วันที่ 19 เมษายน 2024

“ทักษิณ” ขอความเห็นใจคนแก่วัย 75 บอกใครไม่ชอบให้ต่างคนต่างอยู่

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 16 มีนาคม 2567 เชียงใหม่ – “ทักษิณ” บอกอบอุ่น ได้กลับบ้านเกิดเชียงใหม่ในรอบ 17 ปี ขอความเห็นใจคนแก่วัย 75 บอกใครไม่ชอบให้ต่างคนต่างอยู่ พร้อมให้กำลังใจ นายกฯ เศรษฐา ฝ่าวิกฤติปัจจุบันที่หนักกว่ายุคต้มยำกุ้ง เชื่อเศรษฐกิจดีทุกอย่างดีตาม เปรียบกองทัพต้องเดินด้วยท้อง ชี้ห่วงปัญหาฝุ่น PM 2.5 เร่งแก้และสร้างพื้นที่สีเขียว

นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงภาพรวมการเดินทางกลับมาจังหวัดเชียงใหม่ตลอด 3 วันที่ผ่านมา ว่า รู้สึกอบอุ่นดีใจ 17 ปีที่หายไปกลับมาก็คิดถึงบ้านเกิด เมืองนอน คิดถึงอาหาร วัฒนธรรม คนเก่าๆ ว่าเป็นธรรมชาติที่ทำให้เรากระชุ่มกระชวยขึ้น

ส่วนช่วงสงกรานต์จะปีนี้ มีความตั้งใจว่าจะกลับมาจังหวัดเชียงใหม่อีกครั้ง เพราะรักในวัฒนธรรม จึงอยากกลับมา ร่วมประเพณีรดน้ำดำหัวด้วย

นายทักษิณ กล่าวว่าการกลับมาเชียงใหม่ครั้งนี้สิ่งที่อยากพัฒนาแก้ไข คือเรื่องฝุ่น PM 2.5 ซึ่งเป็นปัญหาหนักที่สุด เป็นห่วงอยู่ และนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ก็ทราบปัญหาและได้รีบแก้ไขแล้ว ทั้งนี้ยังมองว่าปัญหาส่วนหนึ่งคือความแห้งแล้ง อยากให้ฟื้นโดยการไม่ต้องใช้น้ำมาก จะทำให้สภาพแวดล้อมชุ่มชื้นเขียวได้ ซึ่งจะทำให้อากาศกลับมาสภาพดี ซึ่งตนเป็นห่วงเพียงเท่านี้ อย่างไรก็ตามเรื่องเศรษฐกิจก็ต้องดีด้วย ซึ่งตนเชื่อว่านายกรัฐมนตรี ได้วางแผนที่จะฟื้นเศรษฐกิจอยู่ เพราะถ้าเศรษฐกิจดีทุกอย่างก็จะดีตาม เปรียบกับกองทัพต้องเดินด้วยท้อง ถ้าท้องไม่อิ่มก็ลำบาก

เมื่อถามว่าให้กำลังใจนายกเศรษฐาเรื่องอะไรบ้าง นายทักษิณกล่าวว่า ให้กำลังใจทุกเรื่อง เพราะงานวันนี้มันยากกว่าสมัยช่วงวิกฤติต้มยำกุ้ง มีความซับซ้อนมากกว่า ส่วนจะให้ข้อคิดนายเศรษฐาอย่างไรในฐานะที่เคยแก้วิกฤติต้มยำกุ้งมามาก่อน นายทักษิณบอกว่าบางอย่างก็ใช้ได้บางอย่างก็ต้องเปลี่ยนเพราะโลกมันเปลี่ยนไม่เหมือนเดิม นักการเมืองก็ต้องร่วมมือกับข้าราชการฝ่ายประจำ ต้องให้กำลังใจกัน

เมื่อถาม ถึงกระแสดราม่าที่เกิดขึ้น ว่า ดราม่าก็คือดราม่า นั่นหมายความว่าเป็นเรื่องไม่จริง ส่วนกระแสป่วยจริงหรือไม่จริงในการลงพื้นที่นั้น นายทักษิณกล่าวว่าภาวะจิตใจคนเป็นเรื่องที่สำคัญ หากภาวะจิตใจแย่มันก็แย่ ทำให้บางอย่างมันรวนได้ ตอนนี้กำลังใจดีมีลูกสาว อยู่ใกล้หลาน 7 คน เป็นความสุขที่ยิ่งใหญ่ของคนแก่วัย 75 ยังไงก็ขอให้โปรดเข้าใจคนแก่ในวัยนี้ ที่จากบ้านเกิดเมืองนอนไปนานด้วย ใครไม่ชอบหน้าตนก็ขอให้ต่างคนต่างอยู่ ตอนนี้ได้กลับมาอยู่กับครอบครัวแล้วก็กำลังใจดีขึ้น แต่ถามว่าอาการป่วยทุกวันนี้ก็ยังมีอาการกดกระดูกประสาทของคอและหลัง และมีอาการต่อเนื่องจากตอนที่ตนเป็นโควิด อาการหนักมากตอนนั้นเข้าไอซียูถึง 9 วัน ข้างในร่างกายก็มีผลบ้าง ทำให้ตอนนี้ปอดยังมีอาการอยู่หลายจุด จากนั้นนางสาวแพทองธาร ชินวัตร บุตรสาว และหัวหน้าพรรคเพื่อไทยได้พูดเสริมระหว่างการให้สัมภาษณ์ว่าคุณพ่อไม่ชอบยอมรับว่าป่วย จนกระทั่งได้เข้าไอซียูออกมาถึงจะรับ เมื่อถามว่าใครดื้อกว่ากัน นางสาวแพทองธาร จึงได้ชี้ไปที่นายทักษิณ และบอกว่าพ่อเป็นต้นตำรับ นายทักษิณจึงบอกว่า ยอมรับตัวเลข 75ได้ แต่ไม่อยากยอมรับว่าแก่ ทั้งที่มันคือธรรมชาติ ฝืนมันไม่อยากแก่

จากนั้น นายทักษิณ และครอบครัว ได้เดินทางกลับกรุงเทพฯ ด้วยเครื่องบินส่วนตัวทันที

Advertisement

นายกฯเหน็บแบงก์ชาติ มีหน่วยงานอื่นมีจิตสำนึกลดดอกเบี้ยช่วยประชาชน

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 15 มีนาคม 2567 ทำเนียบรัฐบาล – นายกฯ บอกถึงแบงก์ชาติไม่ลดดอกเบี้ย แต่มีหน่วยงานอื่นมีจิตสำนึกลดดอกเบี้ยช่วยประชาชน ย้ำ หนี้สินคือสารตั้งต้นความหายนะของประเทศ

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงการแก้ปัญหาหนี้สินของบุคลากรภาครัฐ ที่ทุกหน่วยงานอยากให้ลดดอกเบี้ย ว่า ทุกคนพูดเรื่องการลดดอกเบี้ย ที่ถือเป็นการลดรายจ่ายส่วนหนึ่ง อย่างน้อยหากธนาคารแห่งประเทศไทยยืนยันจะไม่ลดดอกเบี้ย แต่ก็มีหน่วยงานอื่นที่มีจิตสำนึกลดอัตราดอกเบี้ย ขอขอบคุณหน่วยงานเหล่านั้น เพราะการทำงานทำด้วยใจจริง ๆ เชื่อว่าผู้บัญชาการเหล่าทัพและผู้บริหารระดับสูงเห็นความลำบากของประชาชนจริง ๆ โดยเฉพาะภาระหนี้สิน อย่างที่เคยกล่าวไว้ ภาระหนี้สินของประชาชน คือสารตั้งต้นของความหายนะของประเทศ ตอนนี้ต้องช่วยกันก่อน
ส่วนหนี้กยศ.ที่อยากให้ลดเหลือ 0.5 นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จะไปช่วยดู เพราะตระหนักดีว่าเป็นความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน ยืนยันว่าเรายังช่วยดูแลกันอย่างเต็มที่ โดยบอกไปในที่ประชุมว่า หากช่วยกันได้ ก็จะทำ รวมถึงการขยายวงเงิน และบอกอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ไปว่าควรเร่งเอาสหกรณ์เข้ามาอยู่ในโครงการโดยเร็ว ซึ่งเราเพิ่งเริ่มทำกันมาได้เพียง 2 เดือนเท่านั้น และได้ผลส่วนหนึ่งแล้ว

“นายกิติรัตน์ ณ ระนอง ประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีก็มีแรงใจทำเรื่องนี้มาก ลงไปพูดคุยหลายหน่วยงาน พยายามทำให้ทุกคนมีความทะเยอทยานในการช่วยเหลือ ซึ่งประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งแล้ว ดูจากแววตาของผู้บัญชาการเหล่าทัพทั้งหลายในวันนี้ ซาบซึ้งถึงความลำบากของประชาชน” นายกรัฐมนตรี กล่าว

Advertisement

ครบ 64 ปี วันสถาปนากองทัพไทย

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 15 มีนาคม 2567 กองบัญชาการกองทัพไทย – “พล.อ. ทรงวิทย์” บวงสรวงพระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระนเรศวรฯ ในโอกาส ครบ 64 ปี วันสถาปนากองทัพไทย มีอดีต ผบ.ททส. เข้าร่วม

พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นประธาน จัดกิจกรรมเนื่องในวันสถาปนากองบัญชาการกองทัพไทย ครบ 64 ปี โดยมีพิธีบวงสรวงพระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ณ บริเวณลานหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช  โดยมีอดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุดมาร่วมงาน อาทิ พล.อ. ชวลิต ยงใจยุทธ  พล.อ.วิโรจน์  แสงสนิท  พล.อ.มงคล  อัมพรพิสิฏฐ์ พล.ร.อ. ณรงค์ ยุทธวงศ์  พล.อ.สมหัต  อัตตะนันทน์  พล.อ.เรืองโรจน์  มหาศรานนท์ พล.อ.บุญสร้าง  เนียมประดิษฐ์  พล.อ.ธนะศักดิ์  ปฏิมาประกร  พล.อ. วรพงษ์  สง่าเนตร พล.อ. สมหมาย  เกาฎีระ  พล.อ.สุรพงษ์  สุวรรณอัตถ์  พล.อ.ธารไชยยันต์ ศรีสุวรรณ พล.อ. พรพิพัฒน์  เบญญศรี พล.อ. เฉลิมพล  ศรีสวัสดิ์

สำหรับกองบัญชาการทหารสูงสุดก่อตั้ง เมื่อวันที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2503 ต่อมาเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551 ได้มีการเปลี่ยนแปลงการจัดส่วนราชการตามพระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม พ.ศ. 2551 จากกองบัญชาการทหารสูงสุด เป็น กองบัญชาการกองทัพไทย โดยยังคงให้ยึดถือวันที่ 16 มีนาคมของทุกปี เป็นวันสถาปนากองบัญชาการกองทัพไทย

สำหรับ กองบัญชาการกองทัพไทย ถือเป็นหน่วยที่เป็นศูนย์กลางของการปฏิบัติการร่วมของเหล่าทัพ  ในบทบาทของกองทัพไทย อันประกอบด้วย กองบัญชาการกองทัพไทย กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ  และมีหน่วยปฏิบัติการร่วมทางยุทธการ ได้แก่ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน มีหน้าที่ในการควบคุม อำนวยการ สั่งการ และกำกับดูแลส่วนราชการในกองทัพไทย ให้สามารถปฏิบัติงานได้อย่างประสานสอดคล้อง โดยใช้ทุกศักยภาพที่มีให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการอำนวยการร่วมป้องกันประเทศ พัฒนาประเทศเพื่อความมั่นคง เป็นหน่วยงานที่ยึดมั่นในการเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ ตลอดจนสนับสนุนรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาที่สำคัญของชาติในทุกมิติ โดยยึดมั่นในเจตนารมณ์ที่สำคัญ ในด้านต่าง ๆ ได้แก่ ด้านการพัฒนากำลังพล ด้านการสื่อสารทางยุทธศาสตร์ ด้านการพัฒนาประเทศและช่วยเหลือประชาชน ตลอดจนการใช้ทรัพยากรของกองทัพให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชน

โดยตลอดระยะเวลา 64 ปีที่ผ่านมา กองบัญชาการกองทัพไทย ดำรงเจตนารมณ์อันแน่วแน่ในการปฏิบัติภารกิจเพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ โดยพร้อมที่จะปฏิบัติทุกภารกิจที่ได้รับมอบหมายอย่างเต็มขีดความสามารถ โดยยึดถือผลประโยชน์ และความสงบสุขของประเทศชาติเป็นสำคัญ มุ่งมั่นพัฒนาศักยภาพของกำลังพลกองบัญชาการกองทัพไทยทุกนาย ให้มีความพร้อมที่จะอุทิศตนปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ พร้อมเสียสละประโยชน์ส่วนตัวเพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิต และสร้างความกินดีอยู่ดีให้แก่พี่น้องประชาชนอย่างยั่งยืน  และดำรงไว้ซึ่งความสงบสุขของประเทศชาติสืบไป

Advertisement

นายกฯ โพสต์เตรียมลงพื้นที่เชียงใหม่ 15-16 มี.ค.นี้ ติดตามสถานการณ์ PM 2.5 ด้วยตัวเอง

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 11 มีนาคม 2567 นายกฯ โพสต์ X สั่ง กอ.รมน.-ศูนย์ปฏิบัติการดับไฟป่าภาค 3 บูรณาการลงพื้นที่ปรับกลยุทธ์สู้ไฟป่า-PM 2.5 ภาคเหนือ 17 จังหวัด เตรียมลงพื้นที่เชียงใหม่ 15-16 มี.ค.นี้

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โพสต์ข้อความผ่าน X ระบุว่า เนื่องจากช่วงนี้ปัญหาฝุ่นรุนแรง วันที่ 8 มี.ค.ที่ผ่านมา ผมจึงได้สั่งการให้ทางกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน ซึ่งทางกองทัพภาคที่ 3 และ กอ.รมน.ภาค 3 และศูนย์ปฏิบัติการดับไฟป่าภาค 3 ก็ได้ลงพื้นที่ทันที พร้อมปรับกลยุทธ์สู้ไฟป่าและ PM 2.5 ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ

“ช่วงเดือน มี.ค.-เม.ย. ของทุกปี สภาพอากาศแห้งแล้ง มีวัสดุที่เป็นเชื้อเพลิงในป่าและเกษตรกรรมติดไฟง่าย รวมถึงเป็นช่วงที่มีการลักลอบเผาป่าเพื่อประโยชน์ในการล่าสัตว์และหาของป่า ประกอบกับชาวบ้านเตรียมพื้นที่เพาะปลูกฤดูกาลใหม่ โดยการเผาวัสดุทางการเกษตร กอ.รมน.จึงได้เพิ่มน้ำหนักไปที่มาตรการแก้ไขปัญหาไฟป่า พร้อมกำชับทุกหน่วยงานในพื้นที่บูรณาการการทำงาน และติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อจัดการได้อย่างทันท่วงที และวันที่ 15-16 มี.ค.นี้ ผมจะลงพื้นที่ จ.เชียงใหม่ เพื่อติดตามสถานการณ์ PM 2.5 ด้วยตัวเองครับ” นายกรัฐมนตรี ระบุ

Advertisement

กกต.คิกออฟ เตรียมการเลือกตั้ง สว. เปิดศูนย์ฯ-แต่งตั้ง คกก. ระดับอำเภอ-จังหวัด

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 11 มีนาคม 2567 กกต.เปิดศูนย์เตรียมเลือก สว. ให้ข้อมูลผู้สนใจลงสมัคร เตรียมแต่งตั้ง คกก.ระดับอำเภอ-จังหวัด ก่อนอายุ สว.ชุดปัจจุบันสิ้นสุดลง

สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งเตรียมความพร้อมการจัดการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) โดยจัดตั้งศูนย์เตรียมการเลือกสมาชิกวุฒิสภาประจำจังหวัดและกรุงเทพมหานคร   เพื่อใช้เป็นศูนย์ประสานงานในการเตรียมการแต่งตั้งคณะกรรมการระดับอำเภอ   และคณะกรรมการระดับจังหวัด รวมทั้งเตรียมความพร้อมในส่วนอื่นที่เกี่ยวข้องกับภารกิจการจัดการเลือกสมาชิกวุฒิสภา โดยก่อนวันที่อายุของวุฒิสภาสิ้นสุดลงไม่น้อยกว่า 30 วัน  โดยผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัด จะประสานผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอ เพื่อเตรียมการแต่งตั้งบุคคลเป็นคณะกรรมการระดับอำเภอ และคณะกรรมการระดับจังหวัด เพื่อทำหน้าที่ช่วยเหลือการปฏิบัติงาน แนะนำ อำนวยความสะดวก รายงานปัญหา หรืออุปสรรคเกี่ยวกับการเลือกสมาชิกวุฒิสภาต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง และดำเนินการที่จำเป็นเกี่ยวกับการเลือกสมาชิกวุฒิสภา ให้เป็นไปตามระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการเลือกสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2567

สำหรับผู้ที่สนใจและประสงค์จะสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา สามารถขอรับทราบข้อมูลเกี่ยวกับกระบวนการเลือกสมาชิกวุฒิสภา หรือปรึกษาเกี่ยวกับคุณสมบัติ  และลักษณะต้องห้ามของผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา รวมถึงกลุ่มสาขาอาชีพที่จะสมัคร ได้ที่สำนักงาน กกต.ประจำจังหวัดทุกจังหวัด และศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้จากพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 และ ระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการเลือกสมาชิกวุฒิสภา

Advertisement

“พีระพันธุ์” มั่นใจค่าไฟงวด พ.ค.-ส.ค.ไม่เกิน 4.18 บาท/หน่วย

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 7 มีนาคม 2567 “พีระพันธุ์” มั่นใจค่าไฟฟ้างวดต่อไป (พ.ค.-ส.ค.) ไม่สูงกว่าปัจจุบันแน่นอน หลังลงพื้นที่ตรวจการผลิตก๊าซกลางอ่าวไทย พร้อมหารือ กฟผ. ให้ช่วยกันดูแลประชาชนเพื่อไม่ให้มีภาระค่าไฟฟ้ามากเกินไป ด้าน กกพ. เตรียมเปิด 3 แนวทางเลือกค่าไฟพรุ่งนี้

นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยหลังลงพื้นที่ตรวจการผลิตก๊าซกลางอ่าวไทย เมื่อวันที่ 28 ก.พ.ที่ผ่านมาว่า เพื่อให้มั่นใจว่าเราจะมีก๊าซมากพอ เพื่อการยันราคาค่าไฟฟ้าในรอบใหม่นี้ ตนได้หารือกับนายเสมอใจ ศุขสุเมฆ ประธานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) และ ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ ปลัดกระทรวงพลังงาน รวมถึงได้หารือกับผู้บริหาร กฟผ. เพื่อขอให้ช่วยกันดูแลประชาชนตามอำนาจหน้าที่ของแต่ละฝ่ายให้เต็มที่เพื่อไม่ให้มีภาระค่าไฟฟ้ามากไปกว่าปัจจุบัน ซึ่งทุกท่านทุกฝ่ายพร้อมที่จะดำเนินการอย่างเต็มความสามารถ โดยเฉพาะทาง กฟผ. พร้อมที่จะแบกรับภาระหลายอย่างเพื่อประชาชน

“ผมจึงค่อนข้างมั่นใจว่าราคาค่าไฟฟ้าสำหรับงวดต่อไป (พฤษภาคม – สิงหาคม) จะไม่สูงไปกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ขอให้มั่นใจว่าผมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายจะทำทุกอย่างเพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชน และขอขอบคุณทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมา ณ ที่นี้อีกครั้ง” นายพีระพันธุ์ กล่าว

โดยอัตราค่าไฟฟ้างวดปัจจุบัน (เดือน ม.ค.-เม.ย.) อยู่ที่ 4.18 บาทต่อหน่วย ซึ่งพรุ่งนี้ (8 มี.ค.) สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) โดยนายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงาน กกพ. ในฐานะโฆษก กกพ. จะเปิดเผยผลการคำนวณค่าไฟฟ้าตามสูตรการปรับอัตราค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ (ค่าเอฟที) และข้อเสนอทางเลือกเพื่อเปิดรับฟังความคิดเห็นประกอบการพิจารณาเพื่อประกาศเรียกเก็บค่าไฟฟ้าในงวดหน้า (พฤษภาคม – สิงหาคม)

ขณะที่ กฟผ. ยังมีภาระหนี้ที่ต้องแบกรับจากภาระส่วนต่างค่า Ft (เอฟที) แทนประชาชนในช่วงราคาก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2564-2565 ซึ่ง ณ เดือนธันวาคม 2566 มียอดคงค้างสูงกว่า 1 แสนล้านบาท

Advertisement

“อนุทิน” ลั่น ชาวต่างชาติอยู่ไทย ต้องเคารพกฎหมาย

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 6 มีนาคม 2567 โรงแรมรามา การ์เด้นส์  – “อนุทิน” ระบุชาวต่างชาติมาอยู่ไทยต้องเคารพกฎหมาย มั่นใจเร่งกวดขันให้ความปลอดภัย หลังเหตุวิวาทกะเทยฟิลิปปินส์ ใช้วีซ่านักท่องเที่ยวแอบขายบริการ สั่งไม่รับเคลียร์ ไม่ว่าเส้นใหญ่ขนาดไหน

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทที่ ซอยสุขุมวิท 11ซึ่งกลุ่มสาวประเภทสองฟิลิปปินส์ ถือวีซ่านักท่องเที่ยว และทำตัวเป็นมาเฟียในประเทศไทย โดยยืนยันว่า กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ทำงานร่วมกัน เพราะตอนนี้เป็นกระแสที่คนให้ความสนใจแล้ว  และมั่นใจว่าตำรวจ และฝ่ายปกครอง เร่งไปกวดขันดูแล้วเรื่องนี้ให้เรียบร้อย ทุกอย่างมีกฎหมายกำกับอยู่แล้ว ซึ่งทุกคนทำผิดกฎหมายไม่ได้

“ชาวต่างชาติเมื่ออยู่ประเทศเขาแล้ว ก็ต้องเคารพกฎกติกา ซึ่งหลักมีอยู่แค่นี้  ยิ่งเข้ามาแล้วจะมาสร้างอิทธิพล ทำในสิ่งที่ผิดกฎหมาย ข่มเหงรังแกเจ้าของประเทศ ซึ่งเชื่อว่าหลังจากนี้จะต้องดีขึ้น เพราะมีการตื่นตัวกันแล้ว 2-3 วันนี้ ก็มีแต่รายงานเข้ามา ส่วนนักท่องเที่ยวฟิลิปปินส์หลังจากมีเรื่องเข้ามาก็หายไปแล้ว”นายอนุทิน กล่าว

นายอนุทิน กล่าวอีกว่า ตนเองเป็นฝ่ายนโยบาย แต่เชื่อว่าเมื่อผู้ปฏิบัติ ตำรวจ และกรมการปกครอง จะดำเนินการอย่างเต็มที่ และสนับสนุนให้เจ้าหน้าที่รัฐทำตามหน้าที่ และกฎหมาย เพื่อให้คนไทยมั่นใจว่า จะไม่มีใครเส้นใหญ่มาเคลียร์ไม่ได้ ซึ่งเราไม่รับเคลียร์

ส่วนเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทที่สุขุมวิท 11 จนถูกขนานนามว่าเป็นวันกระเทยผ่านศึกนั้น นายอนุทิน กล่าวว่า อย่าไปกล่าวถึงขนาดนั้นเลย และอย่าลงรายละเอียด เอาเป็นว่าหากเจ้าหน้าที่บ้านเมืองคนไหน ที่ทำตามกฏหมาย และภารกิจหน้าที่ และเจตนารมย์ที่ปกป้องประชาชน จะไม่มีใครมาทำร้ายเขาได้ ซึ่งตนเองขอยืนยัน

Advertisement

“สุริยะ” มั่นใจ 100% แก้ปัญหาถนนพระราม 2 ได้

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 3 มีนาคม 2567 “สุริยะ” มั่นใจ 100% แก้ปัญหาก่อสร้างถนนพระราม 2 เหมือนที่เคยทำมาแล้ว เชื่อผู้รับเหมากลัวถูกยกเลิกสัญญา

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวถึงปัญหาการก่อสร้างถนนพระราม 2 ที่ประชาชนวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นโครงการเจ็ดชั่วโคตร ว่า ตนจำได้ว่าเมื่อปี 2546 ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมในขณะนั้น สะพานก่อสร้างข้ามบางขุนเทียนยาวนานและยังไม่แล้วเสร็จ ตนได้ลงไปสั่งการยกเลิกผู้รับเหมา และหาผู้รับเหมารายอื่นมาทำแทน ก็แล้วเสร็จตามเวลา

“ตอนนั้นพูดว่า ที่สุดของถนนเจ็ดชั่วโคตร คือทางแยกต่างระดับบางขุนเทียนตัดกับถนนกาญจนาภิเษก ช่วงบางบัวทอง บางขุนเทียน ผู้รับเหมาขาดสภาพคล่องต่อไม่ได้ ต้องทิ้งงานไปเฉยๆ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมในรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ในขณะนั้น ทนไม่ได้ต้องลงมาจี้เรื่องการก่อสร้างต่อให้เสร็จ สุดท้ายทางแยกต่างระดับบางขุนเทียน จึงเสร็จสมบูรณ์เมื่อเดือนธันวาคม 2546 เมื่อ 20 ปีก่อน ผมก็ไม่คาดว่าปัญหาผ่านมา 20 ปี ต้องให้ผมมาแก้ปัญหาอีกครั้ง พรุ่งนี้จะเชิญผู้รับเหมามาคุยว่ามีปัญหาอะไรบ้าง แล้วก็คงต้องมีกำหนดการ ที่ขณะนี้จากสถานการณ์โควิด ผู้รับเหมาเองได้รับการต่อสัญญาไปจนถึงเดือนมิถุนายน 2568 ถ้าถึงตรงนั้นไม่ได้ ก็จะมีการยกเลิกสัญญาที่ทำมา และหาผู้รับเหมาใหม่ ผมคิดว่า สิ่งที่ผู้รับเหมากลัวที่สุดคือเรื่องการยกเลิกสัญญา เพราะเป็นเรื่องอนาคตในการรับเหมากับทางกรมทางหลวงก็จะเป็นไปด้วยความยากลำบาก” นายสุริยะ กล่าว

ส่วนเงื่อนไขและข้อกำหนดที่จะนำไปสู่การยกเลิกสัญญากับผู้รับเหมามีอะไรบ้าง นายสุริยะ กล่าวว่า ต้องยึดกำหนดการที่ต้องแล้วเสร็จเป็นหลัก ตนคิดว่าในเวลาที่เหลืออยู่ 1 ปีครึ่ง ต้องใช้ความพยายาม และทางกระทรวงคมนาคมก็จะตั้งคนเข้าไปดูความคืบหน้าของแต่ละเดือนและมารายงานให้ตนทราบ มั่นใจว่า เดือนมิถุนายน 2568 จะแล้วเสร็จ ขณะนี้ยังอยู่ในสัญญา และเมื่อยังไม่ถึงกำหนดเวลา เราก็คงทำอะไรไม่ได้ แต่จะเตือนว่ามีคนคอยไปกำกับดูแลทุกเดือนและแจ้งว่ามีความล่าช้า จะต้องเพิ่มคนงานหรือเครื่องจักร เพื่อให้มีผลงานที่แล้วเสร็จแต่ละเดือน

เมื่อถามย้ำว่า จะให้ความมั่นใจประชาชนได้หรือไม่ ว่าปัญหาที่เคยแก้ในสมัยอดีต รอบนี้จะทำให้เรียบร้อย นายสุริยะ กล่าวว่า “ก็คงมั่นใจ 100% ว่าทำให้ได้”

Advertisement

“เศรษฐา” ตกใจ หลังผลสลากกินแบ่งฯ ตรงทะเบียนรถ

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 1 มีนาคม 2567 “เศรษฐา” ตกใจ หลังทราบผลสลากกินแบ่งฯ ตรงกับทะเบียนรถ หยอดมุข ขายบ้านขายรถแทง ถ้าไม่แทง อยู่ทั้งบ้านทั้งรถ

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวภายหลังผลสลากกินแบ่งรัฐบาล ประจำวันที่ 1 มีนาคม 2567 ออก โดยปรากฏว่า มีคนนำเลขทะเบียนรถประจำตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไปซื้อสลากฯ และถูกรางวัล  โดยนายเศรษฐา ตอบว่า งั้นเหรอ พร้อมกล่าวต่อว่า “เมื่อเช้ามีพยาบาลมาตรวจร่างกาย เขาถามผมว่า หวยออกอะไร ผมเลยบอกว่า หวยออก 30 พยาบาลจึงตอบว่า จะขายบ้านขายรถมาแทงเลยนะ ผมจึงตอบกลับว่า ได้ คุณขายบ้านขายรถมา แต่ถ้าเกิดคุณไม่แทงเนี่ย ก็จะอยู่ทั้งบ้าน อยู่ทั้งรถ”

ผู้สื่อข่าวถามว่า เลขทะเบียนของนายกรัฐมนตรีไปตรงกับเลขรางวัลที่หนึ่ง 2 หลักสุดท้าย ทำให้มีคนนำไปซื้อและถูกรางวัล นายกฯ ตอบว่า “อ้าวเหรอ ผมไม่รู้ผมพูดขำๆ ไปอย่างนั้น”

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า รถประจำตำแหน่งคันดังกล่าว ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นป้ายขาว ใช้ป้ายแดงทะเบียน “ส 0179 กรุงเทพมหานคร” ซึ่งตรงกับรางวัลเลขท้าย 2 ตัว 79 ด้วย

Advertisement

นายกฯ จ่อลงพื้นที่ถนนพระราม 2 ด้วยตัวเอง

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 29 กุมภาพันธ์ 2567 นายกฯ จ่อลงพื้นที่ถนนพระราม 2 ด้วยตัวเอง หลังโซเชียลทำคลิปล้อเลียนสร้างไม่เสร็จสักที

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ก็เป็นตามที่นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้แถลงไป แต่ส่วนตัวคิดว่า ขอให้ดูการกระทำดีกว่า เข้าใจว่ามีปัญหา แต่มันก็มีหลายสัญญาด้วย ก็ต้องลงพื้นที่ไปดูอย่างจริงจัง โดยจะลงพื้นที่ด้วยตัวเอง แต่ยังไม่ทราบว่าจะเป็นวันไหน โดยวันพรุ่งนี้ (1 มี.ค.) มีแถลงข่าว “IGNITE THAILAND, AVIATION HUB” วันเสาร์นี้ (2 มี.ค.) ก็ลงพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์และจังหวัดร้อยเอ็ด วันอาทิตย์ มีประชุมคณะรัฐมนตรี จากนั้นวันจันทร์ตอนเช้าก็เดินทางไปออสเตรีย

Advertisement

Verified by ExactMetrics