วันที่ 29 มีนาคม 2024

นายกฯ เที่ยวชมงานกาชาด ใช้จ่ายเงินสนับสนุนนับหมื่นบาท

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 14 ธันวาคม 2566 สวนลุมพินี  – นายกฯ ทัวร์งานกาชาด 100 ปี ณ สวนลุมพินี ใช้จ่ายเงินสนับสนุนนับหมื่นบาท พร้อมเชิญชวนประชาชนร่วมงาน

ค่ำวานนี้ (13 ธ.ค.66) เวลา 19.00 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง และคณะ ร่วมเดินงานกาชาด 100 ปี ประจำปี 2566 ภายใต้แนวคิด “รื่นรมย์สุขฤดี ณ ที่แห่งการให้” จัดโดยสภากาชาดไทย ระหว่างวันที่ 8-18 ธ.ค. 66 โดยนายกฯ เข้าเยี่ยมบูธมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก บูธของสภากาชาด มูลนิธิชัยพัฒนา และโครงการทหารพันธุ์ดี ร้านเหล่าทัพและสมาคมแม่บ้าน บูธกรุงเทพมหานคร บูธมหาวิทยาลัย (ธรรมศาสตร์ จุฬาฯ ม.กรุงเทพ ม.เกษตรศาสตร์) บูธสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม บูธองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก บูธกองบัญชาการกองทัพไทย รวมถึงบูธกองทัพและสมาคมแม่บ้านของสามเหล่าทัพและตำรวจ ได้ร่วมกิจกรรมสอยดาว ล้วงไข่สุ่ม ทำบุญลุ้นรางวัลใหญ่ เล่นเกมชิงรางวัลกิจกรรมกับบูธต่างๆ ร่วมทำบุญซื้อคูปองจับสลากลุ้นรางวัลหลายพันบาท แจกประชาชนนับสิบคน รวมทั้งอุดหนุนสลากบำรุงกาชาด ประจำปี 2566 ในหลายจุด

หลังจากนั้นนายกฯ เดินชมเลือกซื้อสินค้า OTOP สนับสนุนสินค้าไทย สร้างงานสร้างอาชีพให้ประชาชน โดยซื้อทั้งผ้าไหม กระเป๋า สินค้าเกษตรแปรรูป ซื้อสินค้าอาหารและเครื่องดื่ม เพื่อร่วมอุดหนุนพ่อค้าแม่ค้า อาทิ น้ำมะพร้าวปั่น ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้ใช้จ่ายและอุดหนุนกิจกรรมนับหมื่นบาท

นอกจากนี้นายกฯ ได้เยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทำความสะอาด กทม. เพื่อให้กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ บรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยผู้คน แสงสี และความสนุกสนาน ประชาชนต่างเข้ามาทักท้ายให้กำลังใจและขอถ่ายรูปกับนายกฯ เป็นจำนวนมาก สุดท้ายนายกฯ ขอเชิญชวนประชาชนให้มาร่วมงาน งานกาชาด ประจำปี 2566

Advertisement

รัฐบาลห่วงประชาชน แนะหลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง หลังค่าฝุ่น PM 2.5 พุ่งสูงต่อเนื่อง

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 13 ธันวาคม 2566 “เกณิกา”เผย รัฐบาลห่วงใยประชาชน แนะหลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง หลังอากาศปิด ทำค่าฝุ่น PM 2.5 พุ่งสูงต่อเนื่อง

วันนี้ (13 ธ.ค. 66) น.ส.เกณิกา อุ่นจิตร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงสถานการณ์ค่าฝุ่น PM 2.5 ในหลายพื้นที่พบเกินมาตรฐานว่า รัฐบาลมีความเป็นห่วงประชาชนกลุ่มเสี่ยงทั้งเด็ก ผู้สูงอายุ และหญิงตั้งครรภ์ จึงขอให้เฝ้าระวังเป็นพิเศษ รวมถึงกลุ่มที่มีโรคประจำตัว ได้แก่ โรคหัวใจ โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง และโรคหอบหืด ซึ่งผู้ป่วยโรคหอบหืด จะมีความไวต่อการกระตุ้นจาก ฝุ่น PM2.5 หรือสารก่อภูมิแพ้เหล่านี้ ทำให้มีสมรรถภาพปอดลดลง และเกิดอาการกำเริบได้ ซึ่งกลุ่มเสี่ยงดังกล่าว ควรสวมหน้ากากเพื่อป้องกันฝุ่น และหลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง

น.ส.เกณิกา กล่าวต่อว่า เหตุที่ทำให้ค่าฝุ่น PM2.5 สูงขึ้นมากในขณะนี้เกิดจากความกดอากาศต่ำ และสภาพอากาศนิ่ง ส่งผลให้ฝุ่นจากแหล่งกำเนิดไม่สามารถระบายได้ จนถูกกดทับอยู่ในแต่ละพื้นที่ โดยเฉพาะวันที่ 14-15 ธ.ค. จะมีค่าฝุ่นหนาแน่นเป็นพิเศษ แต่จากการคาดการณ์ของกรมควบคุมมลพิษว่าสถานการณ์จะเริ่มดีขึ้นช่วงวันที่ 17 ธ.ค.นี้ เพราะจะมีลมพัดแรงขึ้น ช่วยให้อากาศระบายฝุ่นที่สะสมและพัดออกจากพื้นที่

ทั้งนี้ในส่วนของ ร่าง พ.ร.บ.การบริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด พ.ศ. …. นั้น คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้ส่งร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว โดยเนื้อหาสาระที่สำคัญก็คือ การแก้ปัญหาเชิงรุก ครอบคลุมทุกมิติ เป็นกฎหมายใหม่ที่มีความเฉพาะ ทำให้สามารถบริหารจัดการอากาศสะอาดได้อย่างแท้จริง ป้องกันปัญหาด้านอากาศที่จะเกิดขึ้น และแก้ไขปัญหามลภาวะทางอากาศที่มีอยู่ให้ลดลงและหมดไป เพราะอากาศสะอาดเป็นสิทธิพึงมีที่คนไทยทุกคนต้องได้สูดอากาศที่บริสุทธิ์ตามสิทธิขั้นพื้นฐาน เพื่อสุขภาพที่ดีของทุกคน

โดยประชาชนสามารถติดตามสถานการณ์ฝุ่นผ่านทางเว็บไซต์ Air4Thai.com และ airbkk.com แอปพลิเคชัน Air4Thai และ AirBKK รวมถึงเพจ facebook Live ศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ และสายด่วนกรมควบคุมมลพิษ 1650

Advertisement

รัฐบาลเชิญชวน ปชช. ร่วมโครงการล้างถังพักน้ำราคาพิเศษ 990 บาท

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 10 ธันวาคม 2566 รัฐบาลเชิญชวน ปชช. ร่วมโครงการล้างถังพักน้ำราคาพิเศษ 990 บาท ลงทะเบียนใช้สิทธิ์ภายใน 31 ธ.ค นี้ ใช้สิทธิ์ได้ถึง 31 ม.ค 67

วันนี้ (10 ธันวาคม 2566) นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาล โดย การประปานครหลวง (กปน.) กระทรวงมหาดไทย ร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่ มอบโปรโมชัน Flash Sale ลดค่าบริการล้างถังพักน้ำราคาพิเศษ 990 บาท ต่อถังขนาดไม่เกิน 2,000 ลิตร ให้กับลูกค้า กปน. ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร นนทบุรี และสมุทรปราการ โดยสามารถลงทะเบียนรับสิทธิ์ตั้งแต่วันที่ 1-31 ธันวาคม 2566 เท่านั้น และใช้สิทธิ์ได้ถึงวันที่ 31 มกราคม 2567

นายคารม กล่าวว่า เงื่อนไขในการรับสิทธิ์ล้างถังพักน้ำราคาพิเศษ 990 บาท ถังพักน้ำบนดินจะต้องมีขนาดไม่เกิน 2,000 ลิตร (2 ลบ.ม.) สามารถลงทะเบียนรับสิทธิ์ได้ตั้งแต่วันที่ 1-31 ธันวาคม 2566 และใช้สิทธิ์ได้ถึงวันที่ 31 มกราคม 2567  สำหรับช่วงวันและเวลาในการให้บริการล้างถังพักน้ำ คือ วันจันทร์-วันอาทิตย์ เวลาทำการ 08.30-16.30 น. ไม่เว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์

“ประชาชนที่สนใจ ลงทะเบียนรับสิทธิ์ได้ที่ https://shorturl.asia/4x0ZV หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 0 2504 0123 ต่อ 1865, 1253 หรือ 0 2500 2802 วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 08.30-16.30 น. เว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์” นายคารม ย้ำ

Advertisement

นายกฯ นำ ครม.ล่องเรือ​ชมแสง ​สี เสียง สะท้อนอัตลักษณ์ไทย ในงาน​ VIJIT CHAO PHRAYA 2023

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 7 ธันวาคม 2566 ชื่นมื่น​! นายกรัฐมนตรี​ นำคณะรัฐมนตรีล่องเรือ​วิจิตรเจ้าพระยา​ 2023 ชมแสง​ สี เสียง สะท้อนอัตลักษณ์ไทย พร้อมระบุต้องไม่ยึดติดรูปแบบเดิมๆ​ ดัน​เป็นพลังซอฟต์พาวเวอร์​ดึงดูดคนทั่วโลก​ ทำมหานครเป็นเมืองแห่งชีวิตชีวา คาดตลอดทั้งเดือน นักท่องเที่ยว 4 แสนคน รายได้ 600 ล้าน ไม่นับรวมโรงแรมและธุรกิจร้านอาหารริมน้ำ

นายเศรษฐา​ ทวีสิน​ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง​ พร้อมด้วย น.ส.สุดาวรรณ​ หวังศุภกิจโกศล​ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นพ.ชลน่าน​ ศรีแก้ว​ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พ.ต.อ.ทวี​ สอดส่อง​ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นายพิพัฒน์​ รัชกิจประการ​ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นางมนพร เจริญศรี​ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม นางพวงเพ็ชร​ ชุนละเอียด​ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นาย​จักรพงษ์​ แสง​มณี ​รัฐมนตรี​ช่วยว่าการ​กระทรวงการ​ต่างประเทศ​ และ น.ส.ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ล่องเรือแม่น้ำเจ้าพระยา ในงาน​ VIJIT CHAO PHRAYA 2023​ ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการเทศกาลรับลมหนาว “Thailand Winter Festivals”​ ที่จะจัดตลอดเดือนธันวาคม​ ตามนโยบายของรัฐบาล ในการจัดตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์​แห่งชาติ เพื่อขับเคลื่อนสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเศรษฐกิจการท่องเที่ยว หวังดึงนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไทยในช่วงเดือนสุดท้ายของปี

โดยนายเศรษฐา ระบุว่า​ ตนยินดีที่ได้เป็นเกียรติในงานวิจิตรเจ้าพระยา 2023 การจัดงานนี้เป็นหนึ่งในกิจกรรมภายใต้โครงการ Thailand Winter Festivals ช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวและนโยบายซอฟต์​พาวเวอร์​ของรัฐบาล โดยรัฐบาลให้แต่งตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์ฯ เพื่อขับเคลื่อนและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของประเทศไทย​ที่มีต้นทุนทางวัฒนธรรมอย่างสร้างสรรค์ มีกิจกรรมทั้งการแสดงแสง สี เสียง การแสดงทางวัฒนธรรมผ่านสถานที่สำคัญต่างๆ ตลอด 2 ฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ที่จะช่วยสร้างบรรยากาศและสีสันการท่องเที่ยวยามค่ำคืนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร

นายเศรษฐา ระบุด้วยว่า ตนขอบคุณหน่วยงานรัฐและเอกชนที่ให้ความร่วมมือ ทำให้กิจกรรมเกิดขึ้น การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมนี้จะต้องไม่ยึดติดกับรูปแบบเดิมๆ​ วัฒนธรรมไทยมีข้อดีมากมายที่ต้องเปิดให้คนที่มีแนวคิดต่อยอดไปได้ ทำการพัฒนาต่อยอด จะทำให้เรามีอัตลักษณ์ และกลายเป็นซอฟต์พาวเวอร์​ที่สามารถเข้าถึงคนทั่วโลกได้มาก สร้างรายได้ให้กับประเทศ​ไทยของเรา รวมทั้งเป็นการประชาสัมพันธ์โบราณสถานและสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญทางประวัติศาสตร์ชาติไทยอีกด้วย

นายเศรษฐา ยังเชิญชวนทุกคนมาร่วมงานวิจิตรเจ้าพระยา 2023 ตลอดเดือนธันวาคมนี้ โดยไทยประกาศความพร้อม และแสดงศักยภาพของประเทศไทยในการเป็นเมืองแห่ง Festival ต่อไปในอนาคต ทำให้กรุงเทพฯ และประเทศไทยเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา และเป็นมหานครที่พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติที่เข้ามาเยี่ยมเยียนประเทศไทย

ด้าน น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล​ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า งานปีนี้แตกต่างจากปีที่แล้วที่จัดตลอดทั้งเดือนธันวาคม โดยทุกวันเสาร์-อาทิตย์ จะมีการจุดพลุ ซึ่งมีการเปิดตัวไปแล้ว โดยมีเอกอัครราชทูตหลายประเทศมาชมงานด้วย คาดว่าการจัดงานวิจิตรเจ้าพระยาในหนึ่งเดือนนี้ จะมีนักท่องเที่ยวประมาณ 400,000 คน สร้างรายได้กว่า 600 ล้านบาท ซึ่งไม่นับรวมกับโรงแรมและร้านอาหารริมสองฝั่งเจ้าพระยา

Advertisement

“เศรษฐา” ตรวจเยี่ยมโรงพยาบาล ลองตรวจวัดระดับความเครียด ผลมีความเครียดค่อนข้างสูง

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 3 ธันวาคม 2566 หนองบัวลำภู – “เศรษฐา” ตรวจเยี่ยมโรงพยาบาล ติดตามการแก้ปัญหายาเสพติด จ.หนองบัวลำภู ก่อนตรวจสุขภาพ เจอแพทย์ทักความเครียดสูง แนะพักผ่อน

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วย นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข และนายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และคณะ เดินทางลงพื้นที่ตรวจติดตามประเด็นการแก้ไขปัญหายาเสพติด และปัญหาความยากจนในพื้นที่ จังหวัดหนองบัวลำภู โดย นายเศรษฐา พร้อมคณะ เดินทางมากราบสักการะศาลหลักเมืองพระยาไชยเชษฐาธิราช เพื่อความเป็นสิริมงคล ก่อนจะเดินทางมาที่โรงพยาบาลสุวรรณคูหา เพื่อตรวจเยี่ยมผู้ป่วยติดยาเสพติดและเยี่ยมชมกระบวนการในการบำบัดยาเสพติด รวมไปถึงเยี่ยมชมรถตรวจสุขภาพเคลื่อนที่ของทางโรงพยาบาล เช่น รถเอกซเรย์เต้านมเคลื่อนที่ รถเอกซเรย์ระบบดิจิทัลพระราชทาน รถเก็บตัวอย่างชีวนิรภัย ฯลฯ

ทั้งนี้ในระหว่างการเยี่ยมชม นายเศรษฐา ได้ลองขึ้นรถโมบายคลายเครียด เพื่อตรวจวัดระดับความเครียดและสุขภาพ ซึ่งแพทย์ เปิดเผยผลตรวจระดับความเครียดกับ นายเศรษฐา ผลปรากฏว่ามีระดับความเครียดค่อนข้างสูง ด้านนายเศรษฐา เมื่อฟังผลก็หันมายิ้มและหัวเราะ พร้อมตอบว่า “แม่นมาก”

ส่วนผลการตรวจสภาวะหลอดเลือดอยู่ในไทป์ 2 เมื่อเทียบกับอายุแล้วอยู่ในเกณฑ์ดี เทียบได้กับคนที่อายุ 30 ปี การไหลเวียนเลือดอยู่ในระดับดีมาก น่าจะเป็นเพราะออกกำลังกายเป็นประจำ

สำหรับการตรวจความฟิตของร่างกาย เจ้าหน้าที่ระบุว่า “ไม่ค่อยฟิตเท่าไหร่นะคะ”

ส่วนการปรับตัวต่อสภาวะความเครียดยังไม่สมดุล ไปในทิศทางที่ไม่ค่อยดี ซึ่งเจ้าหน้าที่แนะนำว่า ให้พักผ่อนและจัดการความเครียด

ขณะที่นายแพทย์ชลน่าน กล่าวเสริมว่า เนื่องจาก นายกรัฐมนตรี มีภารกิจเยอะ จะไม่เครียดได้อย่างไร รวมถึงความเหนื่อยล้าของสภาพร่างกาย ทำให้นายกฯ ถึงกับหัวเราะเสียงดัง เปรียบเสมือนการยอมรับความจริง ซึ่งแพทย์ก็แนะนำให้นายกรัฐมนตรีนอนหลับพักผ่อนให้มากขึ้น

จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้เดินพบปะพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ อสม. ในพื้นที่อำเภอสุวรรณคูหา จำนวน 1,314 คน โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก เป็นกันเอง

ก่อนที่นายกฯ รับฟังบรรยายสรุปผลการดำเนินงานตามมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด “หนองบัวลำภูโมเดล” และการดูแลผู้ป่วยจิตเวชจากการใช้ยาเสพติด และตรวจเยี่ยมแถวกองกำลังชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) จำนวน 6,000 นาย ที่ปฏิบัติงานตามมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด “หนองบัวลำภูโมเดล”

Advertisement

รมว.พลังงาน ให้ความมั่นใจค่าไฟจะไม่แพง ลั่นเอาจริงแน่นอนปฏิรูปโครงสร้างพลังงาน ไม่ได้พูดเอาเท่

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 2 ธันวาคม 2566 “พีระพันธุ์” รมว.พลังงาน ให้ความมั่นใจค่าไฟ จะไม่แพงตามที่ กกพ. มีมติ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก โดยมีใจความว่า ขอให้มั่นใจค่าไฟจะไม่สูงอย่างที่เป็นข่าวครับ ผมเข้าใจถึงความกังวลใจของพี่น้องประชาชนที่ถามกันมามากเรื่องราคาค่าไฟฟ้าภายหลังจากสิ้นสุดระยะเวลามาตรการลดค่าไฟฟ้าในเดือนธันวาคมที่จะถึงนี้ว่าราคาอาจกระโดดสูงขึ้นถึงหน่วยละ 4.68 บาท หรือ 17% จากราคาปัจจุบันหน่วยละ 3.99 บาทตามที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ได้เปิดให้มีการสอบถามและมีมติไป

ผมเองก็รับไม่ได้ ถ้าราคาค่าไฟจะเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดอย่างนั้น เพราะถึง กกพ.จะมีมติแบบนั้น แต่เราก็ต้องบริหารจัดการเอาราคาค่าไฟลงมาให้ได้ ซึ่งผมได้สั่งการให้หน่วยงานต่างๆ เร่งประสานทุกจุดล่วงหน้าด้วยวิธีการใหม่ๆหลายรูปแบบแล้ว เพื่อไม่ให้ประชาชนไม่แบกรับค่าไฟฟ้าที่มากเกินไป จะพยายามทำให้ใกล้เคียงกับที่จ่ายอยู่ในปัจจุบันให้มากที่สุด

ผมขอให้ความมั่นใจว่ากระทรวงพลังงานยุคนี้ ไม่ได้นิ่งนอนใจและทำงานล่วงหน้ามาระยะหนึ่งแล้วเพื่อให้ราคาค่าไฟอยู่ในระดับที่ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดิมมากนัก ซึ่งต้องใช้หลายกลไกพร้อมๆกันภายใต้โครงสร้างในปัจจุบันที่ไม่ได้ให้อำนาจกับฝ่ายนโยบายมากนัก แต่จะพยายามทำอย่างเต็มที่เพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชน

ทั้งนี้การที่ กกพ.ประกาศให้ประชาชนเห็นชอบแนวทางในการปรับอัตราค่าไฟฟ้าก่อนหน้านี้ เป็นเงื่อนไขตามกฎหมายที่จะต้องมีการประกาศเพื่อให้ประชาชนแสดงความคิดก่อนที่จะมีมติ แต่ทั้งนี้ไม่ได้เป็นที่สุด จะต้องมีการบริหารจัดการเพื่อให้ประชาชนได้ประโยชน์สูงสุดต่อไป ทั้งหมดนี้จะเตรียมการให้เสร็จสิ้นและประกาศโดยเร็วที่สุด

ผมพูดเสมอว่านี่คือการแก้ไขปัญหาระยะสั้นเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนภายใต้โครงสร้างแบบปัจจุบัน แต่ที่กำลังดำเนินการแบบเข้มข้นที่สุด และทำงานกันไม่หยุดหย่อนทุกวัน คือการเร่งรวบรวมข้อมูลทุกด้านเกี่ยวกับพลังงาน ไม่ว่าจะเป็นน้ำมัน ก๊าซ ไฟฟ้า พลังงานทดแทน และพลังงานสะอาด ให้ครบทุกมิติ เพื่อนำไปสู่การ รื้อ ลด ปลด สร้าง พลังงานให้มั่นคง เป็นธรรม และยั่งยืนทั้งระบบ ไม่ยากครับ ถ้าแค่พูดเอาเท่ ฟังดูดีทรงภูมิ

คนทำแบบนั้นมีเยอะแล้ว แต่ไม่เคยเห็นรูปธรรม พูดไปเรื่อยๆ ใช่ครับ อะไรๆก็แก้โครงสร้าง แต่จะแก้อะไร แก้อย่างไรครับ ส่งผลกระทบแบบไหน จะทดแทนด้วยอะไร ทั้งระบบต้องสอดคล้องและไม่ก่อภาระเพิ่มให้กับประชาชน ย้อนกลับไปดูกันนะครับ กฎหมายแต่ละฉบับ รูปแบบที่ใช้กันอยู่ ใช้มานานเท่าไร ปล่อยกันมาสี่สิบปีแล้วนะครับ

ผมเองหลังแถลงนโยบายมาสองเดือนเศษ ผมไม่พูดมาก แต่ลงมือทำ อย่างน้อยผมก็พยายามลดภาระให้ประชาชน ไม่ว่าจะตามโครงสร้างแบบไหน ทั้งน้ำมันดีเซล เบนซิน ค่าไฟฟ้า ตรึงราคาค่าแก๊ส ผมดีใจที่พี่น้องประชาชนได้ประโยชน์อย่างเต็มที่ เวลาเดียวกันก็เร่งดำเนินการรวบรวมข้อมูลชนิดลงลึกทุกขั้นทุกตอน ทำงานกันหลายคณะ ทำมากกว่าพูดลอยๆ ว่า “ปรับโครงสร้างๆๆ”

เมื่อข้อมูลครบถ้วนแล้ว ไม่นานครับ เพราะผมและคณะจะร่างกฎหมายเอง เป็นชุดและครอบคลุมทั้งหมด ตอบได้ทุกคำถาม เพราะยึดเอาประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง ผมศึกษา หาข้อมูล ถกเถียง คิดวิเคราะห์ คืบหน้าไปมากแล้ว แต่ยังไม่สมบูรณ์ เพราะนี่คือการลงมือทำจริง ไม่ใช่เพียงแค่พูดแล้วเสกออกมา ขอให้มั่นใจ ผมเอาจริงแน่นอน

Advertisement

“เศรษฐา” รอยินดี “พล.อ.ประยุทธ์” เป็นองคมนตรี

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 30 พฤศจิกายน 2566 “เศรษฐา” รอเจอ “พล.อ.ประยุทธ์” ตามงาน แสดงความยินดีได้เป็นองคมนตรี เพราะไม่มีเบอร์ส่วนตัว

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนต่ว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงประกาศราชกิจจานุเบกษาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี เป็น องคมนตรี ว่า “ยังไม่ได้แสดงความยินดี หากเจอตามงานก็จะแสดงความยินดีด้วย ผมไม่ได้มีเบอร์โทรศัพท์ท่าน”

Advertisement

“พิธา” ประกาศยุทธศาสตร์ “ก้าวไกล” ชนะทั้งกว้าง-ชนะทั้งลึก เตรียมยึด อบจ.

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 24 พฤศจิกายน 2566 “พิธา” ประกาศ “ก้าวไกล” พร้อมชนะกว้าง-ชนะลึก เตรียมสู้ศึก อบจ. ชู 3ข “ขยับ-ขยาย-แข่ง” ภูมิใจคะแนนเลือกตั้งอุดรธานี เพิ่มขึ้นมีนัยสำคัญ หวังเก็บชัยเลือกตั้ง อบจ.อุดรฯ รอบนี้ ชี้ประเทศไทยต้องกระจายอำนาจ งบประมาณ-บุคลากร-ภารกิจ เพื่อการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล เดินทางเยือนจังหวัดอุดรธานี ร่วมเวทีบรรยาย “ก้าวต่อไป อุดรท้องถิ่น” จัดขึ้น ณ โรงแรมสยามแกรนด์ โดยมีนายณัฐพงษ์ พิพัฒน์ไชยศิริ ส.ส.อุดรธานี เขต 1 พร้อมด้วยสมาชิกพรรคก้าวไกล จังหวัดอุดรธานี และมีประชาชนให้ความสนใจเข้าร่วมรับฟังการบรรยายกว่า 400 คน

ช่วงต้นของการบรรยาย นายพิธา กล่าวว่า พรรคก้าวไกลไม่เสียกำลังใจและมีสมาธิพร้อมทำงานเพื่อพี่น้องประชาชน คะแนนเลือกตั้งที่พี่น้องชาวอุดรธานีมอบให้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ตั้งแต่สมัยพรรคอนาคตใหม่ เริ่มต้นที่ 140,000 คะแนน จนมาถึงพรรคก้าวไกล ช่วงเลือกตั้งนายก อบจ. เมื่อปี 2563 เพิ่มเป็น 180,000 คะแนน และ 220,000 คะแนน จากการเลือกตั้งครั้งล่าสุด เชื่อว่าเลือกตั้ง อบจ. รอบนี้จะเก็บคะแนนเพิ่มและคว้าชัยชนะแน่นอน

ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ยังกล่าวถึง “3ข” ได้แก่ “ขยับ” เนื่องจากพรรคก้าวไกลมี ส.ส.เขต และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ประธานกรรมาธิการที่ดินฯ ก็เป็นของก้าวไกล จึงพร้อมเดินหน้าผลักดันและขยับเพื่อชาวอุดรธานี ต่อมาคือ “ขยาย” พรรคต้องขยายฐานสมาชิกให้มากขึ้น ขยายอาสาสมัครและแนวร่วมให้มากขึ้น เมื่อขยายแล้วจึงพร้อม “แข่ง” โดยไม่ต้องรอถึง 4 ปี ในการเลือกตั้งใหญ่ เพราะยังมีการเลือกตั้ง อบจ. ที่ต้องแข่งขันในระดับท้องถิ่น

นายพิธา กล่าวถึงการเลือกตั้ง อบจ. ที่จะมาถึงว่า พรรคก้าวไกลต้องการชนะในหลายจังหวัด เพื่อขยายผลจากการเลือกตั้งใหญ่ที่ผ่านมา จากข้อมูลจะพบว่ามีประมาณ 40 จังหวัดทั่วประเทศ ที่คะแนนของพรรคก้าวไกลมาเป็นอันดับ 1 แต่ยังเหลืออีก 20-30 จังหวัด ที่คะแนนพรรคมาเป็นอันดับ 2 ดังนั้น ต้องเดินหน้ารณรงค์เต็มที่ โดยในการเลือกตั้งที่จะถึงนี้ พรรคก้าวไกลไม่ได้ส่งตัวแทนผู้สมัครลงเลือกตั้งครบทุกจังหวัด แต่อุดรธานีเป็นหนึ่งในจังหวัดที่เราส่ง และตนจะเดินทางมาหาเสียงที่อุดรธานีด้วยตัวเองอย่างแน่นอน มั่นใจว่าจะปักธงที่อุดรธานีได้ เนื่องจากมีคนทำงานท้องถิ่นอยู่แล้ว มี ส.ส.พรรคก้าวไกล ที่ทำงานอย่างแข็งขัน และคะแนนของพรรคก็โตขึ้นโดยตลอด ภายในระยะเวลา 1 ปี ตนมั่นใจว่าจะสามารถชนะได้

นายพิธา ยังได้ยกตัวอย่างการเมืองแนวกว้างที่พรรคก้าวไกลได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งทั่วประเทศครั้งที่ผ่านมา ที่ชนะทั้งในกลุ่มวัยรุ่นและผู้สูงอายุ ชนะในทุกจังหวัด สิ่งเหล่านี้คือชัยชนะในแนวกว้าง แต่ขณะเดียวกันต้องชนะในแนวลึกต่อไป นั่นคือสนามท้องถิ่น เพราะปัญหาของคนอุดรฯ ต้องแก้ไขด้วยคนอุดรฯ ปัญหาของคนท้องถิ่นต้องแก้ไขด้วยท้องถิ่นเอง ขณะที่หน้าที่ของผู้แทนฯ คือพูดแทนประชาชนในสภาฯ และผ่านกฎหมาย แต่หน้าที่ของนักการเมืองท้องถิ่น คือแก้ไขปัญหาให้ท้องถิ่น

ประเทศไทยต้องมีการกระจายอำนาจ และให้ท้องถิ่นแก้ไขปัญหาในพื้นที่ ยกตัวอย่างปัญหาของคนอุดรธานี เช่น ปัญหาขยะ 1,400 ตันต่อวัน แต่กลับมีงบประมาณในการจัดการ 10 ล้านบาทต่อปี เพราะวิธีคิดคือเก็บภาษีและส่งไปยังส่วนกลางแล้วคิดตัวเลขกลับมา หรือปัญหาภัยแล้งและอุทกภัย แต่กลับมีงบประมาณในการแก้ไขเพียง 50 ล้านบาทเท่านั้น สะท้อนว่าปัญหาของพี่น้องประชาชนในท้องถิ่นได้รับงบประมาณน้อย เราไม่สามารถปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปได้

ใน 4 ปีข้างหน้า หากก้าวไกลเป็นรัฐบาล และทำเรื่องการกระจายอำนาจแบบค่อยเป็นค่อยไป เพิ่มงบปีละ 2 แสนล้านบาททั่วประเทศ และได้นายก อบจ. เป็นของก้าวไกล รวมถึงมี ส.ส. ของก้าวไกลในสภาฯ เป็นแบบนี้ประเทศต้องเปลี่ยนแปลงแน่นอน ดังนั้น หากพี่น้องประชาชนไม่อยากให้เก็บภาษีแล้วส่งเข้ากรุงเทพฯ หากอยากให้ผู้ว่าฯ มาจากการเลือกตั้ง และทำงานเพื่อพี่น้องชาวอุดรธานี ขอให้ยึดแนวทางแบบพรรคก้าวไกล ประเทศไทยต้องมีการกระจาย 4 ด้าน ได้แก่ กระจายอำนาจ กระจายงบประมาณ กระจายบุคลากร และกระจายภารกิจ เพื่อแก้ไขปัญหาของคนท้องถิ่นอย่างยั่งยืน

Advertisement

“ธรรมนัส” ตั้งชุดเฉพาะกิจ “พญานาคราช” ปราบสินค้าเกษตรเถื่อนทุกชนิด

People Unity News : 21 พฤศจิกายน 2566 รมว.เกษตรฯ ตั้งชุดเฉพาะกิจ “พญานาคราช” ปราบสินค้าเกษตรเถื่อนทุกชนิด เผยรู้ตัวการใหญ่ขบวนการนำเข้าและค้า “หมูเถื่อน” แม้เหตุเกิดปี 64-65 ลักลอบจำหน่าย แต่หลักฐานที่สำแดงตามพิธีการศุลกากรบ่งชัด ดำเนินการเด็ดขาดตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องทุกฉบับ รวมถึงกฎหมายยึดทรัพย์

ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กล่าวว่า ได้ลงนามแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจปราบปรามสินค้าเกษตรผิดกฎหมายทุกชนิด ทั้งด้านพืช ปศุสัตว์ และประมง ใช้ชื่อว่า “ชุดพญานาคราช” ประกอบด้วย สารวัตรเกษตร สารวัตรปศุสัตว์ และสารวัตรประมง ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานอัยการสูงสุด และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.)

ทั้งนี้การดำเนินการทางกฎหมายต่อผู้กระทำผิด จะดำเนินการทั้ง พ.ร.บ. โรคระบาดพืช ปศุสัตว์ และสัตว์น้ำของหน่วยงานสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พ.ร.บ. ศุลกากร และ พ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน โดยยึดทรัพย์ที่มาจากการกระทำผิดด้วย

ชุดเฉพาะกิจพญานาคราชประชุมนัดแรกในวันนี้ เพื่อรับนโยบายและสามารถปฏิบัติงานได้ทันที เรื่องเร่งด่วนที่สุดคือ การตรวจห้องเย็นทั่วประเทศ โดยได้รับรายงานจากนายสัตวแพทย์สมชวน รัตนมังคลานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ว่า เข้าตรวจแล้ว 2,149 แห่ง แต่มีห้องเย็นบางส่วนไม่ได้ขึ้นทะเบียนกับหน่วยงานใดเลย ดังนั้นจึงจะปูพรมตรวจในวันที่ 30 พฤศจิกายนนี้ รวมทั้งให้ห้องเย็นที่ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียน ดำเนินการขึ้นทะเบียนให้ถูกต้อง นับเป็นก้าวแรกที่จะ Set Zero ระบบการตรวจสอบขบวนการลักลอบนำเข้าสินค้าเกษตรผิดกฎหมายตั้งแต่ต้นทาง หากตรวจพบว่า รายใดไม่ได้ขึ้นทะเบียน จะดำเนินคดีอย่างแน่นอน ผลการปฏิบัติงานจะรายงานทุก 15 วัน

สำหรับการปราบปราม “หมูเถื่อน” นั้น ได้รับรายงานว่า จากการสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ร่วมกับ ป.ป.ง. ทราบตัวการใหญ่ซึ่งอยู่เบื้องหลังแล้ว จะสาวถึงในเร็ววันนี้

ร้อยเอกธรรมนัสกล่าวย้ำว่า การลักลอบนำเข้า “หมูเถื่อน” เกิดขึ้นในปี 2564-2565 ตนกำลังเร่งสะสางปัญหาที่เกิดขึ้นก่อนรัฐบาลชุดนี้มาบริหาร โดยสินค้าผิดกฎหมายที่นำเข้ามา แม้จะลักลอบจำหน่ายหมดไปแล้ว แต่จะตรวจสอบหลักฐานการสำแดงตามพิธีการศุลกากร จากที่มีรายงานว่า มีการสำแดงเท็จเป็นสินค้าสัตว์น้ำแช่แข็งจึงได้ให้รองอธิบดีกรมประมงมาอยู่ในคณะทำงานเพื่อร่วมตรวจสอบด้วย โดยขอให้รอดูปฏิบัติการของชุดเฉพาะกิจพญานาคราชที่จะเกิดขึ้นในไม่กี่วันนี้

ด้าน พลตำรวจตรี เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รองเลขาธิการสำนักงาน ป.ป.ง. กล่าวว่า การรวบรวมพยานหลักฐานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อสาวถึงผู้อยู่เบื้องหลังขบวนการ “หมูเถื่อน” คืบหน้าไปมาก ก่อนหน้านี้ต้องใช้ระยะเวลาในการรวบรวมหลักฐานต่างๆ เนื่องจากเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปี 2564-2565 โดยหลักฐานสำคัญคือ เอกสารตามพิธีการศุลกากรและเส้นทางการเงิน อีกไม่กี่วันนับจากนี้จะมีความชัดเจน แต่ไม่สามารถบอกรายละเอียด ขอให้ติดตามปฏิบัติการสำคัญ

Advertisement

“อนุทิน” เตรียมสั่งการผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ รับมือ PM 2.5 และไฟป่า

People Unity News : 21 พฤศจิกายน 2566 “อนุทิน” ประกาศเอาจริง จ่อออกหนังสือสั่งการผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ รับมือ PM 2.5 และไฟป่า

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึง สถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 หลายจังหวัด มีค่าฝุ่นเพิ่มขึ้น กระทบต่อสุขภาพประชาชน ว่า จำเป็นต้องมีการเตรียมพร้อมรับมือ  ปัญหาฝุ่น ต้นตอมาจากทั้งเรื่องสภาพอากาศที่เย็นลง ความกดอากาศสูงจากทางตอนเหนือของไทย ส่งผลให้อากาศปิด อีกทางหนึ่งเมื่ออากาศแห้ง ก็ทำให้เกิดไฟไหม้ป่าขึ้นได้ และหลายครั้งก็เกิดจากการกระทำของมนุษย์นี่เอง ทั้งในและต่างประเทศ โดยในประเทศต้องจัดการ เพราะการเผาป่า คือ การกระทำที่ผิด ฝ่าฝืนมีโทษ และเราเอาจริง เพื่อปกป้องสุขภาพของประชาชน

“เพื่อแก้ปัญหา ผมจะเร่งออกหนังสือเวียนถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด ให้เตรียมแผนรับมือกับสถานการณ์ บรรเทาปัญหาฝุ่น ป้องกันไฟป่า”

Advertisement

Verified by ExactMetrics