วันที่ 25 เมษายน 2024

จูงใจพลเรือนและเอกชนเป็นกำลังพลสำรอง รับปฎิรูปกองทัพ

People Unity News : 26 พฤษภาคม 2566 กลาโหม เล็งจูงใจให้พลเรือนและเอกชน มีความชำนาญเฉพาะทาง เป็นกำลังพลสำรอง ไม่กำหนดอายุ เลื่อนยศกำลังสำรองได้ถึงพันเอก มุ่งเสริมแกร่งกองทัพ รองรับปฏิรูปกองทัพ

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการกำลังพลสำรอง ผ่านระบบ VTC ณ มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อฯ เพื่อขับเคลื่อนกิจการกำลังพลสำรอง ภายใต้แผนแม่บทการพัฒนากิจการกำลังพลสำรองของ กลาโหม ปี 66 -70 รองรับการปฏิรูปกองทัพสมัยใหม่

โดยที่ประชุมรับทราบ การเปิดให้ผู้มีความรู้ ความชำนาญเฉพาะทาง สามารถเป็นกำลังพลสำรองครั้งแรกได้โดยไม่กำหนดอายุ รวมทั้งการกำหนดแต่งตั้ง เลื่อนยศกำลังสำรองได้ถึงยศ พันเอกหรือเทียบเท่า และการกำหนดสิทธิประโยชน์ของกำลังพลสำรอง จากอันตรายหรือเจ็บป่วย พร้อมทั้งรับทราบยุทธศาสตร์พัฒนาระบบกำลังสำรอง ที่เน้นการควบคุม บริหารจัดการด้านนโยบาย การพัฒนากิจการ การเสริมสร้างเครือข่าย การปรับปรุงกฎหมาย การพัฒนาสิทธิประโยชน์และสวัสดิการ รวมทั้งการพัฒนาและปรับปรุงระบบฐานข้อมูลทรัพยากรด้านกำลังสำรองและกำลังพลสำรอง

ต่อจากนั้น ที่ประชุมได้ร่วมพิจารณาและเห็นชอบหลักการ รวม 3 ประเด็น คือ การปรับปรุงตำแหน่งและอัตราของหน่วยทหารรองรับการบรรจุกำลังพลสำรอง การบรรจุบุคคลพลเรือนและภาคเอกชน ที่มีความรู้ความชำนาญเฉพาะทาง และบรรจุกำลังพลสำรองให้มีชั้นยศที่เหมาะสม และการเชื่อมโยงระบบฐานข้อมูลกำลังพลสำรองกับส่วนราชการต่างๆ เพื่อการบริหารจัดการกำลังพลสำรองอย่างมีประสิทธิภาพ

พล.อ.ประวิตร ย้ำว่า ระบบกำลังสำรอง จะช่วยเสริมและพัฒนาศักยภาพกองทัพ จากบุคคลพลเรือนภายนอกกองทัพเป็นการชั่วคราวและเท่าที่จำเป็น จึงขอให้กระทรวงกลาโหม ได้ประสานส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง หารือและขอความเห็นชอบในประเด็นที่อาจไม่สอดคล้องและขัดกันในข้อกฎหมาย ทั้งนี้ ขอให้กำหนดภารกิจและตำแหน่งเฉพาะที่จำเป็น พร้อมทั้งให้ติดตามประเมินผลการใช้ตำแหน่งและอัตราที่กำหนด เพื่อช่วยเสริมศักยภาพกองทัพและใช้ประโยชน์จากระบบกำลังสำรองอย่างเต็มประสิทธิภาพ

Advertisement

“เอนก” ยกระดับทุ่งกุลาร้องไห้ ดันจุดแข็ง สร้างมูลค่าเพิ่ม ตามแนวทางโมเดลเศรษฐกิจบีซีจี

People Unity News : “เอนก” ยกระดับทุ่งกุลาร้องไห้ ดันจุดแข็ง สร้างมูลค่าเพิ่ม ตามแนวทางโมเดลเศรษฐกิจบีซีจี

23 มี.ค. 2565 เมื่อเร็วๆนี้ ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) พร้อมด้วย ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และคณะ ร่วมลงพื้นที่พบปะและแลกเปลี่ยนความรู้กับประชาชนในพื้นที่ ภายใต้กิจกรรม สวทช. เสริมแกร่งภูมิภาค ด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG “ขับเคลื่อนโปรแกรมการยกระดับคุณภาพชีวิต ด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมในพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้” ที่ จ.ศรีสะเกษ

ดร.เอนก กล่าวว่า การลงพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ ครั้งนี้ อยู่ภายใต้แผนงาน “ขับเคลื่อนโปรแกรมการยกระดับคุณภาพชีวิต ด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม (วทน.) ในพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้” ซึ่งนำโดย สวทช. และยังมีอีกหลายหน่วยงานของ อว. ทั้งสถาบันวิจัยและมหาวิทยาลัยเข้ามาบูรณาการการทำงานร่วมกัน เพื่อยกระดับเศรษฐกิจและรายได้ให้กับเกษตรกรในพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้ ซึ่งคลอบคลุมถึง 5 จังหวัด ได้แก่ ศรีสะเกษ ร้อยเอ็ด มหาสารคาม ยโสธร และสุรินทร์ โดยพื้นที่ทุ่งกุลาฯ ถือเป็นพื้นที่ที่มีความหลากหลายของกลุ่มชาติพันธุ์และต่างมีภูมิปัญญาและวัฒนธรรมอันเป็นรากเหง้าที่เข้มแข็ง มีผลิตภัณฑ์ชุมชนที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นออกมามากมาย แต่สิ่งที่ อว.จะมาช่วยขับเคลื่อน คือ การนําองค์ความรู้ เทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้าไปต่อยอดพัฒนาฐานทุนเดิมอันเป็นจุดแข็งของทุ่งกุลาให้สามารถสร้างมูลค่า สร้างโอกาสทางการตลาด และสร้างรายได้ที่เพิ่มขึ้นให้แก่ประชาชนในพื้นที่ สอดคล้องกับการพัฒนาประเทศด้วยโมเดลเศรษฐกิจบีซีจี ที่มุ่งให้ประชาชนอยู่ดี กินดี มีรายได้ พ้นความยากจน

ดร.เอนก กล่าวต่อว่า การขับเคลื่อนการพัฒนาพื้นที่ทุ่งกุลาฯ ของ อว. จะทำงานร่วมกับทางจังหวัด หน่วยงานภาครัฐและเอกชนในพื้นที่ โดยมุ่งขับเน้นให้ผลิตภัณฑ์สินค้าและบริการของทุ่งกุลาฯ มีอัตลักษณ์โดดเด่นยิ่งขึ้น เช่น การยกระดับผ้าทอโดยใช้เอนไซม์เอนอีซ “ENZease” สารจากธรรมชาติที่ช่วยทำความสะอาดและลอกแป้งออกจากเส้นใยในขั้นตอนเดียว ทำให้ย้อมสีธรรมชาติได้ดีขึ้น สีสวย สม่ำเสมอ ช่วยลดต้นทุน เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มีการสร้างมูลค่าเพิ่มโดยใช้นวัตกรรมนาโนเทคโนโลยี มาเพิ่มสมบัติพิเศษต่างๆ ทั้งความนุ่มลื่น การป้องกันรังสียูวี การยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย รวมถึงการเติมกลิ่นหอม โดยนำ ‘กลิ่นดอกลำดวน’ ซึ่งเป็นดอกไม้ประจำจังหวัดศรีสะเกษมาเติมลงในผ้าทอเบญจศรี เพื่อสร้างเสน่ห์และอัตลักษณ์ให้กับผ้าทอของจังหวัดศรีสะเกษ ขณะเดียวกันในส่วนของการอนุรักษ์ภูมิปัญญา

นอกจากนี้ สวทช. ยังได้ร่วมกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พัฒนาสายพันธุ์ถั่วเขียวที่ให้ผลผลิตสูง มีความต้านทานต่อโรคราแป้งและใบจุด และถ่ายทอดความรู้และเทคโนโลยีให้กับเกษตรกรทั้งกลุ่มผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์ และเกษตรกรผู้ผลิตถั่วเขียวเข้าโรงงานอุตสาหกรรม มีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการ จำนวน 100 คน พื้นที่ปลูก 500 ไร่ ผลผลิตเฉลี่ย 120 -150 กิโลกรัมต่อไร่ สร้างรายได้เสริมให้กับเกษตรกรเฉลี่ย 2,600 – 3,300 บาทต่อไร่ และยังเชื่อมโยงกับภาคเอกชนให้เข้ามารับซื้อ ได้แก่ บริษัท ไทยวา จำกัด (มหาชน) มีปริมาณการรับซื้อ 1,000 ตันต่อปี และบริษัท กิตติทัต จำกัด มีปริมาณการรับซื้อ 3,500 ตันต่อปี เพื่อให้มีผลผลิตถั่วเขียวที่เพียงพอ ต่อความต้องการของตลาดต้องการพื้นที่ปลูก จำนวน 30,000 ไร่ ได้ผลผลิตเฉลี่ย 150 กิโลกรัมต่อไร่

“พื้นที่ทุ่งกุลาฯ มีศักยภาพที่จะพัฒนาเป็นพื้นที่นวัตกรรมเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ ควบคู่ไปกับการรักษาเอกลักษณ์เดิมไม่ให้เลือนหาย โดยเฉพาะ จ.ศรีสะเกษ ที่มีศักยภาพโดดเด่นในด้านนี้มาก และมหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษจะต้องเป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อน เอาความรู้ออกมาสู่ชุมชน และควรจะมีการจัดทำหลักสูตรแซนด์บอกส์ที่เน้นการปฏิบัติ เพื่อพัฒนาคนให้เหมาะสมกับการพัฒนาพื้นที่ เพราะต่อไปนี้ผลผลิตจาก อว. จะต้องสามารถรับใช้ประเทศชาติ สังคม และประชาชนได้” ดร.เอนก กล่าว

Advertising

กรมที่ดินปั้นภาพลักษณ์ใหม่ อบรมเจ้าพนักงาน “บริการดี ไม่มีทุจริต”

People unity news online : เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2560 ที่สำนักงานที่ดินกรุงเทพมหานคร อาคารสวนเจ้าเชตุ นายสุธี มากบุญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานเปิดโครงการอบรม “บริการดี ไม่มีทุจริต” ของสำนักงานที่ดินกรุงเทพมหานครและสาขา ประจำปี พ.ศ.2560 ซึ่งกรมที่ดินจัดขึ้นเพื่อพัฒนาบุคลากรของสำนักงานที่ดินกรุงเทพมหานครและสาขา จำนวน 17 สาขา ให้มีความรู้ ความเข้าใจ ในแนวทางการให้บริการประชาชนนำไปสู่การปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีผู้เข้าร่วมสัมมนา จำนวน 600 คน

โดยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้มอบนโยบายในการบริการประชาชนให้แก่ผู้เข้ารับการอบรม ว่า ปัจจุบันกระแสสังคมได้ให้ความสนใจการทำงานของกรมที่ดินโดยเฉพาะในเรื่องความโปร่งใส เนื่องจากเป็นหน่วยงานที่มีภารกิจเกี่ยวกับการคุ้มครองสิทธิตามกฎหมายในที่ดินของบุคคล มีความสำคัญทั้งทางด้านเศรษฐกิจและความมั่นคง ซึ่งที่ผ่านมาภายใต้การบริหารราชการของรัฐบาลได้ให้ความสำคัญและเน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานมีมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริตประพฤติมิชอบและมีการดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม การจัดอบรมในครั้งนี้ จึงเป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้นโยบายดังกล่าวประสบผลสำเร็จ เนื่องจากเป็นการเตรียมบุคลากรของกรมที่ดินเพื่อก้าวสู่กรมที่ดินยุคใหม่ที่มีการบริหารงานอย่างโปร่งใส ภายใต้หลัก “ธรรมาภิบาล” ดังนั้น บุคลากรของกรมที่ดินจึงต้องได้รับการฝึกอบรมให้มีความรู้ความเข้าใจทั้งด้านกฎหมาย เทคโนโลยี ความรอบคอบ รวดเร็ว สร้างทัศนคติ และสร้างค่านิยมที่ดีในเรื่องความซื่อสัตย์ สุจริต มีคุณธรรม มีความโปร่งใส ป้องกันไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดในการทำงาน สามารถนำความรู้ไปใช้ปรับปรุงและพัฒนางานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะสำนักงานที่ดินกรุงเทพมหานครและสาขาถือเป็นด่านหน้าที่จะสร้างความประทับใจให้กับประชาชนที่มาติดต่อขอรับการบริการ อีกทั้งในพื้นที่ของกรุงเทพมหานครยังเป็นพื้นที่ที่ดินมีราคาสูง ผู้ถือครองที่ดินมีความคาดหวังที่จะได้รับการตอบสนองการให้บริการที่ดี

การที่กรมที่ดิน โดยสำนักงานที่ดินกรุงเทพมหานครและสาขาได้จัดให้มีการอบรมในวันนี้จึงถือได้ว่าการเป็นการตอบสนองนโยบายของรัฐบาลในการบริหารจัดการภาครัฐ การป้องกันการทุจริตประพฤติมิชอบ โดยใช้หลักธรรมาภิบาลและแปลงยุทธศาสตร์ไปสู่การปฏิบัติสอดรับกับคำขวัญ 116 ปี ของกรมที่ดินที่ว่า “บริการดี ไม่มีทุจริต”

สุดท้าย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เน้นย้ำให้ชาวที่ดินกรุงเทพฯ ได้ร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมรับผิดชอบ ร่วมแก้ไขปัญหา และร่วมติดตามประมวลผล ประสานงาน ประสานใจ และประสานการปฏิบัติยกระดับการให้บริการประชาชนด้วยความซื่อสัตย์สุจริตมีความโปร่งใส ช่วยขจัดและลดปัญหาความทุกข์ร้อนของประชาชนอันจะส่งผลให้เกิดภาพลักษณ์และทัศนคติที่ดีต่อองค์กร เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชนต่อไป

People unity news online : post 21 มีนาคม 2560 เวลา 22.44 น.

ก.แรงงานเตรียมฝึกอาชีพคนจน สร้างเป็นช่างในชุมชน เป้าหมาย 80,000 คนทั่วประเทศ

People unity news online : “ปลัดแรงงาน” เผย กระทรวงแรงงานได้รับมอบหมายจากรัฐบาลให้ช่วยเหลือคนจนระยะที่ 2 ฝึกอาชีพเร่งด่วน ปั้นช่างชุมชน เป้าหมาย 80,000 คนทั่วประเทศ ฝึกอาชีพเสริม หลักสูตร 18 ชม.30 ชม. และ 60 ชม. พร้อมนำตู้งานจับคู่คนกับงานบริการในพื้นที่ ตั้งเป้า 1 ล้านคน มีงานทำ มีรายได้ มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

18 มกราคม 2561 นายจรินทร์ จักกะพาก ปลัดกระทรวงแรงงาน เป็นประธานการประชุมชี้แจงแนวทางการตรวจราชการของผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน ประจำปีงบประมาณ 2561 แก่หัวหน้าส่วนราชการสังกัดกระทรวงแรงงานส่วนภูมิภาค 26 จังหวัดภาคกลางและภาคตะวันออก ณ ห้องประชุมจอมพล ป.พิบูลสงคราม ชั้น 5 อาคารกระทรวงแรงงาน โดยกล่าวว่า รัฐบาลต้องการลดความเหลื่อมล้ำในสังคม ซึ่งเป็นหน้าที่ของข้าราชการทุกคนและทุกกระทรวงที่จะต้องบูรณาการการทำงานร่วมกัน ในส่วนของกระทรวงแรงงานโครงการที่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาคนจนระยะที่ 2 ได้แบ่งเป็น 3 โครงการ คือ 1) การส่งเสริมและฝึกอาชีพหลักสูตรฝึกอาชีพเร่งด่วนให้เป็นช่างเอนกประสงค์ หรือ ช่างชุมชน เป้าหมาย 80,000 คน ทุกชุมชนทั่วประเทศ 2) ฝึกอาชีพเสริม 3 หลักสูตร ระยะเวลาการฝึก 18 ชั่วโมง 30 ชั่วโมง และ 60 ชั่วโมง และ 3) บริการค้นหาตำแหน่งงานจับคู่คนกับงานผ่านตู้งาน (Job Box)

ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวต่อว่า โครงการเพิ่มศักยภาพผู้มีรายได้น้อยที่ลงทะเบียนสวัสดิการแห่งรัฐ จะเป็นประโยชน์แก่ประชาชนผู้มีรายได้น้อยทั่วประเทศ ซึ่งจะสามารถสร้างงาน สร้างอาชีพ เพิ่มรายได้และมีความมั่นคงในชีวิต สนับสนุนโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐและช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยและส่งเสริมระบบเศรษฐกิจฐานรากตามนโยบายประชารัฐในระดับชุมชน ผ่านกลไกการจัดฝึกอบรม ส่งเสริมทักษะอาชีพให้แก่ผู้มีรายได้น้อยที่ลงทะเบียนสวัสดิการแห่งรัฐ เพื่อให้มีความรู้ ทักษะฝีมือในการประกอบอาชีพมีรายได้เพิ่มขึ้น มีงานทำ มีความมั่นคงในชีวิต ได้รับความคุ้มครองทางสังคมอย่างทั่วถึง และนำสู่คุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน

“พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ตั้งเป้าหมายไว้ว่า โครงการฝึกอาชีพเพื่อเพิ่มศักยภาพให้แก่ผู้มีรายได้น้อยที่ลงทะเบียนสวัสดิการแห่งรัฐในส่วนของกระทรวงแรงงาน จะทำให้คนไทยมีงานทำอย่างน้อย 65 % โดยความร่วมมือกับทุกภาคส่วนเพื่อให้ประชาชนมีอาชีพ มีรายได้ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น” ปลัดกระทรวงแรงงานกล่าว

People unity news online : post 18 มกราคม 2561 เวลา 22.10 น.

 

เตรียมเพิ่มวิชาประวัติศาสตร์ หลักสูตรวิชาการทหาร

People Unity News : 1 กุมภาพันธ์ 2566 “พล.อ.ประยุทธ์” นั่งหัวโต๊ะประชุมสภาการศึกษาวิชาการทหาร ย้ำต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากร ด้าน กองทัพ เตรียม ปรับหลักสูตร รับการปฏิรูป เตรียมเพิ่มวิชาประวัติศาสตร์ และปลูกฝังคุณธรรมและจริยธรรม

พล.อ.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า ช่วงบ่ายที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางมาประชุม สภาการศึกษาวิชาการทหาร ครั้งที่ 1/66 ณ ห้องประชุมภาณุรังษี ในศาลาว่าการกลาโหม

โดยที่ประชุม ได้พิจารณาและมีมติอนุมัติปริญญาระดับปริญาตรี และปริญญาระดับบัณฑิตศึกษา แก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากสถาบันการศึกษาทางทหาร และแต่งตั้งข้าราชการทหารให้ดำรงตำแหน่งทางวิชาการ พร้อมทั้งรับทราบการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปการบริหารจัดการและการปรับปรุงโครงสร้าง กห. ด้านระบบงานการศึกษา ระยะที่ 2 ปี 66-70 ซึ่งให้ความสำคัญกับวิชาประวัติศาสตร์ ควบคู่ไปกับการปลูกฝังคุณธรรมและจริยธรรม ในแผน 4 ด้าน ทั้งด้านหลักสูตร ด้านการพัฒนาจัดการเรียนการสอน ด้านบริหารจัดการ และด้านการพัฒนาบุคลากรการศึกษา

โดย พล.อ.คงชีพ ยังกล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้ย้ำให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากร โดยให้มีการพิจารณาทบทวนหลักสูตร การเรียนการสอน การศึกษาทุกระดับในทุกหลักสูตร ให้สอดรับกับแผนปฏิรูปการบริหารจัดการและการปรับปรุงโครงสร้างกลาโหม รวมทั้งยุทธศาสตร์ชาติ สภาพแวดล้อมด้านความมั่นคงและบริบททางสังคมปัจจุบัน อย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะการพัฒนาทักษะดิจิทัลเสริมขีดความสามารถให้แก่กำลังพล พร้อมทั้งให้มีการประเมินตัวชี้วัดเป็นระยะ ทั้งนี้ให้ปรับปรุงข้อบังคับ ระเบียบและคำสั่งที่เกี่ยวข้องในคราวเดียวกัน เพื่อรองรับกับการปฏิรูปกองทัพ ตามยุทธศาสตร์ชาติ

Advertisement

“บวรศักดิ์” แถลงความคืบหน้าปฏิรูปประเทศด้านกฎหมาย ให้เร่งจัดตั้ง 1 นักกฎหมาย 1 ตำบล

People unity news online : เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2561 เวลา 11.30 น. ณ ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล ศ.ดร.บวรศักดิ์  อุวรรณโณ ประธานกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกฎหมาย แถลงความคืบหน้าการปฏิรูปประเทศ ในหัวข้อ “กฎหมายยุคใหม่ เท่าเทียมและเป็นธรรม” มีสาระสำคัญ ดังนี้

การกำหนดกรอบการดำเนินการตามแผนปฏิรูปประเทศด้านกฎหมายพิจารณาจากเรื่องที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน โดยยึดหลักการตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ได้มีการกำหนดกลไกที่สำคัญไว้หลายประการเพื่อให้เกิดการปฏิรูปกฎหมายโดยเฉพาะหลักการตามมาตรา 77 ของกฎหมายรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักร พ.ศ. 2560 โดยจะมีปรับเปลี่ยนกฎหมายที่มีความล้าหลัง เพื่อให้เป็นกฎหมายที่ดี และสอดคล้องกับสภาพความต้องการที่แท้จริงของสังคมปัจจุบัน

อีกทั้งเปิดโอกาสให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นและติดตามตรวจสอบทั้งในขั้นตอนของการจัดทำร่างกฎหมายและการทบทวนความเหมาะสมของกฎหมาย และสร้างการรับรู้และเข้าถึงกฎหมายได้โดยง่าย เพื่อสื่อถึงความต้องการของสังคมและเพื่อให้ประชาชนได้รับรู้และเข้าใจถึงสาระของกฎหมาย ซึ่งจะต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่องให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม

สำหรับประเด็นการปฏิรูปและผลอันพึงประสงค์ของการปฏิรูปประเทศด้านกฎหมายนั้นมุ่งเน้นการสร้างเพื่อให้เกิดการพัฒนาตามหลักการ “มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน” สอดคล้องกับบริบทของการพัฒนาสู่ THAILAND 4.0 ตามนโยบายของรัฐบาล และเป็นไปตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ตลอดจนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ โดยกำหนดประเด็นปฏิรูปด้านกฎหมายเพื่อรองรับตามหลัก “ทวิยุทธศาสตร์” ทั้งในเรื่องของการกำหนดให้มีกลไกทางกฎหมายเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และการกำหนดให้มีกลไกทางกฎหมายเพื่อสร้างความเป็นธรรมและลดความเหลื่อมล้ำในสังคม

ประธานกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกฎหมายกล่าวย้ำว่า เป้าหมายหรือผลอันพึงประสงค์ของการปฏิรูปประเทศด้านกฎหมาย 10 ประการ ดังต่อไปนี้ 1. มีกลไกให้การออกกฎหมายที่ดีและเท่าที่จำเป็นรวมทั้งมีกลไกในการทบทวนกฎหมายที่มีผลใช้บังคับแล้วเพื่อให้สอดคล้องกับหลักการตามมาตรา 77 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2. ยกเลิกหรือปรับปรุงกฎหมายที่ล้าสมัย และเป็นอุปสรรคต่อการดำรงชีวิตและการประกอบอาชีพของประชาชน 3. มีกลไกทางกฎหมายเพื่อขจัดความเหลื่อมล้ำและสร้างความเป็นธรรมในสังคม 4. มีกลไกให้มีการตรากฎหมายเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ 5. พัฒนากระบวนการจัดทำและตรวจพิจาณาร่างกฎหมายให้ รวดเร็ว รอบคอบ และสอดคล้องกับเงื่อนเวลาในการตรากฎหมายตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 6. มีกลไกให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการจัดทำและเสนอร่างกฎหมายที่มีความสำคัญ และจัดให้มีกลไกช่วยเหลือประชาชนในการจัดทำและเสนอร่างกฎหมาย รวมทั้งการให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน 7. มีกลไกให้ประชาชนเข้าถึงกฎหมายโดยสะดวกและเข้าถึงกฎหมายได้โดยง่าย 8. ปฏิรูปการเรียนการสอนและการศึกษาอบรมวิชากฎหมายเพื่อพัฒนานักกฎหมายให้เป็นผู้ประกอบวิชาชีพที่ดี 9. พัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อสนับสนุนให้ประชาชนติดต่อกับเจ้าหน้าที่ผู้บังคับใช้กฎหมายได้โดยสะดวก และ 10 มีกลไกส่งเสริมการบังคับใช้กฎหมายให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

นอกจากนี้จะต้องมีการสร้างความเข้าใจให้กับประชาชนได้รู้เรื่องเกี่ยวกับกฎหมาย โดยได้กำหนดให้เร่งดำเนินการตั้งยุติธรรมชุมชนในระดับท้องถิ่นทั่วทั้งประเทศ ซึ่งจะมี 1 นักกฎหมาย ต่อ 1 ตำบล ช่วยให้คำปรึกษาแก่ประชาชนที่ต้องการคำปรึกษาด้านกฎหมายให้เข้าใจได้โดยง่าย เนื่องจากปัจจุบันอาจจะมีสภาทนายความฯ สำนักอัยการสูงสุด และมหาวิทยาลัยต่างๆ ซึ่งอาจจะมีการช่วยเหลืออยู่แล้วแต่อาจจะเข้าไปไม่ทั่วถึงยังประชาชนทุกตำบล โดยจะมีการจัดอบรมให้แก่ยุติธรรมชุมชนในเรื่องของกฎหมายใหม่ๆ 1 ตำบล 1 นักกฎหมาย เพื่อส่งเสริมและขจัดความเหลื่อมล้ำในสังคมให้เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อประชาชนอย่างแท้จริง

People unity news online : post 3 เมษายน 2561 เวลา 07.30 น.

“พล.อ.ประวิตร“ ลงใต้ กำชับบริหารน้ำทั้งระบบกันน้ำท่วม-แล้งไปพร้อมกัน

People Unity News : 13 มีนาคม 2566 “พล.อ.ประวิตร“ ลงใต้ เร่งติดตามการแก้ไขปัญหาน้ำ ย้ำต้องดูทั้งระบบ ป้องกันทั้งน้ำท่วม-น้ำแล้ง ทักทายประชาชนอย่างอารมณ์ดี พร้อมรับฟังปัญหา

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และคณะ เดินทางลงพื้นที่ภาคใต้ ที่ จ.ชุมพร จ.ระนอง และ จ.สุราษฎร์ธานี ติดตามสถานการณ์ความคืบหน้าการบริหารจัดการน้ำ การพัฒนาพื้นที่และรับฟังความเดือดร้อนประชาชน โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัด เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) และหัวหน้าส่วนราชการต่างๆ ให้การต้อนรับ ณ ศาลาอเนกประสงค์พรุเฉวง ต.บ่อผุด อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี

พล.อ.ประวิตร รับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ภาพรวม พัฒนาการแผนงานและโครงการน้ำในพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี ปี 2561-2565 คืบหน้า 870 โครงการ ใช้งบประมาณ 4,469.40 ล้านบาท ประชาชนได้รับประโยชน์ 45,687 ครัวเรือน พื้นที่ได้รับประโยชน์ 92,101 ไร่ ป้องกันความเสียหายได้ 15,975 ไร่ และอยู่ระหว่างดำเนินโครงการสำคัญ 6 โครงการ ได้แก่ อ่างเก็บน้ำคลองสีสุก คลองลิปะใหญ่ ระบบป้องกันน้ำท่วม ตลาดไชยา ชุมชนเชิงมนต์ ชุมชนเฉวง และชุมชนวัดประดู่ ติดตามโครงการก่อสร้างระบบป้องกันน้ำท่วมพื้นที่ชุมชนบางรัก และโครงการปรับปรุงภูมิทัศน์ริมพรุเฉวง จ.สุราษฎร์ธานี

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ขอให้ สทนช. และส่วนราชการจังหวัด ให้ความสำคัญกับพื้นที่เกิดน้ำท่วมและพื้นที่เสี่ยงที่สร้างความเดือดร้อนเสียหายของชุมชนที่ผ่านมา โดยให้เร่งขับเคลื่อนแผนงานโครงการในพื้นที่เสี่ยงที่ประสบปัญหาน้ำท่วม บริเวณ ต.ท่าอุแท ต.ปากแพรก ต.ไชยคราม ต.สมอทอง ต.เขานิพนธ์ ต.พรุพี และ อ.บ้านนาสาร อ.พุนพิน อ.คีรีรัฐนิคม อ.บ้านขุนตาล และ อ.ดอนสัก พร้อมขอให้เร่งรัดกำกับโครงการชุมชนบางรัก ระยะที่ 1 การพัฒนาแหล่งน้ำทุ่งจอ การก่อสร้างสถานีสูบน้ำสหกรณ์นิคมนครพนม และการขยายระบบประปา ต.เกาะพะงัน ให้เป็นไปตามแผน เพื่อลดผลกระทบความเสียหายจากปัญหาอุทกภัยของจังหวัดในภาพรวม ทั้งนี้ ให้เตรียมการ 10 มาตรการ รองรับฤดูแล้ง โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงขาดน้ำ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการขาดแคลนน้ำบริโภคกับประชาชนในฤดูแล้งไปพร้อมกัน

พล.อ.ประวิตร กล่าวทักทายพี่น้องประชาชนในพื้นที่อย่างอารมณ์ดีและเป็นกันเอง พร้อมรับฟังปัญหาจากประชาชนโดยตรง

Advertisement

เห็นชอบร่างธรรมนูญผังเมือง พัฒนาพื้นที่ประเทศ

People Unity News : 21 ธันวาคม 2565 “พล.อ.ประวิตร” ประชุม คกก.นโยบายผังเมือง เห็นชอบร่างธรรมนูญว่าด้วยการผังเมือง พัฒนาพื้นที่ประเทศ กำชับกระทรวงมหาดไทย เร่งขับเคลื่อนกฎหมายที่เป็นประโยชน์กับประชาชน

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการนโยบายการผังเมืองแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2565 ณ ห้องประชุม มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยมี นายสมคิด จันทมฤก รองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง และว่าที่ร้อยเอก ธีรพงศ์ ครุธดิลกานันท์ รองอธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง เข้าร่วม

โดยที่ประชุมได้รับทราบ การประกาศใช้บังคับอนุบัญญัติที่ออกตามความในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.บ.การผังเมือง พ.ศ. 2562 จำนวน 5 ฉบับ เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการรับฟังความคิดเห็น การปรึกษาหารือ และการมีส่วนร่วมของประชาชน ในการวางและจัดทำผังเมืองรวม พ.ศ.2564 , ผังนโยบายระดับประเทศ , ระดับภาค , ระดับจังหวัดและผังเมืองเฉพาะ พ.ศ.2565

จากนั้นที่ประชุม ได้พิจารณาเห็นชอบ ร่างรายงานประจำปีเกี่ยวกับ การปฎิบัติตาม พ.ร.บ.การผังเมืองปี 2565 ซึ่งมีสาระสำคัญประกอบด้วย สถานการณ์ด้านการผังเมืองของประเทศไทยในปี 64 , ผลการดำเนินงานของคณะกรรมการฯ , ผลดำเนินการและผลสัมฤทธิ์ของการวางและจัดทำผังเมือง , การพัฒนาเมือง รวมถึงการดำเนินการ เพื่อสนับสนุนภารกิจด้านการผังเมือง และการพัฒนาเมือง เป็นต้น รวมทั้งได้เห็นชอบ ร่างธรรมนูญว่าด้วยการผังเมือง ที่ปรับปรุงแก้ไขตามมติ ครม.เมื่อ 30 ก.ย.65 โดยให้มีความสอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการบูรณาการทำงาน ซึ่ง กระทรวงมหาดไทย โดยกรมโยธาธิการและผังเมือง ได้พิจารณาแก้ไขปรับปรุงให้เป็นไปตามมติ ครม.แล้ว

พล.อ.ประวิตร กำชับกระทรวงมหาดไทย กรมโยธาธิการ ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบ เร่งรัดดำเนินการและรายงานให้คณะกรรมการฯ ทราบอย่างต่อเนื่อง เพื่อขับเคลื่อนให้เป็นไปตามกฎหมาย และแนวทางปฎิบัติที่ชัดเจน เหมาะสมในการดำเนินงานตามแผนการผังเมืองของประเทศในทุกระดับต่อไป โดยคำนึงถึงการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน และประชาชนที่จะต้องได้รับประโยชน์สูงสุดทั้งผังพื้นที่ ผังน้ำ และเส้นทางเดินรถต่างๆ เพื่อรองรับการพัฒนาประเทศให้มีความเจริญก้าวหน้า

Advertisement

 

ลดขั้นตอนขออนุญาตจากราชการ

People Unity News : 29 พฤศจิกายน 2565 โฆษกรัฐบาล เผย นายกฯกำชับหน่วยราชการเตรียมพร้อมรองรับก้าวเข้าสู่บริการภาครัฐแบบดิจิตอล หวังลดขั้นตอนการขออนุญาต อำนวยความสะดวก ปชช.ไม่ต้องไปถึงสถานที่ราชการ

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ขอให้ส่วนราชการหาแนวทางลดขั้นตอน การขออนุมัติและขออนุญาต ที่ควรจะใช้ระยะเวลาที่สั้นลง โดยหาแนวทางลดขั้นตอนต่างๆ ให้สอดคล้องกับการก้าวเข้าสู่การบริการภาครัฐแบบดิจิตอล ซึ่งพระราชบัญญัติปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์

“เรื่องดังกล่าวประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วและจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 10 ม.ค.66 ซึ่งในอนาคตการติดต่อราชการทุกแห่งสามารถทำได้ในระบบออนไลน์ โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางไปทำธุรกรรมด้วยตนเอง แต่ก็ยังมีบางส่วนที่ยังต้องไปทำด้วยตัวเอง ทั้งนี้ รัฐบาลยังคงต้องอำนวยความสะดวกให้กับประชาชน และสามารถขอรับบริการเอกสารได้ตลอด 24 ชั่วโมง ผ่านทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ จึงขอให้หน่วยงานราชการดำเนินการและปรับตัว เพื่อเตรียมรองรับในเรื่องดังกล่าวในอนาคตด้วย” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว

Advertisement

ผบ.ทบ. ตรวจเยี่ยมคัดเลือกทหารกองเกินระบบออนไลน์

People Unity News : 28 มกราคม 66 ผบ.ทบ.ตรวจเยี่ยมคัดเลือกทหารกองเกินเข้ารับราชการทหารกองประจำการ โดยวิธีร้องขอ (กรณีพิเศษ) ระบบออนไลน์ ณ มทบ.11

วันนี้ (28 ม.ค.66) พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ.ตรวจเยี่ยมการรับสมัครและการคัดเลือกทหารกองเกินเข้ารับราชการทหารกองประจำการ โดยวิธีร้องขอ (กรณีพิเศษ) ด้วยระบบออนไลน์ โดยมี พล.ต.ปัญญา ตั้งความเพียร ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 11 ให้การต้อนรับ ณ มณฑลทหารบกที่ 11

ในการนี้ผู้บัญชาการทหารบกได้รับฟังการบรรยายสรุปขั้นตอนการปฏิบัติการคัดเลือกทหารกองเกินเข้ารับราชการทหารกองประจำการ โดยวิธีร้องขอ (กรณีพิเศษ) ด้วยระบบออนไลน์ จากนั้นผู้บัญชาการทหารบก ได้ตรวจเยี่ยมการคัดเลือกฯ ขั้นตอนที่ 1 ได้แก่ การตรวจหลักฐานและวัดขนาดร่างกาย และได้ตรวจเยี่ยมขั้นตอนที่ 2 ได้แก่ การตรวจร่างกาย นอกจากนี้ยังได้เยี่ยมชมการปฏิบัติตามสถานีต่างๆ จากนั้นจึงพบปะพูดคุยกับทหารกองเกินรวมทั้งครอบครัวที่มาร่วมติดตามการรับสมัครและคัดเลือกฯครั้งนี้

การรับสมัครและคัดเลือกทหารกองเกินเข้ารับราชการทหารกองประจำการ โดยวิธีร้องขอ (กรณีพิเศษ) ด้วยระบบออนไลน์ เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 64 ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และผู้บัญชาการทหารบกมีนโยบายมุ่งพัฒนาการตรวจเลือกทหารกองเกินฯ (Control) ไปสู่ระบบทหารกองประจำการอาสาสมัคร (Volunteer) หรือระบบสมัครใจเพื่อทดแทนการเรียกเกณฑ์ให้เป็นรูปธรรมในอนาคต อีกทั้งเพื่อสร้างความเข้าใจเรื่องการเกณฑ์ทหารแก่สังคมโดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับสิทธิมนุษยชน

สำหรับการรับสมัครและคัดเลือกฯในปี 66 เริ่มตั้งแต่ 29 ส.ค.65 และสิ้นสุดในวันที่ 29 ม.ค.66 โดยมณฑลทหารบกทั้ง 35 หน่วยทั่วประเทศเป็นหน่วยรับผิดชอบดำเนินการ ทั้งนี้ในปี 66 ได้เปิดโอกาสให้ผู้ที่อยู่ในความดูแลของกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน กลุ่มผู้ด้อยโอกาส รวมถึงผู้อยู่ในพื้นที่ห่างไกล ซึ่งมีคุณสมบัติตามที่กองทัพบกกำหนดได้มีโอกาสสมัครเข้ารับราชการทหารกองประจำการได้ด้วย

Advertisement

Verified by ExactMetrics