วันที่ 29 มีนาคม 2024

ลอกสติกเกอร์อนาคตใหม่เขียนประตูห้องสภาฯออกแล้ว

People Unity News : “ดร.อิสระ”ส.ส.ปชป.ลูกหม้อ ประธานชวน เผยเหตุ จนท.ลอกสติกเกอร์อนาคตใหม่ออกเพื่อเป็นบรรทัดฐานเหมือนกันทุกพรรค แนะควรทำที่ทำการพรรคตัวเองไม่ใช่สถานที่ราชการ

วันที่ 26 พฤศจิกายน 2562 กรณีเจ้าหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรได้ลอกสติกเกอร์ขนาดใหญ่ที่ติดอยู่หน้าห้องพีกพรรคอนาคตใหม่ ชั้น3 อาคารรัฐสภาออกไปจากหน้าห้อง ซึ่งเป็นสติกเกอร์ที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ได้เซ็นลายเซ็นบนสติกเกอร์ พร้อมด้วยข้อความที่ส.ส.อนาคตใหม่พากันเขียนข้อความให้กำลังใจนายธนาธร ก่อนที่นายธนาธรจะเดินทางไปฟังคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่25พย.ที่ผ่านมานั้น

ล่าสุด นายอิสระ เสรีวัฒนวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีนี้ว่า เป็นการดำเนินการให้เกิดความเรียบร้อยภายหลังจากที่สำนักเลขาฯได้ปรึกษาหารือกับประธานสภาฯ แล้ว ซึ่งเชื่อว่าเจ้าหน้าที่เคารพ ส.ส.ทุกคนและทุกพรรคการเมืองเนื่องจากเป็นผู้เเทนที่ชาวบ้านเลือกมาเหมือนๆกัน แต่กรณีนี้ตนเห็นว่าหลีกเลี่ยงไม่ได้ เเม้จะเป็นของพรรคอื่นที่ไม่ใช่พรรคอนาคตใหม่ ก็จำเป็นจะต้องแก้ไขให้ถูกต้องเพราะรัฐสภาเป็นสถานที่อันทรงเกียรติ และสถานที่ราชการ ไม่สามารถให้ขีดเขียนตามอำเภอใจ ควรจะมีสำนึกเคารพระเบียบของสถานที่นั้นๆ โดยเฉพาะในสถานที่ราชการ

นายอิสระ กล่าวว่า เดิมที ห้องที่ให้พรรคการเมืองใช้ จะมีเพียงการพิมพ์ชื่อพรรคใส่กระดาษขาวปิดไว้หน้าห้อง แม้กระทั่งห้องทำงานประธานรัฐสภาก็เช่นกัน เนื่องจากเป็นเพียงสถานที่ชั่วคราว เป็นส่วนการใช้งานในอนาคตของวุฒิสภา ที่ส.ส.เรายืมเขามาใช้ก่อน ประธานรัฐสภาจึงมีข้อสั่งการให้ใช้พื้นที่อย่างให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด และหลีกเลี่ยงการติดตั้งสิ่งใดเป็นการถาวร ทั้งนี้ เมื่อมีการจัดสรรห้องพรรคการเมืองแล้ว แต่ละพรรคได้สั่งทำสติกเกอร์ตราสัญลักษณ์พรรคตนเองมาปิดไว้ที่ประตู เพื่อความสวยงาม ความเป็นส่วนตัว และเป็นการแสดงชื่อพรรค ซึ่งสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ก็ให้มีการติดได้โดยอนุโลม แต่การเขียนและแสดงสัญลักษณ์ทางการเมืองบนสติกเกอร์ดังกล่าว แม้ไม่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อสมบัติของทางราชการ แต่ควรทำ ณ ที่ทำการพรรคตนเอง ไม่สมควรกระทำในสถานที่ราชการ และหากให้กระทำได้ย่อมเป็นบรรทัดฐานให้แก่พรรคอื่น สำนักงานเลขาธิการสภาฯ ในฐานะส่วนราชการรับผิดชอบดูแลสถานที่ดังกล่าว จึงต้องดำเนินการแก้ไขให้เหมาะสม

นายกฯเผยกำลังดูข้อกฎหมายกรณีการเคลื่อนไหวของทักษิณในต่างประเทศ

People unity news online : นายกรัฐมนตรีเผยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังพิจารณาข้อกฎหมายการเคลื่อนไหวของนักการเมืองในต่างประเทศ

เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2561 เวลา 13.05 น. ณ บริเวณห้องโถง ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงความเคลื่อนไหวปลุกระดมนักการเมืองในต่างประเทศของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า เรื่องนี้สื่อมวลชนก็รู้กันอยู่แล้วว่าเป็นอย่างไร ขณะนี้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่ามีความผิดตามกฎหมายอะไรหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้เคยเตือนไปแล้ว และเป็นเรื่องของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะพิจารณากันต่อไป ส่วนการสนับสนุนพรรคการเมืองต่างๆของคนนอก เรื่องนี้ต้องไปดูกฎหมายอีกครั้ง ไม่ใช่ว่าพอถึงเวลา มีการบังคับใช้กฎหมายแล้วกลายเป็นว่า ไม่มีความเป็นธรรมกันขึ้นมาอีก ซึ่งเรื่องนี้มีปัญหากันมาโดยตลอด สื่อมวลชนต้องช่วยกันทำความเข้าใจด้วย แต่สิ่งสำคัญคือ ผู้ที่เคลื่อนไหวในต่างประเทศ ซึ่งแต่ละประเทศก็มีกฎหมายเป็นของตัวเอง แตกต่างกันคนละอย่างสองอย่าง ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะดำเนินการอะไรได้มากนัก ทั้งนี้ เราต้องทำทุกอย่างให้ครบตามขั้นตอนและกระบวนการ อย่างครั้งที่แล้วก็ได้มีการดำเนินการไปแล้ว แต่ก็กลายเป็นว่ารัฐบาลไปไล่ล่า ถ้าทุกคนอยู่กันแบบสงบเงียบเรียบร้อย ก็ไม่มีปัญหาที่ต้องไปทำอะไรกันต่อเพราะต่างก็มีคดีกันอยู่ทั้งสิ้น

People unity news online : post 16 สิงหาคม 2561 เวลา 10.40 น.

กำหนดค่าธรรมเนียมนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทย 150-300 บาท/คน/ครั้ง

People Unity News : 14 กุมภาพันธ์ 2566 ครม.อนุมัติร่างประกาศคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ กำหนดการจัดเก็บค่าธรรมเนียมนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทย 150-300 บาท/คน/ครั้ง

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบร่างประกาศคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ เรื่อง การจัดเก็บค่าธรรมเนียมการท่องเที่ยวภายในประเทศของนักท่องเที่ยวต่างชาติ พ.ศ…. ตามที่คณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ (ท.ท.ช.) เสนอ

ทั้งนี้ ร่างประกาศฯ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดเก็บค่าธรรมเนียมการท่องเที่ยวภายในประเทศจากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาประเทศไทย โดยกำหนดค่าธรรมเนียม 300 บาทต่อคนต่อครั้ง สำหรับผู้เดินทางเข้าประเทศไทยผ่านช่องทางอากาศ และ 150 บาทต่อคนต่อครั้ง  สำหรับผู้เดินทางเข้าช่องทางบกและช่องทางน้ำ โดยยกเว้นการจัดเก็บค่าธรรมเนียมสำหรับผู้หนังสือเดินทางเพื่อการทูต กงสุล หรือการปฏิบัติราชการ (Diplomatic or Official Passport) ผู้ได้รับอนุญาตให้ประกอบอาชีพในประเทศไทย (Work Permit) หรือหนังสืออนุญาตให้คนต่างด้าวทำงานในราชอาณาจักรเป็นการเฉพาะ   ตามที่กระทรวงแรงงานกำหนด ผู้โดยสารผ่าน (Transit Passenger) ทารกและเด็กอายุไม่เกิน 2 ปี  และบุคคลอื่นตามที่คณะกรรมการ ท.ท.ช. กำหนด

พร้อมกันนี้ ครม. ได้มอบหมายให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ดำเนินการปรับปรุงกฎกระทรวงกำหนด หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการตรวจลงตรา และกฎหมายที่เกี่ยวข้องที่ออกตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 โดยกำหนดให้ใช้หลักฐานการชำระค่าธรรมเนียมการท่องเที่ยวภายในประเทศของนักท่องเที่ยวต่างชาติ เป็นเอกสารประกอบการอนุญาตเข้าเมือง และให้ สตม. เป็นผู้ตรวจสอบหลักฐานการชำระค่าธรรมเนียมเพื่อประกอบการพิจารณาอนุญาตเข้าเมืองต่อไป

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า  การออกประกาศ ท.ท.ช. ครั้งนี้ เป็นการดำเนินการตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ พ.ศ. 2551 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย พ.ร.บ.นโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ (ฉบับที่2) พ.ศ. 2562  ซึ่งให้ ท.ท.ช. สามารถเสนอต่อ ครม. ให้มีการจัดเก็บค่าธรรมเนียมการท่องเที่ยวภายในประเทศของนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพื่อใช้จ่ายในการบริหารและพัฒนาการท่องเที่ยว รวมทั้งใช้ในการจัดให้มีประกันภัยแก่นักท่องเที่ยวต่างชาติในระหว่างเที่ยวภายในประเทศไทย

นอกจากนี้ พ.ร.บ.นโยบายการท่องเที่ยวฯ ยังบัญญัติให้จัดตั้งกองทุนเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นทุนหมุนเวียนในการพัฒนาการท่องเที่ยว การสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว การพัฒนาทักษะด้านการการบริหาร การตลาด หรือการอนุรักษ์ทรัพยากรท่องเที่ยวในชุมชน ดูแลรักษาคุณภาพแหล่งท่องเที่ยว ส่งเสริมสินค้าทางการท่องเที่ยวใหม่ในท้องถิ่น รวมถึงการจัดให้มีประกันภัยแก่นักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งขณะนี้กระทรวงการท่องเที่ยวอยู่ระหว่างดำเนินการตามขั้นตอนเพื่อจัดกตั้งกองทุนฯ

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้ดำเนินการศึกษาเชิงเปรียบเทียบแล้วพบว่าประเทศไทยไม่ใช่ประเทศแรกที่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ ปัจจุบันมีกว่า 40 ประเทศทั่วโลกที่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมในรูปแบบที่แตกต่างกัน แต่ประเทศไทยเป็นประเทศแรกของโลกที่เก็บค่าธรรมเนียมแล้วมีสวัสดิการคืนแก่นักท่องเที่ยวผ่านประกันอุบัติเหตุ การเสียชีวิต และการส่งศพกลับประเทศ เพื่อดูแล ช่วยเหลือ เยียวยานักท่องเที่่ยว ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์ความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยวต่างชาติ

สำหรับการดำเนินการดังกล่าวนี้จะช่วยลดภาระงบประมาณในการดูแล เยียวยานักท่องเที่ยว และด้านสาธารณสุข จากการเก็บค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลไม่เต็มจำนวนมีความสูญเสียงบประมาณแผ่นดินปีละประมาณ 300-400 ล้านบาทต่อปี รวมถึงงบประมาณสำหรับการดูแลแหล่งท่องเที่ยว สิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติที่เกิดความเสื่อมโทรมจากการท่องเที่ยว รวมทั้งงบประมาณสำหรับการดูแลพัฒนาสาธารณูปโภคที่จะสนับสนุนการท่องเที่ยวให้ปลอดภัย

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า  สาระสำคัญของร่างประกาศฯ นอกจากจะกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมข้างต้นแล้ว ยังได้กำหนดกรอบเวลาของการบังคับใช้ซึ่งจะมีผลบังคับเมื่อพ้น 90 วัน นับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา, การกำหนดบทนิยามต่างๆ ให้ชัดเจน, กำหนดวิธีการจัดเก็บค่าธรรมเนียมโดยทางอากาศยานให้จัดเก็บผ่านค่าโดยสารเครื่องบิน ส่วนทางบกและทางน้ำเก็บผ่านเว็บไซต์ โมบายแอปพลิเคชั่นและตู้ให้บริการชำระค่าธรรมเนียม (Kiosk)

โดยกำหนดให้ผู้ดำเนินการเดินอากาศยานและผู้ดำเนินการมีหน้าที่ลงทะเบียนกับกองทุนฯ เพื่อพัฒนาระบบของตนเองในการเชื่อมต่อเข้า นำส่ง และแลกเปลี่ยนข้อมูลผู้โดยสาร ข้อมูลชำระค่าธรรมเนียมกับระบบการจัดเก็บค่าธรรมเนียมก่อนทำการบินเข้าประเทศไทย โดยผู้ดำเนินการเดินอากาศและผู้ดำเนินการจะได้รับค่าตอบแทนในการจัดเก็บค่าธรรมเนียมจากกองทุนฯ ตามที่ได้ตกลงกัน เป็นต้น

Advertisement

กลาโหมเผยผลรับฟังความเห็นทุกภาคส่วนทั้งประเทศต่อการสร้างสามัคคีปรองดอง

พลตรี คงชีพ ตันตระวาณิชย์

People unity news online : เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2560 พลตรี คงชีพ ตันตระวาณิชย์ ประธานอนุกรรมการประชาสัมพันธ์ เปิดเผยถึง ความคืบหน้าของกระบวนการสร้างความสามัคคีปรองดอง ว่า ข้อมูลจากการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ จากกระบวนการสร้างความสามัคคีปรองดอง ได้ถูกรวบรวมและสังเคราะห์ตามหลักวิชาการ ร่วมกับผลการศึกษาด้านการสร้างความสามัคคีปรองดอง นำมาสู่การจัดทำ “เอกสารความเห็นร่วม” ก่อนที่จะจัดทำร่าง “สัญญาประชาคม”

สำหรับข้อมูลจาก “เอกสารความเห็นร่วม” ซึ่งรวบรวมความเห็น ความต้องการของประชาชนส่วนใหญ่ทั่วประเทศ จากทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ในภาพรวมสะท้อนถึงความตื่นตัวและความสนใจในประเด็นการเมืองและการปรับเปลี่ยนทางการเมืองมากที่สุด

โดยส่วนกลาง ประชาชนให้ความสนใจด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ด้านความเหลื่อมล้ำในการครอบครองที่ดินและการบริหารจัดการน้ำ  ด้านสังคม เศรษฐกิจ การศึกษา สาธารณสุข รวมทั้งด้านสื่อมวลชนและการป้องกันทุจริต ลดหลั่นลงมาตามลำดับ ขณะที่พรรคการเมืองส่วนใหญ่และกลุ่มการเมืองให้ความสำคัญประเด็นด้านการเมือง ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ความเท่าเทียมของพรรคการเมืองเป็นหลัก

หากจำแนกภาคส่วนต่างๆ มีท่าทีที่แตกต่างกัน โดยภาคเศรษฐกิจ ต้องการรักษาผลประโยชน์ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจของตนเองเป็นสำคัญ ภาคประชาสังคมให้ความสำคัญกับปัญหาความเหลื่อมล้ำในทุกๆด้าน รวมทั้งด้านทรัพยากรธรรมชาติ ในขณะที่องค์กรสื่อมวลชนมุ่งเน้นสิทธิเสรีภาพของตนเองและต้องการให้สื่อดูแลกันเองโดยให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตรวจสอบการทำงาน

ในส่วนภูมิภาค ประชาชนมีความสนใจด้านการเมืองมากที่สุดและให้ความสำคัญด้านเศรษฐกิจ สังคมการศึกษา สาธารณสุข ด้านความเหลื่อมล้ำในการครอบครองที่ดินและการบริหารจัดการน้ำ รวมทั้งกระบวนการยุติธรรมตามลำดับ โดยพื้นที่ภาคกลาง มีความสนใจด้านการเมือง มากกว่าด้านอื่นๆอย่างชัดเจน ขณะที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือให้ความสนใจด้านการเมือง การบุกรุกพื้นที่ป่าและด้านสังคม ส่วนพื้นที่ภาคเหนือให้ความสนใจด้านการเมืองและต้องการบริหารจัดการน้ำอย่างมีส่วนร่วม สำหรับพื้นที่ภาคใต้มีความสนใจด้านความเหลื่อมล้ำในการครอบครองที่ดินและการบริหารจัดการน้ำ

หากจำแนกลักษณะของผู้ให้ความคิดเห็นตามกลุ่มต่างๆ สามารถระบุท่าทีที่สำคัญ ได้แก่ กลุ่มการเมืองจะมุ่งเน้นการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังและเป็นธรรม ขณะที่กลุ่มนักวิชาการ นักศึกษาและสื่อมวลชนจะเน้นถึงกติกาทางการเมือง แนวทางการนำไปสู่การลดความขัดแย้ง ปัญหาคอร์รัปชั่น และความจริงใจของภาครัฐในการแก้ปัญหาต่างๆ กลุ่มข้าราชการ กำนัน ผู้ใหญ่บ้านมีความสนใจในการแก้ปัญหาระดับท้องถิ่น เช่น การเอารัดเอาเปรียบของกลุ่มนายทุนต่อราคาพืชผลทางการเกษตร และการเมืองระดับท้องถิ่น ในขณะที่กลุ่มผู้นำชุมชนและชาวบ้าน สนใจเพิ่มเติมในเรื่องของการบริหารจัดการน้ำและที่ดินทำกินในท้องถิ่นเป็นสำคัญ

พล.ต.คงชีพ กล่าวเพิ่มเติมว่า การสะท้อนความคิดเห็นผ่านผู้แทนองค์กรภาคส่วนต่างๆ จากเวทีการรับฟังความเห็นของประชาชนทั่วประเทศในกระบวนการสร้างความสามัคคีปรองดองที่ผ่านมา  ถือเป็นข้อมูลที่บริสุทธิ์ซึ่งผ่านการสังเคราะห์ทางวิชาการครั้งใหญ่ ที่แสดงถึงความตื่นตัวทางการเมืองของประชาชน ปัญหาที่มีในแต่ละพื้นที่และความต้องการของประชาชนทุกภาคส่วน รวมทั้งการมองอนาคตที่จะอยู่ร่วมกันอย่างสงบ สันติสุข  ซึ่งเป็นโอกาสครั้งสำคัญยิ่งของสังคมที่ประชาชนทุกคนจะได้ร่วมเรียนรู้และทำความเข้าใจไปด้วยกัน เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนคลี่คลายปัญหาของสังคมครั้งใหญ่ สู่เป้าหมายร่วมคือ “การปฏิรูปประเทศ”

People unity news online : post 5 มิถุนายน 2560 เวลา 12.26 น.

“หมอสุภัทร” ร้อง โดนสั่งโยกย้ายไม่เป็นธรรม

People Unity News : 2 กุมภาพันธ์ 2566 “หมอสุภัทร” ร้อง กมธ.ป.ป.ช. โดนสั่งโยกย้ายไม่เป็นธรรม ด้าน “เสรีพิศุทธ์” ชี้ โจรย่อมทิ้งร่องรอย

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (กมธ.ป.ป.ช.) รับหนังสือจาก นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ประธานชมรมแพทย์ชนบทและผู้อำนวยการโรงพยาบาลจะนะ อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา เรื่องการโยกย้ายตนเองที่ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาลจะนะ ย้ายไปเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลสะบ้าย้อย ซึ่งถือว่าไม่เป็นธรรม ไม่มีธรรมาภิบาลในกระทรวงสาธารณสุข

นพ.สุภัทร กล่าวว่า กรณีดังกล่าวพบข้อพิรุธชัดเจน คือ มีการสั่งย้ายผู้ตรวจราชการ ทั้งที่แต่งตั้งได้เพียงเดือนเดียว เนื่องจากผู้ตรวจราชการคนดังกล่าวไม่ลงนามสั่งย้ายตนเอง อีกทั้งการโยกย้ายของกระทรวงสาธารณสุขโดยปกตินั้น เป็นอำนาจของปลัด แต่ครั้งนี้ ปลัดไม่ลงนาม แต่ทำหนังสือระเบียบการย้ายขึ้นมาใหม่ และให้อำนาจผู้ตรวจราชการย้ายผู้อำนวยการโรงพยาบาลชุมชนได้ ชัดเจนว่าการโยกย้ายครั้งนี้ส่อถึงความไม่มีธรรมาภิบาลในกระทรวงสาธารณสุข

นพ.สุภัทร ตั้งข้อสังเกตว่า นอกจากนี้ ยังมีป้ายนโยบายของกระทรวงสาธารณสุขที่มีรูปของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยเด่นชัด จึงมองว่าอาจมีการหาเสียงแอบแฝงหรือไม่ จึงนำเรื่องนี้มาให้กรรมาธิการ ป.ป.ช.ตรวจสอบด้วยว่าผิดกฎหมายของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) หรือไม่

ด้าน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า โจรย่อมทิ้งร่องรอย และสิ่งที่ยื่นหลักฐานมา ถือเป็นข้อผิดสังเกตในเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ จึงจะนำเรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณาในชั้น กมธ.ป.ป.ช.ต่อไป

Advertisement

คุมเข้ม”กมธ.”ห้ามเชิญคนนอกมั่ว! “ชวน”ออกกฎเหล็กต้องรายงานให้รู้ก่อน

People Unity News : “ชวน” ออกกฎเหล็ก คุมเข้ม กมธ.ห้ามเชิญมั่ว ให้ปธ.กมธ.รายงาน ปธ.สภาฯ ทุกวันศุกร์ พิจารณาเรื่องไหน ประเด็นอะไร เชิญใคร กันทำงานซ้ำซ้อน ให้อำนาจปธ.สภาฯ ชี้ขาดใครดำเนินการ หากทำมากกว่าหนึ่งคณะแล้วตกลงกันไม่ได้

วันที่ 18 พฤศจิกายน 2562 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 31 ตุลาคมที่ผ่านมา นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้ออกประกาศระเบียบสภาผู้แทนราษฎรว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการในการกระทำกิจการ พิจารณาสอบหาข้อเท็จจริง หรือศึกษาเรื่องใดที่มีความเกี่ยวข้องกันของคณะกรรมาธิการหลายคณะ พ.ศ. 2562 มีเนื้อหาว่า โดยที่เป็นการสมควรให้มีระเบียบสภาผู้แทนราษฎรว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการในการกระทำกิจการ พิจารณาสอบหาข้อเท็จจริง หรือศึกษาเรื่องใดที่มีความเกี่ยวข้องกันของคณะกรรมาธิการหลายคณะอาศัยอำนาจตามความในข้อ 4 และข้อ 90 วรรคหก แห่งข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พศ. 2562 ประธานสภาผู้แทนราษฎรจึงออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้

ข้อ 1 ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบสภาผู้แทนราษฎรว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการในการกระทำกิจการ พิจารณาสอบหาข้อเท็จจริง หรือศึกษาเรื่องใดที่มีความเกี่ยวข้องกันของคณะกรรมาธิการหลายคณะ พ.ศ. 2562

ข้อ 2 ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นตันไป

ข้อ 3 ในระเบียบนี้
“ประธานสภา” หมายความว่า ประธานสภาผู้แทนราษฎร
“คณะกรรมาธิการ” หมายความว่า คณะกรรมาธิการสามัญของสภาผู้แทนราษฎร
“ที่ประชุม” หมายความว่า ที่ประชุมร่วมกันระหว่างประธานสภาและประธานคณะกรรมาธิการ
ที่เกี่ยวข้องทุกคณะ

ข้อ 4 เมื่อคณะกรรมาธิการจะกระทำกิจการ พิจารณาสอบหาข้อเท็จจริง หรือศึกษาเรื่องใด ให้ประธานคณะกรมาธิการทุกคณะรายงานต่อประธานสภาทราบภายในวันศุกร์ของทุกสัปดาห์ ว่าจะมีการพิจารณา
เรื่องใด ประเด็นใด และเชิญผู้ใด หรือหน่วยงานใดเข้าร่วมการพิจารณาในสัปดาห์ถัดไป

ข้อ 5 ให้ประธานสภาตรวจสอบรายงานตามข้อ 9 หากพบว่ามีคณะกรรมาธิการมากกว่าหนึ่งคณะ
จะกระทำกิจการ พิจารณาสอบหาข้อเท็จจริง หรือศึกษาเรื่องใดที่มีความเกี่ยวข้องกัน ให้ประธานสภาแจ้งให้ประธานคณะกรรมาธิการที่เกี่ยวข้องทราบโดยไม่ชักข้า และจัดให้มีการประชุมร่วมกันระหว่างประธานสภาและประธานคณะกรรฆาธิการที่เกี่ยวข้องทุกคณะ พื่อร่มกันดำเนินการ ทั้งนี้ ให้คณะกรมาธิการที่เกี่ยวข้องยุติการกระทำกิจการ
พิจารณาสอบหาข้อเท็จจริง หรือศึกษาเรื่องนั้นไว้เป็นการชั่วคราว ในกรณีที่ไม่อาจยุติการดำเนินการดังกล่าวได้ ให้คณะกรรมาธิการที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจไปพลางก่อนได้ แต่ต้องไม่เกินเจ็ดวันนับแต่วันที่ประธานสภาแจ้งให้ทราบ

ข้อ 6 การร่วมกันดำเนินการตามข้อ 5 อาจพิจารณาดำเนินการในลักษณะใดลักษณะหนึ่งดังต่อไปนี้
(1) ให้คณะกรรมาธิการที่เกี่ยวข้องทุกคณะร่วมกันกระทำกิจการ พิจารณาสอบหาข้อเท็จจริง
หรือศึกษาเรื่องนั้น โดยตกลงร่วมกันให้ประธานคณะกรรมาธิการที่เกี่ยวข้องคณะใดคณะหนึ่งเป็นประธานในการดำเนินการดังกล่าว หากไม่อาจตกลงกันได้ ให้ประธานสภาเป็นผู้กำหนด
(2) ให้คณะกรรมาธิการที่เกี่ยวข้องทุกคณะร่วมกันกระทำกิจการ พิจารณาสอบหาข้อเท็จจริง
หรือศึกษาเรื่องนั้น โดยให้คณะกรรมาธิการคณะใดคณะหนึ่งเป็นหลักในการดำเนินการ และให้คณะกรรมาธิการคณะอื่นที่เกี่ยวข้องส่งกรรมาธิการตามจำนวนที่ที่ประขุมกำหนดเข้าร่วมการดำเนินการนั้นด้วย
(3) แนวทางอื่นที่ที่ประชุมเห็นชอบให้คณะกรรมาธิการที่เกี่ยวข้องร่วมกันดำเนินการ เมื่อที่ประชุมเห็นขอบให้ร่วมกันดำเนินการตาม (1)(2) หรือ (3) แล้ว ให้ประธานสภาแจ้งคณะกรรมาธิการที่เกี่ยวข้องทุกคณะทราบเพื่อดำเนินการต่อไป
ข้อ 7 ในกรณีที่มีญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามระเบียบนี้ ให้ประธานสภาเป็นผู้มีอำนาจวินิจฉัย และคำวินิจฉัยของประธานสภาให้ถือเป็นเด็ดขาด

ข้อ 8 ให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นผู้รักษาการตามระเบียบนี้

ประกาศณวันที่ 31ตุลาคม พ.ศ.2562 ลงชื่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร

ทั้งนี้ระเบียบดังกล่าวออกมาภายหลัง เกิดปัญหากรรมาธิการปปช ออกหนังสือเชิญพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี มาชี้แจงกรณีเสนอร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจําปี 2563 โดยไม่ถูกต้องเนื่องจากยังถวายสัจไม่ครบถ้วนถึง 3 ครั้ง โดยครั้งล่าสุดมีการอ้างถึงการใช้อำนาจออกคำสั่งเรียกตามพระราชบัญญัติคำสั่งเรียกของคณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาด้วย ซึ่งในขณะนี้ ผู้ตรวจการแผ่นดิน ได้ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย มาตรา 5 มาตรา 8 และมาตรา 13 เกี่ยวกับการใช้อำนาจออกคำสั่งเรียกรวมถึงบทลงโทษทางอาญาให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าขัดกับรัฐธรรมนูญมาตรา 129 หรือไม่ตามคำร้องของนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ

“พล.อ.ประวิตร” ประชุมสั่งการเตรียมรับมือผลกระทบจาก “เอลนีโญ”

People Unity News : 16 สิงหาคม 2566 ทำเนียบรัฐบาล-“พล.อ.ประวิตร” ประชุม กอนช. สั่งเตรียมรับมือผลกระทบจากสภาวะ “เอลนีโญ” เพิ่มมาตรการลดเสี่ยงพื้นที่ขาดแคลนน้ำอุปโภค-บริโภค พร้อมรณรงค์ทุกภาคส่วน ใช้น้ำประหยัดคุ้มค่า

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ครั้งที่ 2/2566 ณ ห้องประชุม มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยที่ประชุมรับทราบสถานการณ์จากอิทธิพลของปรากฏการณ์ “เอลนีโญ” ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ รัฐบาลมีความห่วงใยประชาชนในพื้นที่ที่กำลังประสบปัญหาเป็นอย่างมาก สืบเนื่องจากปริมาณฝนที่ตกน้อยในหลายพื้นที่ และแหล่งน้ำมีปริมาณน้ำจำกัดโดยเฉพาะน้ำอุปโภคบริโภค แม้ว่าปัจจุบันหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะได้ดำเนินการตาม “12 มาตรการรับมือฤดูฝน” อย่างต่อเนื่องและเต็มที่ จึงยังคงต้องเฝ้าระวังพื้นที่ที่มีความเสี่ยงขาดแคลนน้ำ ซึ่งอาจส่งผลกระทบและก่อให้เกิดปัญหาภัยแล้งอย่างรุนแรงได้ และขณะเดียวกันปรากฏการณ์เอ็นโซ่ (ENSO) อยู่ในสภาวะเอลนีโญ และจะมีแนวโน้มที่มีความรุนแรงมากขึ้นในช่วงเดือน ต.ค.-ธ.ค.66  ทำให้ประเทศไทยช่วงเดือน ก.ค.-ก.ย.66 จะมีปริมาณฝนต่ำกว่าปกติ

จากนั้น ที่ประชุมได้ร่วมกันพิจารณาเห็นชอบร่างมาตรการรับมือฤดูฝนปี 2566 เพิ่มเติมเพื่อรองรับสถานการณ์ ”เอลนีโญ” ซึ่งประกอบด้วย 3 มาตรการที่สำคัญ ได้แก่มาตรการที่ 1)การจัดสรรน้ำให้เป็นไปตามลำดับความสำคัญที่คณะกรรมการลุ่มน้ำกำหนด เกี่ยวกับการวางแผนการระบายน้ำ มาตรการที่ 2) ให้ควบคุมการเพาะปลูกข้าวนาปีต่อเนื่อง (ตลอดช่วงฤดูฝน) และให้มีการประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ให้กับเกษตรกร และมาตรการที่ 3) ให้เพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำ (ตลอดช่วงฤดูฝน) ได้แก่การใช้น้ำภาคการเกษตร เช่น การปลูกพืชใช้น้ำน้อย  การปรับปรุงระบบการให้น้ำพืช และการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการบริหารจัดการน้ำ เป็นต้น รวมถึงการประหยัดน้ำของทุกภาคส่วน ส่งเสริมให้โรงงานอุตสาหกรรมใช้ระบบ 3R เพื่อลดการใช้น้ำจากแหล่งต่างๆ และการลดการสูญเสียน้ำในระบบประปา และระบบชลประทาน ด้วย

พล.อ.ประวิตร กำชับ สทนช.และหน่วยงานต่าง ๆ เร่งประชาสัมพันธ์ สร้างความเข้าใจให้ประชาชน รับทราบสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างทั่วถึง ทันเวลา เพื่อเตรียมความพร้อมและจัดลำดับความสำคัญในการใช้น้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภค อย่างเพียงพอของประชาชนเป็นอันดับแรก น้ำที่เหลือจึงใช้เพื่อการอื่นๆ รวมถึงพื้นที่ EEC ที่มีความสำคัญด้วยต่อไป พร้อมรณรงค์ขอให้ประชาชน เกษตรกรและทุกภาคส่วนร่วมกันใช้น้ำอย่างประหยัด และคุ้มค่าในโอกาสนี้ด้วย

Advertisement

ที่ประชุมร่วมรัฐสภาลงมติวาระ 3 เห็นชอบระบบเลือกตั้ง ใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ

People Unity News : การประชุมร่วมกันของรัฐสภา 10 กันยายน 2564 นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา  ทำหน้าที่ประธานการประชุม  โดยวาระสำคัญ เป็นการพิจารณาเรื่องด่วน ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พุทธศักราช …. แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 83 และมาตรา 91 โดยเป็นการพิจารณาเพื่อลงมติในวาระที่ 3 หลังรัฐสภาผ่านความเห็นชอบวาระที่ 2 และเว้น 15 วัน ตามรัฐธรรมนูญกำหนดแล้ว

สำหรับสาระสำคัญของร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เป็นการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 โดยแก้ไขระบบเลือกตั้งให้ใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ มี ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง 400 คน และ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ 100 คน  ทั้งนี้ การเลือกตั้ง ส.ส. ให้ใช้วิธีออกเสียงลงคะแนนโดยเสรี โดยตรงและลับ ใช้บัตรเลือกตั้ง ส.ส.แบบละหนึ่งใบ ซึ่งจะผ่านความเห็นชอบต้องใช้เสียงไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของสมาชิกที่มีอยู่ของรัฐสภาหรือไม่น้อยกว่า 365 เสียง จากสมาชิกรัฐสภาทั้งหมด 730 เสียง โดยในจํานวนดังกล่าวต้องมี ส.ว. ลงมติเห็นชอบไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของ ส.ว. ทั้งหมด 250 เสียง หรือไม่น้อยกว่า 84 เสียง และต้องได้เสียงจาก  ส.ส.พรรคฝ่ายค้าน ไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 หรือ 47 เสียง จากทั้งหมด 242 เสียง

การลงมติแบบเปิดเผยโดยการขานชื่อ ผลการลงมติปรากฎว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบวาระ 3 ด้วยคะแนน 472 ต่อ 33 เสียง และงดออกเสียง 187 เสียง โดยมีเสียงเกินกึ่งหนึ่ง ในจำนวนนี้ มี ส.ส.พรรคฝ่ายค้าน เห็นชอบเกินร้อยละ 20  และมี ส.ว.เห็นชอบ 149 เสียง ไม่น้อยกว่า 84 เสียง ถือว่าที่ประชุมเห็นชอบร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ โดยจากนี้เว้นไว้ 15 วัน ก่อนส่งทูลเกล้าฯทูลกระหม่อมต่อไป

Advertising

ไม่เป็นอะไรมาก! “บิ๊กป้อม”ลื่นล้มในสภาฯ

People Unity : ไม่เป็นอะไรมาก! “บิ๊กป้อม”ลื่นล้มในสภาฯ “บิ๊กตู่” เข้าประคอง หลังโหวตผ่านงบฯปี 63

วันที่ 19 ต.ค.2562 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่มีการลงคะแนนเสร็จเรียบร้อยแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม ได้ลุกออกที่นั่ง โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เดินตามหลัง เมื่อถึงทางต่างระดับด้านหลังบัลลังก์ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ยื่นมือมาเพื่อจะจับ พล.อ.ประวิตร แต่ปรากฎว่าจังหวะดังกล่าว พล.อ.ประวิตรได้ลื่นล้มเสียหลักล้มก้นกระแทกกับพื้น จึงทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม รีบเข้าไปประคองพล.อ.ประวิตรทันที

อย่างไรก็ตาม เมื่อพล.อ.ประวิตรเดินออกมาจากลิฟท์ ก็มีสีหน้ายิ้มแย้ม และเดินด้วยท่าทีปกติไม่ได้มีอาการว่าจะได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด

“ธนิก”เพื่อไทยเบอร์ 1 จับหมายเลขเลือกซ่อมขอนแก่น ผู้หนุน”พปชร.”สวมกอด”หญิงหน่อย”

People Unity News : เลือกตั้งซ่อมเขต 7 ขอนแก่น”ธนิก มาสีพิทักษ์”พรรคเพื่อไทย จับได้หมายเลข 1 มั่นใจได้ชัยชนะ ทางด้าน “สมพงษ์” ชี้ถึงเวลาต้องตัดสินใจเอาปชต.หรือไม่ ส่วน “คุณหญิงสุดารัตน์”ขอชนะแบบถล่มทลาย พบผู้สนับสนุนพรรค พปชร.เข้ามาสวมกอดจำนวนมาก

วันที่ 28 พฤศจิกายน 2562 ที่ว่าการอำเภอหนองเรือ จังหวัดขอนแก่น นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย ผู้อำนวยการพรรคเพื่อไทย นายพงศกร อรรณนพพร ผู้อำนวยการการเลือกตั้งจ.ขอนแก่นพรรคเพื่อไทย นำนายธนิก มาสีพิทักษ์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย เขตเลือกตั้งที่ 7 จ.ขอนแก่น มา กรอกใบสมัคร

จากนั้นจึงเข้าสู่ขั้นตอนการจับสลาก เลือกหมายเลขผู้สมัครระหว่างนายธนิก มาสีพิทักษ์ พรรคเพื่อไทยและนายสมศักดิ์ คุณเงิน พรรคพลังประชารัฐ  ซึ่งผลการจับสลาก นายธนิก จากพรรคเพื่อไทยได้หมายเลข 1 ส่วนผู้สมัครจากพรรคพลังประชารัฐได้หมายเลข 2 ซึ่งกระบวนการก่อนและระหว่างการจับสลาก มีผู้สนับสนุนจากพรรคเพื่อไทย เดินทางมาให้กำลังใจเป็นจำนวนมาก หลังการจับสลากหมายเลขเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบและรับเอกสารการสมัครของ นายธนิก ต่อด้วยการชำระค่าสมัครและออกใบเสร็จรับเงิน

ภายหลังการรับสมัครเสร็จสิ้น นายธนิกเปิดเผยว่า ดีใจ ที่สามารถจับ สลากได้หมายเลข 1 ถือเป็นจุดเริ่มต้นของชัยชนะในเบื้องต้น สำหรับขั้นตอนการหาเสียงยืนยันจะใช้ทุกช่องทางในการสื่อสาร เพื่อให้เข้าถึงพี่น้องประชาชน โดยมั่นใจว่าจะสามารถหาเสียงได้ทันเนื่องจากมีการเตรียมการมาดีพอ และเชื่อว่าจะสามารถเข้าถึงได้ทุกครัวเรือน

พร้อมยอมรับว่ามีความกังวลเกี่ยวกับการใช้อำนาจรัฐ โดยเฉพาะการกดดันผู้สนับสนุนของพรรคเพื่อไทย และเริ่มพบว่ามีท่าทีในการข่มขู่ จึงต้องสื่อสารไปถึงประชาชน ขออย่าหวาดกลัว ซึ่งได้ผลในระดับหนึ่ง จึงมั่นใจว่าจะสามารถฝ่าด่านเหล่านี้ไปได้ ขณะเดียวกันขอฝากไปถึงผู้มีอำนาจ ให้เข้ามาตรวจสอบ หากพี่น้องประชาชนหรือผู้สนับสนุนของพรรคเพื่อไทยถูกข่มขู่

นายธนิกมั่นใจว่าจะได้รับชัยชนะ ในการเลือกตั้งครั้งนี้ เพราะที่ผ่านมาได้พบปะพี่น้องประชาชนมาโดยตลอด จึงสามารถเข้าถึงและสื่อสารได้ไม่ยาก

ด้านนายสมพงษ์ระบุว่าในส่วนของยุทธศาสตร์ พรรคเพื่อไทยในการหาเสียงนั้น ได้เตรียมการไว้เรียบร้อย โดยการหาเสียงจะแบ่งเป็น 2 ลักษณะ คือการปราศรัยใหญ่และการเข้าหาพี่น้องประชาชน ไปตามหมู่บ้านตำบลต่างๆ เพื่อชี้แจงหลักการทำงานของพรรค  โดยมองว่าเมื่อมีผู้สมัครเพียงสองคน การทำงานจะง่ายขึ้นและไม่ต้องสื่อสารมาก
เนื่องจากฝ่ายหนึ่งเป็นขั้วอำนาจนิยมและอีกฝ่ายเป็นขั้วประชาธิปไตย พี่น้องประชาชนจะเลือกอย่างไร ขณะเดียวกันรู้สึกเสียดายเพราะผู้สมัคร จากอีกพรรคหนึ่ง เคยเป็นบุคคลที่รู้จักคุ้นเคย แต่วันนี้เขาเข้าไปเข้าพรรคที่ไม่ค่อยจะถูกต้อง ซึ่งเป็นเรื่องที่พี่น้องประชาชนจะต้องตัดสินใจ ว่าตนเองพอใจในความเป็นอยู่หรือไม่ กินดีอยู่ดีหรือไม่ หากตอนนี้สบายร่ำรวยก็ตัดสินใจเลือกฝ่ายผู้มีอำนาจ

แต่หากคิดว่า ประเทศชาติจะเดินหน้าไม่ไหว ก็ต้องหันมาทางฝ่ายประชาธิปไตย ซึ่งมีพรรคเพื่อไทยเป็นตัวแทนลงสมัครรับเลือกตั้ง  โดยส.ส.1ที่นั่งที่จะได้ ถือว่ามีความสำคัญแต่สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าคือความกินดีอยู่ดีของพี่น้องประชาชน พร้อมตั้งคำถามว่าบ้านเมืองในขณะนี้เป็นอย่างไร มีความเป็นอยู่อย่างไร 5 ปีที่ผ่านมามีอะไรดีขึ้นหรือไม่ ซึ่งประชาชนจะต้องใช้ดุลยพินิจ โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง ที่หัวหน้าทีมเศรษฐกิจรัฐบาลยังยอมรับว่ามีปัญหาเกิดขึ้น

จากนั้นคุณหญิงสุดารัตน์ นายสมพงษ์ นำนายธนิกพร้อมผู้สมัคร มาสักการะศาลเจ้าพ่อแสนเมือง อำเภอหนองเรือ เพื่อความเป็นสิริมงคล และการทำงานต่อจากนี้ให้เป็นไปอย่างราบรื่น ซึ่งในจุดดังกล่าวมีผู้สนับสนุน และชาวบ้านที่ทราบข่าว ออกมาให้กำลังใจ และอวยพรให้ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง

ซึ่งในช่วงดังกล่าว มีผู้สนับสนุนพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งสวมเสื้อยืดสีขาวสกรีนข้อความพรรคพลังประชารัฐ เข้ามาสวมกอดคุณหญิงสุดารัตน์ ด้วยความยินดี พร้อมพูดคุยกับคุณหญิงสุดารัตน์ว่า ไม่คิดว่าจะมีโอกาสได้เจอ และได้ขอถ่ายรูปเป็นที่ระลึกด้วย

คุณหญิงสุดารัตน์ ได้กล่าวทักทายพร้อมขอบคุณพี่น้องประชาชนที่มาต้อนรับอย่างอบอุ่น ขณะเดียวกันมีความตั้งใจที่จะอุทิศการทำงานของพรรคเพื่อไทยเพื่อดูแลพี่น้องชาวหนองเรือ ให้อยู่ดีกินดีราคาพืชผลไม่ต้องตกต่ำเหมือนที่เป็นอยู่ และขอให้พี่น้องมีความสุข โดยมาขอ โอกาสให้นายธนิก เข้าไปทำหน้าที่แทนพี่น้องประชาชน ขอไม่เยอะขอชนะอย่างถล่มทลายเท่านั้น

พร้อมยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยจะไม่ปล่อยให้พี่น้องยากลำบาก โดยเฉพาะราคาพืชผลทางการเกษตร จะอยู่เคียงข้างพี่น้องเพราะทุกของพี่น้องคือทุกข์ของพรรคเพื่อไทย วันนี้จึงมาให้กำลังใจ

จากนั้น นายสมพงษ์ พาผู้สมัคร ของพรรคเพื่อไทย ขึ้นรถแห่ แนะนำตัว พร้อมบอกหมายเลขผู้สมัคร ภายในเขตเทศบาลอำเภอหนองเรือด้วย

Verified by ExactMetrics