วันที่ 29 มีนาคม 2024

นายกฯเผยต้องการให้เปลี่ยนแปลงการปกครองสู่ประชาธิปไตยที่มีธรรมาภิบาลจริงๆ

People unity news online : 28 มิถุนายน 2560 เวลา 11.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังเป็นประธานเนื่องในโอกาสวันสถาปนาสำนักนายกรัฐมนตรี ครบรอบปีที่ 85 ว่า วันนี้นอกจากเป็นวันคล้ายวันสถาปนาสำนักนายกรัฐมนตรีปีที่ 85 แล้ว และยังเป็น 85 ปีของประชาธิปไตยไทย ถึงแม้จะมีรัฐบาลที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งเข้ามาบริหารประเทศบ้าง แต่ก็ยังเป็นประชาธิปไตย เพราะใช้ระบบการบริหารราชการแผ่นดินที่เป็นหลักประชาธิปไตยเป็นส่วนใหญ่ในช่วงพิเศษนี้ ยังมีกระทรวง ทบวง กรมเหมือนเดิม และถือว่าเป็นประชาธิปไตยแบบไทยๆที่ลุ่มๆดอนๆมาตลอด

นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไปว่า “ผมอยากให้วันที่ 24 มิถุนายน วันเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชเป็นระบอบประชาธิปไตย เป็นการเริ่มต้นประชาธิปไตยที่เป็นธรรมาภิบาลได้หรือไม่ เพราะเมื่อเปลี่ยนแปลงการปกครองที่เป็นประชาธิปไตยแล้ว ก็ควรที่จะเป็นประชาธิปไตยที่มีธรรมาภิบาล ที่ผ่านมาก็เป็นอย่างนี้ถ้าไม่อยากให้เกิดขึ้นอีก ก็ต้องสร้างกันตั้งแต่วันนี้ ให้เป็นประชาธิปไตยที่มีธรรมาภิบาลจากการเลือกตั้งครั้งต่อไป นี้คือการเปลี่ยนแปลงการปกครองของประเทศ ไทยที่จะนำไปสู่การมีธรรมาภิบาลจริงๆ สื่อต้องช่วยด้วย”

People unity news online : post 29 มิถุนายน 2560 เวลา 09.19 น.

ความคิดของ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ต่อการจัดตั้งพรรคพลังประชารัฐ

People unity : พรรคพลังประชารัฐ มีที่มาจากแนวความคิดของ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ที่ต้องการให้มีพรรคการเมืองใหม่เกิดขึ้น เพื่อเป็นพรรคทางเลือกใหม่ หรือพรรคทางเลือกที่ 3 ที่จะทำให้การเมืองไทยมี  “ทางออก” จากปัญหาความขัดแย้งการเมืองสองขั้ว ซึ่งได้ฝังรากลึกทำร้ายและทำลายชาติบ้านเมืองทุกอณูมาเป็นเวลานาน จนความขัดแย้งได้กลายเป็น “โครงสร้าง” ที่แท้จริงของประเทศนี้ไปแล้ว ซึ่งสมคิดมักพูดอยู่เสมอว่า ประเทศจะอยู่อย่างมั่นคงและมีอนาคตได้อย่างไร ประชาชนจะอยู่อย่างมีความสุขและเชื่อมั่นได้อย่างไร ภายใต้โครงสร้างบ้านเมืองแบบนี้ ซึ่งพร้อมจะพังครืนลงมาได้ทุกเวลา

สมคิดเห็นว่า การเมืองสองขั้วที่มีพรรคการเมืองใหญ่สองพรรคเป็นผู้นำขั้ว คือ พรรคเพื่อไทย (และพรรคของทักษิณในอดีต) ขั้วหนึ่ง กับพรรคประชาธิปัตย์ อีกขั้วหนึ่ง เป็นที่มาของความขัดแย้งการเมืองสองขั้วในบ้านเมือง ซึ่งทั้งสองพรรคได้เริ่มเปิดฉากต่อสู้และขัดแย้งทางการเมืองกันมาตั้งแต่การเลือกตั้งปี 2544 และต่อจากนั้นก็ได้ต่อสู้และขัดแย้งกันรุนแรงมากขึ้นตลอดมาในการเลือกตั้งทุกครั้ง ภาวการณ์ต่อสู้และขัดแย้งกันรุนแรงยาวนานระหว่างสองพรรค ได้ผลักให้ประชาชนที่สนับสนุนพรรคการเมืองทั้งสอง กลายเป็นคู่ขัดแย้งกันไปด้วย และต่อมาเลวร้ายกลายเป็นความแตกแยกและนำไปสู่การเผชิญหน้าระหว่างประชาชนสองฝ่าย เมื่อนักการเมืองและพรรคการเมืองสร้างเงื่อนไขหรือเติมเชื้อไฟของความขัดแย้งไปสู่ประชาชน ทำให้เป็นความขัดแย้งของประชาชน ทั้งที่ความจริงเป็นความขัดแย้งแย่งชิงอำนาจทางการเมืองระหว่างนักการเมืองและพรรคการเมือง

ความขัดแย้งระหว่างนักการเมืองและพรรคการเมืองในสนามเลือกตั้ง ความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลกับฝ่ายค้านในสภา ไม่จบแค่นั้น แต่ถูกลากไปเป็นความขัดแย้งระหว่างประชาชนบนท้องถนน มีประชาชนสองฝ่ายออกมาเผชิญหน้ากัน เป็นรี้พลในสงครามการเมืองให้สองพรรค ยังดีที่ยังมีประชาชนอีกส่วนหนึ่งของประเทศ ซึ่งมีจำนวนมากเช่นกัน ไม่เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้งของสองพรรค เกิดเป็นการถ่วงดุลจากประชาชนอีกส่วนหนึ่ง ทำให้สองขั้วที่ขัดแย้งกันทำอะไรได้ไม่ถนัด ไม่เกิดเป็นสงครามกลางเมือง แต่หากประชาชนในชาติแบ่งขั้วเป็นสองขั้วกันหมดทั้งประเทศ สงครามกลางเมืองบ้านเมืองลุกเป็นไฟคงเกิดขึ้นแล้ว

สมคิดบอกกับผมว่า หากไม่มีประชาชนจำนวนมากอีกกลุ่มหนึ่ง ซึ่งไม่ได้เข้าไปเป็นคู่ขัดแย้ง มาถ่วงดุลไว้ ป่านนี้ประเทศย่อยยับไปแล้ว ประชาชนกลุ่มใหญ่นี้ซึ่งเคยถูกกล่าวหาว่าเป็นพวกเมินเฉยต่อการเมือง คือ คนที่ทำให้ประเทศรอดมาได้ และทำให้ประชาชนสองฝ่ายไม่ต้องฆ่ากัน ประชาชนกลุ่มนี้คือความหวังของประเทศ

เมื่อความขัดแย้งมีต้นตอมาจากการเมืองสองขั้ว หรือการเมืองสองพรรค ทางออกของปัญหาความขัดแย้งก็ต้องเริ่มที่การเมือง คือต้องทำให้มีพรรคการเมืองที่ 3 เกิดขึ้นมาเป็นทางเลือก เพื่อให้เป็น “พื้นที่ใหม่ทางการเมือง” สำหรับประเทศชาติ ประชาชน และนักการเมืองหรือคนที่อยากเข้าไปทำการเมือง ซึ่งพรรคการเมืองใหม่ที่ว่านี้ ต้องเป็นพรรคที่หนีออกจากวังวนความขัดแย้งเก่า และต้องไม่เป็นพรรคที่สร้างเงื่อนไขใหม่ของความขัดแย้งหรือเป็นคู่ขัดแย้งใหม่ ต้องเป็นพรรคที่ไม่ขัดแย้งกับขั้วใด และที่สำคัญที่สุดคือต้องเป็นพรรคที่ไม่เป็นศัตรูและเป็นมิตรกับประชาชนในสองขั้วได้ เป็นพรรคที่รองรับประชาชนส่วนหนึ่งในสองขั้วที่เบื่อหน่ายความขัดแย้งและมองไม่เห็นประโยชน์ของความขัดแย้ง เป็นพรรคที่ตรงความต้องการทางการเมืองของประชาชนอีกส่วนหนึ่งของประเทศที่ไม่สังกัดฝักฝ่ายขั้วการเมืองใดมาก่อนได้ เป็นพรรคที่รองรับนักการเมืองหรือคนที่ต้องการเข้าไปทำการเมืองซึ่งไม่ประสงค์จะทำการเมืองแบบขัดแย้งได้ และเป็นพรรคที่ทำให้ประเทศชาติมีพื้นที่ใหม่ของประเทศ เป็นพื้นที่สีขาว  เป็นพื้นที่ทางการเมืองแห่งความสงบความร่วมมือร่วมใจ ที่จะเข้าไปซ่อมแซมโครงสร้างของประเทศที่ผุพังจากความขัดแย้งที่ผ่านมา

พรรคพลังประชารัฐเกิดขึ้นจากแนวคิดนี้ เพื่อให้เป็นพื้นที่ใหม่ทางการเมืองในบ้านเมือง มิใช่เกิดขึ้นเพื่อให้เป็นขั้วใหม่ทางการเมือง เพราะหากพรรคพลังประชารัฐสถาปนาตัวเองเป็นขั้วใหม่ ก็จะขัดแย้งและเผชิญหน้ากับสองขั้วเดิมทันที

สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ คิดวาดหวังไว้แบบนี้ ซึ่งเป็นความคิดที่สวยงามและมองเห็นทางออกของประเทศ

วันนี้ พรรคพลังประชารัฐก่อกำเนิดขึ้นจากการผลักดันของสมคิดเรียบร้อยแล้ว และกำลังโลดแล่นอยู่บนเส้นทางการเมือง เพื่อเข้าสู่การเลือกตั้ง

แกนนำพรรคพลังประชารัฐต่างป่าวประกาศว่า เป็นพรรคที่ไม่ขัดแย้งกับใคร เป็นมิตรกับทุกฝ่าย พร้อมร่วมมือกับทุกฝ่าย และกำลังฉายภาพให้ประชาชนเห็นถึงพิษภัยของความขัดแย้ง

ทว่า คำป่าวประกาศอย่างเดียวไม่พอ แกนนำพรรคพลังประชารัฐจะต้องทำให้เห็น ทำให้พรรคพลังประชารัฐเป็นพรรค “ทางออก” จากความขัดแย้งสองขั้วให้ได้ ทำให้พรรคพลังประชารัฐเป็นพื้นที่ใหม่ทางการเมืองให้กับประเทศชาติและประชาชนให้ได้ และชนะการเลือกตั้งบนพื้นที่ใหม่ทางการเมืองให้ได้ มิใช่กลายเป็นคู่ขัดแย้งหรือสถาปนาเป็นขั้วใหม่ เป็นการเมืองสามขั้ว แล้วไปทำสงครามเลือกตั้งแย่งชิงชัยชนะกับพรรคสองขั้วเก่า กลายเป็นความขัดแย้งใหม่ทางการเมืองขึ้นในบ้านเมือง ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น บ้านเมืองจะย่อยยับด้วยความขัดแย้งแตกแยกมากขึ้น จากเดิมความขัดแย้งสองฝ่าย กลายเป็นความขัดแย้งสามฝ่าย!!

พรุ่งนี้ ถ้ามีเวลา หรือาจเป็นวันมะรืน ผมจะมาชี้ให้เห็นว่า พรรคพลังประชารัฐกำลังเดินไปทางไหน เดินถูกทางหรือหลงทาง และเดินไปในทางที่สมคิดเห็นทางออกของบ้านเมืองไว้หรือไม่??

โดย : พูลเดช กรรณิการ์

นักวิชาการอิสระด้านการเมือง

22 มกราคม 2562

การเมือง : ความคิดของ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ต่อการจัดตั้งพรรคพลังประชารัฐ

People unity : post 22 มกราคม 2562 เวลา 13.10 น.

โฆษก ทบ. โต้ “วีระ” มั่วบ่อนกาสิโนอยู่ฝั่งไทย

People unity news online : พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษก ทบ. ชี้แจงกรณี นายวีระ สมความคิด ได้โพสต์เฟซบุ๊ก นำเสนอข้อมูลว่า การที่ตนถูกออกหมายจับ ในฐานความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เพราะเชื่อว่าถูกปิดปาก ไม่ให้มาเปิดโปงเรื่องการเปิดบ่อนกาสิโนบนพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา เขตอุทยานแห่งชาติตาพระยา บริเวณ อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ รวมถึงกล่าวถึงว่ารัฐบาลไทย โดย พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร ยินยอมให้กัมพูชาเข้ามาก่อสร้างบ่อนกาสิโนบนพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนนี้  จึงอาจเข้าข่ายมีความผิดตาม ป.อาญา มาตรา 157

ต่อประเด็นดังกล่าวขอเรียนชี้แจงว่า กรณีการออกหมายจับนายวีระ เป็นผลของพฤติกรรมส่วนบุคคลที่ไปเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ตามระบบของการรักษากฎหมายบ้านเมืองปกติทั่วไป คงไม่ใช่เพื่อต้องการจะปิดปากของนายวีระแต่อย่างใด เชื่อว่าความคิดดังกล่าวเป็นเพียงมุมความคิดเฉพาะตัวนายวีระ ที่มักจะทำให้สถานการณ์ต่างๆดูออกไปในแนวทางที่เป็นลบสำหรับที่มีอ้างถึงเกี่ยวกับบ่อนกาสิโนในประเทศกัมพูชานั้น จากหลักฐานก็พบว่าไม่ได้ตั้งอยู่ในเขตฝั่งประเทศไทย เมื่ออ้างอิงจากแนวที่ทั้งสองประเทศยึดถือ เชื่อว่าอาจเป็นลักษณะที่คาดเดาไปเอง เพราะนายวีระไม่ได้เอกสารหรือหลักฐานที่เป็นของทางการ รวมถึงไม่เคยได้รับข้อมูลว่ามีนายทหารคนใดไปยุ่งเกี่ยวกับการลงทุนกาสิโนของประเทศกัมพูชา การให้ข้อมูลใดๆ อยากให้ใช้ความระมัดระวัง เพราะการมีข้อมูลไม่สมบูรณ์แล้วไปนำเสนอ อาจทำให้สังคมสับสนได้

ภาพ : มติชน

People unity news online : post 21 มีนาคม 2560 เวลา 22.03 น.

“เทพไท”ฟันธง!”ธนาธร”เป็นกมธ.งบฯ63ได้ แนะตั้งสติสัมปชัญญะไร้อคติ 4 ต่อกัน

People Unity : “เทพไท”ฟันธง!”ธนาธร”เป็นกมธ.งบฯ63ได้ ยื่นตีความรกศาล แนะตั้งสติสัมปชัญญะไร้อคติ 4 ต่อกัน

วันที่ 25 ต.ค.2562 นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการเป็นกรรมาธิการงบประมาณของนายธนาธร จึงรุงเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ว่า เรื่องนี้มีความชัดเจนอยู่ตัวข้อบังคับการประชุมสภา และกฎหมายรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว ไม่เห็นว่าจะต้องมีประเด็นใดนำมาโต้เถียงกันอีก และไม่ควรจะนำมาเป็นประเด็นทางการเมือง ที่จะดิสเครดิตกันอีก ถ้าจะยึดเอาความถูกต้องมากกว่าความถูกใจ

“นายธนาธรมีสิทธิ์เป็นกรรมาธิการได้ในสัดส่วนของบุคคลภายนอกโดยปราศจากข้อสงสัย แต่ถ้าจะเอาความถูกใจของใครบางคน หรือจะอ้างเอาความเหมาะสม ก็ไม่มาตรฐานใดมาวัดได้ บ้านเมืองของเรา ต้องใช้หลักกฎหมายในการปกครองประเทศ ต้องยึดหลักการมากกว่าหลักกู บ้านเมืองถึงจะเดินหน้าไปได้” นายเทพไท กล่าและว่า

การยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความขัดแย้งในประเด็นนี้ จะเป็นการสร้างคดีให้รกโรงรกศาลหรือไม่ อยากให้ทุกฝ่ายตั้งสติ ทำงานการเมืองอย่างตรงไปตรงมาโดยปราศจากอคติใดๆ บ้านเมืองก็เดินไปด้วยความเรียบร้อย มีความสงบสุข ไม่มีความขัดแย้งใดๆในสังคม แต่ถ้ามัวแต่จะแบ่งฝักแบ่งฝ่าย คอยจับผิดกัน ถ้าไม่ใช่พวกของตัวเองทำอะไรก็ผิดทั้งหมด บ้านเมืองก็จะเดินหน้าไปไม่ได้ ขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายทำงานการเมืองอย่างสร้างสรรค์ ไม่มีอคติใดๆต่อกัน จะทำให้การเมืองเดินหน้าต่อไปได้อย่างราบรื่นแน่นอน

 

“บิ๊กตู่” ออกสารเบรกนโยบายหาเสียงพรรคการเมืองที่ใช้งบประมาณจำนวนมาก

People unity : นายกรัฐมนตรี ย้ำมาตรการต่างๆของพรรคการเมือง ขอให้คำนึงถึงหลักคุณธรรม และระเบียบกฎหมายงบประมาณ

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ออกสาร ลงวันที่ 15 มีนาคม 2562 ถึง การหาเสียงของทุกพรรคการเมือง กรณีการชูนโยบายว่า จะดำเนินการเรื่องใดๆ ซึ่งจะต้องใช้งบประมาณรัฐจำนวนมาก บางเรื่องก็อาจกระทบต่อภาคส่วนต่างๆ ทั้งภาคประชาชน ภาคธุรกิจ เอกชน รวมถึงภาครัฐ เช่น ด้านการศึกษา สวัสดิการ การขึ้นค่าแรง ฯลฯ

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ทุกรัฐบาลจะต้องดำเนินการภายใต้ระเบียบ วิธีการ กฎหมายด้านงบประมาณ การเงิน การคลัง และกฎหมายอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะทำได้มากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับรายได้ และสัดส่วนงบประมาณโดยรวมของรัฐ  มีทางเดียวที่จะทำได้ตามที่หลายพรรคการเมืองหาเสียงกันไว้คือ รัฐต้องมีรายได้เพิ่มมากขึ้นจากการจัดเก็บภาษีทั้งทางตรง ทางอ้อม กำไรและรายได้ของรัฐวิสาหกิจ ค่าธรรมเนียมและรายได้อื่นๆ เพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวมาไทยให้มากขึ้น และหากงบประมาณไม่เพียงพอก็ต้องกู้เงินซึ่งจะต้องคำนึงถึงหนี้สาธารณะที่จะเพิ่มขึ้นด้วย  การขึ้นค่าแรงก็ต้องไม่กระทบต่อการลงทุน การย้ายฐานการผลิต การลงทุน ในขณะที่เรากำลังเร่งรัดการลงทุนในพื้นที่เศรษฐกิจต่างๆ เพื่อเพิ่มรายได้ของรัฐ เพิ่มงานเพิ่มอาชีพ และเพิ่มการดูแลสวัสดิการให้กับพี่น้องประชาชนคนไทย

หากเรายังหารายได้ให้รัฐมากขึ้นไม่เพียงพอ ก็จะไม่สามารถทำตามนโยบายที่หลายพรรคการเมืองหาเสียงไว้ได้ ดังนั้น ในการเลือกตั้งครั้งนี้ ไม่ว่านายกรัฐมนตรี และรัฐบาลจะเป็นใครพรรคใด จะต้องมีธรรมาภิบาลในการบริหารราชการแผ่นดิน อันได้แก่หลักคุณธรรม ความโปร่งใส ความมีส่วนร่วม ความรับผิดชอบ ความคุ้มค่า เราควรต้องได้นายกรัฐมนตรีแบบนี้ที่มีธรรมาภิบาล บริหาร ราชการอยู่ในกฎ ระเบียบ กติกา กฎหมาย การจะดำเนินโครงการ และงบประมาณ จะต้องชี้แจง ได้ว่าเราจะหางบประมาณมาจากไหน อยู่ในวินัยการเงินการคลังหรือไม่  รัฐบาลจะต้องดูแล ประชาชนทุกภาคส่วนอย่างทั่วถึงทั้งประเทศ

“บิ๊กตู่” ออกสารเบรกนโยบายหาเสียงพรรคการเมืองที่ใช้งบประมาณจำนวนมาก

People unity : post 15 มีนาคม 2562 เวลา 14.40 น.

โฟกัสเลือกตั้ง : แทบทุกพรรคอัตคัดขัดสนทุนรอนเลือกตั้งไปหมด

โฟกัสเลือกตั้ง : สภาพของนักการเมืองและพรรคการเมืองเก่าเวลานี้เหมือนกันหมด คือ อัตคัดขัดสนทุนรอนการเลือกตั้ง แม้แต่พรรคเพื่อไทยเองก็เถอะ ว่างเว้นการเป็นรัฐบาลมา 4 ปีกว่า ไม่มีรายรับ มีแต่รายจ่าย ขนหน้าแข้งก็ต้องร่วงไปหลายเส้นเหมือนกัน จะให้อู้ฟู่เรื่องเงินทองเหมือนตอนเป็นรัฐบาลก็คงเป็นไปไม่ได้ นอกจากนี้ เจ้าของพรรคนี้ก็ยึดหลักทำพรรคแบบ “ธุรกิจการเมือง” เสียด้วย คือ จะไม่ยอมทุ่มทุนเต็มตัวเด็ดขาด หากเห็นว่าโอกาสเป็นรัฐบาลไม่มี หรือได้อะไรกลับมาไม่คุ้มค่า

ส่วนพรรคใหม่ๆนั้น ก็อยู่ในสภาพไม่ต่างกันกับพรรคเก่า แถมจะอัตคัดขัดสนกว่าพรรคเก่าด้วยซ้ำ เพราะไม่เคยร่วมเป็นรัฐบาล ไม่เคยมีอำนาจทางการเมือง จึงไม่มีโอกาสสะสมทุนไว้ การตั้งพรรคขึ้นมาจึงทำแบบมือเปล่า หวังน้ำบ่อหน้าหาทุน ซึ่งน้ำบ่อหน้าก็เหลือน้อยเต็มทีจากสภาพเศรษฐกิจ ส่วนน้ำบ่อใหญ่ๆก็ถูกพรรคการเมืองใหม่บางพรรคจองไว้ทุกบ่อแล้ว

พรรคใหม่ที่ดูเหมือนจะพร้อมด้านทุนการเลือกตั้ง ก็เห็นจะเป็นพรรคอนาคตใหม่ของทายาทตระกูลจึงรุ่งเรืองกิจ แต่พรรคนี้ก็ประกาศแนวทางแล้วว่าจะไม่ใช้เงินในการเลือกตั้ง และถึงหากอยากจะใช้มากๆ แม่ก็คงไม่ให้

ในสภาพแบบนี้ แทบทุกพรรคจึงไม่มีความพร้อมสู้ศึกเลือกตั้ง ปากบอกว่าพร้อม แต่ขาสั่นทันทีเมื่อล้วงเข้าไปในกระเป๋า

ในบรรดาพรรคการเมืองทั้งหมด ดูเค้าว่าจะมีความพร้อมด้านทุนการเลือกตั้งมากที่สุด ก็คือ พรรคพลังประชารัฐ เพราะเป็นพรรคที่มีกระแสข่าวว่าเป็นพรรคของรัฐมนตรีทีมเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่าทีมเศรษฐกิจมีสายสัมพันธ์กับกลุ่มทุนธุรกิจขนาดใหญ่แทบทั้งประเทศ รวมทั้งกลุ่มทุนต่างชาติ

นาทีนี้ใครจะพร้อมเรื่องทุนกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว แม้แต่พรรคของทักษิณก็ยังต้องหนาว

ฉะนั้นที่ทักษิณเคยหยามสมคิดว่าเป็นแค่เสมียนนั้นผิดแล้ว เพราะแท้จริงสมคิดนั้นเปรียบก็เป็นซีอีโอผู้มีกิจการร่วมลงทุนกับกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ทั้งในประเทศและต่างประเทศยุ่บยั่บไปหมด ขณะที่ทักษิณยังเป็นแค่หมอใหญ่เท่านั้น?

People unity news online : post 13 กันยายน 2561 เวลา 10.20 น.

“อนุทิน” น้อมนำพระราชดำรัส ร.10 เป็นแนวทางการทำงาน

People Unity : รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการที่กระทรวงสาธารณสุข

เช้าวันนี้ (18 กรกฎาคม 2562) ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ โดยได้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในกระทรวงสาธารณสุข เพื่อความเป็นสิริมงคล  และมอบแนวทางการทำงานให้แก่ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุข โดยมี นายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยผู้บริหาร ข้าราชการเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุข ให้การต้อนรับ

นายอนุทิน กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข เป็นกระทรวงที่มีคุณูปการใหญ่หลวงต่อประเทศและประชาชนคนไทย หลักในการทำงานช่วงแรกระหว่างรอการแถลงนโยบายของนายกรัฐมนตรีต่อรัฐสภา ประการสำคัญคือขอให้เร่งรัดงานสนองพระมหากรุณาธิคุณของพระบรมราชจักรีวงศ์ เพื่อเป็นการถวายและเทิดพระเกียรติให้ประชาชนได้ทราบถึงพระราชกรณียกิจของพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ที่ทำเพื่อประชาชน โดยขอน้อมนำกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานแก่คณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่16 กรกฎาคม2562 มอบให้ทุกท่านเป็นแนวทางการทำงาน ดังนี้ “งานใดๆ ก็ต้องมีอุปสรรค งานใดๆ ก็ต้องมีปัญหา เพราะฉะนั้นก็เป็นเรื่องธรรมดาที่จะต้องแก้ปัญหา และเข้าหางาน เพื่อให้การบริหารประเทศ เป็นไปด้วยความเรียบร้อยตามสถานการณ์โดยแก้ไขให้ตรงเป้าตรงจุดและมีความเข้มแข็งอดทน”

ในเรื่องการบริการประชาชน ขอเน้นการให้บริการประชาชนที่ดี มีคุณภาพ เพราะเมื่อประชาชนมีสุขภาพที่ดี จะช่วยลดรายจ่ายของภาครัฐ โดยมีสโลแกนว่า “ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ร่างกายแข็งแรง ทำให้เศรษฐกิจประเทศแข็งแรง” ทั้งนี้ จะลงพื้นที่ทั่วประเทศเพื่อให้กำลังใจ/รับฟังปัญหา ขอให้การต้อนรับเป็นไปอย่างเรียบง่าย ไม่เป็นภาระต่อพื้นที่

ด้าน ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า เป็นครั้งแรกที่ได้เข้ามาปฏิบัติงานด้านสุขภาพ โดยจะร่วมแรงร่วมใจในการพัฒนางานด้านสาธารณสุขให้ดียิ่งขึ้น สิ่งที่ต้องการเห็นมี 3 ประเด็นคือ 1. รณรงค์ให้ประชาชนออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ เน้นการดูแลสุขภาพของตนเอง ป้องกันการเจ็บป่วย ลดภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาโรค 2. พัฒนาระบบบริการสาธารณสุข ลดความแออัดในโรงพยาบาลทุกระดับ โดยส่งเสริมการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน  3.ใช้เทคโนโลยีสนับสนุนการพัฒนาระบบสาธารณสุขให้ประชาชนเป็นเจ้าของข้อมูลทางการแพทย์ของตนเอง มีการเชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพในทุกหน่วยบริการ

การเมือง : “อนุทิน” น้อมนำพระราชดำรัส ร.10 เป็นแนวทางการทำงาน

People Unity : post 18 กรกฎาคม 2562 เวลา 22.50 น.

นายกฯเตรียมลงพื้นที่ จ.หนองบัวลำภู 22 มีนาคมนี้

People unity news online : นายกรัฐมนตรีเตรียมลงพื้นที่จังหวัดหนองบัวลำภู ในวันพฤหัสบดีที่ 22 มีนาคม 2561 เพื่อติดตามการแก้ไขปัญหาความยากจนในภาคการเกษตรเชิงบูรณาการตามแนวทางศาสตร์พระราชา

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ มีกำหนดการลงพื้นปฏิบัติราชการ ณ จังหวัดหนองบัวลำภู ในวันพฤหัสบดีที่ 22 มีนาคม 2561 เพื่อพบปะประชาชนและติดตามการแก้ไขปัญหาความยากจนในภาคการเกษตรเชิงบูรณาการตามแนวทางศาสตร์พระราชา ได้แก่ การพัฒนาเกษตรปลอดภัยสู่เกษตรอินทรีย์เพื่อลดปัญหาสุขภาพจากสารเคมีตกค้างและผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน การส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนโดยใช้เทคโนโลยี Solar Cell เพื่อลดต้นทุนการผลิต รวมทั้งการบริหารจัดการที่สาธารณประโยชน์แบบมีส่วนร่วม รวมถึงการสืบสานภูมิปัญญาการทอผ้าพื้นเมือง และพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์ผ่านนวัตกรรมจนได้ผ้าที่มีคุณภาพชั้นเยี่ยม ไม่มีสารเคมีตกค้างได้รับการยอมรับทั้งตลาดภายในประเทศและต่างประเทศ โดยมีกำหนดการ ดังนี้

เวลา 07.00 น. ออกเดินทางจากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง ไปยังท่าอากาศยานทหาร กองบิน 23 ตำบลหมากแข้ง อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี โดยเครื่องบิน Embraer และเดินทางต่อไปยังจุดจอดเฮลิคอปเตอร์ เพื่อเดินทางไปยังกลุ่มวิสาหกิจชุมชนปลูกผักอินทรีย์ โพธิ์ศรีสำราญ ตำบลหัวนา อำเภอเมือง เพื่อพบปะประชาชน และเป็นสักขีพยานในการมอบสมุดประจำตัวผู้ได้รับการคัดเลือกให้ทำกินในชุมชนโครงการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายของรัฐบาลให้แก่ผู้แทนประชาชน พร้อมมอบสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบวาตภัย และทำพิธีเปิดป้ายศูนย์การเรียนรู้หมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงบ้านโพธิ์ศรีสำราญ พร้อมเยี่ยมชมนิทรรศการส่งเสริมเกษตรอินทรีย์ พลังงานทดแทน ผลิตภัณฑ์ของกลุ่มเกษตรกรและแปลงปลูกผักอินทรีย์

ช่วงบ่าย นายกรัฐมนตรีเยี่ยมชมการดำเนินงานของกลุ่มทอผ้าพื้นเมืองบ้านนาคำไฮ รับฟังการนำเสนอข้อมูลการดำเนินงานของเครือข่าย เยี่ยมชมร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของกลุ่มทอผ้าพื้นเมืองบ้านนาคำไฮ โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีจะร่วมเวทีประชาคมหมู่บ้านตามโครงการ “ไทยนิยม ยั่งยืน” ร่วมกับประชาชนในพื้นที่ประมาณ 300 คน ต่อจากนั้น นายกรัฐมนตรีเยี่ยมชมกระบวนการผลิตผ้าพื้นเมือง ผลิตภัณฑ์ด้านหัตถกรรม และสินค้าโอทอป เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจ เวลา 17.00 น. นายกรัฐมนตรีเดินทางกลับกรุงเทพมหานคร

People unity news online : post 20 มีนาคม 2561 เวลา 11.00 น.

คณะที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิของนายกฯเสนอให้สังคมผู้สูงอายุเป็นวาระแห่งชาติ

People unity news online : เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2561 เวลา 10.00 น. พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และประธานกรรมการที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษของนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษของนายกรัฐมนตรี ณ ห้องประชุมอาคารรับรองเกษะโกมล บ้านเกษะโกมล

ในที่ประชุม คณะกรรมการฯเห็นว่า โดยที่ในปี พ.ศ.2560 ประเทศไทยมีประชากรผู้สูงอายุ 11.35  ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 16.8 ของประชากรไทย และมีสัดส่วนประชากรผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งการก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุนั้นทำให้โครงสร้างทางเศรษฐกิจและสังคมเปลี่ยนแปลงไป จึงต้องกำหนดมาตรการ โดยการร่วมมือของกระทรวง ส่วนราชการและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะด้านการดูแลผู้สูงอายุ ด้านแรงงาน ซึ่งผู้สูงอายุต้องเข้ามามีส่วนร่วมในการทำงานเพิ่มเติม รวมทั้งจะต้องเตรียมการรองรับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศและก้าวไปสู่ THAILAND 4.0 อย่างเป็นรูปธรรม คณะกรรมการฯจึงสมควรเสนอให้มีการกำหนดเรื่องนี้เป็นวาระแห่งชาติ ในการเตรียมความพร้อมรองรับการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ อันจะทำให้ผู้สูงอายุเข้าถึงสิทธิประโยชน์ ความคุ้มครอง และความเป็นธรรมในการทำงานต่อไป

People unity news online : post 16 มีนาคม 2561 เวลา 14.00 น.

“ประยุทธ์” เผยแรงบันดาลใจแต่งเพลง “สู้เพื่อแผ่นดิน”

People unity news online : “ประยุทธ์” เผยแรงบันดาลใจแต่งเพลง “สู้เพื่อแผ่นดิน” มาจากความมุ่งมั่นตั้งใจในการทำเพื่อแผ่นดิน ขอให้ทุกคนช่วยกันทำเพื่อประเทศชาติ แม้จะมีคำติฉินนินทาหรือเสียงวิพากษ์วิจารณ์ก็ขอให้อดทน

เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2561 เวลา 14.20 น. ณ บริเวณห้องโถง ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเพลง “สู้เพื่อแผ่นดิน” ว่า เพลงนี้มีการเรียบเรียงทำนองให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน เรียบเรียงคำร้อง และทำนองโดยผู้แต่งเพลงบุพเพสันนิวาส ท่วงทำนองจึงมีความคล้ายคลึงกัน โดยแรงบันดาลใจในการแต่งเพลงนี้มาจากความมุ่งมั่นตั้งใจในการทำเพื่อแผ่นดิน ขอให้ทุกคนช่วยกันทำเพื่อประเทศชาติ แม้จะมีคำติฉินนินทาหรือเสียงวิพากษ์วิจารณ์ก็ขอให้อดทน และในวันนี้ได้กล่าวกับคณะรัฐมนตรีในที่ประชุมว่า ทุกคนมีหัวใจเดียวกัน คือ หัวใจที่มีความมุ่งมั่นทำเพื่อแผ่นดิน บทเพลงทุกเพลงที่แต่งมาตั้งใจมอบให้ทุกคน ด้วยความศรัทธา และความเชื่อมั่นในการทำเพื่อแผ่นดิน ทำเพื่อประเทศชาติ มุ่งมั่นในการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ ครบวงจร โดยมียุทธศาสตร์ชาติเป็นแผนหลักในการบริหารประเทศ อาศัยกลไกประชารัฐในการขับเคลื่อน รวมทั้งแนวทางไทยนิยมที่เป็นนโยบายเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งและส่งเสริมสนับสนุนให้ประชาชนมีรายได้ที่เพียงพอ มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

People unity news online : post 11 เมษายน 2561 เวลา 14.00 น.

Verified by ExactMetrics