 2. ร่างพระราชบัญญัติสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ…. 3. ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. (ระบบการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล)  และ 4.ร่างพระราชบัญญัติสภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย พ.ศ……

“เป็นสัญญาณที่ดีที่ประเทศไทยจะมีความพร้อมไปสู่เศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลในมาตรฐานที่เป็นสากล ทำให้สามารถนำเทคโนโลยีดิจิทัลไปใช้ในการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงและสามารถรับมือกับภัยคุกคามซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ที่ทั่วโลกเผชิญหน้าอยู่” ปลัดกระทรวงดิจิทัลฯ กล่าว

การเมือง : ปลัดกระทรวงดิจิทัลฯแจง พ.ร.บ.ไซเบอร์ไม่คุกคามสิทธิประชาชน

People unity : post 1 มีนาคม 2562 เวลา 18.00 น.

“อนุสรณ์”ชี้อีก! สถานการณ์สุกงอมฝ่ายค้านจัดหนักซักฟอก

People Unity News : “อนุสรณ์”โฆษกพรรคเพื่อไทชี้อีก! สถานการณ์สุกงอม ฝ่ายค้านจัดหนักอภิปรายไม่ไว้วางใจ

วันที่ 24 พฤศจิกายน 2562 นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี การเตรียมความพร้อมในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลของฝ่ายค้าน ว่า ก่อนหน้านี้โพลหลายสำนักก็สะท้อนความเห็นของประชาชนว่า สถานการณ์สุกงอมที่จะขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ไม่ใช่การดำเนินการที่เร็วเกินไป ในอดีตรัฐบาลสมัคร สุนทรเวช 4 เดือนก็ถูกกอภิปรายไม่ไว้วางใจแล้ว เบื้องต้นการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลครั้งนี้น่าจะแบ่งกลุ่มผู้ที่ถูกอภิปรายเป็น 3 กลุ่ม คือ

1.กลุ่ม 3 ป. ที่เป็นแกนหลักตั้งแต่รัฐบาลรัฐประหาร จนถึงรัฐบาลหลังเลือกตั้ง 2.กลุ่มใกล้ชิด หรือ ตัวแทนของ 3 ป. ที่อยู่ในอำนาจต่อเนื่องนานๆ 3.กลุ่มที่เข้ามาใหม่ แล้วพบพิรุธในโครงการต่างๆเพื่อเอื้อประโยชน์ตัวเองและพวกพ้อง ซึ่งจะต้องหารือกับพรรคร่วมฝ่ายค้านอย่างใกล้ชิดต่อไป

ฝ่ายค้านยุคนี้ ไม่มีเครื่องมือพิเศษ หรือตัวช่วยอะไร ที่พออภิปรายล้มรัฐบาลไม่ได้ แล้วสามารถใช้ดาบ 2 ดาบ 3 เครื่องมือพิเศษอื่นๆในการจัดการรัฐบาลให้พ้นไป นอกจากการดำเนินการตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมา ตามกลไกรัฐสภา จากสภาพของพรรคร่วมรัฐบาลที่ขาดเอกภาพ ต่างคนต่างยึดกุมหม้อข้าวตัวเอง มีรอยร้าวระหว่างพรรคหลายกรณี เชื่อว่ารัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายจะโดนลอยแพสูง เพราะขนาดนัดกันกินข้าวลดความบาดหมางระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล ยังไม่สามารถนัดกันได้เลย

“การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลครั้งนี้ ฝ่ายค้านจะทุ่มเทสรรพกำลังอย่างเต็มที่ ให้สมกับที่ประชาชนฝากความหวังในการตรวจสอบรัฐบาล เพื่อไม่ให้ประเทศชาติและประชาชนเสียโอกาสในการแข่งขันและการพัฒนาประเทศ” นายอนุสรณ์ กล่าว

เลขาฯ กกต. ยัน ม.84 กำหนดบัตรเลือกตั้ง ส.ส. 2 ประเภทต้องแตกต่าง

People Unity News : 3 เมษายน 2566 “แสวง” กาง กม.สู้ ยันบัตรเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 84 กำหนด 2 ประเภทต้องแตกต่าง บัตรแบ่งเขตมีได้แค่ช่องทำเครื่องหมาย-หมายเลข กกต.ต้องปฏิบัติตาม

วันนี้ (3 เม.ย.66) นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. โพสต์เฟซบุ๊กถึงการจัดพิมพ์บัตรเลือกตั้ง ส.ส.ของ กกต. ระบุว่า บัตรเลือกตั้ง…อีกครั้ง…ตามที่ได้เคยแจ้งไปก่อนแล้วว่า กกต.เป็นเพียงผู้กำหนดรูปแบบบัตรเลือกตั้ง ตามที่รัฐธรรมนูญและพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกำหนด เท่านั้น

มาดูกันว่า พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 มาตรา 84 กำหนดรูปแบบบัตรเลือกตั้งแต่ละประเภทไว้อย่างไร

1.ต้องเป็นแบบละ 1 ใบ 2. ต้องมีลักษณะ “แตกต่างกันที่สามารถจำแนกออกจากกันได้อย่างชัดเจน” เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเกิดความสับสน ดังนั้น การกำหนดให้บัตรเลือกตั้งแบบแบ่งเขต มีชื่อพรรคการเมืองและเครื่องหมายพรรคการเมือง จึงเป็นบัตรที่มีลักษณะเดียวกันกับบัตรเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ จึงต้องห้ามตามมาตรา 84 วรรคหนึ่ง

2.บัตรเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง (มาตรา 84 วรรคสอง) “ต้องมี” 1) ช่องทำเครื่องหมาย และ 2) หมายเลขไม่น้อยกว่าจำนวนผู้สมัครในเขตเลือกตั้งนั้น 4. บัตรเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ (มาตรา 84 วรรคสาม) “ต้องมี” 1) ช่องทำเครื่องหมาย และ 2) หมายเลขของบัญชีรายชื่อของพรรคการเมือง และ 3) ชื่อพรรคการเมืองพร้อมเครื่องหมายพรรคการเมือง การกำหนดรูปแบบบัตรเลือกตั้งของ กกต. จึงเป็นไปตามบทบัญญัติของกฎหมายทุกประการ

Advertisement

กรม สบส.จ่อเอาผิดสถานค้ากามย่านสาทร แอบอ้างใช้ชื่อนวดสปาบังหน้า

People Unity News : อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ(กรม สบส.) เร่งสั่งการพนักงานเจ้าหน้าที่ของกรมฯ ตรวจสอบสถานค้ากาม เปิดนวดและสปาบังหน้า ย่านสาทร หลังมีข่าวตำรวจตรวจคนเข้าเมืองบุกทลายและจับกุมหมอนวดทั้งไทยและต่างด้าว จ่อเอาผิดตามกฎหมายเกี่ยวกับร้านนวดสปา อย่างน้อย 2 กระทง

วันที่ 8 พฤศจิกายน 2562 จากกรณีที่มีการนำเสนอข่าวว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง(สตม.) บุกทลายสถานบริการ “เดอะ ปริ้นซ์” ย่านซอยสวนพลู 6 เขตสาทร ซึ่งเปิดเป็นร้านนวดและสปาบังหน้า พบว่าร้านดังกล่าวมีการแอบแฝงบริการทางเพศ มีหมอนวดชายทั้งคนไทยและต่างด้าวให้บริการบรรดาเครือข่ายรักร่วมเพศนั้น

นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข ได้กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่าเมื่อได้รับทราบข้อมูลก็มิได้นิ่งนอนใจ ได้เร่งสั่งการให้พนักงานเจ้าหน้าที่จากกองสถานประกอบการเพื่อสุขภาพประสานตำรวจในท้องที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและดำเนินการตามกฎหมายพระราชบัญญัติสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ พ.ศ.2559 ซึ่งในเบื้องต้นเมื่อตรวจสอบรายชื่อร้านดังกล่าวในฐานระบบแล้ว ไม่พบว่ามีการขออนุญาตให้ประกอบกิจการสถานประกอบการเพื่อสุขภาพกับกรม สบส. แต่กลับแอบอ้าง แขวนป้ายว่าเป็นร้านนวดและสปา ลักลอบให้บริการทางเพศ และหากดูรายละเอียดตามข่าวที่บอกว่าพนักงานมีการแต่งกายโดยสวมเพียงกางเกงในตัวเดียวนั่งในตู้กระจกเพื่อรอให้ลูกค้าเรียกไปให้บริการ คงไม่สามารถขอใบอนุญาตให้ประกอบกิจการสถานประกอบการเพื่อสุขภาพได้อย่างแน่นอน เพราะไม่เข้าข่ายองค์ประกอบการเป็นสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ เป็นเพียงการแอบอ้าง แขวนป้ายว่าเป็นร้านนวดและสปา บังหน้า เพื่อค้าบริการหรือให้บริการทางเพศเท่านั้น จะถือว่ามีความผิดตามกฎหมายอย่างน้อย 2 กระทง ตามมาตรา 41 ใช้ชื่อหรือคำแสดงชื่อในธุรกิจเพื่อสร้างความเข้าใจผิดแก่ประชาชนว่าเป็นสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 40,000 บาท และมาตรา 42 ประกอบกิจการสถานประกอบการเพื่อสุขภาพโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือนหรือปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนการที่ทางร้านจ้างผู้ให้บริการเป็นชาวต่างด้าว เพื่อให้บริการนวดนั้น ไม่สามารถทำได้

ด้านทันตแพทย์อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดีกรม สบส. กล่าวว่า จากข้อมูลของศูนย์รับเรื่องร้องเรียนกรม สบส. ในปีงบประมาณ 2562 (ตุลาคม 2561 – กันยายน 2562) พบว่ามีผู้ร้องเรียนในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ ทั้งสิ้น 51 เรื่อง แบ่งเป็นผู้ให้บริการเถื่อน 7 เรื่อง สปาเถื่อน 18 เรื่อง โฆษณาไม่เหมาะสม 4 เรื่อง การให้บริการ 7 เรื่อง และบริการแอบแฝง 15 เรื่อง ซึ่งได้เร่งสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย ทั้งนี้ กิจการที่เข้าข่ายเป็นสถานประกอบการเพื่อสุขภาพทุกแห่ง ต้องได้รับใบอนุญาตจากกระทรวงสาธารณสุข โดยต้องเป็นไปตามมาตรฐานที่กฎหมายกำหนดตามมาตรา 26 ประกอบด้วยมาตรฐานด้านสถานที่ ด้านการให้บริการ และด้านความปลอดภัย นอกจากนี้ ประชาชนยังสามารถร่วมเป็นหูเป็นตาแจ้งเบาะแสของร้านสปาเถื่อน นวดเถื่อน หรือการแอบแฝงบริการที่ไม่เหมาะสมโดยใช้ชื่อว่านวดหรือสปาบังหน้า โดยแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่ หรือแจ้งมาที่ศูนย์รับเรื่องร้องเรียนกรม สบส. ทางโทรศัพท์ 02 193 7057 จดหมายอิเล็กทรอนิกส์(E-Mail) crmhss.moph@gmail.com หรือทาง Facebook ศูนย์รับเรื่องร้องเรียน กรม สบส. เพื่อจะได้ดำเนินการตรวจสอบและเอาผิดตามกฎหมายต่อไป

“มาดามเดียร์”เตรียมฟ้อง”ช่อ” ยันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเนชั่นแล้ัว

People Unity News : “มาดามเดียร์” เตรียมฟ้อง “ช่อ”ปมแถลงข่าวบิดเบือนยืนยันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าวของเนชั่น เพราะลาออกและขายหุ้น ตั้งแต่ก่อนลงสมัครรับเลือกตั้ง

วันที่ 18 พฤศจิกายน 2562 น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว “เดียร์ วทันยา วงษ์โอภาสี” ชี้แจงกรณี น.ส.พรรณิการ์ วานิช ส.ส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคอนาคตใหม่แถลงข่าวพาดพิงว่า ขอชี้แจงความจริง และขอให้หยุดบิดเบือนเผยแพร่ข้อความใส่ร้ายผู้อื่น 1. ดิฉันไม่เคยดำรงตำแหน่งใดๆ และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าวของบริษัท เนชั่นมัลติมีเดียกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) 2. ในอดีตดิฉันได้ประกอบอาชีพโดยสุจริตในฐานะสื่อมวลชน และตั้งแต่ก่อนลงสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ดิฉันได้ลาออกจากทุกตำแหน่ง โอนขายหุ้น ไม่ได้เป็นเจ้าของและมีหุ้นส่วนในกิจการสื่อใดๆทั้งสิ้น 3. ดิฉันขอยืนยันว่าดิฉันเคารพ ปฏิบัติตามกฎหมายและจริยธรรมเกี่ยวกับคุณสมบัติการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอย่างเคร่งครัด

น.ส วทันยา ระบุอีกว่า การแถลงข่าวของนางสาวพรรณิการ์ นั้นเป็นการแถลงโดยขาดข้อมูลที่ถูกต้องอาจเป็นด้วยไม่ได้มีการค้นคว้าหาข้อเท็จจริงที่ถูกต้อง
จึงขอเรียนว่า เพื่อให้นางสาวพรรณิการ์ได้มีความรับผิดชอบมากขึ้น จึงกำลังพิจารณาที่จะดำเนินการตามกฏหมายเพื่อให้มีความรับผิดชอบต่อคำพูดของตนเอง

Verified by ExactMetrics