10 กันยายน 2568 ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ปัญหาการหลอกลวงทางออนไลน์ หรือแก๊งคอลเซนเตอร์ ได้สร้างความเสียหายให้กับคนทั่วโลก โดยมีรายงานว่า ศูนย์กลางของอาชญากรรมเหล่านี้ ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ของประเทศเมียนมา และกัมพูชา ที่มีตะเข็บชายแดนติดกับประเทศไทย
เมื่อบางประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้กลายเป็นศูนย์กลางเครือข่ายอาชญากรรมไซเบอร์ระดับโลก เปิดทางให้เกิดอาชญากรรมข้ามชาติ ทั้งการค้ามนุษย์ ปัญหายาเสพติด และล่าสุดคือการสร้าง “ศูนย์หลอกลวงออนไลน์” ที่มีการบังคับใช้แรงงาน เป็นจำนวนมาก
ล่าสุดรัฐบาลสหรัฐฯ ไม่ทนกับการระบาดของอาชญากรรมเหล่านี้ ประกาศคว่ำบาตร “องค์กรและบุคคล 9 ราย” ในเมือง Shwe Kokko (ชเวก๊กโกะ) ของเมียนมา ที่ถูกควบคุมโดยกองกำลังแห่งชาติกะเหรี่ยง (Karen National Army – KNA) และพื้นที่ “10 แห่งในกัมพูชา” ที่ดำเนินการโดยเครือข่ายอาชญากรรมชาวจีน ที่มุ่งเน้นไปที่การฉ้อโกงสกุลเงินดิจิทัล
ทั้งนี้ข้อมูลจากรัฐบาลสหรัฐฯ ระบุว่า ปี 2567 เพียงปีเดียว ชาวอเมริกันต้องสูญเสียเงิน ไม่น้อยกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 360,000 ล้านบาท ให้กับเครือข่ายการหลอกลวงออนไลน์ที่มีฐานปฏิบัติการในภูมิภาคนี้
การที่สหรัฐฯ ออกมาตรการคว่ำบาตรเหล่าอาชกรรมออนไลน์ครั้งนี้ ไม่ได้เป็นเพียงเพื่อปกป้องพลเมืองอเมริกัน ที่ถูกหลอกลวงเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ การละเมิดสิทธิมนุษยชน ที่ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น
สำหรับประเทศไทย ที่ผ่านมาปัญหาอาชญากรรมออนไลน์และแก๊งคอลเซนเตอร์ ได้สร้างความเสียหายให้กับคนไทยเป็นอย่างมาก และในช่วงของรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ได้เริ่มปฏิบัติการกวาดล้างอย่างจริงจัง โดยเริ่มจากพื้นที่ชายไทยแดนไทย-เมียนมา และต่อมาลุยพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยใช้มาตรการระงับการจ่ายกระแสไฟฟ้า พลังงาน และเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ซึ่งเป็นปัจจัยพื้นฐาน ที่หล่อเลี้ยงให้กับแก๊งอาชญกรรมออนไลน์ ขยายตัวอย่างรวดเร็ว
เมื่อยักษ์ใหญ่อย่างสหรัฐฯ ขยับตัวที่จะแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจัง และแม้ไทยจะไม่ใช่เป้าหมายโดยตรงของการคว่ำบาตรครั้งนี้ แต่ในทางปฏิบัติต้องยอมรับว่า ไทยถือเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับผลกระทบ เพราะในสายตาต่างชาติ ไทยถูกใช้เป็นทางผ่านของขบวนการเหล่านี้ นอกจากนี้ยังมีภาคเอกชนของไทย ที่อาจเข้าไปเกี่ยวพันกับเครือข่ายเหล่านี้โดยไม่รู้ตัว เช่น การให้บริการเครือข่ายสื่อสาร ให้บริการเซิร์ฟเวอร์ หรือให้บริการทางการเงิน
เพื่อให้การดำเนินการกวาดล้างต่อเนื่อง ล่าสุด “กัณวีร์ สืบแสง” สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม ได้กระทุ้งไปถึงรัฐบาลชุดใหม่ ที่นำโดย “อนุทิน ชาญวีรกูล” ให้เร่งจัดทำนโยบายการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ เป็น 1 ในนโยบายรัฐบาลที่จะแถลงต่อรัฐสภา ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
และนี่จะเป็นโอกาสดีที่นายกฯ คนใหม่ จะได้แสดงฝีมือ ทั้งการทำให้สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา กลับมาสู่สภาวะปกติโดยเร็ว และนำเรื่องการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติต่างๆ ขึ้นมาหารือ เพื่อให้ปัญหานี้ ทุเลาบางบางลง
การที่หลายประเทศเริ่มออกมาตรการสกัด “แก๊งหลอกลวงออนไลน์” ถือเป็นการส่งสัญญาณเตือนว่า ปัญหานี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ แต่เป็นภัยร้ายที่ทั่วโลกจะต้องร่วมกันแก้ไข
และการที่ประเทศไทย มีพื้นที่ชายแดนที่ติดกับ “เมียนมา” และ “กัมพูชา” ที่ถูกตีตราว่าเป็นศูนย์กลางเครือข่ายอาชญากรรมไซเบอร์ระดับโลก ดังนั้นไทยจะต้องมีมาตรการแก้ไขปัญหานี้ที่ชัดเจน เพราะหากขืนปล่อยให้อาชญากรรมเหล่านี้ขยายตัวออกไป นอกจากคนไทยจะถูกหลอกให้สูญเสียเงินมากขึ้น จะยิ่งทำให้ปัญหานี้ ทวีความรุนแรงและซับซ้อนมากขึ้นไปด้วย
Advertisement